โรงเรียนเต่างอยพัฒนศึกษา ในจังหวัดสกลนคร เป็นโรงเรียนหนึ่งที่จำเป็นต้องเข้าสู่โครงการโรงเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือ และพัฒนาเป็นพิเศษอย่างเร่งด่วน หรือ โรงเรียนไอซียู ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. หลังพบปัญหาคะแนนเฉลี่ยการสอบโอเน็ตที่อยู่ในระดับต่ำมาก และปัญหาการขาดโอกาสทางการศึกษาต่อ ซึ่งจากการวิเคราะห์ปัญหาของผู้บริหารโรงเรียนแห่งนี้ยังไม่ตรงจุดที่ถูกต้อง ทำให้ต้องเตรียมทำเรื่องเพื่อการเสนอใหม่อีกครั้งหนึ่ง กระทรวงศึกษาธิการ นำโครงการโรงเรียนไอซียู มาใช้ในการแก้ปัญหาโรงเรียนที่ขาดคุณภาพทั้งด้านการศึกษาและปัจจัยพื้นฐานด้านต่างๆ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยโครงการนี้เป็น 1 ในแผนยุทธศาสตร์พัฒนาชาติ ที่ทางกระทรวงเตรียมนำปรับมาใช้สู่ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งขณะนี้มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 5,000 แห่งทั่วประเทศ กระทรวงศึกษาธิการนำโครงการโรงเรียนไอซียู หรือ โรงเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือและพัฒนาพิเศษอย่างเร่งด่วน เข้าแก้ไขปัญหาโรงเรียนที่มีคุณภาพทางการศึกษาต่ำจำนวนกว่า 6,000 แห่ง ทั่วประเทศ โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. เป็นผู้ดูแล ด้วยงบประมาณกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้มีโรงเรียนที่ผ่านการคัดกรองแล้ว 5,032 แห่งทั่วประเทศ เกณฑ์การคัดโรงเรียนเข้าสู่โครงการจะพิจารณาจากปัญหาในหลายด้าน เช่น ด้านนักเรียน ครู หลักสูตร และเทคโนโลยี รวมถึงความพร้อมด้านต่างๆ ของโรงเรียน ซึ่งได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาในการวินิจฉัยปัญหาว่าควรได้รับทางแก้อย่างไร โดยจะพิจารณาจากข้อมูลของผู้บริหารโรงเรียนที่จะต้องวิเคราะห์ปัญหาและหาทางแก้ก่อนนำเสนอ รวมทั้งพร้อมเปิดรับแนวทางแก้ไข โครงการนี้เป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์พัฒนาชาติของกระทรวงศึกษาธิการ ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่ต่อจากนี้จะเน้นการแข่งขันด้านการศึกษา โดยจะดึงภาคเอกชนเข้าร่วมให้การสนับสนุน ซึ่งขณะนี้ได้มีแนวทางพัฒนารูปแบบโรงเรียน แบ่งเป็น โรงเรียนในระดับ 1.0 และ 2.0 ที่จะเน้นการพัฒนาให้สอดคล้องกับพื้นที่เป็นอันดับแรก ก่อนปรับปรุงในด้านอื่น และโรงเรียนในระดับ 3.0 และ 4.0 ที่จะเน้นการขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อการศึกษาให้เกิดการแข่งขัน โดยทั้ง 2 ระดับจะต้องได้รับการวางพื้นฐานด้านภาษา ซึ่งเป็นพื้นฐานสู่การแข่งขันในระดับประเทศ กระทรวงศึกษาธิการยืนยันจะยังไม่ทิ้งโครงการเดิมที่เคยจะมีในก่อนหน้านี้ เช่น นโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ แต่จะมีการปรับให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น เพื่อให้การการพัฒนาด้านการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม และสอดคล้องไปกับแผนยุทธศาสตร์ชาติในกรอบระยะเวลา 20 ปีต่อจากนี้ หลังที่ผ่านมามักเกิดการพัฒนาแบบไม่เป็นรูปธรรม
ตัดโอนอัตรากำลังที่ล้นๆของส่วนกลาง/ส่วนจังหวัด ส่งไปให้รร.ต่างๆได้มีคนทำธุรการเต็มๆไปเลยน่าจะดีนะครับ คืนครูเข้าห้อง ก็ได้ประสิทธิภาพคืนมาประมาณนึงแหละ เรื่องคุณภาพบุคคลากรก็ต้องแก้ที่แหล่งผลิตอย่างแรงเลย เรื่องปลดล็อกวิชาชีพก็ค่อยๆปรับไป รอมชอมหน่อย อย่าให้บอบช้ำใจแรงนัก ไม่งั้นแรงคัดค้านมันจะดีดหนักครับ ดูเหมือนจะเริ่มตั้งเค้ามาแล้ว (และที่สำคัญคือตัวพรบ.ครูฯและหน่วยงานคุรุสภายังใหญ่สุดอยู่นะครับ ท่านรมต.คงไม่พลาดโดนเขาหมกเม็ดรอจะย้อนเกล็ดในวันหลังนะครับ) ยังมีระเบียบครูเอกชนด้วยครับ อย่ามองข้ามแล้วไปแก้แต่ครูราชการ ฝากอีกเรื่อง อยากให้ผลิต"สื่อการสอนกลาง" จะช่วยแก้ปัญหาได้เยอะครับ ผมรอมาตั้งแต่ก่อนแจกแทปเล็ต จนแทปเล็ตเจ๊งไปหมดแล้ว มีผลิตมาบ้างแหละ แต่ยังเตาะแตะต้วมเตี้ยม ยังใช้จริงไม่ได้ครับ อย่ากลัวถ้าเด็กจะเรียนกับจอ โดยครูเป็นไกด์ จะลดสเปคเรื่องความรู้ความชำนาญของครู(รายปัจเจก)ได้เยอะเลย (เพิ่มสเปคที่พึงประสงค์อื่นๆได้ง่ายขึ้น) ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมก็เช่นการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมวังไกลกังวลที่เชิญอาจารย์ดีๆมาสอน ดึงอาจารย์จากกวดวิชา/โรงเรียนชั้นนำ ซื้อลิขสิทธิ์หรือเพิ่มคอร์สสดก็ยังได้ เทคโนโลยีเข้าถึง เด็กกวดวิชาเยอะแยะที่เรียนกับจอแล้วได้ผลดี ติวเตอร์บางคนก็เทพขนาดที่ไม่ต้องมายืนตัวเป็นๆ ตัวอย่างสื่อเพื่อเป็นแนวพัฒนาต่อ เช่น http://courseware.sc.chula.ac.th/online/สื่อการสอนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย/ แถม ความเห็นจากเอกชน 1. https://pantip.com/topic/33025253 2.
เห็นด้วยมากๆ มีเพื่อนคนนึง จบมาก็ยึดอาชีพ ติวเตอร์มาตลอด ได้มีโอกาศ ไปสอนในโรงเรียน นักเรียนชอบกันมาก เพราะได้แนวการสอนแบบใหม่ที่เข้าใจได้ง่ายขึ้น จนเพื่อนนึกว่าจะยึดอาชีพเป็นครู เพราะได้มีโอกาสไปสอนที่โรงเรียนมัธยมที่จบมา ขนาด โรงเรียน ได้ ผอ ที่ เป็นครูเก่าที่ไปเติบโตสายบริหาร จนกลับมาเป็น ผอ ที่โรงเรียนนี้ แต่สุดท้าย เพื่อนก็ไม่สามารถเป็นครูตามที่ตั้งใจ เพราะว่า ไม่ได้จบด้านครูมาโดยตรง ตลกดีครับ ทั้งที่ สายที่เค้าสอน เค้าก็เก่งจนถึงระดับ จะจบเอกด้านนี้แล้วแท้ๆ
ภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา หรือ ก.ค.ศ. ที่ได้รับฟังเสียงสะท้อน ประเด็นวิชาชีพครู จากอาจารย์คณะครุศาสตร์ และศึกษาศาสตร์ มาพิจารณาด้วยแล้ว นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำเป็นต้องได้ครูคุณภาพ ตรงตามสาขาที่โรงเรียนต้องการและทันเวลา จึงให้ประกาศรับสมัครสอบครูผู้ช่วย 61 สาขา ตำแหน่งว่าง 6,437 อัตรา ในจำนวนนี้มี 36 สาขาวิชา ที่อนุญาตเฉพาะผู้มีใบประกอบวิชาชีพครู หรือผ่านหลักสูตรปริญญาตรีครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ 5 ปี สอบได้เท่านั้น และที่ว่าพบกันครึ่งทางกับแนวคิดของรัฐมนตรีกับวิชาชีพครู คือเปิดให้ 25 สาขาวิชา เปิดรับสมัครบุคคลทั่วไปที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพครูได้ในตำแหน่งครูผู้ช่วย เข้าสอบแข่งขัน โดยเฉพาะสาขาที่โรงเรียนต้องการได้ครูมาสอน 8 สาขาได้แก่ สาขาวิทยาศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาเยอรมัน และมีอีก 17 สาขา ที่ไม่มีผู้สำเร็จการศึกษาโดยตรงด้วย สพฐ. จะเปิดรับสมัครสอบแข่งขัน ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม ถึง 4 เมษายนนี้ และจัดสอบข้อเขียน วันที่ 29-30 เมษายน 2560
วงเสวนาประเด็นให้ผู้จบสาขาอื่นสอบบรรจุครูได้ ยกตัวอย่างการคัดเลือกครูของฟินแลนด์ และสิงคโปร์ คัดเลือกอย่างเข้มข้น ฟินแลนด์ เป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกหยิบยกเป็นตัวอย่างการพัฒนาการศึกษา ที่สามารถเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาได้สำเร็จ ปัจจัยสำคัญ คือ กระบวนผลิตครูที่เข้มข้น พิถีพิถัน /// นักวิชาการด้านการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า วิชาชีพครูในฟินแลนด์เป็นอาชีพที่ได้รับเกียรติสูงสุด เพราะถือเป็นผู้ผลิตคนเพื่อพัฒนาประเทศแตกต่างจากไทย ในแต่ละปี ฟินแลนด์จะสอบคัดเลือกครู 2,000 คน จากผู้สมัครราว 20,000 คน // ผู้สอบผ่านในรอบแรก จะได้รับบทความการศึกษา 6-7 ชิ้น เพื่อสอบครั้งต่อไป เป็นการตอบเชิงตั้งคำถาม และให้แสดงความเห็น เช่น การประเมินผลเด็ก การศึกษาเพื่อความเท่าเทียม ท้ายสุดเป็นการสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว เพื่อดูวิธีสื่อสาร ทัศนคติ และการแก้ไขปัญหา รวมถึงความมุ่งมั่นที่จะเป็นครู // ผู้ที่เรียนต่อป็นครูของฟินแลนด์ จะต้องจบการศึกษาต่ำที่สุด ในระดับปริญญาโทเท่านั้น // ระหว่างการทำงาน ครูต้องทำวิจัยควบคู่ เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดนโยบายการศึกษาของประเทศในอนาคต ทั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้ไม่จบครูโดยตรง เป็นครูได้เช่นกัน แต่ต้องผ่านการฝึกและอบรม 1 ปี ก่อนเข้าสู่ห้องเรียน เช่นเดียวกับสิงคโปร์ ที่เปิดให้ผู้จบสาขาอื่นเป็นครูได้ โดยมีสถาบันครุศึกษาแห่งชาติสิงคโปร์ หรือ NIE ทำหน้าที่พัฒนาครู และยกระดับการศึกษาของประเทศ เป็นผู้อบรมผู้สอบผ่าน เพื่อเรียนรู้ความเป็นครู และฝึกปฏิบัติในชั้นเรียนประมาณ 2 ปี หรือ 16 เดือน ก่อนเข้าทำงานจริง เพื่อให้แน่ใจว่า ผู้ที่ออกไปมีคุณลักษณะความเป็นครู ไม่แตกต่างจากคนที่เรียนมาสายตรง ขณะเดียวกัน ในทุกๆ ปี รัฐบาลสิงคโปร์จะมีโรดโชว์ตามโรงเรียนเพื่อชวนนักเรียนเก่งๆ ให้มาเป็นครู การปรับหลักเกณฑ์ของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้ผู้จบสาขาอื่นสอบบรรจุครูได้ ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนว่า ผู้ที่สอบผ่านจะสามารถเข้าสอนได้ทันทีหรือไม่ หรือให้ฝึกอบรมไปพร้อมการสอน ภายใน 2 ปี ซึ่งนักวิชาการด้านการศึกษาหลายคน เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงของเด็กในยุคนี้ ความเป็นครูไม่ได้ถูกจำกัดเพียงการสอนให้ความรู้ แต่หมายถึงการตามทันโลก การเข้าใจเด็กในแต่ละช่วงชั้น เพื่อให้นำไปสู่การออกแบบการสอนรวมถึงกิจกรรมในห้องเรียนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นที่มาของครูจึงถือว่ามีความสำคัญต่อกระบวนการเรียนรู้ของเด็ก
http://www.khaochad.com/113173/?r=1&width=1366 ภตช บี้ บิ๊กตู่ สอบโครงการบังคับอบรมครู 4,000 ล้านบาท 4 แสนคน อยากทำจริงให้ หมอธี อบรมก่อน จี๊ด! มงคลกิตติ์ บี้ “บิ๊กตู่” สอบอาจจะทุจริตเอื้อประโยชน์เอกชนรับอบรมครู ราคาสูงเกินจริง 5 เท่า-เสนอยกเลิกโครงการบังคับอบรมครู 4 แสนคน เพื่อเลื่อนวิทยฐานะ ชี้สิ้นเปลืองงบรัฐกว่า 4 ,000 ล้านบาท/ปี ไปตัดงบลงทุนสู่ตัวนักเรียนทิ้ง สิ้นเปลืองงบส่วนตัวครู 20,000 ล้านบาท/ปี แนะปรับ สพฐ.มอบ เขตอบรมเอง ประหยัดกว่า 27.88 เท่า ใช้ไม่เกิน 783 ล้านบาท/ปี แนะ การเลื่อนวิทยฐานะ อย่าบังคับอบรม ถ้าดึงดันให้ หมอธี อบรมก่อนให้ครบ 1,400 สูตร จะได้มีองค์ความรู้มากำหนดนโยบายการศึกษาไม่ให้ผิดพลาดเหมือนอดีตที่ผ่านมา ในวันจันทร์ ที่ 24 กรกฏาคม 2560 เวลา 10.45 น. ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ(ภตช) นำโดย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ และคณะฯ จะเดินทางมายื่นหนังสือ ต่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ณ ศูนย์บริการประชาชน สำนักงาน ก.พ.(ชั่วคราว) ทำเนียบรัฐบาล ดังนี้ (ขอละไว้ เพราะข้อความยาวเกิน กดส่งไม่ได้ ขอยกมาเฉพาะบางส่วน) (ตามที่รมต.ว่าไว้) นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อว่า สำหรับงบประมาณที่ใช้ในการพัฒนาครูนั้น เท่าที่ดูขณะนี้มีอยู่ประมาณ 10,000 ล้านบาท แต่มีการใช้แบบกระจัดกระจาย ต่อไปนี้การอบรมครูตนจะใช้เป็นระบบคูปอง โดยจะให้คูปองกับครูจำนวน 10,000 บาทต่อคนต่อปี เพื่อเลือกไปเข้าอบรมพัฒนาตัวเองให้สอดคล้องกับการเลื่อนวิทยฐานะ ซึ่งปัจจุบันเรามีครูทั่วประเทศกว่า 400,000 คน จะใช้งบเพียง 4,000 ล้านบาทเท่านั้น จะทำให้ประหยัดงบไปได้มาก จะได้นำเงินส่วนที่เหลือไปพัฒนาครูด้านอื่นๆ ต่อไป หรือถ้าเงินเหลือเยอะก็อาจมาจัดสรรเพิ่มเติมในการอบรมให้กับครู ทั้งนี้จะเร่งจัดทำเกณฑ์ดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้นำเกณฑ์ใหม่มาใช้ในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม จะต้องมีบทเฉพาะกาลให้สำหรับผู้ที่ยื่นเพื่อขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะตามหลักเกณฑ์เก่าด้วย (ข้อติงของภตช.) ดังนั้น ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ(ภตช) จึงเรียนท่าน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดำเนินการดังนี้ 1.ขอให้ตรวจสอบการอาจจะทุจริตเชิงนโยบายเอื้อเอกชนและยกเลิกโครงการพัฒนาครูแนวใหม่โดยการเข้า อบรบกับครู 400,000 คน/50 ชั่วโมง/ปี เพื่อไม่ให้เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจเอกชนด้านอบรม ไม่เป็นภาระรายจ่ายกับครู อีกทั้ง ต้องไม่กระทบกับการจัดลำดับความความสำคัญของการใช้งบประมาณปกติของนักเรียนเพื่อพัฒนาการศึกษา 2.เมื่อยกเลิกโครงการพัฒนาครูแนวใหม่โดยการบังคับเข้าอบรบกับครูเพื่อเลื่อนวิทยฐานะแล้ว ให้ดำเนินการพัฒนาครูโดยการอบรมแบบเดิมที่ สพฐ.เคยดำเนินการซึ่งใช้งบประมาณแบบประหยัด ใช้ไม่เกินปีละ 783.675 ล้านบาท/ปี และควรดำเนินการแบบสมัครใจไม่ผูกพันธ์กับการเลื่อนวิทยฐานะ 3.ยกเลิกหลักเกณฑ์การเลื่อนวิทยฐานะแต่ละระดับ โดยการบังคับให้อบรม หรือ ถ้าจะดึงดันจะทำต่อไป ก็ควรให้ รมว.ศธ. อบรมนำล่อง 1,400 ทุกหลักสูตรก่อน เพราะ รมว.ศธ จำเป็นต้องรู้มากกว่าครู รู้มากกว่าผู้บริหารสถานศึกษา รู้มากกว่าผู้บริหารระดับสูง ถึงจะออกนโยบายมาบังคับกับครูทุกคนได้ โดยไม่ผิดพลาดเหมือนอดีตที่ผ่านมา จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาแก้ไขสั่งการโดยด่วน นายมงคลกิตติ์ กล่าว http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/765934 “ภตช.” ร้อง “พล.อ.ประยุทธ์” ตรวจสอบเงื่อนไขอบรม เลื่อนวิทยฐานะครู ส่อเอื้อเอกชน http://www.manager.co.th/UpToDate/ViewNews.aspx?NewsID=9600000075196 ภตช.ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ร้องตรวจสอบโครงการพัฒนาครูแนวใหม่ https://www.matichon.co.th/news/609425 เครือข่ายต้านทุจริตฯ จี้บิ๊กตู่ เลิกบังคับอบรมครู งบ 4 พันล้าน ท้าถ้าดีจริงให้รมต.อบรมก่อน วันนี้มีเอกสารที่รร. ให้ครูสมัครกันแล้วนะครับ บังคับสมัครนะครับ ถ้าไม่สมัคร จะส่งผลต่อการขึ้นขั้นเงินเดือนและวิทยฐานะ ซึ่งจะมีระเบียบกฎเกณฑ์ใหม่ออกตามมาทีหลัง โดยผู้สมัครต้องทำเรื่องขอกู้ยืม ในงบ 10,000 บาท พ่วงไว้ด้วย กำชับว่ารีบด่วน เพราะจะต้องส่งเรื่องเข้าสพฐ.อย่างไว คหสต. ไม่เห็นด้วยกับการอบรมกระจัดกระจายเป็นเบี้ยหัวแตกแบบเก่า ต่างฝ่ายต่างแบ่งกินจุบจิบ แต่แบบใหม่ อบรมรวมศูนย์ รายชื่อฝ่ายอบรม(เท่าที่เห็น)ก็เดิมๆเหมือนอบรมแบบเก่า สถาบันเดิมๆ คุณภาพเดิมๆ ผลที่ได้จะเป็นแค่การเกลี่ยก้อนเค้กใหม่รึเปล่า? ถ้าเร่งมากไปก็ไม่ได้ช่วยสร้างความมั่นใจในคุณภาพครับ บางที ถ้าQCมาไม่ดี แก้ยังไงจะให้ดีขึ้นนั้นมันไม่ง่ายเลยครับ และงบเท่านี้ เอาไปเปิดรับครูเลือดใหม่ แบบคัดเข้มเต็มเม็ด ง่ายกว่าเยอะ
มีไอ้น้องที่ไทยรัฐ มันแชร์ในไลน์ไปทั่ว ว่าจะเปลี่ยนตัว รมต.ศึกษาอีกแล้ว โดยคราวนี้ มันว่า พลเอกอุดมเดช สีตะบุตร จะมาเป็น ไม่รู้ว่าจริงแค่ไหน คือว่ามันเคืองทหาร ที่ปฏิวัติไล่แม่มันด้วย
Avram Noam Chomsky นี่เป็นลิเบอร่านตัวพ่อเลยนะ แสดงว่าเครื่อข่ายที่หนุนเนเน่ไม่ธรรมดา และที่ผมเคยคาดเดาว่าเนเน่ทำทั้งหมดเพื่อทุนการศึกษาไปต่อนอกเป็นเรื่องจริง
ปุกาด! ม.44 แต่งตั้งคนนอกเป็นอธิการบดีมหาลัย ทั้งที่ศาลปกครองเคยตัดสินห้ามเอาไว้ เพราะขัดกฎหมาย ปฎิรูป ปฎิรูป ต่อไปเอายามมาเป็นก็ได้
ปุกาด มือด้วนตั้งตัวเองเป็นคนนอกคิดทรยศปู ทั้งที่มีบุญคุณได้ 15000 เพราะปูติดหนี้จำนำข้าว กล่าวต่อไปขโมยผลงานเพื่อนโพสอย่างเดียวก็ได้
มือด้วนทรยศด่าใส่ร้ายปู ตัดแปะบอกปูเป็นแม่พระกลับเฉย anurid บอกรักปูเหมือนแม่แต่เฉยแล้วยังเลียเท้ามือด้วนต่ออีก ในใจคงพูดว่า ทรยศไม่ได้ผิดกฎหมายหรือยังไงตูก็ไม่ได้รักมันแต่แรกแน่ๆเลย สงสัยเราควรปฏิรูปการศึกษาจริงๆ เพื่อเยาวชนในอนาคตจะได้เป็นคนดี ไม่คิดทรยศผู้มีพระคุณแบบสามคน(?)นี้
บอกตง ยังสงสัย!! คัยคนคิดหลักการอ่าน แบบ เรียงสระอักษร แบบ เอ สอ อา อ่านว่า เสา มันจบอะไรมา แล้วไม่มีคัยในอาศม คัดค้านบ้างเหรอ ถ้าในขั้นถกกางเกงเถียงกัน แล้วเอาออกมาถามความเห็นนี้ยังไม่ผ่านเลย แม่งโคตรออกมาเป็นแบบเรียนเลย ให้เป็น ผศ. ได้ไงหว่า??
คูปองอบรมครู https://www.matichon.co.th/news/653226 ปาร์ตี้!! ไลน์ครูว่อนแฉอบรมคูปองพัฒนา เน้นสังสรรค์ ขอไม่ก็อปรูปมาลงเพราะไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือเท็จครับ ปกติจะไม่ยุ่งกับข่าวค่ายนี้เท่าไร ขอฝากบ่นไว้เตือน/ติง เพราะมันสอดคล้องกับที่เคยคิดไว้ว่ารมต.อาจโดนตุ๋น ท่านทำได้แค่ตีกรอบใหญ่ แต่รายละเอียด&คุณภาพหลักสูตรคงจะล้วงไปไม่ถึง บางหลักสูตรที่ได้ทราบมา คุณภาพเนื้อหาก็แสนจะห่วยครับ ความมั่วซั่วของการแบ่งเขตพื้นที่ที่จัดอบรม/สมัคร การบังคับสร้างภาระแก่ตัวครู (เจตนาจะแก้ไขครูไม่ดี แต่มาก่อภาระกับครูที่ดีใช้ได้อยู่แล้ว ผลรวมมันก็ขาดทุนซิครับ ไม่ต่างจากการประเมินๆๆๆด้วย'โคตรเอกสาร'อย่างที่เป็นเดิมๆนี้หรอก) ยังมีเรื่องแบ่งเค้ก เรื่องการยัดชื่อยืมชื่อ จัดจ้าง outsource ฯลฯ สถาบันรัฐบางแห่ง/หลายแห่งที่ท่านวางใจเลือกใช้เขาก็คงมีเอี่ยวด้วยน่ะแหละ สรุปก็คือ ไม่ได้แก้ปัญหาเก่าเลยซักอย่างครับ ดูไปแล้วก็แค่การย้าย'ชื่อ'ผู้ดูแลและผู้รับก้อนเงิน แต่ทรัพยากรก็ตกแก่ผู้เล่นหน้าเดิมๆ คุณภาพเดิมๆ ที่ห่วงเพิ่มก็คือ เรื่องเกรดเฟ้อ ผู้บริหารรร.ชอบ และเป็นนโยบายที่ครู'จำต้อง'รับทราบ&ปฏิบัติ พ่อแม่เห็นก็ดีใจ ไม่งงหรอกว่าลูกตรูเกรดดีจังหนอ ทั้งที่เนื้อหาขยะล้วนมากมี ตั้งแต่ชั้นประถม1แล้ว คหสต.ผมพอมีพื้นฐานทางวิทย์ เห็นหลักสูตรวิทย์จากสสวท.นับวันเนื้อหายิ่งลึกchiphay(ขออภัยจำเป็นต้องใช้คำนี้) เนื้อหาปี1ปี2ยัดเข้ามาเรื่อยๆแล้ว ทั้งที่ตัวทั่นดร./ผู้ทรงคุนนะวุดเองน่ะ สมัยอดีตเมื่อมัธยม/มหาลัย ส่วนใหญ่แล้วตัวเองและเพื่อนๆก็เรียนไม่รู้เรื่อง ตะเกียกตะกาย แต่พอตัวเองเรียนด้านนี้ทำงานด้านนี้มาทั้งชีวิต ก็ลืมความหลัง แล้วกลับมองว่าง๊ายง่ายจึงยัดๆแม่มเพิ่มเข้าไปเรื่อย มันก็คือการไล่เด็กไปติว แล้วข้อสอบก็ฉีกหนีไปเรื่อยๆ แถมยังเล่นคำสำบัดสำนวนจนแทบจะกลายเป็นข้อสอบวิชาภาษาศาสตร์ไม่ใช่วิชาวิทย์แล้ว (คนออกโจทย์คงอ่านสำนวนโกวเล้งมากไปไหม หรือว่าอันใด ข้อสอบวิทย์ควรจะเป็นเช่นนี้รึหาใช่มิได้ไม่) ทั้งที่เด็กม.ปลายเดี๋ยวนี้หลายๆคนยังตั้งหารยาวไม่เป็น คิดเลขเศษส่วน/ร้อยละไม่ได้ คือเลี้ยงบอลส่งบอลยังกระท่อนกระแท่น วิ่งสปีดยังไม่ค่อยจะมีแรง คุณทั่นยังจะให้เด็กหัดวอลเลย์ตามน้ำหรือโอเวอร์เฮดคิกกันจัง เด็กเรียนไม่เก่งหลายคนนึกจะไปเรียนสายอาชีพ แต่เจอสถาบันอาชีวะตีกันbanlai พ่อแม่ก็ไม่อยากส่งลูกเรียนละครับ ตกงานไหมค่อยรอคิดในอนาคต แต่ทู่ซึ้อยู่สายสามัญ'เอาชีวิต'ไว้ก่อนดีกว่า ในอีกทาง เด็กที่เก่งหน่อยก็มีปัญหา รร.รัฐเองก็เปิดห้องกิ๊ฟท์ห้องอีพี มีกันเพียบ คุณภาพไม่เป็นอย่างชื่อ ที่จับต้องได้ก็คือค่าเทอมแพงพิเศษแล้วพ่อแม่เอาไปเล่าได้ว่าลูกฉันเรียนห้องกิฟท์ คือเด็กเก่งก็มีเยอะนะ แต่เด็กไม่เก่งก็ติดมาด้วยเยอะอยู่ แม้แต่รร.ใหญ่ๆดังๆเฉพาะทางก็ชักจะเละเพราะรับเด็กเพิ่มขึ้น จนมีเด็กบางคน(หลายคน)ซึ่งหัวไม่ถึงสอบติดเข้ามาได้ (คือก็เก่งกว่าค่าเฉลี่ยแล้วนะ แต่ยังไม่ถึงขั้นเทพ ถ้าอยู่รร.ทั่วไปหรือรร.จังหวัดก็ออกจะสบายแหละ) ต้องตะกายเรียนเพื่อไล่กวดให้ทันเพื่อน รร.เองก็ต้องกวดขันเด็กกลุ่มนี้เพื่อไม่ให้ดึงmeanลง เรียนกันตาแหก7โมงเช้าถึง7โมงเย็น คหสต.คิดว่าถ้ารัฐยังไม่ตัดใจหักดิบ ควบคุมจำนวน เลือกปิดๆๆๆๆๆสถานศึกษา/หลักสูตรที่ด้อยคุณภาพ(ก็เยอะอยู่) บ้านเราก็จะต้องจัดสรรทรัพยากรวัตถุและทรัพยากรบุคคลไปผิดที่ผิดทาง เปล่าๆปลี้ๆ กันไปยังเงี้ยแหละ นโยบายอื่นก็ทำไม่ได้/ออกผลไม่ได้ ถ้าไม่แก้ตรงนี้ก่อน เสียดายที่ม.44ที่ผ่านมานี่ ปฏิรูปแค่'โครงสร้าง' แล้วก็แค่จับ'บุคคล'เดิมๆ(มีทั้งที่ดีและที่แย่)ไปนั่งใช้อำนาจที่โครงสร้างใหม่ มันก็แก้ไม่ได้หรอกครับ
คูปองอบรมครู เรื่อง คูปองพัฒนาครู มีเยอะครับ บางสถาบัน ที่เป็นธุรกิจ ข่าวว่า มีเงินทอนให้ผู้อบรม บางแห่จัดอบรมไปแล้ว ก็มี ดีที่ยังไหวตัวทัน มีหลายสถาบัน ที่ประกาศรับจัดอบรม แต่ตอนนี้ ประกาศยกเลิก ทำให้ครูเคว้งคว้าง เนื่องจากถูกตรวจสอบ[/quote]