ฟ้อง รมว.ทรัพยากรฯ เรื่องเท็จ: เสือป่าแม่วงก์

กระทู้ใน 'สภากาแฟ' โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย, 25 ต.ค. 2017

  1. ดร.โสภณ พรโชคชัย

    ดร.โสภณ พรโชคชัย สมาชิกทั่วไป

    สมัคร:
    6 Dec 2016
    คะแนนถูกใจ:
    2
    ตามที่มีข่าวพบเสือ 16 ตัวในป่าแม่วงก์ และบอกว่าเป็น "ดับฝัน" สร้างเขื่อนแม่วงก์นั้นการพบเสืออาจเป็นเรื่องเท็จและควรได้รับการตรวจสอบ ทางราชการควรสนับสนุนการสร้างเขื่อนแม่วงก์เพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติและเพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่
    ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) ทำหนังสือถึง พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สอบสวนกรณีนี้ให้แน่ชัด และโปรดให้การสนับสนุนการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการอนุรักษ์ป่าไม้ ดีกว่าปล่อยไว้ ซึ่งอาจมีกรณีการแอบตัดไม้ทำลายป่าโดยเจ้าหน้าที่เอง ดังที่เคยมีข่าวในหลายพื้นที่

    25 ตุลาคม 2560
    เรื่อง เรื่องเท็จ: เสือป่าแม่วงก์ โปรดสนับสนุนการสร้างเขื่อนเพื่ออนุรักษ์ทุกชีวิต
    กราบเรียน พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
    สำเนาเรียน นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

    อ้างถึง ข่าว "ดับฝันสร้างเขื่อนแม่วงก์ กรมอุทยานฯ พบเสือโคร่งเพิ่มอีก 16 ตัว" {1}
    เนื่องด้วย ฯพณฯ ได้ไปเป็นประธานการประชุมการป่าไม้ ประจำปี พ.ศ.2560 ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามข่าวข้างต้น และมีการนำเสนอถึงการพบเสือในพื้นที่ก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ กระทำจึงทำหนังสือนี้มาให้ข้อมูลในทางตรงกันข้าม เพื่อท่านจะได้กำหนดนโยบายต่อทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายและที่สำคัญไม่ทำร้ายประชาชนคนเล็กคนน้อย
    ข่าวที่ออกมาอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับพื้นที่สร้างเขื่อนแม่วงก์ ดังนี้:
    1. ที่ว่าพบเสือในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์นั้น อุทยานดังกล่าวมีพื้นที่ 558,750 ไร่ {2} ส่วนสถานที่ก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์มีพื้นทื่ราว 12,375 ไร่ {3} หรือเพียง 2% ของอุทยานฯ เท่านั้น อีกทั้งยังตั้งอยู่ที่ชายขอบป่า ล้อมรอบด้วยหมู่บ้านชาวบ้านและรีสอร์ตเป็นจำนวนมาก ตามข่าวเสืออยู่ในผืนป่าตะวันตกที่มีพื้นที่นับล้านไร่ สถานที่ก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์เป็นเพียง 0.1% หรือหนึ่งในพันของป่าซึ่งเป็นอดีตป่าเสื่อมโทรมที่ย้ายชาวบ้านออกมาเตรียมสร้างเขื่อนมาเมื่อ 30 ปีที่แล้ว
    2. ตามข่าวค่อนข้างขัดแย้งกันเอง โดยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่วงก์กล่าวว่า "ในพื้นที่อุทยานฯ แม่วงก์ พบว่ามีเสือโคร่งใหม่ ไม่ต่ำกว่า 10 ตัว กระจายกันอยู่ทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณที่จะก่อสร้างเป็นหัวเขื่อนแม่วงก์นั้น พบเสือโคร่ง ถึง 2 ตัว. . .ด้าน น.ส.รุ้งนภา (นักวิจัย) กล่าวว่า. . .มีเสือโคร่งตัวเต็มวัยได้ขยายพื้นที่ออกมายังอุทยานฯ แม่วงก์ จำนวน 2 ตัว. . ." ทั้งนี้สรุปว่านักวิจัยไม่ได้ระบุว่าพบตัวในบริเวณที่จะก่อสร้างเขื่อน และในความเป็นจริงคงเป็นไปได้ยาก แม้แต่ภาพก็ไม่มีแสดงให้ประจักษ์ เพราะบริเวณนั้นมีชาวบ้านอยู่เป็นจำนวนมาก และยังมีพื้นที่กางเต็นท์อีกด้วยซึ่งควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากสัตว์ป่า จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเสือมาในบริเวณนั้น
    3. ภาพต่างๆ ที่แสดงออกมักเป็นภาพบิดเบือน เช่น ภาพเสือแม่ลูก ซึ่งคงถ่ายจากป่าลึกที่ต้องเดินเท้าหลายวัน เสือพร้อมลูกเล็กๆ คงไม่สามารถเดินทางมาถึงชายป่า หรือหากเดินทางมาถึง คงไม่รอดน้ำมือของมนุษย์อย่างแน่นอน หรือภาพเสือใหญ่ในป่าลึก หรือบนเขาสูง ซึ่งคงไม่ใช่ในที่ก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์อย่างแน่นอน ถ้ามีร่องรอยเสือจริง ประชาชนในพื้นที่คงผวาและออกตามล่าเพื่อว่าจะไม่ถูกเสือล่าดัวข่าวที่เกิดขึ้นในที่อื่นๆ {4}
    3. ธรรมชาติของเสือนั้น เสือตัวหนึ่งมีพื้นที่หากินตั้ง 100 ตารางกิโลเมตร {5} ถ้ายกพื้นที่กรุงเทพมหานครขนาด 1,568 ตารางกิโลเมตร คงให้เสืออยู่ได้แค่ 16 ตัวเท่านั้น แต่กรุงเทพมหานครมีคนอยู่ถึง 6 ล้าน ในสหรัฐอเมริกามีเสือเลี้ยง (ไม่ได้อยู่ในป่า) มากกว่า 5,000 ตัว {6} เสืออายุสั้นเพราะกินสัตว์ เสือที่เราเห็นแข็งแรงกว่าคนเรามากมายนั้นมีอายุเพียง 16 ปีในป่า แต่ถ้าเลี้ยงไว้ในสวนสัตว์ (เปิด) ก็จะมีอายุได้ถึง 26-30 ปี {7} สำหรับเสือโคร่งส่วนใหญ่ในป่าของไทยประเทศไทยตายด้วยโรคพยาธิและโรคติดเชื้อ {8}
    รัฐบาลพึงคิดในแนวใหม่ที่มีบูรณาการว่าการสร้างเขื่อนแม่วงก์ไม่ใช่การทำลายธรรมชาติ แต่หากมีเขื่อน มีน้ำมากขึ้น ก็จะทำให้พื้นที่โดยรอบเขียวชอุ่มกว่าปัจจุบันหลายเท่าตัว ป่าไม้ก็จะอุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่าก็จะมีอาหารมากขึ้น มีน้ำสำหรับดับไฟป่าในบริเวณนี้ที่เกิดขึ้นปีละนับร้อยครั้ง การมีเขื่อนจึงจะเป็นประโยชน์ต่อสัตว์ป่าและป่าไม้โดยตรง การพยายามเร่งรัดปลูก/ฟื้นฟูในบริเวณที่จะสร้างเขื่อนแม่วงก์ เพียงเพื่อต่อต้านการสร้างเขื่อนนั้น เป็นการนำทรัพยากรไปใช้อย่างสูญเปล่า และไม่ได้เห็นแก่สัตว์ป่าอย่างแท้จริง ยิ่งกว่านั้นยังเปิดโอกาสให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่าโดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเองดังที่เคยเป็นข่าวคราวอยู่เสมอ ๆ {9}
    ที่สำคัญที่สุดก็คือรัฐบาลต้องเห็นใจประชาชนคนเล็กคนน้อย ที่ส่วนใหญ่ถึง 79% ต้องการให้มีเขื่อนไว้ช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ฝนแล้ง ช่วยในการชลประทาน ผลิตไฟฟ้า ผลิตน้ำประปาได้ ทำการประมง การท่องเที่ยว การที่ไม่มีเขื่อนมาเป็นเวลานานถึงกว่า 30 ปี ทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น ฝายที่พยายามสร้างทดแทนไร้ประสิทธิภาพ ประชาชนต้องขุดบ่อบาดาลเอง โดยเสียค่าใช้จ่ายนับหมื่นๆ บาท น้ำที่ได้ก็มีสนิม ไม่อาจดื่มได้ {10} ในกรณีน้ำท่วม ชาวนาก็ต้องรีบเกี่ยวข้าวขายขาดทุนเหลือเกวียนละ 3,000-4,000 บาท แต่ละปีรัฐบาลต้องชดเชยให้ประชาชนในพื้นที่จากภัยแล้งและน้ำท่วมหลายร้อยล้านบาทต่อปี หากนำเงินเหล่านี้มาสร้างเขื่อนก็คงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยแก่ประชาชน ซึ่งหากประชาชนมีน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ ก็ยิ่งจะสร้างรายได้ให้แก่ประเทศชาติได้มากกว่านี้
    จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและขอกราบขอบพระคุณ มา ณ โอกาสนี้
    ด้วยความเคารพ
    (ดร.โสภณ พรโชคชัย)

    โปรดดูอ้างอิงทั้งหมดที่: http://bit.ly/2y4GVSs
     
  2. apollo

    apollo อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    13 Mar 2015
    คะแนนถูกใจ:
    5,703
    ถามจริงเหอะ มาโพสต์แบบเนี้ย มีความรู้เรื่องสัตว์ป่าดีมากน้อยแค่ไหน ?

    เคยเดินป่าจริง ๆ มั่งป่ะ เคยทำงานด้านสัตว์ป่าหรือสิ่งแวดล้อมมั่งไหม หรือเคยแค่ดูสารคดี Animal Planet แล้วมาจิตนาการเป็นตุเป็นตะ ???
     
    AlbertEinsteins และ อาวุโสโอเค ถูกใจ.
  3. อาวุโสโอเค

    อาวุโสโอเค อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,527
    อย่าว่าด๊อกแกเลยครับ แกเคยย้อนกลับมาอ่านหรือเปล่าก็ไม่รู้ ความรู้ขี้กากแบบนี้สอนเด็กได้ตีกันตายห่านหมด:rofl:
     
    apollo, AlbertEinsteins และ ปู่ยง ถูกใจ

Share This Page