http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/A/016/1.PDF นายกฯ ประยุทธ์รับสนองพระบรมราชโองการ อีก 180 วัน นับจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา(6 มี.ค. 58) ถึงจะบังคับใช้
โปรดเกล้าฯ แล้ว พ.ร.บ.ทวงหนี้ ฉบับใหม่ รัฐบาล "ประยุทธ์" เผย "ใช้ความรุนแรง- ข่มขู่- กระทำการให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกายชื่อเสียงทรัพย์สิน ลูกหนี้หรือผู้อื่น" แอบอ้างคำสั่ง "ศาล" โทษหนัก จำคุกไม่เกิน5 ปี ปรับห้าแสน เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปยุ่งเกี่ยวประกอบธุรกิจโดนด้วย มีผลบังคับอีก 180 วัน ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ในมาตรา 5 ระบุว่า บุคคลใดจะประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ ต้องจดทะเบียนการประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ต่อนายทะเบียน ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงบุคคลซึ่งจดทะเบียนการประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ตามวรรคหนึ่งแล้ว ต้องประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการประกาศกำหนด ขณะที่ มาตรา 11 ห้ามผู้ทวงถามหนี้กระทำการทวงถามหนี้ในลักษณะดังต่อไปนี้ (1) การข่มขู่ การใช้ความรุนแรง หรือการกระทำอื่นใดที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกายชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของลูกหนี้หรือผู้อื่น (2) การใช้วาจาหรือภาษาที่เป็นการดูหมิ่นลูกหนี้หรือผู้อื่น (3) การแจ้งหรือเปิดเผยเกี่ยวกับความเป็นหนี้ของลูกหนี้ให้แก่ผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทวงถามหนี้ (4) การติดต่อลูกหนี้โดยไปรษณียบัตร เอกสารเปิดผนึก โทรสาร หรือสิ่งอื่นใดที่สื่อให้ทราบว่าเป็นการทวงถามหนี้อย่างชัดเจน เว้นแต่กรณีการบอกกล่าวบังคับจำนองด้วยวิธีการประกาศหนังสือพิมพ์ซึ่งเจ้าหนี้ไม่สามารถติดต่อลูกหนี้โดยวิธีการอื่น หรือกรณีอื่นใดตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (5) การใช้ข้อความ เครื่องหมาย สัญลักษณ์ หรือชื่อทางธุรกิจของผู้ทวงถามหนี้บนซองจดหมายในการติดต่อลูกหนี้ที่ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการติดต่อเพื่อการทวงถามหนี้ เว้นแต่ชื่อทางธุรกิจของผู้ทวงถามหนี้ไม่ได้สื่อให้ทราบได้ว่าเป็นผู้ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ (6) การทวงถามหนี้ที่ไม่เหมาะสมในลักษณะอื่นตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนดความใน (5) มิให้นำมาใช้บังคับกับการทวงถามหนี้เป็นหนังสือเพื่อจะใช้สิทธิฟ้องคดีต่อศาล http://www.isranews.org/เรื่องเด่น-สำนักข่าวอิศรา/item/37042-ืnews_37042.html -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ถ้าตีความตามข้อ3 ต่อไปนายทุนปล่อยกู้ดอกแพงๆแล้วให้นักเลงหรือเจ้าหน้าที่(ที่รับงานนอกราชการ)ไปทวงหนี้แทน ก็ทำไม่ได้แล้วใช่ไหมครับ
โดยธรรมชาติของคนที่กู้นอกระบบมักจะยอมรับอำนาจนอกกฎหมายอยู่แล้ว เพราะนอกกฎหมายตั้งแต่ต้น กม.นี้คงมีประโยชน์กับกลุ่มนี้ไม่มาก
ก็แค่ยกระดับจากประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นมาเป็นพรบ. เพื่อใช้บังคับกับสถาบันการเงินอื่น ๆ นอกจากธนาคารที่จดทะเบียนเท่านั้นแหละครับ ต้องบอกว่านี่เป็นมาตรฐานสากลจริง ๆ ครับ ไม่งั้นมันก็จะมีไอ้พวกปล่อยกู้จ้างเอ้าท์ซอสไปทวงหนี้แบบเฮีย ๆ เพราะขี้เกียจฟ้องมากขึ้นมาเรื่อย ๆ ประเภทโทรมาทุกชั่วโมง โทรมาตามด่าถึงบ้านอะไรพวกนี้
วิธีเลิกคบเพื่อนที่ดีที่สุด จากอุดม แต้พานิช (อันนี้เขาพูดดีขอยกมาหน่อยละกัน) 1 ยืมตังค์เพื่อน 2 แย่งแฟนเพื่อน 3 ขายประกันเพื่อน
แต่ผมคิดว่า ถ้าลูกหนี้หัวหมอ ลูกหนี้น่าจะแจ้งความให้จับได้ ในกรณีผิดมาตรา 5 ได้น่ะครับ ซึ่งเป็นโทษทางอาญาตามมาตรา 39 แต่หลังจากนั้นจะโดนอะไรอีกหรือเปล่าไม่รู้...เพราะเป็นการกู้นอกระบบ
เชื่อว่าไม่กล้าครับ เพราะยอมรับกฎของเจ้าหนี้แต่แรกแล้ว เจ้าหนี้เองก็ดูแล้วครับว่าจะทวงกับใครได้จึงให้กู้ ย้ายบ้านเท่านั้นครับ แต่การมีกฎหมายก็ดี เพราะในกรณีหลังชนฝายังพอมีหลักยึด
เจ้าหนี้นอกระบบ ถ้าไม่นักเลงจริง คงไม่ปล่อยกู้ให้ใคร ถ้าไปกู้นอกระบบ แล้วไปฟ้องตำรวจว่าโดนทวงหนี้ ลูกหนี้คงอยู่ที่เดิมไม่ได้แล้ว