http://www.komchadluek.net/detail/20141220/197988.html วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม 2557 1 พระราชกระแสเกี่ยวกับ'โลกาภิวัตน์แบบไทย' พระราชกระแสเกี่ยวกับ "โลกาภิวัตน์แบบไทย" กับการแก้ไขปัญหา "น้ำท่วม" ที่ไม่แพร่หลาย (II) : คอลัมน์ คลินิคคนรักบ้าน โดย... ดร.ภัทรพล เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้น้อมนำเอา “พระราชกระแส” ของ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ที่ทรงได้พระราชทานให้แก่พสกนิกรมาเผยแพร่ ถือได้ว่าเป็น “มงคลแห่งชีวิต” ที่มีโอกาสได้รับทราบ และยังสะท้อนให้เห็นว่าทรงสนพระราชหฤทัยเอาใจใส่ต่อประโยชน์สุขของพสกนิกร ของพระองค์ นอกจากนั้น ยังได้คลายข้อสงสัยที่มีอยู่ในใจผมมานานว่าทำไมทรงเข้าใจ เข้าถึง ในทุกปัญหาและอุปสรรค ก่อนที่ทรงจะมีพระราชวินิจฉัยหาทางออก ในการลงมือปฏิบัติ เป็นกระบวนเริ่มต้นของการ “ลองลงมือทำดู” ภายใต้กำลังสติปัญญา ความรู้และความเพียร ในสัปดาห์นี้ ผมขออันเชิญ “พระราชกระแส” บางช่วง บางตอน ที่ไม่ใคร่จะมีการได้เปิดเผยให้ได้รับรู้กันในวงกว้าง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง ทรงเป็น “ปราชญ์แห่งแผ่นดินสุวรรณภูมิ” ที่ทรงรู้จริง รู้แจ้ง มาจากการที่พระองค์ได้ทรงลงมือศึกษาค้นคว้าหาความจริงที่ซุกซ่อนอยู่ เมื่อทรงรู้ถึงต้นตอของปัญหาแล้ว จึงทรงมีพระราชวินิจฉัยหาวิธีแก้ไขด้วยวิธีปฏิบัติ ทำให้ประหยัดทั้งงบประมาณและเวลา และยังได้ผลดีเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย ดัง “พระราชกระแส” ตอนหนึ่งเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมโดยใช้ “โลกาภิวัตน์แบบไทย” ดังนี้ “โลกาภิวัตน์” หมายถึง “หมุนตามโลก” โลกทำอะไร เราก็ทำตามด้วย แต่ “โลกาภิวัตน์แบบไทย” เราไม่จำเป็นต้องทำตามโลกทุกอย่าง บางครั้งเราทำตามโลกด้วย แต่เราก็หาวิธีพัฒนาของเราเองด้วย อย่างเรื่อง “น้ำท่วม” การแก้ “ปัญหาน้ำท่วม” นี้เห็นชัด ถ้าขืนทำตาม “โลกาภิวัตน์แบบฝรั่ง” คือทำตามฝรั่ง ป่านนี้เรายังไม่ได้สร้าง ป่านนี้ต้องลงทุนหลายล้านบาท และยังคงต้องศึกษากันอีกยาว ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศมาวางแผนแก้ “ปัญหาน้ำท่วม” วางแผนเสร็จต้องสำรวจออกแบบก่อสร้างอีก 2 ปี กว่าจะก่อสร้างเสร็จไปอีก 5 ปี แต่กว่าทุกอย่างจะเสร็จเวลาที่รออีก 5 ปี “น้ำท่วม” เสียหายอีกมหาศาล ฉะนั้น “โลกาภิวัตน์แบบไทย” คือ เราคิดหาวิธีระบายน้ำออกไปให้เร็ว อย่าปล่อยให้น้ำเอ่อจนผลักดันลงทะเลไม่ได้ ถ้าน้ำทะเลสูงเราต้องปิดกั้นน้ำทะเลไม่ให้เข้า แล้วก็ระดมสูบน้ำระบายออก พอน้ำทะเลลด เราก็ระบายออกตามธรรมชาติ คือ เราต้องศึกษาจากธรรมชาติ ดูจังหวะน้ำขึ้น น้ำลง พยายามทำให้น้ำไม่ไหลออกมาที่เดียว ต้องแยกเป็น สองด้าน ด้านตะวันออก และ ด้านตะวันตก อย่างที่เรียกว่าโครงการ “แก้มลิง” นี่แหละคือ “โลกาภิวัตน์แบบไทย” เมื่อก่อนผู้เชี่ยวชาญฝรั่งจาก “เอ็มไอที” (สถาบันเทคโนโลยี แมสซาชูเซตส์-สหรัฐอเมริกา) มาขอพบปรึกษาเกี่ยวกับปัญหานี้ เขาสงสัยว่าเหตุใดแผนป้องกัน “น้ำท่วม” ที่คิดขึ้นจึงประสบผลสำเร็จ โดยไม่ต้องตามแบบฝรั่ง ไม่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศมาวางแผน ซึ่งฝรั่งเขาสนใจขออนุญาตเข้าไปสำรวจศึกษาดูวิธีการของเราเพื่อเอาไปแนวทาง บ้าง นี่คือ เราทำของเราเองได้ เราก็แก้ของเราเองได้ เป็น “โลกาภิวัตน์แบบไทย” บางครั้งเราคิดค้นเองแล้วไม่สำเร็จ เกิดปัญหาขัดข้อง เราก็ต้องมาปรับปรุงแก้ไขกันใหม่ คือ แก้ไขด้วยวิธีปฏิบัติ ประหยัดงบประมาณและประหยัดเวลาอีกด้วย” คงไม่มีคำอธิบายใดๆ ครับ และคงจะไม่มีข้อสงสัยใดๆ กับ “พระอัจฉริยภาพ” ของ “ปราชญ์แห่งแผ่นดิน” พระองค์นี้ ทรงทำให้ผมเชื่อว่าทุกปัญหาของบ้านเมืองไม่ว่าจะหนักหนาสาหัสสักแค่ไหนเพียง ใด ก็สามารถแก้ไขได้ สามารถทำให้ทุเลาเบาบางลงได้ หากเดินตาม “รอยพระบาท” อันเป็น “ศาสตร์พระราชา” ที่บรรดาพสกนิกรจะต้องเรียน, ต้องรู้และ ต้องทำความเข้าใจ เข้าถึง “แก่น” ของปัญหาให้ได้เสียก่อน เมื่อเข้าถึง “แก่น” ที่แท้ได้แล้วจึงค่อยหาวิธีแก้ไขปัญหานั้นๆ ด้วยกำลังสติ ปัญญา, ความรู้, ความเพียร, ความมุ่งมั่น ไม่ช้าหรือเร็ว ปัญหา อุปสรรคต่างๆ ก็จะทุเลาเบาบางลงและหมดไปในที่สุด ในช่วงที่ปัญหาต่างๆ พากันรุมเร้า ทั้งทาง “เศรษฐกิจ” ที่กำลังชะลอตัวและทาง “สังคม” ที่ช่องว่างระหว่างความมั่งมีและยากจนขยายตัวกว้างขึ้นเรื่อยๆ และทาง “การเมือง” ที่ยังอึมครึม ไม่รู้จะไปทิศทางใด ก็โชคดีครับที่ “มหาราช” ซึ่งเป็น “ปราชญ์ของแผ่นดิน” พระองค์นี้ทรงเป็น “หลักชัย” ให้กับบ้านเมือง ยิ่งพอได้อ่าน “พระราชกระแส” ยิ่งทำให้ได้ฉุกคิด และทำให้เชื่อว่าสังคมไทยจะต้องอยู่รอดปลอดภัยแน่ ไม่ใช่รอดแบบบอบช้ำนะครับ แต่เป็นการแก้ปัญหา ก้าวผ่านวิกฤติได้อย่างสง่างาม ก็ด้วยการอาศัยการเดินตามแนวคิด “โลกาภิวัตน์แบบไทย” ของ “ปราชญ์แห่งแผ่นดิน” พระองค์นี้ครับ ....................................... (หมายเหตุ พระราชกระแสเกี่ยวกับ "โลกาภิวัตน์แบบไทย" กับการแก้ไขปัญหา "น้ำท่วม" ที่ไม่แพร่หลาย (II) : คอลัมน์ คลินิคคนรักบ้าน โดย... ดร.ภัทรพล)
โครงการป้องกันน้ำท่วมตามแนวทางพระราชดำริ เป็นโครงการที่ขนาดเล็ก เมื่อเทียบกับแผนป้องกันน้ำท่วมของยิ่งลักษณ์ แต่ประสิทธิภาพสูงกว่า อีกทั้งไม่เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมมาก คือเป็นเฉพาะจุด ไม่ใช่กับสายน้ำทั้งระบบ การอุดหนุนช่วยเหลือของภาครัฐจะสามารถจำกัดวงได้ ทำให้สามารถบริหารงบประมาณในอนาคตได้ง่ายขึ้น
มีคลิปจากฟิล์มหนังเก่าให้ดูครับ ในวโรกาสปีกาญจนาภิเษก ตัดมาที่การประชุมปรึกษาเรื่องน้ำท่วมให้ดูนิดหน่อย นาทีที่ 2:30 ในหลวงทรงพระดำเนินตามพระบรมศพสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี ไม่ใช่ ร.8 เพราะงานพระเมรุมาศ ร.8 ในหลวงทรงใช้กางเกงสีขาว และกำแพงวัดพระแก้วมีรอยด่างดำหลายจุด