http://www.komchadluek.net/detail/20141021/194456.html 'พงศพัศ'เดินหน้าสร้างโรงพักทดแทน 'พงศพัศ' เดินหน้าสร้างโรงพักทดแทน ไม่หวั่นซ้ำรอยอดีต จ่อสรุปฟ้องผู้รับเหมา ประเมินค่าเสียหาย 8 พันล้าน 21 ต.ค. 57 พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. (บร 1) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ (ทดแทน) โดยมี พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล รักษาราชการแทน ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผช.ผบ.ตร.) พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงานส่งกำลังบำรุง (สกบ.) สำนักงานงบประมาณและการเงิน (สงป.ตร.) และหน่วยอื่นที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ภายในเดือนนี้ คาดว่าจะได้ทราบผลที่ชัดเจนในส่วนของงบประมาณของปี 2558 ที่จะได้รับอนุมัติ เพื่อมาดำเนินการก่อสร้างสถานีตำรวจทั้ง 181 แห่ง โดยขณะนี้สามารถหาผู้รับเหมาได้แล้ว 180 แห่ง เหลืออยู่เพียง 1 แห่ง คือ ที่ สภ.เขาชะโงก จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งยังหาผู้รับเหมาไม่ได้ เพราะมีผู้รับเหมาเพียงเจ้าเดียวที่เสนอชื่อเข้ามา รวมทั้งติดปัญหาเรื่องของราคากลาง โดยได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ภาณุ ลงไปตรวจสอบในเรื่องของราคากลาง ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ต่อไป อย่างไรก็ตาม จากการติดตามผลความคืบหน้ายังไม่พบปัญหาแต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างสถานีตำรวจทั้ง 181 แห่ง ได้ในวันที่ 1 ม.ค. 2558 รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแแห่งชาติ (คสช.) ได้อนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างสถานีตำรวจเพิ่มเติมอีก 215 แห่ง ใน 59 จังหวัด เพื่อใช้เป็นสถานที่ทำงานของข้าราชการตำรวจนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมการศึกษา เพื่อกำหนดราคากลาง และจัดทำเอกสารประกอบโครงการ หรือทีโออาร์ เพื่อเสนอของบประมาณต่อไป "เราจะใช้งบประมาณของปี 2558 และ 2559 ซึ่งได้กำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการอย่างโปร่งใส เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกับปัญหาในอดีตที่ผ่านมา ขณะเดียวกันในส่วนของคดีความเก่า ที่ต้องดำเนินการนั้น ก็ได้สั่งการให้สำนักกฎหมาย และสำนักโยธา ไปตรวจสอบเพื่อประเมินค่าเสียหายว่ามีจำนวนเท่าใดให้ได้ภายในวันที่ 28 ต.ค.นี้ โดยจะตีราคาเป็นหลัง คร่าวๆ น่าจะอยู่ราว 8,000 ล้านบาท ซึ่งอาจจะมาก หรือน้อยกว่า 8,000 ล้านบาทก็ได้ แล้วแต่ราคาค่างวดในการก่อสร้างโรงพักในแต่ละหลัง ซึ่งมีความใหญ่ กลาง เล็ก แตกต่างกันไป" --------------------------------------------------------- สั้นๆ "ผมไม่เชื่อน้ำหน้าจูดี้"
o_O ขึ้นชื่อว่าตะกวด... กระพ๊มไม่เชื่อ ไม่เคยไว้ใจสักตัวขอรับ... ... ตัวเHี้ยซุ่มแอบรอแม่หมาเผลอ แล้วจู่โจมขย้ำลากลูกหมาอ่อนๆไปกดน้ำให้ตาย... แล้วหมกไว้ในเลนตมให้เน่า แล้วค่อยเอาออกมากินฉันใด... แม่มก็ฉันนั้น... สารคดี เค้ากล่าวไว้ถึงสันดาน เอ๊ยธรรมชว๊าตของสัตว์ชนิดนี้ขอรับ...
โครงการไทยเข้มแข็งที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์กู้เงิน 4 แสนล้านบาทมาใช้จ่าย ได้ไปแค่เสาร้าง ทำให้ต้องมาสร้างทดแทนซ้ำซาก เศร้า
เอ่อ....ใครผิดรึถูกก้อว่าไปตามกฎหมายเถอะ...ส่วนจะปล่อยให้ร้างสร้างไม่เสร็จนี่ มันมีข้อเสียหลายอย่างนะคับ เช่นค่าเสียโอกาสเสียเวลา....หรือหากปล่อยเนิ่นนานไปโครงสร้างเหล็กอาจผุกร่อนจนโครงสร้สงเสื่อม.....หากรอคดีสิ้นสุดแล้วค่อยสร้างกลัวว่าจะพังเสียก่อน ขนาดคดีจ่ายใต้โต๊ะศาลผ่านมาเจ็ดปีเพิ่งจะเริ่มเดิน.....นี่สบสัยเป็นหนังเรื่องยาวอีกเหมือนกัน.....หากดำเนินการก่อสร้างได้ต่อ กระผมสนับสนุนคับ
แสดงว่าไม่รู้อะไรเลย คนที่เอาเรื่องนี้มาพูด แปลว่าไม่ได้เข้าใจเกี่ยวกับราชการเลย โดยเฉพาะระบบจัดซื้อจัดจ้าง ปัญหาทั้งหมดที่อ้างมา ล้วนแต่เป็นช่วงที่ ปชป. มารับช่วงต่อ ซึ่งการกระทำดังกล่าวคือการรักษาผลประโยชน์ของรัฐให้มากที่สุด รู้ไหมครับว่าการยกเลิกโครงการนะ รัฐเจอค่าปรับนะครับ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการซื้อการก่อสร้างของรัฐต้องทำสัญญาทั้งหมด และในสัญญาต้องมีวันส่งมอบของหรือมอบงานที่แน่นอน ต้องมีการแข่งขันประมูล ป้องกันการฮั้ว ถามว่าแก้ไขสัญญาที่ทำไปได้ไหม ลองถามปปช.ดูซิครับ โครงการโฮปเวลล์ เริ่มจากรัฐบาลชาติชาย โดยโครงการไม่มีการเขียนวันส่งมอบงานซึ่งจริงๆผิดกฏ ทำให้บริษัทที่รับผิดชอบไม่จำเป็นต้องรีบทำงาน เพราะไม่มีเวลากำหนดส่งงาน จนตอนหลังได้ยกเลิก บริษัทถึงได้ฟ้องกลับได้ โครงการโรงพัก ถ้าไปดูข้อมูลจะรู้ว่าเซ็นต์ต่อกันไปหลายรุ่น(ตำรวจทั้งนั้น) แล้วเป็นคุณจะไม่เซ็นต์ต่อเพื่อให้โครงการเสร็จเหรอ แล้วมีการพิจารณาโครงการต่อโดยพรรคทรท.หลังจากพรรคปชป. อีก โครงการรถดับเพลิงที่ตัวต้นเรื่องหนีคดีก็เหมือนกัน ถ้าไม่เซ็นต์รับ นอกจากโดนฟ้องกลับ ของก็ไม่ได้ ถ้าปชป.ผิดก็คือโลกสวยครับ คิดว่าจะสามารถสานต่อจนเสร็จ แต่ก็ไม่เสร็จดังหวัง
เอิ่มมม ยังเมากาวคิดว่าโฮปเวลเป็นผลงานของปชป.อยู่อีกเหรอเนี่ย ถามจริง ตามการเมืองมานานแค่ไหนเนี่ย หรือเพิ่งมาตามตอนที่แม้วมันแจกตัง หรือมาตามแค่ก้นนปช.
ตอนโฮปเวลล์ ไอ้ phat ยังเป็นแป้งเปียกอยู่เลยไม่ใช่หรือ เกิดไม่ทัน ไม่ใช่เรื่องผิด ถ้ารู้จักขวนขวายศึกษาหาอ่านตำหรับตำราข้อมูลความรู้ แต่ phat เสือกเลือกจะนอนอยู่แต่ในรู อ้าปากรอแด๊กน้ำเหลวไอ้แป๊ะอย่างเดียวตลอดศก นี่จึงเป็นที่มาของคำว่า ไม่มีคนอบรมสั่งสอนดี ๆ จนป่านนี้ยังแยกดีแยกชั่วไม่ออก อนาคตไม่อยากจะคิดว่าชีวิตมันจะอนาถไปถึงไหน
คนพวกนี้ข้อมูลค่อนข้างมั่วครับ โครงการโรงพักที่สร้างไม่เสร็จนี่ คนเซ็นท์ขออนุมัติกับคนจัดการคือ พล.ต.อ.พงศพัศ นี่แหละครับ ส่วนโฮปเวล สร้างสมัยรัฐบาลชาติชายครับ อ้อ อ้อ แถมให้ ฟองสบู่แตก สมัยบิ๊กจิ๋วนะครับ ไม่ใช่อะไรดีเอาเข้าพรรค...ไว้ก่อน
ผมเชื่อแล้ว ว่าเจ้าพระยาฯ ในบอร์ดนี้เป็นตัวปลอม คุณเป็นใคร เฉลยมาซะเดี๋ยวนี้เลย แดงแท้เค้าไม่กล้าเล่นแล้วนะคุณ ทั้ง 2 เรื่องน่ะ
เหรอวะ ใช่สตช.ที่มาของบหรือเปล่าวะ นายเวร โง่ไม่เลิก นายเวร โฮบเวลสมัยชาติชาย ยังโง่ไม่เลิกอีก ควายแดงพวกเดียวกับนายเวรเลิกเล่นไปแล้วนะ เพราะเงิบไม่รู้กี่รอบ ขำหว่ะ ก๊ากกกกกกกกกกกกก
เพจนี้ขาดนายเวรไม่ได้ เพราะจะไม่มีใครมาสร้างความบันเทิงให้ แต่แพรตนี่สร้างความรำคาญนะ ตอนนี้เริ่มรำคาญแก็งแป๊ะกว่าควายแดงแล้วนะ ทิฐิโคตรสูงเลย
เพื่อควายชอบเอาโครงการเล็กๆมามัดรวมให้เป็นก้อนใหญ่ แล้วเอาผู้รับเหมาเจ้าเดียวมาประมูลเพื่อแตกงบออกไปกินกันเป็นทอดๆ โดยไม่สนใจว่าโครงการจะสำเร็จหรือไม่ ถ้าพังก็ย้อนกลับไปรวมโครงการใหม่เพิ่มเติมให้มูลค่าเพิ่มขึ้น วนลูปไปเรื่อยๆกินได้ยาวๆ ชาวบ้านไม่ได้อะไร
ทำไมมันไม่คิดจะเดินตรวจสอบทุจริตสร้างโรงพักก่อนล่ะ ไม่แก้ไขสิ่งผิดในอดีตก่อน .... จะรีบเดินหน้าสร้าง สิ่งผิดใหม่ ขึ้นมาอีกหรือ จูดี้???
ปชป. แจงรวมสัญญาสร้างโรงพัก กลัวขัดระเบียบ สตช. นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ป้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แจงเหตุรวมสัญญาสร้างโรงพัก เหตุกลัวขัดระเบียบ สตช. ยืนยัน ไม่มีการฮั้วประมูล... วันนี้ (6 ก.พ.56) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะแจ้งข้อกล่าวหานายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฐานฮั้วการก่อสร้างโรงพัก 396 แห่งทั่วประเทศ และไม่เสร็จตามสัญญาว่า ข้อกล่าวหาของนายธาริตมีการเปลี่ยนไปมา ครั้งแรกอ้างว่ามีการรวมสัญญาทั่วประเทศ มาจัดซื้อที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยคำสั่งของนายสุเทพ เพราะหากมีการดำเนินการทำสัญญาแยกสร้างเป็น 9 ภาค เพื่อเคาะการประมูล 9 ครั้ง อาจเป็นการกระทำที่ผิดระเบียบของ สตช. จึงรวมเป็นสัญญาเดียว และโดยข้อเท็จจริงทั้งหมดเป็นการดำเนินการของฝ่ายปฏิบัติทั้งสิ้น ไม่ใช่นายสุเทพ ยันไม่มีฮั้ว http://www.thairath.co.th/content/324978 ชัดเจนนะครับ หลวงปูเทพเทือกเป็นคนทำเรื่องเปลี่ยนแปลงโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทั่วประเทศ ให้รวมสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างเพียงรายเดียว ทำให้บริษัทที่ประมูลได้ เกิดปัญหาไม่สามารถก่อสร้างได้แล้วเสร็จตามสัญญา หลวงปูเทพเทือกต้องเอาหัวแม่เท้าคิดแน่ๆที่ให้รวมสัญญา
http://www.dailynews.co.th/Content/crime/168880/"ปทีป"ยอมรับสั่ "ปทีป"ยอมรับสั่งรวมสัญญาสร้างโรงพัก พล.ต.อ.ปทีป กล่าวต่อว่า ตนเข้าไปมีส่วนร่วมในขั้นตอนการประกวดราคาเท่านั้น และยอมรับว่าเป็นผู้เสนอรวมสัญญาในขั้นตอนการประกวดราคา เพราะปกติการประกวดราคาจะมี 3 ขั้นตอน คือ การจัดการประกวดราคา ขั้นตอนการอนุมัติและขั้นตอนบริหารสัญญา ซึ่งตนรับผิดชอบเฉพาะในขั้นตอนที่ 1 และได้ปฎิบัติตามระเบียบราชการ และผลการสอบสวนขณะนี้ยังไม่สามารถชี้ได้ว่าใครผิดหรือถูก การประมูลรายภาคทำได้หรือไม่ ตนยังตอบไม่ได้เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน แต่ข้อดีของการรวมสัญญานั้น ช่วยให้ประหยัดงบประมาณได้ 800-900 ล้านบาท
เอาอะไรกับเพจสายตรงกะลาภาคสนาม อยากฉลาดอ่านตรงนี้ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1361364189
เจ้าพระยา ยาก อ่านสิ ตรงที่อนุมัติ 4.1 น่ะ ก็เขียนอยู่เต็มตาแล้วว่า พีซีซี ชนะประมูลทั้งหมด อัยการสั่งยกฟ้อง พีซีซี หาอ่านข่าวบ้างนะ อย่ามัวแต่ฉลาดในกะลา /////// นายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษและโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นำสำนวนพร้อมความเห็น สมควรสั่งฟ้องในคดีฉ้อโกงและฮั้วประมูลที่ บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นต์ แอนด์ คอนตรัคชั่น จำกัด พร้อมพวกผู้บริหาร ผู้ต้องหาในโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่งทั่วประเทศ ว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นสำนวนดังกล่าว เนื่องจากเพิ่งเข้ารับตำแหน่งในวันนี้ ซึ่งตนยังไม่ทราบในรายละเอียด จึงขอตรวจสอบสำนวนคดีก่อน แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า สำนวนสั่งฟ้องคดีฉ้อโกง ที่มี บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นต์ แอนด์ คอนตรัคชั่น จำกัด ,นายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล ประธานบริษัท พีซีซีฯ , นายวิศณุ วิเศษสิงห์ กรรมการผู้จัดการบริษัท พีซีซีฯ และนายจตุรงค์ อุดมสิทธิกุล กรรมการบริษัท พีซีซีฯ ผู้ต้องหาที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงเงินค่าก่อสร้างผู้รับเหมาช่วงในโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง ทั่วประเทศ มูลค่ากว่า 90 ล้านบาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 นั้น อัยการฝ่ายคดีพิเศษได้มีความเห็น สั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากพิจารณาสำนวนแล้วพบว่า ผู้รับเหมาช่วง ได้เข้าร้องทุกข์ต่อ ดีเอสไอ ว่า ไม่ได้รับเงินค่าจ้าง และเงินค่าดำเนินการต่างๆ จากบริษัท พีซีซีฯ ซึ่งทางอัยการพิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่า ไม่ได้เป็นการหลอกลวง แต่เป็นการผิดสัญญาทางแพ่ง เนื่องจาก บริษัทพีซีซี ไม่จ่ายเงินให้ผู้รับเหมาช่วงตามงวดสัญญา ทำให้ผู้รับเหมาช่วงไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างสถานีตำรวจให้เสร็จสิ้นได้ และบริษัท พีซีซีฯ ก็เคยเป็นผู้รับเหมา และมีประวัติการทำงานก่อสร้างโครงการใหญ่มาก่อน เห็นว่าไม่มีเจตนาฉ้อโกง และไม่มีมูลทางคดีอาญา จึงสั่งไม่ฟ้องดังกล่าว ส่วนคดีฮั้วประมูลที่ บริษัท พีซีซี ,นายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล ประธานบริษัท พีซีซีฯ และ นายวิศณุ วิเศษสิงห์ กรรมการผู้จัดการบริษัท พีซีซีฯ ผู้ต้องหาที่ 1-3 ข้อหา ทุจริตร่วมกันเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ โดยรู้ว่าราคานั้นต่ำมากเกินกว่าปกติ (ต่ำกว่าราคากลางถึง 540 ล้านบาท) จนเห็นได้ชัดว่า ไม่เป็นไปตามลักษณะสินค้าหรือบริการ หรือเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่หน่วยงานของรัฐสูงกว่าความเป็นจริงตามสิทธิที่จะได้รับ โดยมีวัตถุประสงค์เป็นการกีดกันการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม และการกระทำเช่นว่าเป็นเหตุให้ไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาได้ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 8 ซึ่งอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ก็มีความเห็นสั่ง ไม่ฟ้อง เช่นกัน เนื่องจากเห็นว่า การประมูลโดยวิธีอีอ็อกชั่นของ สตช. เป็นการประมูลอย่างถูกต้อง และมีการแข่งขันราคาหลายครั้ง ส่วนที่ ดีเอสไอ ระบุว่า บริษัทพีซีซีฯ เสนอราคาต่ำกว่าความเป็นจริงมากเกินกว่าปกตินั้น ก็ไม่ปรากฏว่า การเสนอราคาต่ำมากจนเกินไป และต่ำกว่าเกณฑ์ของกระทรวงการคลังแต่อย่างใด http://news.mthai.com/hot-news/277020.html