นายศุภชัย เจียรวนนท์ รองประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) จะออกมาเผยว่า การเข้ามามาเช่าที่ดินใน จ.เชียงราย เพื่อปลูกกล้วยของกลุ่มทุนชาวจีน เหมือนกับการทำ Contract Farm ฉะนั้นต้องไม่ไปขับไล่เขา เพราะนี่ถือเป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะทำให้เกษตรกรมีอาชีพและรายได้ โดยทำในลักษณะ ลักษณะพาร์ตเนอร์ชิป ให้ชุมชนร่วมเป็นเจ้าของด้วย เพราะนี่สะท้อนให้เห็นว่าตลาดจีนต้องการกล้วยเป็นจำนวนมาก และรัฐบาลต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง อย่างไรก็ตามหลังผู้บริหารซีพีได้ออกมาแสดงความเห็นถึงเรื่องดังกล่าว ก็ทำให้เกิดเสียงตำหนิจากผู้คนในโลกออนไลน์ เพราะเห็นว่าการให้กลุ่มทุนจีนเข้ามาทำเกษตรกรรมในประเทศไทย ไม่ได้ตอบโจทย์ทำให้เกษตรมีรายได้เพิ่ม แต่เป็นการแย่งอาชีพทำมาหากินของคนในประเทศ และหากจะสนับสนุนเกษตรกรจริง ก็ควรให้เขาปลูกเองแล้วส่งออกไปขายยังจีนแทน ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่ news.mthai.com
ผู้คนในโลกออนไลน์ เพราะเห็นว่าการให้กลุ่มทุนจีนเข้ามาทำเกษตรกรรมในประเทศไทย ไม่ได้ตอบโจทย์ทำให้เกษตรมีรายได้เพิ่ม แต่เป็นการแย่งอาชีพทำมาหากินของคนในประเทศ และหากจะสนับสนุนเกษตรกรจริง ก็ควรให้เขาปลูกเองแล้วส่งออกไปขายยังจีนแทน เหมือนคนในโลกออนไลน์จะไม่เห็นด้วยกับคุณนะครับ
ผมทดลองปลูกกล้วยน้ำว้า แต่อาศัยเทคนิค การปลูกเลียนแบบกล้วยหอมทอง (ปล.ที่ผมปลูกกล้วยน้ำว้าเพราะไม่อยากพึ่งการขายจากคนอื่น เพราะตลาดกล้วยหอมทองแถวบ้านผม มันมีคนซื้อกินอยู่ไม่มาก) ***ปลูก 2 คูณ 2 เมตร 1 ไร่ปลูกได้ 400 ต้น(แต่ผมแบ่งพื้นที่มาปลูกแค่ 140 ต้น อิ...อิ...ที่ในเมืองมันแพง) ***ทำระบบน้ำให้ สปริงเกอร์ 1 ตัว รดได้ 4 ต้น ***ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ สลับกับ ปุ๋ยเคมี และผสมน้ำEM รดให้เดือนละครั้ง ***ไม่ใช้ยาฆ่าหญ้า ใช้วิธีตัดกับเครื่องตัดหญ้า(มีหญ้าน้อยเพราะเป็นร่มเงาจากต้นกล้วยที่ปลูกชิด) ***ถ้าต้นแม่ยังไม่แทงปลี จะแทงหน่ออ่อนที่ออกมาทั้งหมด ***เมื่อต้นแม่แทงปลี จึงจะเว้นหน่อใว้ แค่ 1 หน่อ เพื่อต่อยอดไปเรื่อยๆ ตอนนี้ก็เห็นสวยงามดี เป็นการทำที่ไม่ยากอะไรเลย คนไทยก็ทำได้ ภาพมุมกว้าง ภาพมุมแคบ
เขาไม่ด่า แต่ผมด่า ไอ้ควายแดงชาติชั่ว ขายชาติ กล้วยที่ปลูกก็ขายกลับจีน ไม่เหลือให้คนไทย เจ้าของที่ก็ได้แต่ค่าเช่า แถมมาแย่งอาชีพคนไทยอีก ไม่พอ ใช้สารเคมี สูบน้ำไปใช้หมด จนชาวบ้านเขาเดือดร้อน เอามรัพยากรเราไปอีก ปล่อยได้อย่างไร แบบนี้เหมาะสมกับว่าขายชาติได้หรือยัง
อนึ่ง ปัจจุบันกลุ่มทุนจีนได้เข้ามาเช่าที่ดินบริเวณ อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย จำนวน 2,700 ไร่ และได้สูบน้ำจากแม่น้ำอิงจนแห้งขอด ส่งผลให้ชาวบ้านในพื้นที่ไม่มีน้ำสำหรับอุปโภคและบริโภค อย่างไรก็ตาม ผู้นำท้องถิ่นได้จัดประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติห้ามบริษัทจีนสูบน้ำจากแม่น้ำอิงโดยเด็ดขาด แต่ให้ใช้วิธีขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลแทน และจะมีการจัดเวรชาวบ้านเฝ้าดูแลตลอด 24 ชั่วโมง นายกฤตชัย สุวรรณ ปลัดอำเภอพญาเม็งราย กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า บริษัททุนจีนที่เข้ามาเช่าที่ปลูกกล้วยหอมแห่งนี้ เป็นแห่งแรกในไทย หลังจากรัฐบาลลาวสั่งห้ามไม่ให้มีการปลูกเพิ่มในประเทศลาว เนื่องจากพบว่าสารเคมีที่ใช้สร้างมลภาวะอย่างรุนแรง
ไปปลูกแถวนั้นแหล่ะ เด๋วก็วิวัฒนาการมาเป็นนอมินี สส. อภิปรายเช่าที่เสรีให้ต่างชาติทั่วประเทศ ไม่เห็นแปลกอะไร ปชช. แถวนั้นคงฐานะดี คนแย่งอาชีพก็ยังมีกินอิ่มนอนหลับได้
ยังมีคนเชื่อเจ๊ก CP อีกหรือวะเนี่ย ถ้าอยากให้คนเชื่อก็ช่วยรับซื้อข้าวตามที่บอกไว้ด้วยก่อนนะ ************************************************** “ธนินท์” ชี้ ค่าแรงขั้นต่ำต้อง 500 บาท-หนุนสุดตัวจำนำข้าว “ใครไม่เอาซีพีรับเอง” วันจันทร์ ที่ 03 ตุลาคม 2554 เวลา 12:04 น. "เจ้าสัวซีพี"ชี้ค่าแรงขั้นต่ำ 500 บาท-หนุนจำนำข้าว เตือนวิกฤติหนี้ยุโรป ส่งผลดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เหตุโลกจะไม่หันไปใช้เงินยูโร นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ และประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กล่าวบรรยายพิเศษให้คณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่น 2552 เมื่อเร็วๆนี้ ว่า วิกฤติเศรษฐกิจโลกขณะนี้ โดยเฉพาะปัญหาหนี้ในสหภาพยุโรป (อียู) ยังมองไม่เห็นแนวทางแก้ไขปัญหา ส่วนหนึ่งที่อียูได้รับผลกระทบหนักขนาดนี้จนลามไปทั่วโลก เพราะเป็นกลุ่มที่มีหลายประเทศรวมตัวกันเป็นเศรษฐกิจเดี่ยว ซึ่งหากประเทศหนึ่งประเทศใดจะจ่ายเงิน เพื่อแก้ไขปัญหาให้ประเทศสมาชิกรายอื่นๆ ก็จะถูกประชาชนของตัวเองต่อต้าน ต่างกับสหรัฐที่เชื่อว่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลา ผู้บริหารซีพี ให้เหตุผลว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับอียู ทำให้มีแต่คนถอนเงินออก ต่างกับในสหรัฐ ที่เกิดปัญหาแล้วอัดเงินเข้าไปให้ธนาคาร อีกอย่างสหรัฐสามารถพิมพ์เงินได้เอง ซึ่งตนเชื่อว่าจากนี้เงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น เพราะโลกจะไปใช้เงินยูโรไม่ได้ ส่วนเงินหยวนของจีน ก็ยังไม่มีความแน่นอน แต่เป็นไปได้มาก ว่าเงินหยวนของจีนจะขึ้นมาแซงเงินยูโรกลายเป็นสกุลเงินอันดับ 2 ของโลก แนะจับตา2 ชาติเอเชีย นายธนินท์ กล่าวว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะส่งผลกระทบมาถึงทวีปเอเชียแน่นอน ซึ่งตนจับตาดู 2 ประเทศในเอเชียเป็นหลัก คือ ไทยและจีน เพราะปัจจุบันไทยมีมูลค่าการส่งสินค้าไปยังจีนสูงเกือบ 50% ของการส่งออกทั้งปี และไทยยังได้เปรียบดุลการค้าจีน ซึ่งมีประชากรกว่า 3,000 ล้านคน เทียบกับมูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐ ที่ราว 10% และอียูอีก 10% เท่านั้น ดังนั้น วิกฤติเศรษฐกิจของสหรัฐและอียู แม้จะส่งผลกระทบต่อไทยไม่มากในทางตรง แต่ต้องระวังในเรื่องของจีนว่าจะเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจถดถอยไปด้วยหรือไม่ ปัจจุบันจีนใช้ ทฤษฎีสองสูง ในการบริหารประเทศ คือ ปล่อยให้สินค้าราคาแพงขึ้น แต่เกษตรกรก็มีรายได้สูงขึ้น ส่วนไทยนั้น นายธนินท์ ระบุว่า จากที่ศึกษาดู พบว่า มูลค่าที่ดินเพิ่มขึ้นจากในอดีตกว่า 200 เท่า ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นกว่า 20 เท่า แต่ราคาสินค้าเกษตรเพิ่มน้อยที่สุด ทั้งราคาข้าว ราคาหมู และราคาไก่ เพิ่มขึ้นประมาณ 10-11 เท่า เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะเมื่อราคาสินค้า เกษตรแพงขึ้นก็ถูกรัฐบาลควบคุมราคา แต่ในยามขาดทุนหรือราคาตกต่ำกลับไม่มีใครช่วย ดังนั้น ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนคือเกษตรกรรายย่อยที่จะต้องล้มหายตายจากไปก่อน ธุรกิจเกษตรขนาดใหญ่ “รัฐบาลที่มีความสามารถจะต้อดูว่า การทำให้คนจนมีรายได้มากขึ้นต้องทำอย่างไร ไม่ใช่ไปควบคุมราคาสินค้า ซึ่งคือการเอาเงินของคนจนที่เป็นเกษตรกรมาชดเชยให้กับคนจนในเมือง ท้ายที่สุดทุกคนก็ยังจนเท่ากัน เมื่อเป็นเช่นนี้รัฐบาลจะหารายได้จากที่ไหนมาใช้จ่าย มาขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการ เพราะแม้แต่สหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์ ที่ใช้ ทฤษฎีสองต่ำ คือ ราคาสินค้าถูก ค่าแรงต่ำ ทำมาแล้วก็อยู่ไม่ได้” ลั่นค่าแรงขั้นต่ำต้อง500บาท นายธนินท์ กล่าวว่า ค่าแรงขั้นต่ำที่เหมาะสมของไทยควรอยู่ที่วันละ 500 บาท ไม่ใช่ 300 บาท คิดจาก 25 เท่า ตามสัดส่วนของราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากอดีต หากทั้งรัฐและเอกชนกล้าจ่ายค่าแรงขั้นต่ำในระดับนี้ ผลดีที่ตามมาคือธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) จะมีรายได้มากขึ้นทันที เกษตรกรจะมีรายได้มากขึ้นด้วย "ทั้งหมดนี้ขอให้นักธุรกิจทุกคนเข้าใจว่าคือการลงทุน ยอมเสียในตอนแรกก่อน แล้วได้คืนภายหลัง เมื่อประเทศรวยทุกคนก็จะยิ่งรวยขึ้น ปัญหาสังคม การเมืองก็จะดีขึ้น เพราะคนพ้นความยากจน ถ้าทำอย่างนี้คนยากจนจะมีจำนวนลดลง คนระดับกลางจะมีมาก คนรวยก็มีน้อย ผมฝากให้รัฐบาลดูแลเรื่องนี้ด้วยเพราะไม่ว่าจะประเทศใดก็ตาม ถ้าธุรกิจเอสเอ็มอีไม่โต ประเทศไม่มีวันรวยและอยู่ไม่ได้และต้องมีการเปลี่ยนแปลง” หนุนรับจำนำข้าว สำหรับเรื่องนโยบายข้าวนั้น ตนเห็นว่าคนที่ออกมาคัดค้านโครงการรับจำนำ โดยให้เหตุผลว่าราคาข้าวไทยในตลาดโลกจะสูงขึ้น แล้วถูกประเทศเวียดนามแย่งขายข้าวนั้น คนที่พูดอย่างนี้ พูดอย่างไม่เข้าใจ เพราะเวียดนามขายข้าวเพียงปีละ 4-5 ล้านตันเท่านั้น ส่วนไทยขายได้มากถึงปีละประมาณ 10 ล้านตัน ดังนั้นต่อให้ไทยขายข้าวในราคาถูก เวียดนามก็จะขายในราคาถูกกว่า แต่ไทยต้องมีข้าวเก็บในสต็อกอย่างน้อย 4 เดือน เพื่อป้องกันการขาดตลาด ซึ่งจำเป็นต้องมีการสร้างไซโลเก็บข้าวอย่างดีไว้จำนวน 5 ล้านตัน ใช้เงินลงทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท แต่มีมูลค่าข้าวกว่า 1 แสนล้านบาท แล้วจ้างคนมาดูแลโดยไม่ต้องใช้ข้าราชการ ให้บริษัทเซอร์เวเยอร์เข้ามาช่วย แล้วให้ธนาคารเป็นผู้รับรอง "ผมยืนยันเลยว่าถ้าทำได้แบบนี้ แล้วไม่มีใครกล้าเอา ผมเอาเอง" http://www.isranews.org/about-us/23-community-network/3789-“ธนินท์”-ชี้-ค่าแรงขั้นต่ำต้อง-500-บาท-หนุนสุดตัวจำนำข้าว-“ใครไม่เอาซีพีรับเอง”.html *************************************************************** แถมด้วยคลิป "ทิกซะลีซองซูง" ไปอีกอันด้วย
---------------------------------------------------------------------------------------------- จนถึงบัดนี้ ยังไม่เคยได้ยินคำพูดใดๆ เกี่ยวกะเรื่องรับซื้อข้าวทั้งหมด ได้ยินแต่ข่าวไปซื้อแม็คโคร
จะโลกสวยAEC หรือชูภาพหรูโกอินเตอร์ ต้องดูตัวอย่างเพื่อนบ้านและบทเรียนจากประเทศอื่นๆด้วยครับ รัฐจีนแม้จะถือได้ว่าเป็นมิตรที่ดี แต่คนจีนคบยาก การต่อสู้ดิ้นรนในประเทศเขาผลักพวกเขาให้ทำธุรกิจการค้าอย่างไม่มีความรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น ดูลาวเป็นตัวอย่าง อีกไม่นานทรัพย์สินในลาวจะตกอยู่ในมือคนจีนกับคนเวียดนาม พวกเขาอาศัยการร่วมอุดมการณ์คอมมิวนิสต์มาสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจการค้าโดยการสนับสนุนจากนโยบายรัฐบาล เรื่องนี้คนลาวเจ้าของประเทศรู้ดี ต้องหวานอมขมกลืนตาปริบๆดูจีนและเวียดนามสูบเอาทรัพยากรของชาติไป คนลาวกำลังจะเป็นประชาชนชั้นสองในบ้านตัวเอง คนลาวกับคนไทยคล้ายกันมาก เราใจดี ไม่ดิ้นรนขวนขวายมากนัก ใช้ชีวิตสบายๆไม่เครียดและไม่เก่งเรื่องธุรกิจ ต่างชาติไม่ว่าผิวขาวผิวเหลืองต่างรู้จุดอ่อนของเราเป็นอย่างดีและเข้ามาเอาประโยชน์จากเรามากมายแล้ว ถ้าปล่อยอย่างนี้ต่อไปคนไทยจะกลายเป็นประชาชนชั้นสองในบ้านตัวเองเหมือนคนลาว หรือตอนนี้เราเป็นอย่างนั้นแล้วก็ไม่รู้ คนจีนกล้าเสี่ยงแบบไปตายเอาดาบหน้า เขาพยายามจะยึดแอฟริกาให้ได้ด้วยวิธีแบบจีนๆแต่ในขณะนี้กำลังถูกต่อต้านอย่างหนัก ในบอทสวาน่า จีนทุ่มให้ความช่วยเหลือหวังได้สัมปทานเหมืองทองแดง บริษัทจีนรับเหมาสร้างสนามบินในกรุงกาโบโรน แต่ด้วยการทำธุรกิจแบบจีนๆ การก่อสร้างล่าช้าและคุณภาพการก่อสร้างแย่มาก คาดว่าน่าจะมีการจ่ายใต้โต๊ะอย่างมหาศาล แต่ในที่สุดถูกบอกเลิกสัญญาและต้องก็บข้าวของกลับไป พ่อค้าจีนเข้าไปขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจเครือข่ายขายส่งในบอทสวาน่า เอาเข้าจริงๆแค่เปิดร้านขายของชำแค่ร้านเดียวและขนเอาครอบครัวและหมู่ญาติเข้าไปทำงาน คนพวกนี้ในที่สุดก็ถูกขับออกนอกประเทศ ผมว่าเราจะได้เห็นเจ้าสัวมหาภัยเจ้าของ"ทิกซาลี ส็องสุง"ออกมาชักชวนให้คนไทยเอาที่ดินของตัวเองมาเป็นต้นทุนให้ตัวเองเป็นลูกจ้างมากขึ้น นายธนินทร์เป็นพ่อค้า ทำทุกอย่างเพื่อความมั่งคั่งของตัวเอง แกเป็นอันตรายต่อชาติไทย ลูกน้องแกอาจออกมาสร้างภาพให้แกว่าสร้างงานสร้างโอกาสโน่นนี่นั่น แต่หากไม่มีเจ้าสัวมหาภัยคนนี้ ธุรกิจการค้าก็สามารถเดินต่อไปไม่มีปัญหา เพราะของต้องกินต้องใช้ แถมเงินจะเฉลี่ยอยู่ในกระเป๋าคนไทยมากขึ้นด้วย ไม่ใช่ถูกผูกขาดต้องเป็นลูกจ้างอาณาจักรธุรกิจของคนๆนี้
กล้วยอัลลัยแบบนี้ ตกแต่งภาพป่าวคะ ผู้เชี่ยวชาญอธิบายหน่อย เอามาจากเฟซเพื่อนซึ่งเขาไม่ลงที่มาของภาพไว้ มันมีจริงป่าวคะแบบนี้
ลองเสริช ตามรูปไปหารูปต้นฉบับไม่เจอครับ http://www.xn--12c1bij4d1a0fza6gi5c.com/giant-banana-leaves-ต้นกล้วยยักษ์ใบใหญ่ที่สุดในโลก.html ต้นทางข่าวภาษาไทยน่าจะมาจากเวบนี้ แต่ไม่มีรูปนี้ มีหลายเวบลง แล้วผสมรูปหลายๆรูปเข้าไป สรุปเป็นต้นกล้วยจากปาปัวฯ สูงจริง แต่ลักษณะผลกล้วยไม่ใช่แบบนี้ ไม่ใหญ่ขนาดนี้ ปล. เห็นบางเวบลงว่า อยู่ที่นราธิวาส
cp เนี่ย! เคยคิดอะไรให้คนอื่นรวยมั๊ย??? เคยได้ยินแต่เจ็บตัวหรือไม่ก็หืดจับกว่าจะได้ จึงต้องระวัง เพราะสิ่งที่cpคิด ก็คิดเพื่อให้ตัวเองรวยยิ่งๆขึ้นไป
ลาวเข็ดไม่อนุญาตนักลงทุนจีนปลูกกล้วยอีก ใช้สารเคมีพิษมากมายบางชนิดเลิกใช้ทั้งโลก MGRออนไลน์ -- ทางการแขวงบ่อแก้วของลาว ประกาศไม่ออกใบอนุญาตให้นักลงทุนจากจีน เข้าเช่าที่ดินทำไร่กล้วยหอมอีก โดยยอมรับว่าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ลาวเองหละหลวม ไม่ได้กำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ปล่อยให้มีการนำเข้า และใช้สารเคมีที่มีพิษต่อสุขภาพร่างกายของผู้คนเป็นจำนวนมาก บางชนิดที่ชาวจีนนำไปใช้ ถูกยกเลิกใช้กันแล้วทั่วโลก
ผลตรวจสารเคมีจากคนงาน ของกลุ่มทุนจีน ที่เข้ามาปลูกสวนกล้วย ที่ จ.เชียงราย พบไม่ปลอดภัย 13 คน เตรียมตรวจคนงานเพิ่มอีก 200 คน ความคืบหน้า กรณีบริษัท หงต๋า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มทุนจีน ได้เข้ามาปลูกกล้วยบนพื้นที่กว่า 3,400 ไร่ ในพื้นที่ อ.ขุนตาล จ.เชียงราย และชาวบ้านได้ร้องเรียน ถึงผลกระทบจากการใช้ปุ๋ยเคมี ทำให้สาธารณสุข โดยโรงพยาบาลพญาเม็งราย ได้เข้ามาเจาะเลือดคนงานทั้ง 43 ราย เพื่อตรวจสอบหาสารเคมี ขณะที่เกษตรจังหวัดเชียงราย ได้เข้ามาเก็บตัวอย่างกล้วยไปตรวจ และทางทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ได้เก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบ นาย ภูเบศร์ จูละยานนท์ นายอำเภอพญาเม็งราย บอกว่า การสุ่มตรวจหาสารเคมีในเลือดของคนงาน 43 คน พบว่ามีผลอยู่ในเกณฑ์ปกติจำนวน 6 คน //ปลอดภัยจำนวน 14 คน กลุ่มเสี่ยง 10 คน และไม่ปลอดภัยจำนวน 13 คน โดยสารเคมีที่พบนี้เป็นสารเคมีโดยทั่วไป ที่ประชาชนส่วนใหญ่สามารถรับได้โดยง่าย หากมีการบริโภคพืชผักที่ล้างไม่สะอาด ทั้งนี้จำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบพฤติกรรมย้อนหลังของคนงานอย่างละเอียดต่อไปเพื่อหาสาเหตุของสารเคมี ขณะเดียวกัน จะสุ่มตรวจวัดสารเคมีจากคนงานอีกครั้ง จากทั้งหมด 200 คน และตรวจผลผลิตที่ออกมาเป็นระยะๆ หากพบว่ายังมีสารเคมีอยู่ในกล้วยมากเกินไป ก็จะมีคำสั่งให้ปิดสวน เพราะผลผลิตกล้วยที่ได้มาจากประเทศไทย อาจจะส่งผลกระทบต่อตลาด และชื่อเสียงโดยรวมของเกษตรกรในประเทศไทยด้วย นายวิวัฒน์ แจ้งสว่าง นายอำเภอขุนตาล จ.เชียงราย บอกว่า ชาวบ้าน 3 ตำบล ที่ได้รับผลกระทบจาก ทุนจีนที่เข้ามาทำสวนกล้วย ใช้น้ำในลุ่มน้ำอิงจนแห้งขอด ล่าสุด ทางสวนกล้วยได้หยุดการสูบน้ำจากแม่น้ำอิงแล้ว ขณะเดียวกัน ชาวบ้านในพื้นที่ก็ได้ทำการกั้นฝายเพื่อชะลอน้ำไว้ใช้ นายทวนชัย วลัยสุข หัวหน้าคนงานสวนกล้วย บริษัทหงต๋าอินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด บอกว่า ได้มีการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลจำนวน 3 บ่อ แต่ปริมาณน้ำบาดาล ไม่พอต่อการล่อเลี้ยง เนื่องจากพื้นที่การปลูกกล้วยมีจำนวนมาก จึงได้ทำการประหยัดน้ำโดยการใช้น้ำหล่อเลี้ี้ยงต้นกล้วยเพียงวันหนึ่งแปลง เพื่อที่จะล่อเลี้ยงให้อยู่รอดได้ไปจนถึงช่วงฤดูฝน ทั้งนี้ ได้เตรียมแผนการขุดเจาะบ่อบาดาลน้ำตื้นเพื่อที่จะหาแหล่งน้ำมาช่วยเสริมแทนการขุดเจาะบ่อบาดาลน้ำลึก ที่ต้องมีการขออนุญาตจากหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องซึ่งต้องใช้เวลานาน ทั้งนี้ หัวหน้าคนงานสวนกล้วย บริษัทหงต๋า ยืนยันว่าได้มีการใช้สารเคมีจริงแต่หลังจากเกิดเรื่อง ก็จะไม่ใช้สารเคมีจากจีน แต่จะหันมาใช้ของไทยแทน และจำเป็นต้องใช้สารเคมีในการฆ่าหญ้าเพื่อความรวดเร็ว เนื่องจากพื้นที่ปลูกในอำเภอพญาเม็งรายมีจำนวนมากถึง 2,711 ไร่ และทำการปลูกไปแล้ว 800 ไร่และเป็นพื้นที่การปลูกกล้วยอนุบาลอยู่ 300 ไร่ โดยผลผลิตบางส่วนได้ทำการส่งขายไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนแล้ว การเข้ามาลงทุนทำสวนกล้วยขนาดใหญ่ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายของกลุ่มทุนจีน ทำให้หลายหน่วยงานของภาครับและภาคประชาชน ตื่นตัวจากข้อร้องเรียนของชาวบ้านลุ่มแม่น้ำอิงที่กังวลว่าจะขาดแคลนน้ำ และอาจจะได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม ไปติดตามเรื่องนี้กับคุณอายุทัย นนท์นิติรัตน์ ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี ศูนย์ข่าวภาคเหนือ กลายเป็นกระแสแรง ตั้งข้อสังเกต เหตุใดนายทุนจากประเทศจีน จึงสามารถเข้ามากว้านเช่าที่เกือบ 3,000 ไร่ ใน จ.เชียงราย ทำธุรกิจปลูกกล้วยหอมส่งจำหน่าย จนน้ำในแม่น้ำอิงแห้งขอด ไม่เพียงพออุปโภคบริโภค ชาวบ้านออกมาโวยว่าเดือดร้อน ขณะที่ชาวบ้านอีกกลุ่มเห็นดีเห็นงาม ว่าช่วยสร้างงานสร้างรายได้ให้ชาวบ้าน ร้อนถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ต้องลงพื้นที่ตรวจสอบและช่วยแก้ไขการประกอบธุรกิจนี้ เข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ อย่างไร ติดตามเจาะประเด็นสเปเชียล ทีมข่าวบุกลงพื้นที่ร่วมกับฝ่ายปกครอง อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย ไม่พบนายทุนจีนที่เป็นเจ้าของ หัวหน้าคนงานผู้ดูแลให้ข้อมูลว่า ปลายปี 2557 นายทุนจีนได้มาว่าจ้างตนและชาวบ้าน ใน 2 ลักษณะ คือเป็นลูกจ้างรายวันทำงานในสวนกล้วยหอม ให้วันละ 300 บาท อีกแบบ ให้ดูแลปลูกกล้วยหอมครอบครัวละ 5000 ต้น แล้วนายทุนจีนจะรับซื้อคืนกิโลกรัมละ 1 บาท 20 สตางค์ หลังจากนั้นก็จะส่งไปขายประเทศจีน หรือบางครั้งก็จะมีพ่อค้าจีนมารับซื้อถึงสวน โดยนายทุนจีนจะจ่ายค่าปุ๋ย ค่ายากำจัดศัตรูพืชให้ทั้งหมด ยอมรับที่ผ่านมาได้สูบน้ำจากแม่น้ำอิงขึ้นมาใช้จริงแต่ก็หยุดสูบแล้ว หันมาเจาะน้ำบาดาลใช้แทน คนงานเผย ได้ยินกระแสต่อต้านสวนกล้วยหอมของนายทุนจีนเหมือนกัน แต่ก็ไม่หวั่นใจ เพราะจะทำงานที่นี่ ในช่วงว่างจากทำนาเท่านั้นกลับคิดว่าดีซะอีก ช่วยให้คนในพื้นที่ มีรายได้เพิ่มจากทำนา ช่วงที่ทีมข่าวบุกลงพื้นที่ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พ่อค้าชาวจีนได้มารับซื้อกล้วยหอมพอดี ทีมข่าวจึงขอสัมภาษณ์พิเศษ ผ่านล่ามคนไทย เล่าให้ฟังว่า เพิ่งมารับซื้อกล้วยหอมในไทยเป็นครั้งแรก ยืนยัน ส่งกลับไปขายที่ประเทศจีน โดยที่ประเทศจีน จะนิยมรับประทานกล้วยหอมมากเป็นพิเศษด้วยเชื่อในสรรพคุณ ช่วยบรรเทาโรคอัลไซเมอร์ ปลูกเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย และปลูกได้เฉพาะที่มณฑลยูนานเพียง 2 ฤดูเท่านั้น กลุ่มนักลงทุนจีนจึงหันมาหาพื้นที่ปลูกในแถบเอเชีย อย่างในประเทศไทย แหล่งน้ำดีและการคมนาคมสะดวก วันนี้ตั้งใจซื้อกล้วยหอมกลับประเทศราว 22 ตัน เพื่อนำไปขายต่อ นายอำเภอพญาเม็งรายเผย บริษัท"หงต๋า อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย"เจ้าของคือนายทุนจีน เข้ามาเช่าที่ดินเกือบ 3,000 ไร่จากคนไทยนาน 9 ปี เพื่อปลูกกล้วยหอมส่งกลับไปขายประเทศจีน ยืนยัน ไม่ได้ขายในประเทศไทยจึงมองว่า ไม่ได้มาแย่งอาชีพเกษตรกร ซึ่งเป็นอาชีพสงวนของคนไทย แต่กลับเข้ามาสร้างงานให้คนในพื้นที่ ที่ผ่านมาได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านว่า สวนกล้วยหอมแห่งนี้สูบน้ำจากแม่น้ำอิง ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักหล่อเลี้ยงคนทั้งอำเภอขึ้นมาใช้ จนน้ำแห้งขอดชาวบ้านเดือดร้อน จึงสั่งการให้หยุดสูบน้ำ แล้วให้ขุดน้ำบาดาลใช้แทน ล่าสุดขุดเจาะไปแล้ว 2 บ่อ ชาวบ้านอีกส่วนล้วนกังวลใจ แม้ยังไม่ได้รับผลกระทบในเชิงธุรกิจเพราะปลูกผลไม้ต่างชนิดกัน แต่สวนลำไยที่ทำอยู่ต้องขาดน้ำ แห้งเหี่ยว ในขณะที่สวนกล้วยหอมของนายทุนจีนกลับงอกงามดี ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่า บริษัทนี้เคยถูกทางการลาวสั่งห้ามไม่ให้ปลูกกล้วยหอมเพิ่มในพื้นที่ เพราะพบว่ามีการใช้สารเคมีรุนแรง ล่าสุดเจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอร่วมกับสาธารณสุขอำเภอพญาเม็งรายจึงลงพื้นที่ เก็บตัวอย่างกล้วยหอมไปตรวจสอบที่กรมวิชาการเกษตรแล้ว ผลตรวจ ไม่พบสารเคมีปนเปื้อน ส่วนผลการสุ่มตรวจเลือดคนงาน 43 คน เพื่อหาสารเคมีปนเปื้อนในร่างกาย พบว่า มี 13 คน ที่น่าเป็นห่วง แต่เนื่องจากเป็นชาวเขาที่ปลูกกะหล่ำปลีจึงยังไม่อาจชี้ชัดได้ว่า คนงานกลุ่มนี้ ได้รับสารเคมีปนเปื้อนจากสวนกล้วยหอมหรือแหล่งอื่น อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าชี้ กลุ่มนายทุนจากประเทศจีนไม่สามารถเข้ามาเช่าพื้นที่ทำการเกษตรในไทยได้ เข้าข่ายผิดพ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ที่ไม่อนุญาตให้ต่างชาติทำอาชีพสงวนของคนไทย แม้จะให้ชาวบ้านช่วยดูแล คล้ายกับเป็นเจ้าของสวนกล้วยหอม แล้วมารับซื้อคืนก็ตาม แต่ที่สุดแล้วการบริหารจัดการยังเป็นนายทุนจีน เข้าข่ายความผิดมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 ล้านบาท กระทรวงพาณิชย์ชี้แจง หากกลุ่มนายทุนจีน ต้องการเข้ามาลงทุนทำสวนกล้วยหอมอย่างถูกต้องในไทย ต้องทำสัญญาแบบ "คอนแทรกฟาร์มมิ่ง" เท่านั้นซึ่งเป็นการเข้ามารับซื้อผลผลิต โดยคนไทยเป็นผู้บริหารจัดการสวนเอง มิใช่นายทุนจีนเกิดคำถาม โปร่งใสหรือไม่ เหตุใดจึงถูกละเลย
พื้นที่ภาคเหนือของไทยจำนวนหนึ่งเป็นพื้นที่ปลูกกล้วยหอมของนักลงทุนจากจีนที่จริงการลงทุนน่าจะนำรายได้เข้าสู่ประเทศ แต่อีกแง่มุมหนึ่งมีข้อกล่าวหาว่าการปลูกกล้วยหอมของคนจีนใช้สารเคมีทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่ต่างจากที่เคยปลูกในลาว สวนกล้วยหอมกว่า 3,000 ไร่ ใน อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย เป็นเป้าหมายแรกที่กลุ่มทุนจีน เข้ามาลงทุนหลังถูกจำกัดพื้นที่ในลาว จีนใช้วิธีการขยายฐานการผลิตสินค้าเกษตรเข้ามาในไทย ในแง่รายได้ทั้งค่าเช่าที่ดินและการจ้างแรงงานไทยคือข้อดี แต่คำถามคือผลกระทบที่ตามมาคุ้มค่าหรือไม่ ยังเป็นข้อถกเถียงว่าการเข้ามา ของนายทุนจากประเทศจีน ที่มาปลูกกล้วยหอมในจังหวัดเชียงราย เพื่อส่งกลับประเทศ เป็นพันๆ ไร่ จะส่งผลดีผลเสียต่อ ชาวบ้านที่นั่นอย่างไร แต่เบื้องต้นมีข้อร้องเรียนเรื่องการใช้สารเคมี และการแย่งน้ำกันแล้ว ติดตาม จาก รายงาน ธัญพิสิษฐ์ เลิศบำรุงชัย
ปัจจุบันทุนเกษตรต่างชาติรุกคืบขยายพื้นที่ เพาะปลูกมาทางตอนเหนือของไทย นอกจากจีนที่มาปลูกสวนกล้วยแล้ว ญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศที่ขยายพื้นที่ปลูกพืชโดยเฉพาะถัวแระญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพืชวัฒนธรรมบ้านเค้า โดยมีการเซ็นสัญญากับชาวนาแบบ contact farming มาเป็นเวลาหลายสิบปี ติดตามเรื่องนี้ กับ คุณธัญพิสิษฐ์ เลิศบำรุงชัย ที่นาจำนวน 20 ไร่ ของนายถวิล มุนเมือง ใน ต.เจดีย์ใหม่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย เป็นแปลงเพาะปลูกถั่วแระญี่ปุ่น หลังเกี่ยวข้าวเสร็จ เขาเซ็นสัญญาระยะยาวเพื่อปลูถัวแระให้ กับบริษัท ลานนา เกษตรอุตสาหกรรม จำกัด ซึ่งเป็น ตัวแทนให้กับบริษัทรับซื้อถัวแระ จากประเทศญี่ปุ่น ผู้ชายคนนี้ นอกจากจะเป็นผู้ใหญ่บ้านแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นนายหน้า หรือโบกเกอร์ ให้กับบริษัทที่ลูกบ้านได้เซ็นสัญญา Contact farming ที่บ้านของเขามีทั้งเมล็ดพันธุ์และสารเคมีของบริษัท เพื่อแจกจ่ายลูกบ้านที่เป็นเกษตรกร Contact farming ลักษณะของ Contact farming กรณีสวนถัวแระญี่ปุ่นที่เชียงราย จึงมี 3 ทอด เริ่มจากบริษัทญี่ปุ่นในฐานะลูกค้า ของบริษัท ลานนาเกษตรอุตสาหกรรม จำกัด โดยสารเคมีและเมล็ดพันธุ์ถูกกระจายถึงมือเกษตรกรผ่าน ผู้ใหญ่บ้าน ในแต่ละทอด แหล่งข่าวยอมรับว่ามีค่าบริหารจัดการ ที่ต่างกันไป แม้ถวิล ไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายทั้งค่าปุ๋ย สารเคมี และเมล็ดพันธุ์ในตอนแรกตามเงือนไข เพียงแต่มีที่ดินและเป็นผู้ลงปลูกเอง แต่เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิต บริษัทคู่สัญญาจะรับซื้อถัวแระในราคา 16 บาท 50 สิบสตางค์ โดยคำนวนราคาทั้งหมด จะถูกหักค่าเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยและสารเคมี ซึ่งเป็นต้นทุนที่บริษัทออกให้ตอนแรกเกือบครึ่ง ส่วนเงินที่เหลือคือรายได้สุทธิของถวิล เหตุผลการเข้ามาลงทุน ของบริษัททุนเกษตรญี่ปุ่น เพื่อปลูกถั่วแระในไทย ไม่ต่างจากบริษัททุนเกษตรของจีน คือประสบปัญหาประชากรมาก แต่มีพื้นที่ปลูกพืชผัก ผลไม้จำกัด จึงต้องสร้างความมั่นคงทางอาหารด้วยการแผ่ขยาย เข้ามาใช้พื้นที่ของประเทศอื่นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้หากไม่เกิดการควบคุมอาจเป็นปัญหาในอนาคต เกือบ 3 พันไร่ในจังหวัดเชียงราย กลายเป็นสวนกล้วยจากเมืองจีน สร้างรายได้เพิ่ม หรือแย่งชิงทรัพยากร รายการรักโลก ตอน สวนกล้วยจีน พื้นที่ความมั่นคงทางอาหารของใคร ออกอากาศเมื่อ วันพุธที่ 8 มิถุนายน 2559 ทางเนชั่นทีวี 22 ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ก็จริง แต่ก็มีจำนวนประชากรมากด้วยเช่นเดียวกัน จนแทบไม่น่าเชื่อว่าจีนจะเหลือพื้นที่เพื่อปลูกพืชผักผลไม้ จนต้องขยายมายังตอนใต้ จนกระทั่งเข้ามาถึงภาคเหนือของบ้านเราในที่สุดครับ ที่จังหวัดเชียงราย เวลานี้พื้นที่จำนวนเกือบ 3000 ไร่ถูกใช้เป็นพื้นที่ปลูกต้นกล้วยหอมเต็มพื้นเหมือนอย่างที่คุณผู้ชมเห็นอยู่ในขณะนี้ครับ โดยมีกลุ่มทุนจากประเทศจีนเป็นผู้เช่นที่ดิน จ้างคน และลงปลูก มาเป็นเวลาเกือบปี ล่าสุดได้ทยอยส่งออกผลผลิตกลับประเทศไปแล้ว 1 รอบฤดูกาลเพาะปลูก และกำลังจะส่งออกอีกรอบฤดูการเพาะปลูกอีก ในไม่ช้าครับทีมข่าวของเราได้ลงพื้นที่สำรวจผลกระทบจากสวนกล้วยจีน ฟังเสียงคนทุกฝ่าย ประมวลและวิเคราะห์ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แล้วจะต้องระมัดระวังกันอย่างไรต่อไป หรือไม่ครับ สารเคมีตกค้างสวนกล้วยจีน กสม.จำกัดพื้นที่ปลูกหวั่นกระทบระยะยาว
