“ตอนที่ออกหมายจับคุณทักษิณอยู่เมืองนอก แต่พอออกหมายจับแล้วเขาก็ไม่ได้เข้ามาเมืองไทย ถามว่าการที่ไม่เข้ามาถือว่าหลบหนีหรือเปล่า กลับกันหากออกหมายจับแล้วและเล็ดลอดหนีออกไป แปลว่าหนีแน่นอน ส่วนที่ศาลตัดสินว่าต้องคำพิพากษาจำคุกนั้น คุณทักษิณไม่ได้ถูกจำคุก ทั้งหมดนี้มันเข้าเงื่อนไขหรือไม่ ก็ต้องกลับไปพิจารณากันให้ชัดเจน” โฆษก สตช. กล่าว http://chaoprayanews.com/blog/article/2015/06/07/ถอดยศ-คืนเครื่องราชฯ-‘ทั/ ------------------------------------------------------------------------------------ ผมไม่น่าจะเกิดเป็นคนไทยเลย ขนาดภาษาไทยแท้ๆ ผมยังตีความต่างจากโฆษก สตช.
ม่ายเป็นไร้ เชิญล็อคเอาตามที่สบายใจละกัน ก็แทงไปทุกงวด เปลี่ยนรบ.ที่ฟ้องกันที่ ก็สนุกดี เหมือนแทงหวย ตีเลขไม่โดน เจอล็อก งวดหน้าเอาอีก แค่ได้ลุ้นก็มันดี มันเป็นความมันของสลิ่ม ไม่เดือดร้อน และไม่เผาบ้านเผาเมือง ไม่ปาระเบิด ไม่ฟ้องสหปชช. เอามั่งดิ..........แล้วมันจะปรองดองได้ไง
ท่านทักษิณ ไม่ได้หนี ยินดีให้ตามไปจับ หรือติดต่อตำรวจสากลไปจับตัวท่านก็ได้ ถูกยึดหนังสือเดินทาง เข้ามามอบตัวไม่ได้ ท่านรออยู่ ว่าแต่มีปัญญากันเปล่า
น่าจะเป็นการเล่นลิ้น เล่นคำ มากกว่าครับ อันใหนดี เป็นผลดี กับฝ่ายใหน ก็ยกก็ตัดมา บางช่วง บางตอน ท่าน ก็มี คำนี้ ไว้แก้ แล้วนี้ครับ ซึ่งครอบคลุม เช่น ถือว่า ถือได้ว่า เชื่อว่า เชื่อได้ว่า เปรียบเหมือน เปรียบเสมือน ถ้าเอามาเติม ก็ยากจะแก้ตัว เช่น ทักษิณ ไม่มารายงานตัว หรือรับทราบข้อกล่าวหา หรือมารับฟัง การพิจารณา คดี ให้ถือว่าหนี หรือ หลบหนี หรือ พฤติการเช่นนี้ เชื่อได้ว่า... อะไรประมาณนี้ ก็แบบของเฉลิม ที่บอก ที่เอามาบางส่วน เช่น ไม่ได้ทำผิด กฏหมาย แต่ ทำในสิ่ง ที่กฏหมาย ห้าม ถ้าเติมไป ก็เป็น ให้ถือว่า ทำผิด กฎหมาย เหมือสงครามน้ำลาย สับขาหลอก มวลชน ผู้รับข่าวสาร ให้เห็นด้วย เฉยๆ แต่จะไปแก้ตัวกับศาล โดยบอกว่า ไม่ได้เจตนา แต่ตั้งใจนิดๆ แบบนั้นเหรอ ทุกอย่างเริ่มมาจาก ทักษิณ ยุคของทักษิณ ทั้งนั้น ที่บอกว่า ทำผิดโดยสุจริต นั่นแล้ว และเริ่มใช้ นิยมกันมาเรื่อยๆ ด้วยการ พลิกลิ้น เมื่อจวนตัว
เดะพอยุบกลับเข้าไป กระทรวงกลาโหม สภากลาโหม ก็ไม่ต้องใช้ละมั้ง โฆษก จะได้ฟังภาษาไทยเข้าใจขึ้น ลุงตู่แกบอกว่าแกจะไม่ละเว้นปฎิบัติหน้าที่ยุคแก ก็ชัดอยุ่นะ ทำไมเหรอโฆษกไม่เข้าใจอะไร?
คณะกรรมการกฤษฎีกา ยืนยันมาถึง 2 ครั้ง ........ โคสก ยังจะแถไปไหนอีก จะโชว์พาว เป็นผู้ตัดสินข้อกฏหมายเองหรือไง ....... อย่าเสล่อในสิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่ซิ สรุป สอ-ตอ-ชวย จะทำเรื่องถามไปยัง กฤษฎีกา สัก 100 รอบ จนถึงชาติหน้าเลยมั๊ย
พล.ต.อ.เอก แจ้งความ ปอท.เร่งหามือปล่อยภาพ ปมถอดยศทักษิณ Written by: newmedia 2015/06/06 3:27 PM สงขลา 6 มิ.ย. – พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า มอบหมายนายตำรวจติดตามแจ้งความ ปอท. เพื่อสืบสวนหาต้นตอผู้ที่นำภาพและข้อความ ที่ทำให้เข้าใจว่า พล.ต.อ.เอก อาสาจะดำเนินการถอดยศอดีตนายกรัฐมนตรี มาเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียเนื่องจากไม่เป็นความจริง ทำให้ตนและครอบครัวเสียหาย ส่วนจะมีขบวนการจ้องทำลายหรือไม่ ไม่อยากคิดร้ายขนาดนั้น. – สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/202698 ก็ระดับ รอง ผบ.ตร. ยังคิดว่าการอาสาดำเนินการถอดยศทักษิณเป็นเรื่องเสียหาย มันก็บ่งบอกทัศนคติแล้วครับ
ศาลท่านออกหมายจับผู้ยิ่งหย่ายคนนั้นตามมาตรา ๑๘๒ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความคดีอาญา เพราะจำเลยจงใจไม่มาฟังคำพิพากษา หรือหลบหนี ซึ่งตามมาตรา ๖๖ ของกฎหมายฉบับเดียวกัน ว่าด้วยเหตุผลของการออกหมายจับ โดยมีส่วนหนึ่ง ซึ่งได้ให้นิยามไว้ ถ้าไม่มาตามนัด โดยไม่มีเหตุผลอันควร ให้สันนิษฐานว่าหลบหนี แล้วก็ผู้ต้องคำพิพากษา หมายถึงศาลพิพากษาเปรี้ยงมา ท่านจะได้สิทธินั้นทันที ไม่ว่าท่านจะได้รับโทษจริงๆหรือไม่ ไม่งั้นประมวลกฎหมายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาคงไม่มีข้อความว่า "เรื่องราวหรือคำแนะนำขอพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องคำพิพากษาให้ประหารชีวิต ให้ถวายได้แต่ครั้งเดียวเท่านั้น" กรณีนี้ถ้าต้องได้รับโทษก่อน ถึงจะเป็นผู้ต้องคำพากษาได้ คงไม่ต้องถวายคำแนะนำเพื่อขอลดโทษแล้วม้างครับ
รูปที่โพล่มาในช่วงนี้ จะเห็นหน้ายิ้มตลอด เหมือนคนมีความสุข แต่ถ้าสังเกตุให้ดี จะเหมือนฉีกยิ้มที่มุมปาก โดยที่ไม่สัมพันธ์กับตา เพราะตาจะดูหมองๆเหมือนคนไม่สบายใจ หลอกใครหลอกได้ แต่หลอกตัวเองไม่ได้หรอก
ก่อนหน้าจะไปดูโอลิมปิค ทักษิณเป็นผู้ต้องหาที่มีคดีค้างอยู่ในศาล ศาลห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ต้องขออนุญาตศาลหากจะไป ทักษิณขออนุญาติไปดูโอลิมปิค มีกำหนดแน่นอนว่าไปและกลับเมื่อไหร่ แต่ทักษิณไม่กลับตามกำหนด ก็ถือว่าหนีศาลหรือหนีคดี เมื่อถึงกำหนด ศาลตัดสินจำคุกสองปี สถานภาพทักษิณก็เปลียนจาก ผู้ต้องหาหนีคดี กลายเป็นนักโทษหนีคุกทันทีโดยอัตโนมัติสำหรับคดีนี้ และยังเป็นผู้ต้องหาหนีหมายจับอีกหลายคดี ไม่เห็นตำกวดจะต้องตีความห่านไรให้ยุ่งยาก
อ่านข่าวนี้แล้วแต่วันก่อนเม้นต์ไม่ทัน คือสงสัยนะครับ ในกรณีที่ผมไปข่มขืนผู้หญิงที่ไม่ใช่ภรรยา แต่ผู้หญิงดิ้นรนหลุดรอดไปได้โดยที่ผมยังไม่สำเร็จความใคร่ ถ้าหากผมโดนจับ ผมจะตีความอ้างข้างๆคูๆแบบโฆษก สตช. ได้หรือไม่ว่า ผมไม่ได้ข่มขืน เพราะการที่ผมข่มขืนก็เพื่อจุดประสงค์ต้องการสำเร็จความใคร่ แต่ในเมื่อผมยังไม่สำเร็จความใคร่ จะเรียกว่าข่มขืนได้ไง แถแบบนี้พอจะรอดคุกมั้ยครับ
ท่านทักษิณไม่ได้หนีเลยครับ ท่านแค่ไปอยู่ในที่ที่ตำรวจไปจับกุมไม่ได้ และไม่ยอมมาอยู่ในที่ที่ตำรวจสามารถจับกุมได้แค่นั้นเอง ดูสีหน้าท่านที่โพสรูปแต่ละรูปสิครับ คุณดูแล้วหน้าตาสีหน้าท่านทักษิณอิ่มเอิบสดใส แบบนี้จะเรียกว่าคนหลบหนีได้เหรอครับ เป็นไปไม่ได้เลย
เพื่อความชัวร์ อย่าเชื่อใครเลยครับ ต้องลองจากประสพการณ์จริง ศาลตัดสินแล้วบอกข่าวมาด้วยก็แล้วกัน ผมจะซื้อข้าวผัดกะชาเย็นไปฝาก
ผมว่าคุณเก่งภาษาไทยเกินหน้าเกินตา สตช.มากไปหน่อยนะครับ เกือบ 7 ปีแล้ว สตช.เขายังตีความภาษาไทยไม่ถูก(ออกหมายจับเมื่อวันที่ 13 สค. 2551) คุณอ่านแค่ไม่ถึง 5 นาที ดันตีความได้ซะแล้ว
ตราบใดที่ตำรวจจับโจรที่ถูกศาลตัดสินให้ติดคุก เอามาขังคุกไม่ได้ ก็หมายถึงไม่ได้ทำผิด สองคนนี้หนีเหมือนกัน ไม่ยึดเครื่องราชย์คืน และถอดยศเลย
โดย ซี12 ไทยรัฐ อีกเรื่องราวที่กล่าวขวัญเป็นข่าวคราวมาตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคือการดำเนินการเกี่ยวกับการถอดยศ ที่มีกระบวนท่าการดำเนินการอันแสนซับซ้อนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งๆที่เรื่องนี้ไม่น่าจะมีอะไรสับสนจะถอดก็ถอดจะไม่ถอดก็ยุติเรื่องลงไปให้ชัดเจน เรื่องราวนี้มีมายาวนานก่อนถึงวันนี้ มี บันทึกสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกา เรื่อง แนวทางการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดยศตำรวจและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นแนวทางไว้ชัดเจนแล้วตั้งแต่ ปี 2552 http://www.thairath.co.th/content/503720
ตํารวจเป็นองค์กรที่มีหน้าที่ในการรักษากฎหมาย ในการปฏิบัติหน้าที่ตำรวจต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายต้องรู้กฎหมาย มิฉะนั้นก็จะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ของตนได้โดยถูกต้อง การถอดยศ (พ.ต.ท.)ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไม่น่าจะมีปัญหาอย่างใดเลย ถ้าหากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรู้กฎหมาย และกฎหมายที่จะต้องรู้ก็คือพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยกาถอดยศตำรวจ พ.ศ.2547 ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติฉบับนั้น จะเห็นว่าพฤติการณ์ของ (พ.ต.ท.)ทักษิณนั้นเป็นไปตามระเบียบดังกล่าวข้อ 1 (2) คือต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก และข้อ 1 (6) คือต้องหาในคดีอาญาแล้วหลบหนีไป สำหรับผู้ที่มิได้อยู่ในราชการ หรือหน่วยงานของรัฐ โดยนัยของระเบียบดังกล่าว การถอดยศ (พ.ต.ท.)ทักษิณ ชินวัตร จึงกระทำได้โดยให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพิจารณาเสนอผู้บังคับบัญชา โดยไม่จำเป็นต้องตั้งกรรมการพิจารณา เพราะความผิดของ (พ.ต.ท.)ทักษิณปรากฏชัดและต้องตามระเบียบแล้ว การที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ตั้งคณะกรรมการพิจารณา โดยให้ พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เป็นประธาน แล้วยังตั้งแง่ว่าผลการพิจารณาของคณะกรรมการไม่สมบูรณ์ ต้องส่งคืนแล้วคืนอีก และยังไม่ยอมดำเนินการขอถอดยศ (พ.ต.ท.)ทักษิณ จึงอาจทำให้แลเห็นได้ว่าเป็นการถ่วงเวลา จะโดยเจตนาอย่างใดหรือไม่ก็ตาม http://chaoprayanews.com/blog/wasit/2015/06/10/ถอดยศตำรวจ-ปัญหาหญ้าปาก/
8 ผบ.ตร. ยศพลตำรวจเอก ไม่กล้าจัดการพันตำรวจโทหนีคุก สงสัยจะรอผบ.ตร.คนที่ 9 บอกลุงตู่ไม่ต้องรอ ยุบแม่มเลยสตช.
เวลาขี้นศาลอ้างหลักการดำเนินคดีของตำรวจ เมื่อสัก5-6ปีก่อนไว้ประกอบการสู้คดีด้วยก็ดีครับ ที่ผมจำได้คือการล่อซื้อการค้าประเวณี ที่ตำรวจอ้างว่าจะต้องมีการหลับนอนกันเพื่อให้ได้หลักฐานสำคัญคือน้ำอสุจิในถุงยาง เพราะเป็นหลักฐานการประกอบการค้าประเวณีที่สมบรูณ์ครับ เพราะการไม่มีน้ำอสุจิในถุงยางและการให้เงินอย่างเดียว ผู้ต้องหาอาจจะสู่คดีว่าเป็นการให้ด้วยเสน่หาก็ได้ อ่านคำแถลงแล้ว ผมยกมือขึ้นท่วมหัวเลยครับ ที่ปูย่าตายายคนรุ่นสมัยสุโขทัย ซึ่งยังไม่มีภาษาไทยใช้อย่างแพร่หลาย อาจจะมีคนว่าๆมีคนโง่เยอะเพราะไม่รู้หนังสือ แต่โขคดีที่ไม่มีคนเฮี้ยแบบนี้อยู่ ไม่งั้นบ้านเมืองของพ่อขุนรามคงไม่สามารถปกครองให้บ้านเมืองสงบสุข จนน้ำมีปลาในนามีข้าว ใครใคร่ค้า ค้า มาได้ด้วยดีแน่ นึกถึงคำที่พลเอกประยุทธเรียกหา " ไหนๆ ธาริตมาไหม นั้งอยู่ครงไหน ทำอะไรไป พอได้แล้วนะ เลอะเทอะไปหมดแล้ว " อยากจะให้ท่านเรียก ไห้เฮี้ยนี้ไปเขกกบาลก็ดีครับ