เรามาดูความจริงกันดีกว่าครับ ผมเกือบเชื่อเรื่องคุณทักษิณอยากเป็นประธานาธิบดีแล้วไหมล่ะ จนกระทั่งสติ๊กเกอร์หรา แถมนปช.ออกมาประกาศตั้งรัฐไทยใหม่ ผมเกือบเชื่อเรื่องการทำบุญวัดพระแก้วของคุณทักษิณเป็นการหมิ่นเบื้องสูงแล้วไหมล่ะ จนกระทั่งอัยการสั่งไม่ฟ้องเพราะอัยการเจ้าเดิมที่ทำตัวเป็นศาล แต่ดูจากการแต่งตัวแล้วเนี่ย... ผมเกือบเชื่อเรื่อง กกต.ยุคคุณวาสนา เป็นจำเลยฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบแล้วไหมล่ะ จนกระทั่งศาลฏีกายกฟ้อง เพราะผู้ร้องไม่ใช่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ ไม่ใช่ไม่ผิด ผมเกือบเชื่อเรื่อง คุณนพดลลงนามแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาเป็นการขายชาติแล้วไหมล่ะ จนกระทั่งศาลฎีกาฯมีมติยกฟ้อง เพราะศาลไม่มองว่าเป็นหนังสือสัญญา ผมเกือบเชื่อเรื่องกองทุนหมู่บ้าน เป็นนโยบายให้ชาวบ้านซื้อมือถือกับมอเตอร์ไซด์แล้วไหมล่ะ จนกระทั่งคุณสมคิดนำนโยบายกองทุนหมู่บ้านมาปัดฝุ่นใช้ใหม่ซึ่งสมคิดเป็นใครมาจากไหน และปัดฝุ่นใหม่ก็บริหารจัดการใหม่ ไม่ให้เละเทะแบบแม้ว ผมเกือบเชื่อเรื่องการยุบพรรคไทยรักไทย เพราะกรรมการบริหารพรรคจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้งแล้วไหมล่ะ จนกระทั่งมีศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง แต่ที่เหลือโดนหมดเพราะอัยการเป่าคดีคนเดียว ผมเกือบเชื่อเรื่องการรับจำนำข้าวราคาสูงกว่าตลาด ทำให้ชาติขาดทุนแล้วไหมล่ะ ซึ่งขาดทุนนับแสนล้าน ดันกลายเป็นความจริง และเอายางออกมาแถ ซึ่งรัฐเป็นคนรับซื้อ ไม่ได้เอาไปขายต่อ ไม่ใช่รับจำนำแล้ว หมกไว้ไม่ขายหรือไม่ก็สวมสิทธิ์ ผมเกือบเชื่อเรื่องการสร้างรถไฟความเร็วสูง ควรรอให้ถนนดินลูกรังเสร็จทั้งประเทศก่อนแล้วไหมล่ะ จนกระทั่งมีแผนทำรถไฟแม้จะเป็นแค่รถไฟความเร็วปานกลางก็เถอะ ซึ่งเป็นความเห็นที่ถูกต้อง และไม่ได้กู้เป็นก้อนเดียวมั่ว รายละเอียดไม่กี่สิบหน้า ไม่ใช่งบในระบบ ผมเกือบเชื่อเรื่องสองนปช.เผาเซ็นทรัลเวิร์ลด์แล้วไหมล่ะ จนกระทั่งศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง โดยชี้พยานหลักฐานไม่พอ เพราะธาริตช่วย แต่มีภาพและคลิปว่าใครเผา ผมเกือบเชื่อเรื่องสามนปช.ยิงฮ.ทหารแล้วไหมล่ะ จนกระทั่งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง ส่วนศาลฎีกาให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ เพราะธาริตช่วย ผมเกือบเชื่อเรื่องคุณสุเทพบอกให้ทหารใช้กระสุนปลอมระหว่างขอคืนพื้นที่แล้วไหมล่ะ จนกระทั่งคุณอภิสิทธ์ให้สัมภาษณ์สื่อนอกเป็นคนอนุญาตให้ใช้กระสุนจริง ซึ่งเป็นคนละเหตุการณ์กัน ควายแดงก็เอามามั่วได้ ผมเกือบเชื่อเรื่องการตายของคนเสื้อแดงเกิดจากการฆ่ากันเองแล้วไหมล่ะ จนกระทั่งศาลวินิจฉัยการตายอย่างน้อยสิบกว่าศพตายจากกระสุนที่มาจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ แต่ศาลยังไม่ได้ตัดสิน เพราะศาลได้รับความแค่ข้างเดียว การไต่สวนยังไม่เริ่ม ผมเกือบเชื่อเรื่องผังล้มเจ้าเป็นเรื่องจริงแล้วไหมล่ะ จนกระทั่งคุณสรรเสริญสารภาพกลางศาลว่าผังลัมเจ้านั้นเป็นแค่ความเชื่อของศอฉ.ในขณะนั้นเอง นั่นคือธาริต แต่ก็พิสูจน์ไม่ได้ว่า รายชื่อในผังบริสุทธิ์จริง ผมเกือบเชื่อเรื่องมีแต่นักการเมืองที่เอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องแล้วไหมล่ะ จนกระทั่งเห็นนักการเมืองวันๆคิดแต่เรืองส่งใครเป็นนอมินี จนกระทั่งแม้วตั้งพี่ พีเขย ในตำแหน่งสำคัญ ผมเกือบเชื่อเรื่องมีแต่นักการเมืองเท่านั้นที่โกงประเทศชาติแล้วไหมล่ะ ซึ่งข้าราชการส่วนหนึ่งที่เกียร์ว่างรอรัฐบาลเพื่อเข้ากินส่วนต่างต่อ ขนาดระดับท้องถิ่นมีให้รึ่ง เพราะโครงการน้ำของนังปู ได้แต่เขื่อนพังๆมา ผมเกือบเชื่อเรื่องพรรคใหญ่พามวลชนสู่ท้องถนน เพราะต้องการปฏิรูปประเทศแล้วไหมล่ะ จนกระทั่งเห็นพลพรรคเพื่อไทยออกมาคัดค้าน ต่อต้าน แนะนำ เมื่อเห็นรัฐธรรมนูญไม่ได้เอื้อตัวเองดังใจ เพราะมันปราบโกงซะอยู่หมัดรัดแน่น ผมเกือบเชื่อเรื่องคนดีต้องการให้แสดงจริยธรรมก่อนกฎหมายลงโทษแล้วไหมล่ะ จนกระทั่งผมเห็น กกต.ยุติสอบคุณสมบัติของคุณอภิสิทธิ์ เพราะทำตามกฎหมาย ซึ่งกรณีนี้เคยมีคำพืพากษาในอดีตมาแล้วว่า ถูกหมิ่นประมาท และสุดท้ายผมเกือบเชื่อเรื่องรัฐธรรมนูญของคุณมีชัยมีไว้ปราบโกงแล้วไหมล่ะ จนกระทั่งม.93 ของร่างรธน.ปรากฎชัดเจนว่าปราบโกงจริงๆ เป็นไงครับความจริงที่ไม่ได้ลอกใครมา
แค่นี้สุเทพก็อยากเป็นประธานาธิบดีล่ะ จริงไหม... ถ้ามองอีกอย่างหนึ่งคือ ทักษิณไม่เคยประกาศตนเองเป็นรัธฐาธิปัตย์ แต่สุเทพประกาศตัวเองเป็นรัธฐาธิปัตย์
อ่อ อันนี้ก็แค่ตัดต่อครับก๊ากๆๆๆ แหม่ๆๆ ดันมีคนจับได้ซะอีก อันนี้สิ ไม่ได้ตัดต่อ แถมประกาศตั้งรัฐไทยใหม่ เคยครองสภาเสียงลากไปด้วย
555 พยายามจะโยงให้มาเป็นเรื่องเดียวกันให้ได้ ลงทุนไม่ถึง 20 บาทให้ก็สามารถปรักปรำให้แม้วอยากเป็นประธานธิบดีได้
อุ้ย บังเอิญว่มันมีมูลไงครับ เพราะกลุ่มไหนครับชอบนัก ประกาศตั้งรัฐไทยใหม่ ประกาศแยกดินแดน ให้กระซิบข้างหูด้วย และอันนี้ถ่ายจากไหนละครับ ในม็อบใครครับ โชคร้ายที่ควายแดงหาหลักฐานมาเถียงไม่ได้ ที่คนกลางเอามานี่ ผมขอบคุณนะ เถียงให้เลยเรียบร้อย
รู้ได้ไงครับว่าคนเสื้อแดงเอาไปติด..... แล้วก็ตู้โทรศัพท์ใช่ตู้โทรศัพท์ที่อยู่ในที่ชุมนุมไหม เรื่องทักษิณก็เรื่องหนึ่ง แล้วลองเทียบกับคลิปนี้หน่อยดีไหม
รู้ได้ไง ผมถามกลับแล้วเจอบริเวณถนนสีลม ตอนนั้นม็อบไหนอยู่ใกล้ครับ ที่ยิง M79 ใส่ชาวสีลมและม็อบไหนครับ จะตั้งรัฐไทยใหม่ เทียบไม่ได้ครับ เพราะสนธิบอกว่า ถ้าแม้วไม่ลาออกจะให้ท่านลาออกหรือไง แหม่ เอามาอย่าดูแค่ชื่อคลิปสิครับ จะได้ไม่หน้าแหกอีก ดูภาพความเสียหายที่ก่อขึ้นนะครับ บริเวณสีลม
รัฐไทยใหม่เกี่ยวไรกับทักกี้จะเป็นประธานาธิบดี แล้วการที่บอกว่าตัวเองรักในหลวง จะสู้เพื่อในหลวง แต่ทำไมใช้ถ้อยคำแบบนั้นเอ่ยถึงในหลวง ???
JSN ผู้ยึดถือความเป็นธรรมและหลักฐานเป็นหลักการ ใยกลับมาเชื่อกระดาษสติกเกอร์ ที่ใครมีเครื่องปรินท์ที่บ้าน ก็ทำได้เช่นนี้เล่า
รัฐไทยเดิมคือ กษัตริย์เป็นประมุข แต่รัฐไทยใหม่เป็นสาธารณรัฐ ใครเสนอแนวความคิดนี้ครับ อาจไม่สมควรที่เอ่ยคำพูดนั้น แต่คำพูดนี้ไม่เหมาะสมกว่าครับ ให้มากระซิบข้างหูแล้วจะลาออก แต่ขอถามว่า ไม่สมควรอย่างไร กรุณาอธิบาย ดูซิกว่าจะกลับมมาแถได้
ขอบคุณที่ชม ที่ผมบอกว่ามีมูลก็จากปากและการกระทำของเจ้าตัวครับ กว้านซื้อพรรคอื่นมารวมกันสร้างรัฐบาลพรรคเดียวครองเสียงข้างมากจนกระบวนการตรวจสอยแทบทำไม่ได้ พฤติกรรมที่แสดงชัดเจนว่า ข้าแน่อยู่คนเดียวเช่น การพูดว่าทหารใต้สมควรตาย การพูดว่าโจรกระจอก การพูดว่าจังหวัดไหนเลือกตัวเองจะไปพัฒนาก่อน และการที่ผมเชื่อว่าสติ๊กเกอร์ที่เสื้อแดงเองก็สามารถปริ๊นกระดาษสติ๊กเกอร์ ที่ใครมีเครื่องปริ๊นที่บ้านเสื้อแดง ก็มีความเป็นไปได้สูงจริงมั้ยครับ แถมบริเวณที่ติดคือแถวสีลมใกล้กับม็อบไหนที่เที่ยวไปกวาดปล้นทรัพย์สินครับ ผมว่า ถ้าคนกลางมีหลักฐานที่น่าเชื่อว่าทักษิณไม่ได้อยกเป็นประธานาธิบดีก็เอาแสดงดดยพลัน อย่าได้ช้าที
กรรมเป็นเครื่องบ่งชี้เจตนา แม้คำพูดนี้จะไม่หลุดจากปากทักษิณอย่างชัด ๆ พรรคพวกทักษิณ ก็ได้แสดงออกอย่างหมิ่นเหม่หลายครั้ง โดยจะเจตนาหรือไม่ก็ตาม การกระทำซ้ำหลายครั้ง ย่อมทำให้คนทั่วไปไม่ผิดที่จะอนุมานว่า สิ่งนั้นเป็นอย่างที่กล่าวอ้าง พฤติกรรมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ไม่ควรกระทำ อีกหนึ่งพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทีนี้เรามาดูคดีที่นายทักษิณเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุเทพ ในคดีหมิ่นประมาทว่าโจทก์อยากเป็นประธานาธิบดีบ้าง คดีนี้ศาลยกฟ้องครับ รายละเอียดคร่าว ๆ ดังนี้ ... คดีนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นโจทก์ฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ข้อหาหมิ่นประมาทที่ศาลอาญา สืบเนื่องจากนายสุเทพได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2552 ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คิดจะกลับมาเป็นประธานาธิบดีและยังได้กล่าวอภิปรายในสภาเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2552 ว่า “ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชอบระบอบประธานาธิบดีในจิตใจส่วนลึกของ พ.ต.ท.ทักษิณ อยากเป็นประธานาธิบดี” จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ศาลได้ไต่สวนมูลฟ้องและได้นัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ (22 มิ.ย.2552) เวลา 09.00 น.ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1) ทั้งนี้ ศาลได้พิเคราะห์จากพยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องสรุปได้ว่า โจทก์เคยดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ระหว่างปี 2544 ถึง 2549 ระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) เห็นว่าโจทก์มีพฤติการณ์เหยียบย่ำ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จึงได้เทศนาสั่งสอนโจทก์เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2548 ว่า อย่าคิดอาจเอื้อมเป็นประธานาธิบดี รายละเอียดปรากฏตามหนังสือฯ เอกสารหมาย ล.4 และในส่วนตัวโจทก์เองก็ได้แสดงพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมต่อองค์พระมหากษัตริย์ คือ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2548 โจทก์ได้พูดกลับกลุ่มบุคคลที่หอประชุมอินดอร์สเตดียมหัวหมาก ด้วยข้อความไม่เหมาะสมต่อองค์พระมหากษัตริย์ ต่อมาเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2549 โจทก์ได้พูดในรายการนายกทักษิณ คุยกับประชาชน ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เรื่องการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของโจทก์ โดยใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมต่อองค์พระมหากษัตริย์ และเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2549 โจทก์ได้พูดต่อข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ว่ามีผู้บารมีเหนือรัฐธรรมนูญมาก่อความวุ่นวายต่อระบอบประชาธิปไตยมากเกินไป จนทำให้นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า การกระทำของโจทก์ทำให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยว่าโจทก์ไม่ปกป้องต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังปรากฏตามหนังสือพิมพ์เอกสารหมาย ล.26 และ ล.27 เมื่อโจทก์พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วได้มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โจทก์ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชาชน ระหว่างสัมมนาที่โรงแรมที่อำเภอเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา โดยโจทก์ยอมรับว่าคนเสื้อแดงเป็นพลังสนับสนุนที่สำคัญของโจทก์ ตามเอกสารหมาย ล.1 การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงทุกครั้งได้นำรูปของโจทก์ขึ้นนำขบวน ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.12, ล.15 โจทก์ยังได้พูดคุยกับกลุ่มคนเสื้อแดงเรียกร้องให้บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และ พรรคเพื่อไทย ขึ้นกล่าวปราศัยบนเวทีของคนเสื้อแดง นอกจากนี้ ร้อยตำรวจโท เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ก็ได้อภิปรายยอมรับต่อที่ประชุมสภา เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2552 ว่า “พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย มีความเชื่อมโยงกันเป็นเนื้อเดียวกัน และพรรคเพื่อไทยก็ได้จัดทำเสื้อแดงเตรียมไว้ให้บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทยเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2551” ตามเอกสารหมาย ล.10, ล.11 และการชุมนุมของคนเสื้อแดงทุกครั้งมักจะพูดพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น การชุมนุมเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2550, วันที่ 10 มิถุนายน 2551, วันที่ 15 สิงหาคม 2251 โดยเฉพาะการชุมนุมที่หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2551 กลุ่มคนเสื้อแดงได้นำพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ติดไว้ที่ฉากหลังเวที โดยมีข้อความที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.14 ต่อมาเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2552 มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงหลายครั้งและมีการตั้งโต๊ะเสนอให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญาข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ปรากฎตามเอกสารหมาย ล.16 ล.21 จากพฤติกรรมของโจทก์เป็นผลให้ พล.ต.อ.วิสิษฐ เดชกุญชร เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์ว่าโจทก์หลบหลู่ดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.31 นอกจากนี้ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ ก็ยังได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า โจทก์จ้องล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ตามหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 4 เม.ย. 2552 ซึ่งโจทก็น่าจะหยุดการกระทำอันไม่บังควรดังกล่าว แต่โจทก์กลับไม่หยุด และในทางกลับกันโจทก็กลับให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไฟแนนเซี่ยลไทม์ว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ควรทราบเรื่องแผนการรัฐประหารมาล่วงหน้า” ตามหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 15 พ.ค.2552 โจทก์ยังได้ให้การสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดงให้มาชุมนุมกันที่ถนนราชดำเนิน ลานพระบรมรูปทรงม้า จนนำไปสู่การจลาจล ซึ่งชวนให้เห็นว่า เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติโดยประชาชนตามคำชักชวนของโจทก์ ทั้งนี้ เพราะโจทก์กับกลุ่มคนเสื้อแดงย่อมรู้อยู่แล้วว่า การเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยรูปแบบอื่นตามที่โจทก์ต้องการไม่อาจทำได้โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550 ม.291 วรรค 2 จากพฤติการณ์ของโจทก์และกลุ่มคนเสื้อแดงย่อมบ่งชี้ให้เห็นว่ามีเจตนาที่ส่อไปในทางที่สอดคล้องกับคำเทศนาของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปัณโน จำเลยอยู่ในฐานะอันชอบธรรมที่จะแสดงความคิดเห็นได้ ทั้งนี้ เพราะจำเลยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550 มาตรา 123 บัญญัติว่าก่อนเข้ารับหน้าที่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จะต้องกล่าวปฏิญาณตนในที่ประชุมสภาว่าจะปฏิบัติหน้าด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ และตามรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550 มาตรา 175 บัญญัติว่า ก่อนเข้ารับหน้าที่รัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระมหากษัตริย์ว่า จะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ มาตรา 8 บัญญัติว่า พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เครารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ซึ่งจำเลยและประชาชนผู้จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์มีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะปกป้องพระมหากษัตริย์ให้ผู้ใดล่วงละเมิด นอกจากนี้ การที่จำเลยพูดให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 3 ก.พ.2552 ว่า โจทก์คิดจะกลับมาเป็นประธานาธิบดี นั้นสืบเนื่องจากกรณีที่ โจทก์ได้พูดคุยกับผู้ร่วมสัมมนาว่า รัฐบาลประชาธิปัตย์เป็นเสือหิวเสือโหย ดังนั้น ตามที่จำเลยวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมของโจทก์ แล้วสรุปว่าวันหนึ่งโจทก์จะกลับมาเป็นประธานาธิบดี จึงน่าเชื่อว่าจำเลยกล่าวไปโดยมีเจตนาว่ากล่าวตักเตือนโจทก์และคนเสื้อแดงมิให้กระทำการล่วงละเมิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ จากสถานะของจำเลยจึงอยู่ในฐานะและมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะแสดงความคิดเห็นหรือข้อความนั้นได้ การกระทำของจำเลยซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรมป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับตนตามครองธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 (1) การกระทำของจำเลย จึงไม่มีมูลความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง ที่มา http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9520000071804
เพราะทักษิณโง่เชื่อพวกล้มเจ้าอย่างนายเวร จะยกให้เป็นเทพเป็นประธานาธิบดีก็เสือกเชื่อ ตอนนี้ไม่มีแผ่นดินอยู่ แล้วเขาก็เอาชื่อแม้วมามาหลอกควายแดง เหี่ยวๆกันไป
ไม่รุสิ รุแต่ว่าสิ่งเหล่านี้ มันคือกระบวนการทำให้ทักษิณไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นผู้มีีบุญมาเกิด มาโปรดสัตว์ ทำให้โลกร่มเย็นยังไงอย่างงั้น เหมือนผีบุญในอดีตก็ไม่ปาน และอันนี้คือฮาสุด "เจ้ามูลเมือง" http://www.oknation.net/blog/naiman/2009/02/18/entry-3
แบบนี้เป็นการที่ลุงกำนันตีตนเสมอหลวงปู่ทวดรึเปล่าครับ คนรักหลวงปู่ทวดเองก็มีมาก ส่วนมากการจะสร้างเหรียญบูชาอะไรก็แล้วแต่ ส่วนมากจะเป็นรูปแบบประมาณนี้ พระพุทธ องค์เทพ พระสงฆ์ ยันต์ พระมหากษัตริย์ เชื้อพระวงศ์ สถานที่สำคัญต่าง ๆ หรือถ้าไม่อย่างนั้นก็จะเป็น บุคคลสำคัญที่ได้ล่วงลับไปแล้ว
แล้วหลักฐานเรื่องไพร่ อำมาตย์ ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร หาเจอรึยังครับ ก่อนที่จะว่าคนอื่นนะ หรือคิดแต่จะพูดแบบปากพล่อยๆตามสันดานพวกเสื้อแดง
ตอนนี้แถไปตีตนเสมอหลวงปู่ทวดซะแล้ว ผมว่าเรื่องรูปแบบนี่ไม่เกี่ยวนะ เพราะจะศักดิสิทธิ์หรือไม่ต้องทำพิธี เหรียญด้าซผมมองว่าแค่เหรียญที่ระลึกมากกว่านะ
ใช่ครับประเด็นคือ ต้องแยกกันระหว่าง amulet หรือ souvenir กรณีเหรียญทักษิณ อันนั้นเขาเรียกว่าของที่ระลึกครับเป็น souvenir ไม่ใช่ amulet หรือ เครื่องราง มันก็เหมือนตุ๊กตาลุงกำนันนั่นแหละครับ