พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุข คืนวันศุกร์ที่ 22 เมษายน 2559 ร้อยตรีหญิง ปริยา เนตรวิเชียร เป็นพิธีกร คัดมาบางส่วนเท่านั้นนะครับ หลายๆ คนก็มักจะพูดว่า “ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง” ประเทศไทยพร้อมหรือไม่ที่จะเป็น “ประเทศประชาธิปไตยที่สมบูรณ์” จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งหรือไม่คะ ท่านนายกฯ คะ ถ้าถามผม ผมก็อยากให้เกิด ไม่มีใครไม่อยากให้เกิด ผมคิดว่าเราฝืนประชาธิปไตยโลกไม่ได้ แล้วทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าผมเข้ามาตรงนี้เพราะเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาบ้าง แล้วถ้าเราไม่เข้ามาทำ จะเกิดอะไรขึ้น แล้วอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นอีก ทุกคนต้องกลับมาย้อนดูตรงนี้ ด้วยเหตุด้วยผลนะครับ การลงประชามติ คนส่วนใหญ่ ส่วนมากส่วนน้อยใช่ไหม เมืองนอกเขาไม่มี เขาทะเลาะกันแทบเป็นแทบตาย วันนี้เลือกตั้งหลายประเทศเขาทำอยู่ แล้วเขาไม่มีปัญหา เหมือนเขาโกรธกัน แต่เขาไม่มาสู้กัน ไม่มายิงกัน ไม่มาระเบิดใส่กัน ไม่มี ประเทศไทยมี ผมไม่ให้เกิดอีกโดยเด็ดขาด ไม่อยากให้เกิด ใครคิดจะทำไม่ได้ ผมไม่ต้องการไปสู่ตรงนั้น แล้วันนี้ทุกคนเห็นต่างมากมายไปหมด เห็นต่างคืออะไร เห็นต่างในสิ่งที่ดีกว่าผมคิดหรือไม่ ไม่มี เห็นต่างคือเห็นต่างจากสิ่งที่ผมจะให้ดีขึ้น แต่จะกลับไปที่เก่า นี่ความเห็นต่างของเขา เห็นต่างกับผม ต้องเห็นต่างว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ ทำให้ใคร ทำให้เขาด้วย แล้วเลือกตั้งเขามาก็ใช้ประโยชน์ตรงนี้ บริหารประเทศได้ มีรายได้ที่เพียงพอ ประชาชนมีความสุข ผมทำให้ตัวเองหรือไง แล้วลูกหลานเขาจะได้บริหารตามยุทธศาสตร์ชาติต่อไป เรื่องสำคัญอีกเรื่องที่ประเทศไทยละเว้นมานานคือเรื่องเคารพกฎหมาย การมีระเบียบวินัย สังคมวุ่นวายไปหมด กฎหมายเป็นตัวพื้นฐาน แรงบ้างเบาบ้างถ้ารู้จักระมัดระวัง ก็ไม่โดนกฎหมาย ไม่ต้องขัดแย้ง กฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์อย่าเพิกเฉย วันนี้มีหลายกลุ่มหลายฝ่ายพยายามที่จะกดดันให้เราดำเนินการทางคดี ก็รู้อยู่ผลทางการเมือง เพื่อผลทางต่างประเทศด้วย แต่ผมบอกเขาไปแล้วว่า จำเป็นต้องทำเรื่องเหล่านี้ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าไม่ผิด ผมไม่ทำ ไม่ไปยุ่ง อันนี้เป็นกฎหมายประกาศไปแล้ว คือกฎหมายผิดไม่ได้ ให้โอกาสหลายครั้งแล้ว แล้วอย่าใช้เสรีภาพเกินขอบเขตก้าวก่ายคนอื่นเขา บอกตัวเองต้องการนั้นต้องการโน่น แล้วคนอื่นเขาเดือดร้อน วันนี้ประชาชนอีกเท่าไรล่ะ มีความสุขเท่าไรวันนี้ ให้ไปดูซิ ไปดูตัวเรามีความสุขอยู่ พวกขัดแย้งก็ขัดแย้งอยู่เหมือนเดิม สรุปว่าไม่นึกถึงคนที่เขามีความสุขอยู่วันนี้หรือ ให้คนเขาเดือดร้อนทั้งประเทศแบบวันก่อนเหรอ เห็นแก่ตัวไม่ได้ ความรับผิดชอบต่อส่วนรวมก็ต้องมี ยุทธศาสตร์ชาติต้องเดิน จะเป็นเลือกตั้งประชาธิปไตย เป็นการเมืองว่าไป ผมไม่ไปยุ่ง แต่ขอให้เป็นการเมืองที่สุจริต มีธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศ ขอแค่นี้ให้ผมได้ไหม ถ้าให้ผมได้ ให้รู้ว่าผมให้อะไรไปแล้ว ให้ทำประชามติ ให้รัฐธรรมนูญ อาจจะมีเข้มงวดบ้าง ในระยะ 5 ปี ยังให้ไม่ได้เลย แล้วอย่างนี้จะไปยังไง ต้องการอะไร ต้องการให้ดีขึ้น ถ้าเหมือนเดิม ไม่มีบทลงโทษ ไม่มีบทเข้มงวด ก็กลับที่เก่า ก็ขอแค่ 5 ปีแค่นี้ แล้วท่านจะทำอะไรขอท่านไป ผมคิดว่า 5 ปีนี่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นมาก ถ้าทุกคนร่วมมือ แล้วผมก็หวังให้มีการเลือกตั้ง มีการทำประชามติ ต่างๆ ไม่ได้บังคับใคร ใช้ความคิดซิ คิด มีเหตุมีผล ด้วยหลักการประชาธิปไตยที่ถูกต้อง แล้วจะหาเจอว่าที่ผมทำมาคืออะไร ไม่ใช่มามองว่าผมมายังไง แล้วผมควรจะไปได้แล้ว แล้วผมทำอะไรทุกวันอยู่นี่ล่ะ ผมแก้ปัญหาให้เขาทั้งนั้นเลย ไม่ใช่ปัญหาของผม ผมไม่ได้ทำไว้ เพื่อเขาในวันหน้า เพื่อลูกหลานของเราในอนาคตนั่นคือสำคัญ. http://www.thaipost.net/?q=ผมคิดว่า-5-ปีนี่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นมาก .............................................................................. จริงๆแล้วลุงตู่พูดเยอะนะครับ พูดหลายเรื่อง ทั้งๆที่รู้ว่าคนฟังน้อย แต่ก็เหมือนคนที่พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดอย่างเต็มกำลัง เรื่องเร็ตติ้งน่ะ ยังไงก็ไม่ขึ้นอยู่แล้วครับ เพราะเรื่องสาระ วิชาการ คนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ไม่เหมือนเรื่องดารา การที่ลุงตู่เน้นย้ำเรื่องขอ 5 ปี เชื่อว่าประเทศจะดีขึ้น น่าจะเพราะการวางแผนงานต่างๆที่จะควบคุมการบริหารประเทศหลังเลือกตั้งไปแล้วให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์(20ปี) ซึ่งจะว่าไปแล้วก็น่าจะคือการปฎิรูปตามที่ปชช.เรียกร้องนั่นเอง และส่วนตัวที่มองตอนนี้ การปฎิรูปน่าจะเริ่มขึ้นไปแล้วในทุกภาคส่วน เริ่มจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังโดยเฉพาะตำรวจที่ทุกคนอยากให้ปฎิรูปมากที่สุด ตอนนี้ก็ได้เห็นการทำงานที่จริงจังมากขึ้น ระบบราชการที่ทุกคนเห็นว่าทำงานล่าช้า ล่าสุดก็มีการวางแผนยุทธศาสตร์แต่ละกระทรวงระยะ 20 ปีกันแล้ว การทุจริตคอร์รัปชั่นที่มีแนวโน้มลดลงอย่างมาก สิ่งเหล่านี้ก็น่าจะเหมือนการปลูกจิตสำนึกให้ทุกคน เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งก็น่าจะทำให้ปชช.เริ่มเคยชินกับการปฎิบัติตามกฎหมาย รังเกียจการทุจริตคดโกง และน่าจะคัดเลือกตัวแทนที่ดีมีคุณภาพเข้าไปบริหารประเทศได้ และสุดท้ายเราจะได้ประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ตามที่ต้องการ
ดีขึ้นจริงๆ มีแต่นายทุนใหญ่ได้ประโยชน์ ตัดสิทธิประชาชนผ่านตัวแทน ยกอำนาจหลายอย่างให้คณะแต่งตั้งเพียงไม่กี่คน ระบบแบบนี้ เมื่อถึงยุคการแต่งตั้งมีอำนาจ ประชาชนจะเรียกร้องอะไรได้ กลายเป็นคณาธิปไตย ไม่ใช่ประชาธิปไตย
ทำไมต้องรอปปช. ถ้าอ้างคสช.เผด็จการอย่างที่ชอบกัน ผมก็ไม่สงสัย แต่ปชต.ที่บอกว่าเป็นอำนาจประชาชนมีสิทธิร่วม ทำไมถึงไม่ทำซะตรงนั้นวันนั้นเลย ไม่ต้องให้ท้วง ก็แปลว่าปชต.มันก็ไม่ได้ดีทุกอย่างหรอก
กฎหมายเขาให้โอกาสทั้ง2ฝ่ายครับ ทั้งฝ่ายตรวจสอบ กับผู้ตรวจสอบ ดั่งที่เขาวาดไว้ว่า กฎหมายก็คือตราชั่งที่มี2ฝั่งเท่ากัน แต่การที่จะข้ามขั้นตอนไปเลย แล้วใช้คำว่า ไม่ต้องรอ ก็ดูแปลกดี เหมือนใจเร็ว รวดลัด ไม่รอบคอบ
ต้องไม่ลืมว่า เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เดิมเรามีการเลือกตั้งที่เป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย แล้วตัวแทนที่เราเลือกเข้ามาก็กระทำการทุจริต เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง และบริหารประเทศจนเกิดความเสียหาย จนประชาชนนับล้านออกมาขับไล่ สุดท้ายก็ต้องยุบสภา เมื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ประชาชนไม่ยินยอมเพราะไม่ใช่การแก้ปัญหา เชื่อว่านักการเมืองที่ได้รับเลือกจะกลับไปบริหารประเทศจนเกิดความเสียหายอีกครั้ง ทำให้เกิดสูญญากาศทางการเมือง ประเทศชาติเดินหน้าต่อไม่ได้เพราะไม่สามารถพิจารณางบประมาณที่จะนำไปพัฒนาประเทศได้ กองทัพจึงจำเป็นต้องยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการที่ไม่มีอำนาจในการบริหารประเทศแล้ว และในวันนี้ รัฐบาลปัจจุบันกำลังวางรากฐานประเทศใหม่จากความเสียหายเพราะระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ และกำหนดการคือ ปี2560 จะมีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง
เรามั่นใจเสียเต็มประดาว่ามีฝ่ายตรวจสอบที่เข้มแข็ง แต่เอาเข้าจริงๆ พอคดีที่ตัวเองเสียผลประโยชน์ มีความผิดจริง ก็ไม่ยอมรับผิด แถมสรรหาวาทกรรมดิสเครดิตกันเข้าไป