ข่าวในคลิปเวลาที่ 3.10 จะมีการตกลงกันในเดือนกรกฎาคม พล.อ.ประยุทธ์ หารือนายกฯ จีน เดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง 2016/03/23 9:13 PM จีน 23 มี.ค.-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ที่ได้ตกลงก่อตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำร่วมกัน รวมถึงหารือกับนายกรัฐมนตรีของจีน ในการเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงสายแรกของไทยให้เกิดขึ้นภายในปีนี้.-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/430905 ******************************************** เดี๋ยวมีคนแก้ไขหัวกระทู้อีก
แม้ ผู้นำไทย กับ ผู้นำจีน จะเจอกันหลายครั้งในงานนี้ แต่ประเด็นหนึ่งที่ผมคิดว่าผู้นำไทยและผู้นำจีน คงจะไม่มีการเจรจากันอีกต่อไปแล้ว ก็คือ โครงการรถไฟความเร็วปานกลางไทย-จีน ที่มีมูลค่าแพงมหาศาล 530,000 ล้านบาท ในอนาคตอันไม่ไกลผมเชื่อว่าโครงการนี้คงจะ “ปิดฉาก” ไปในที่สุด เพราะวันนี้ “ความลับ” เปิดเผยออกมาแล้ว ไม่ใช่เป็นโครงการของรัฐบาลจีน แต่เป็นโครงการของบริษัทรถไฟจีน เอกอัครราชทูตจีนคนปัจจุบัน ที่พยายามผลักดันโครงการนี้มาตลอด จนผมเคยเขียนติงว่า พูดเอาแต่ได้ข้างเดียว แต่ไทยเสียเปรียบมหาศาล วันนี้ผมได้ข่าวว่า รัฐบาลปักกิ่งมีคำสั่งให้เอกอัครราชทูตจีนคนนี้หยุดพูดผลักดันโครงการรถไฟไทย–จีนแล้ว ช่วงนี้เราจึงไม่เคยได้ยินทูตจีนพูดผลักดันเรื่องนี้อีกเลย
จบแล้ว! 'บิ๊กตู่'ขอสร้างประวัติศาสตร์! ไม่ง้อจีน ลงทุนรถไฟความเร็วสูง .. สิ้นสุดมหากาพย์! บิ๊กตู่ ยัน รถไฟไทย-จีน ไทยลงทุน 100% รอลูกรังหมดก่อนค่อยทำ....
ยกเลิกเรื่องร่วมทุน แต่ก็ยังจ้างบริษัทรถไฟจีนทำต่อ รอลูกรังหมดก่อนค่อยทำ งั้น hot boy ก็กล้าพูดใช่ไหมครับว่าปูสร้างรถไฟเชื่อมเพื่อนบ้านจริงตามที่พูด
นายกปูสร้างรถไฟความเร็วสูงๆ เชื่อมเพื่อนบ้านไม่ได้หรอก จ้า เธอต้องรอให้ถนนลูกรังหมดจากประเทศไทยก่อน ถึงจะทำได้
พวกกาสรสีชาดโง่ๆ ก็มักจะโดนคอลัมนิสต์โง่ๆ จูงจมูกสนตะพายแบบนี้นี่ละ คอลัมนิสต์โง่ๆ มโนออกมา พวกากสรสีชาดอ่านแล้วรู้สึกตรงกันจริต ก็พากันแชร์โง่ๆ แบบนี้นี่ละ ******************************************* ปิดฉากโครงการรถไฟไทย-จีน วันนี้ถึง 25 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปร่วมประชุม กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 1 กับ ผู้นำจีน กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม ในหัวข้อ “Shared River, Shared Future แบ่งปันแม่น้ำ แบ่งปันอนาคต” ที่จีนไม่เคยแบ่งปันใคร และร่วมประชุม Boao Forum for Asia 2016 ภายใต้หัวข้อ “Asia’s New Future : New Dynamics and New Vision อนาคตใหม่ของเอเชีย พลังแห่งการสร้างสรรค์ใหม่และวิสัยทัศน์ใหม่” ที่เมืองโป๋อ่าว เกาะไหหลำ ประเทศจีน การประชุมครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะได้พบกับ นายหลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ทั้งสองงาน เพราะประชุมอยู่ในที่เดียวกัน ผลการประชุมจะออกมาอย่างไร จีนจะยอมแบ่งปันแม่น้ำโขง ให้กับประเทศปลายแม่น้ำโขงอย่าง ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม ที่จีนเอาเปรียบมานานแล้วหรือไม่ วันสองวันนี้ก็รู้ รวมทั้ง อนาคตใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ และวิสัยทัศน์ใหม่ของเอเชีย ภายใต้การนำของ “พี่เบิ้มจีน” จะเป็นอย่างไร ก็คงต้องติดตามกันนะครับ เพราะโลกวันนี้แคบกว่าสมัยก่อนเยอะ ทุกประเทศเชื่อมโยงถึงกันหมด วิกฤติเศรษฐกิจการเงินประเทศหนึ่ง ส่งผลกระทบไปอีกประเทศหนึ่งเป็นทอดๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น แม้ ผู้นำไทย กับ ผู้นำจีน จะเจอกันหลายครั้งในงานนี้ แต่ประเด็นหนึ่งที่ผมคิดว่าผู้นำไทยและผู้นำจีน คงจะไม่มีการเจรจากันอีกต่อไปแล้ว ก็คือ โครงการรถไฟความเร็วปานกลางไทย-จีน ที่มีมูลค่าแพงมหาศาล 530,000 ล้านบาท ในอนาคตอันไม่ไกลผมเชื่อว่าโครงการนี้คงจะ “ปิดฉาก” ไปในที่สุด เพราะวันนี้ “ความลับ” เปิดเผยออกมาแล้ว ไม่ใช่เป็นโครงการของรัฐบาลจีน แต่เป็นโครงการของบริษัทรถไฟจีน เอกอัครราชทูตจีนคนปัจจุบัน ที่พยายามผลักดันโครงการนี้มาตลอด จนผมเคยเขียนติงว่า พูดเอาแต่ได้ข้างเดียว แต่ไทยเสียเปรียบมหาศาล วันนี้ผมได้ข่าวว่า รัฐบาลปักกิ่งมีคำสั่งให้เอกอัครราชทูตจีนคนนี้หยุดพูดผลักดันโครงการรถไฟไทย–จีนแล้ว ช่วงนี้เราจึงไม่เคยได้ยินทูตจีนพูดผลักดันเรื่องนี้อีกเลย แม้แต่ การประชุมรอบที่ 10 ที่ คุณอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีคมนาคม เคยแถลงว่าจะเดินทางไปประชุมที่ กรุงปักกิ่ง ในกลางเดือนมีนาคมนี้ เพื่อเจรจาจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อพัฒนาโครงการรถไฟไทย–จีน ก็ไม่รู้ว่าจะมีการประชุมหรือไม่ เพราะวันนี้เลยกลางเดือนมีนาคมแล้ว ยังไม่มีข่าว คุณอาคม จะเดินทางไปหรือไม่ เพราะหลังจากที่ รัฐบาลไทย เริ่มเห็น ความไม่ชอบมาพากลของโครงการ จากการเปิดโปงของสื่อ ชี้ให้เห็นถึงความไม่คุ้มค่าของการลงทุน การเอาเปรียบมากมายของฝ่ายจีน โดยเฉพาะวงเงินลงทุนที่มีการเพิ่มขึ้นหลายครั้ง ตั้งแต่สมัย คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ เงินลงทุนเริ่มต้นที่ 180,000 ล้านบาท แล้วก็มาเพิ่มเป็น 300,000 กว่าล้านบาท ล่าสุดเพิ่มเป็น 530,000 ล้านบาท เหมือนเห็นรัฐบาลไทยเป็นขนมหวาน เมื่อ ฝ่ายไทย ยื่นเงื่อนไขกลับไป ให้ฝ่ายจีนต้องร่วมลงทุนทั้งโครงการในสัดส่วน จีน 70 ไทย 30 ฝ่ายจีนก็เริ่มเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา โดย คุณอาคม รัฐมนตรีคมนาคม ผู้ผลักดันเรื่องนี้เปิดเผยว่า ฝ่ายจีน ได้ยื่นเงื่อนไขต่อ ฝ่ายไทย ว่า หากฝ่ายไทยต้องการให้ฝ่ายจีนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนโครงการรถไฟไทย–จีน ตั้งแต่ก่อสร้างรางไปจนถึงการเดินรถ ฝ่ายจีนขอใช้สิทธิประโยชน์พื้นที่ตลอดแนวสองข้างทางรถไฟ โดยเฉพาะการพัฒนาพื้นที่บริเวณสถานีรถไฟ (แบบเดียวกับที่ทำกับลาว) เห็นไทยเป็น “เสียมตือหมูสยาม” ในอดีตไปแล้ว ผมไม่รู้ว่า คุณอาคม รัฐมนตรีคมนาคม ที่ยังฝันหวานว่าจะก่อสร้างรถไฟไทย-จีนได้ภายในปีนี้ จะเดินหน้าผลักดันโครงการนี้ต่อไปอย่างไร แต่ผมเชื่อว่า นายกรัฐมนตรี คงจะ ไม่หลวมตัวอีกครั้ง เว้นแต่จีนจะยอมตามเงื่อนไขฝ่ายไทย ควักเงินลงทุนทั้งโครงการ 70% ขึ้นไป เงินตั้ง 530,000 ล้าน เอามาทำรถไฟรางคู่ทั่วประเทศ คุ้มค่ากว่ากันเยอะ. “ลม เปลี่ยนทิศ” http://www.thairath.co.th/content/593859
เอาข่าวมาอ้าง ไม่รู้พวกกาสรสีชาดมันอ่านเนื้อข่าวกันบ้างหรือเปล่า ******************************************************* สิ้นสุดมหากาพย์! บิ๊กตู่ ยัน รถไฟไทย-จีน ไทยลงทุน 100% updated: 23 มี.ค. 2559 เวลา 18:52:00 น. พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หารือทวิภาคีกับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 1ว่า ความร่วมมือด้านรถไฟ นายกรัฐมนตรียืนยันว่าโครงการความร่วมมือรถไฟไทย-จีน ต้องดำเนินต่อไป เนื่องจากเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลที่ทั้งสองประเทศได้ตกลงกันไว้แล้วว่า จะผลักดันให้เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ โดยจะดำเนินการก่อสร้างในระยะแรกคือ เส้นทางจากกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา ให้เป็นรูปธรรมลำดับแรก โดยไทยจะดำเนินการลงทุนเองทั้งหมด แต่ขอให้ทางจีนปรับลดราคาที่เหมาะสม ในส่วนของเงินการลงทุนซึ่งไทยจะกู้จากจีนนั้น นายกรัฐมนตรีขอให้จีนคิดอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เพื่อความสําเร็จของโครงการ http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1458733915
เหลืองกระบือบื้อ ก็รอฟังข่าวจากลุงตู่กันนะ หลังจากพบนายกรัฐมนตรีจีนแล้ว จะผลักดันโครงการ หรือ ปิดฉาก แล้วก็รอ ร๊อ รอ.... ให้ลูกรังหมดก่อนค่อยทำ ปริ๊ดๆๆๆๆๆ
ถ้าพวกกาสรสีชาดมันรู้จักอ่านข่าวที่พวกมันเอามาแปะไว้บ้าง มันก็รู้อยู่แล้วว่าจะเอาเงินมาจากไหน ในเนื้อข่าวก็เขียนอยู่โต้งๆ ว่าจะกู้มาจากไหน สงสัยโควต้า 8 บรรทัด/ปี คงหมดซะแล้วสำหรับพวกกาสรสีชาด ******************************************** สิ้นสุดมหากาพย์! บิ๊กตู่ ยัน รถไฟไทย-จีน ไทยลงทุน 100% updated: 23 มี.ค. 2559 เวลา 18:52:00 น. พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หารือทวิภาคีกับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 1ว่า ความร่วมมือด้านรถไฟ นายกรัฐมนตรียืนยันว่าโครงการความร่วมมือรถไฟไทย-จีน ต้องดำเนินต่อไป เนื่องจากเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลที่ทั้งสองประเทศได้ตกลงกันไว้แล้วว่า จะผลักดันให้เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ โดยจะดำเนินการก่อสร้างในระยะแรกคือ เส้นทางจากกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา ให้เป็นรูปธรรมลำดับแรก โดยไทยจะดำเนินการลงทุนเองทั้งหมด แต่ขอให้ทางจีนปรับลดราคาที่เหมาะสม ในส่วนของเงินการลงทุนซึ่งไทยจะกู้จากจีนนั้น นายกรัฐมนตรีขอให้จีนคิดอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เพื่อความสําเร็จของโครงการ http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1458733915
อ่านครับ อ่านแล้วก็คิดตาม ถ้าเงินลงทุนมาจากกู้จีนดอกเบี้ยมหาโหด เอาเปรียบทุกประตูเเบบนั้น ยังไงก็ม้วนเสื่อเก็บกระเป๋าครับ
ดอกเบี้ยมหาโหดหรือเปล่าไม่รู้ซิ แต่คราวที่แล้วไทยขอให้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 2 เค้าก็ให้เงินกู้ดอกเบี้ยที่ร้อยละ 2 ตามที่ต้องการแล้วนี่ *************************************************** รถไฟไทย-จีนมีความชัดเจนมากขึ้น-ดอกเบี้ย2% วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2558 20:24 น. รัฐมนตรีฯ คมนาคม เผย รถไฟไทย-จีน มีความชัดเจนมากขึ้น พร้อมรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ที่ร้อยละ 2 หารือครั้งต่อ 10-11 มีนาคมนี้ พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 2 ที่กรุงปักกิ่ง ว่า ขณะนี้การเจรจามีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะรูปแบบความร่วมมือและการลงทุนที่มีความเป็นไปได้ว่าจะใช้รูปแบบระบบ การก่อสร้างแบบ EPC หรือการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ ส่วนการระดมทุนในการก่อสร้าง จะแบ่งเป็นการใช้สินเชื่อผ่อนปรนพิเศษจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจีนที่มีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 2 และการระดมทุนในประเทศ อย่างไรก็ตาม จะมีการเจรจาถึงการยืดระยะเวลาในการชำระหนี้ให้มากกว่า 20 ปี เพื่อเกิดความยืดหยุ่นในการชำระหนี้ ซึ่งคาดว่าหลังจากการเจรจาร่วมกันในวันที่ 10-11 มีนาคมนี้จะมีความชัดเจน สำหรับการเดินรถฝ่ายไทยจะรับผิดชอบเป็นหลัก แต่ในระยะแรกจะให้ฝ่ายจีนเป็นผู้ดำเนินการและถ่ายทอดให้กับไทยในระยะถัดไป โดยการก่อสร้างของโครงการจะเริ่มต้นได้ในเดือนตุลาคมปีนี้ในเส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย และแก่งคอย-มาบตาพุด และจะแล้วเสร็จภายใน 30 เดือน ส่วนอีก 2 ช่วง ได้แก่ เส้นทางแก่งคอย-นครราชสีมา และนครราชสีมา-หนองคาย จะเริ่มก่อสร้างได้ในไตรมาสแรกของปี 2559 และจะแล้วเสร็จภายใน 36 เดือน http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=599618 ******************************************************** จีนยอมแล้ว! หั่นดอกเบี้ยกู้สร้างรถไฟไทย-จีนเหลือ2% ดีเดย์ 27 ม.ค.คิกออฟรถไฟไทย-ญี่ปุ่น 19 ม.ค. 2559 เวลา 18:33:00 น. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟไทย-จีนว่า ทราบอย่างไม่เป็นทางการว่าทางจีนจะยอมตกลงผ่านทางนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้จาก 2.5% อยู่ที่ 2% ทั้งนี้ทางนายสมคิดมอบหมายให้ทางนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้พิจารณาถึงแหล่งเงินและรูปแบบการลงทุนโครงการ ขณะที่กระทรวงคมนาคมจะพิจารณาเรื่องต้นทุนและมูลค่าโครงการ ล่าสุดอยู่ระหว่างตรวจสอบแบบรายละเอียดที่จีนส่งมอบให้ คาดว่าอีก 1 เดือนจะสรุปก่อนที่จะประชุมคณะกรรมการร่วมครั้งที่ 10 ณ ปักกิ่ง ประเทศจีนช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ สำหรับรูปแบบการลงทุนจะเจรจากับทางจีนให้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนมากขึ้น และครอบคลุมทั้งโครงการตั้งแต่การก่อสร้างจนถึงการเดินรถ เพื่อร่วมรับภาระความเสี่ยงของโครงการ ซึ่งสัดส่วนการลงทุนปัจจุบันทางจีนตกลงจะร่วมลงทุนกับไทยตั้งบริษัทบริหารจัดการเดินรถในสัดส่วน 40% แต่ทางไทยจะเจรจาขอให้จีนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนทั้งก่อสร้างและเดินรถเป็น 70% "การก่อสร้างตอนนี้ยังคงกำหนดเดิมภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ในช่วงแรกเริ่มจากกรุงเทพฯ-แก่งคอย-โคราช แต่จะต้องได้ข้อยุติทั้งหมด เช่น มูลค่าการลงทุน สัดส่วนเงินกู้ ดอกเบี้ย การทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอ" นายอาคมกล่าวอีกว่า สำหรับรถไฟไทย-ญี่ปุ่น ในวันที่ 27 มกราคมนี้ จะทดสอบการเดินรถขนส่งสินค้าขนาด 12 ฟุต จำนวน 3 ตู้ ในเส้นทางกรุงเทพฯ-หนองปลาดุก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางรถไฟที่เป็นความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่น เส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-สระแก้ว-แหลมฉบัง ที่จะเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าและผู้โดยสารแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกและตะวันตกด้านใต้ "กลางปีคาดว่ารูปแบบการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนไทย-จีนจะชัดเจน แนวโน้มจะให้เป็นรูปแบบเอกชนมากที่สุดเพื่อความคล่องตัว จากนั้นจะได้เปิดเดินรถอย่างเต็มรูปแบบ เพราะเป็นการปรับปรุงเส้นทางเก่าให้แข็งแรง จึงไม่ต้องใช้เวลาดำเนินการมาก เบื้องต้นเดินรถขนส่งสินค้ารองรับอุตสาหกรรมเอสเอ็มอีในแนวเส้นทาง ระยะต่อไปจะเป็นการเดินรถตู้โดยสาร และระยะถัดไปจะเป็นการก่อสร้างทางคู่พร้อมยกระดับรถเป็นระบบไฟฟ้าในอนาคต" นายอาคมกล่าว http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1453203217
เวลาเค้าเจรจา จีนเสนอเงื่อนไขที่ไทยเสียเปรียบก็หาว่าเค้าโง่มั่ง ไม่ทันเกมส์มั่ง เวลานี้ เค้าไม่ยอมเสียเปรียบ เสือกไปหัวเราะเยอะเค้า ตกลงแนวไหน ที่ทำให้เองพอใจมั่ง
สรุปจากระทู้นี้ก็คือ คอลัมนิสต์คนหนึ่ง เชื่อเองว่า โครงการนี้ไม่น่าไปต่อได้ เท่านั้นเอง หากไม่อคติ การที่เจรจาไม่ลงตัว แต่มีข่าวออกมาตลอดนั้นหมายความว่า ทั้ง 2 ฝ่ายต่อรองเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเองอย่างเต็มที่ น่าเป็นเรื่องยินดีมากกว่า
ปัญหาของคนโกหกตอแหลคือพูดเรื่องเดียวกันมากกว่าหนึ่งครั้งจะไม่เหมือนกัน ตอนแรกตั้งชื่อกระทู้อย่างมั่นใจว่า"ปิดฉาก" เมื่อมีคนขุดหาหลักฐานจึงเป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นแค่ความเห็นของคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเพียงคนเดียว แต่ผมชอบนะครับกระทู้โกหกตอแหลตลกสิ้นคิดแบบนี้ และขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่สละเวลามาถลกหนังขี้ข้าคนโกงจนเห็นเนื้อแดงๆ
ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ นายกฯ ทุบโต๊ะ! สร้างรถไฟความเร็วสูง ในที่สุดโครงการรถไฟไทย-จีนก็ได้ข้อยุติ หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีจีน ท่านนายกฯ ประยุทธ์ได้ตัดสินใจที่จะลงทุนก่อสร้างด้วยเงินทุนของเราเองทั้งหมด เดิมโครงการรถไฟไทย-จีนเป็นรถไฟความเร็วปานกลางซึ่งมีความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง วิ่งบนรางกว้าง 1.435 เมตร บนเส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา-หนองคาย และเส้นทางแก่งคอย-มาบตาพุด มูลค่าโครงการประมาณ 530,000 ล้านบาท ระยะทางรวม 873 กิโลเมตร ดังนั้น ค่าก่อสร้างเฉลี่ยต่อกิโลเมตรจะเท่ากับ 607 ล้านบาท มาบัดนี้ ท่านนายกฯ ประยุทธ์ได้เปลี่ยนจากรถไฟความเร็วปานกลางเป็นรถไฟความเร็วสูง ซึ่งมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง เดิมรถไฟไทย-จีนเป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน จากข้อมูลที่ได้รับและจากการวิเคราะห์ของผมพบว่าจีนจะร่วมลงทุนเฉพาะงานระบบรถไฟฟ้า ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้า ระบบอาณัติสัญญาณ ระบบโทรคมนาคม ระบบตั๋ว และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 12% ส่วนงานที่เหลือซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานโยธานั้น จีนจะไม่ร่วมลงทุนด้วย ทำให้ไทยจะต้องลงทุนเองทั้งหมด คิดเป็นสัดส่วน 88% ต่อมา ไทยได้เจรจาขอให้จีนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนมากขึ้นจาก 12% เป็น 70% จีนจึงยื่นข้อเสนอ (1)ให้เปลี่ยนการก่อสร้างช่วงนครราชสีมา-หนองคาย จากทางคู่เป็นทางเดี่ยว อีกทั้ง ให้ชะลอการก่อสร้างช่วงแก่งคอย-มาบตาพุด ทั้งนี้ เพื่อลดค่าก่อสร้าง และ (2) จีนขอสิทธิในการพัฒนาพื้นที่สองข้างทางรถไฟ เหตุที่ท่านนายกฯ ประยุทธ์ตัดสินใจที่จะลงทุนก่อสร้างด้วยเงินทุนของเราเองทั้งหมด 100% นั้น ผมคาดว่าอาจเป็นเพราะการเจรจาต่อรองกับจีนโดยคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟไทย-จีนล้มเหลว หลังจากประชุมกันมาถึง 9 ครั้งโดยใช้เวลานานกว่า 1 ปี ผมไม่ได้คัดค้านการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงถ้าเรามีความพร้อมที่จะลงทุน ซึ่งท่านนายกฯ ประยุทธ์บอกว่าเรามีศักยภาพที่จะลงทุนเองได้ โดยผมได้ประเมินเงินลงทุนเบื้องต้นแล้วพบว่าจะใช้ประมาณ 150,000 – 200,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ผมมีข้อเสนอแนะต่อท่านนายกฯ ประยุทธ์ ดังนี้ 1. ผมเห็นด้วยที่จะเปลี่ยนจากรถไฟความเร็วปานกลางเป็นรถไฟความเร็วสูง และอยากให้มีความเร็วสูงสุดถึง 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง แทนที่จะเป็น 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพราะระดับความเร็วจะเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่จะจูงใจให้มีผู้โดยสารมาใช้บริการ อีกทั้ง รถไฟความเร็วสูงจะแข่งกับรถไฟทางคู่ ขนาดรางกว้าง 1 เมตร ที่รัฐบาลกำลังจะก่อสร้าง ซึ่งจะมีความเร็วสูงสุดประมาณ 100-120 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ดีกว่ารถไฟความเร็วปานกลาง 2. การที่จะจ้างให้จีนทำการก่อสร้างนั้น นอกจากจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนแล้ว รัฐบาลจะต้องมั่นใจว่าจะได้ราคาที่เป็นธรรมเหมาะสมกับคุณภาพ และจะต้องดีกว่าการเปิดประมูลให้มีการแข่งขันกันทั่วไป 3. งานระบบรถไฟฟ้า ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้า ระบบอาณัติสัญญาณ ระบบโทรคมนาคม ระบบตั๋ว และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องนั้น จะต้องใช้ของจีนหรือไม่ ถ้าใช้ จีนจะมีข้อเสนออย่างไร 4. จะต้องกำหนดอัตราค่าโดยสารที่จะทำให้มีผู้โดยสารใช้บริการได้มาก ซึ่งรัฐบาลสามารถกำหนดได้โดยอิสระเพราะรัฐบาลลงทุนเองทั้งหมด 100% และควรเป็นอัตราที่ทำให้มีรายได้จากค่าโดยสารเพียงพอที่จะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ได้. 5. จัดให้มีระบบขนส่งรองรับผู้โดยสารรถไฟความเร็วสูงที่สถานีทุกสถานี จะใช้รถสองแถว รถเมล์ หรือจะปล่อยให้มีมอเตอร์ไซค์รับจ้างหรือไม่ พร้อมทั้งจะต้องจัดที่จอดรถให้เพียงพอ สิ่งเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้มีผู้ใช้รถไฟความเร็วสูงมากขึ้น 6. สนับสนุนให้มีการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟความเร็วสูงเพื่อเปิดโอกาสให้มีการทำกิจกรรมรองรับผู้โดยสาร เช่น เมืองใหม่ สถาบันการศึกษา ศูนย์การค้า ศูนย์ราชการ แหล่งท่องเที่ยว และแหล่งที่อยู่อาศัย เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้มีผู้โดยสารรถไฟความเร็วสูงเพิ่มมากขึ้น 7. หน่วยงานที่จะรับผิดชอบการบริหารเดินรถไฟความเร็วสูงไม่ควรเป็นหน่วยงานของรัฐ เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เพราะจะประสบปัญหาเช่นเดียวกับการบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ซึ่งเราได้ประจักษ์กันอยู่ในเวลานี้ ผมขอเสนอให้ว่าจ้างเอกชนมาทำหน้าที่นี้แทน ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดของภาครัฐ การที่ท่านนายกฯ ประยุทธ์กล่าวว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในเดือนกรกฎาคม 2559 นั้น แสดงว่าท่านนายกฯ คงได้รับรายงานแล้วว่าผลการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ให้ผลตอบแทนคุ้มค่ากับการลงทุน ผลตอบแทนดังกล่าวนั้นไม่ได้หมายถึงเฉพาะรายได้จากค่าโดยสารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรายได้จากธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับรถไฟความเร็วสูง และยังรวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจในหัวเมืองภูมิภาคอีกด้วย ซึ่งผมขอเรียนท่านนายกฯ ให้ตระหนักว่า โดยทั่วไปผลการศึกษาความเป็นไปได้มักจะให้ผลดีกว่าความเป็นจริง ดังที่ได้เกิดขึ้นแล้วกับหลายโครงการ ดังนั้น ท่านนายกฯ ควรที่จะดำเนินการให้มีการกำกับดูแลโครงการนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อทำให้มีผู้โดยสารใช้บริการเป็นจำนวนมากให้ได้ มิฉะนั้น จะพบว่าหลังจากเปิดให้บริการแล้วมีผู้โดยสารน้อย ไม่เป็นไปตามผลการศึกษา ท่านนายกฯ ประยุทธ์ยืนยันว่าท่านไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้นจากโครงการนี้ ขอให้ไว้ใจท่าน ผมขอเรียนว่าจากการที่ผมได้ติดตามการประมูลโครงการด้านคมนาคมขนส่งหลายโครงการที่ผ่านมา สำหรับตัวท่านนายกฯ ประยุทธ์นั้น ผมมั่นใจในความโปร่งใสของท่าน เพราะทราบว่ามีหลายโครงการที่มีการทักท้วงการประมูล ท่านนายกฯ ประยุทธ์ต้องการให้ยกเลิกการประมูลครับ กำลังเปิดฉากต่างหาก HG.
จ้า ปิดฉากแล้วจ้า ไปฟังจากปากลุงตู่เองเลยจ้า นาทีที่ 1.56 นะจ๊ะ ******************************* นายกฯเสร็จสิ้นภารกิจร่วมประชุมที่จีน พอใจแลกเปลี่ยนข้อมูลบริหารจัดการน้ำ 2016/03/24 7:50 PM จีน 24 มี.ค.-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เสร็จสิ้นภารกิจการร่วมประชุมที่จีนแล้ว โดยแสดงความพอใจที่จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำ โขง รวมถึงได้ข้อสรุปเรื่องการสร้างรถไฟความเร็วสูงสายแรกของไทย.-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/431830 “ประยุทธ์”ดึงเอกชนไทยร่วมลงทุนรถไฟเร็วสูง นายกรัฐมนตรี ชี้ใช้งบประมานรัฐสร้างรถไฟความเร็วสูง เป็นรถไฟสายอนาคต// พร้อมเอาใจช่วยนักบอลไทยให้ชนะ เวลา 16.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางถึง ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง หลังจากเข้าร่วมประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 1 ที่มณฑลไห่หนาน ประเทศจีน เมื่อเดินทางมาถึง พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับความร่วมมือรถไฟไทย-จีน ที่ไทยจะลงทุนสร้างเอง เริ่มที่เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา โดยจีนจะเป็นผู้รับจ้างก่อสร้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การก่อสร้างจะเป็นรถไฟฟ้าความเร็วสูงสายแรกของไทย ใช้งบประมานของไทยเองทั้งหมด เพราะได้วางงบประมานไว้แล้ว และอยากให้เป็นความภูมิใจของคนไทย ส่วนเรื่องของความคุ้มทุม หรืองบประมานที่จะลงทุนไปนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไม่ได้คิดจากผลกำไร ที่ได้จากการเดินรถ แต่เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง และให้มองเป็นเรื่องของการพัฒนาในอนาคต หากเศรษฐกิจดีขึ้น รวมทั้ง ยืนยันว่าไทยมีงบประมานมาลงทุน เพื่อสร้างความเชื่อมโยงไปยังต่างประเทศ นั้นถึงจะเรียกว่าคุ้มทุน เป็นรถไฟสายอนาคต “ประยุทธ์”เชียร์ทีมไทยชนะ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีก็ยังได้อวยพรให้กับนักฟุตบอลทีมชาติไทย ที่จะแข่งกับทีมชาติอิรัก ในวันนี้ เวลา21.00น. ซึ่งเป็นการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย กลุ่มเอฟ นัดสุดท้ายของไทย และถ้าไทยเสมอจะเป็นแชมป์กลุ่ม เข้าสู่รอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ให้ทำให้เต็มที่ แพ้ชนะยังไงก็คนไทย แต่ก็ลุ้นอยากให้ชนะ อยู่แล้ว พร้อมเชื่อมั่นในความสามารถของนักกีฬาไทย
กรุฮา วาจาประยุทธ์ ใช้งบประมานรัฐสร้างรถไฟความเร็วสูง รถไฟสายอนาคต รถไฟสายอนาคต V V V V V V V V V อนาคตเห็นๆ
"บิ๊กตู่"ลั่นรถไฟไทย-จีนลงทุนเองไม่ให้สัปทานใคร ประเด็นสำคัญคือเราได้บรรลุถึงข้อตกลงหรือข้อยุติในหลักการ เกี่ยวกับการดำเนินการสร้างรถไฟความร่วมมือ ไทย – จีน และ G to G คือ ไทยจะลงทุนดำเนินการเองทั้งหมดทุกขั้นตอน ในลักษณะ G to G โดยไม่มีทั้งการให้สัมปทานหรือการร่วมทุนกับใครทั้งสิ้น ....... อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/biz/gov/423514
บทสัมภาษณ์เต็มของลุงตู่ ****************************************** "บิ๊กตู่" ลั่นรถไฟไทย-จีนลงทุนเองไม่ให้สัปทานใคร 25 มีนาคม 2559 เวลา 20:39 น. นายกฯ แจง รถไฟไทย-จีน ไทยลงทุนเองแบบ PPP ย้ำ ไม่มีให้สัปทานใคร เพื่อประโยชน์ในที่สุด วอนเอกชนร่วมมือลงทุน เดินหน้ารถไฟความเร็วสูงกทม.-โคราช ก.ค.นี้ วันที่ 25 มี.ค.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช. ) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ว่า ระหว่างการเดินทางไปสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง –ล้านช้าง ครั้งที่ 1 และการประชุมโป๋วอ่าว ฟอรั่ม ฟอร์ เอเชีย ระหว่างวันที่ 22 – 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสพบหารือ แบบทวิภาคีกับนาย หลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน มีหลายประเด็นที่พูดคุยกันในเรื่องของการสร้างสรรค์ "ประเด็นสำคัญคือเราได้บรรลุถึงข้อตกลงหรือข้อยุติในหลักการ เกี่ยวกับการดำเนินการสร้างรถไฟความร่วมมือ ไทย – จีน และ G to G คือ ไทยจะลงทุนดำเนินการเองทั้งหมดทุกขั้นตอน ในลักษณะ G to G โดยไม่มีทั้งการให้สัมปทานหรือการร่วมทุนกับใครทั้งสิ้น เนื่องจากเราพิจารณาแล้วว่าเรามีศักยภาพสามารถทำได้ ในส่วนหลักการของจีนนั้น คือเขาไม่สามารถจะร่วมลงทุนได้ในกรณีนี้ ถ้าหากว่าไม่ใช่เป็นเรื่องของสัมปทาน " นายกฯ กล่าว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราคงให้เขาไม่ได้อยู่แล้ว เราลงทุนเองดีกว่า ผลประโยชน์ตกอยู่กับเราทั้งสิ้นและเราสามารถเริ่มเป็นโครงการแรก เป็นรถไฟความเร็วสูงเส้นแรก ระยะทางไม่ยาวมากนักคือเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 250 กิโลเมตร ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีจากจีน ในการก่อสร้างและถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งเรื่องก่อสร้าง การบริหารจัดการเดินรถ และคนไทยจะต้องดำเนินการให้ได้เองในระยะเวลาอันรวดเร็ว ทั้งนี้ รัฐบาลเห็นความสำคัญกับการมีรถไฟความเร็วสูง คือเดิมคิดไว้ว่าจะทำรางไว้ก่อนแล้วนำรถไฟความเร็วปานกลางมา สรุปว่าไม่เหมาะกับสถานการณ์วันนี้ เราไปไม่ทัน การลงทุนนี้ลงทุนในประเทศดีกว่า เพื่อจะบริการประชาชนเป็นหลักแล้วกัน เรื่องเชื่อมโยงต่าง ๆ ก็ว่ากันในระยะต่อไป เราสามารถจะเดินทางได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ก็อยากให้เป็นรถไฟสู่อนาคต เป็นรถไฟความเร็วสูงเส้นประวัติศาสตร์ก่อนก็แล้วกัน เพื่อประโยชน์ความสัมพันธ์ไทย – จีนด้วย เพื่อการพัฒนาการปฏิรูปประเทศไทย ระยะที่ 1 ด้วย จากการสำรวจข้อมูลพบว่า ภาคอีสานที่จำเป็นเกิดก่อนในขณะนี้ เพราะมีความพร้อมของศักยภาพในหลาย ๆ ด้าน จากที่ไปเยี่ยมเยียนมาในเรื่องของการค้า การลงทุนต่าง ๆ ขยับขยายมี GDP มากขึ้น สำหรับภาคอื่นก็รอระยะหนึ่ง ไม่ใช่ว่าจะทำให้ภาคใดภาคหนึ่ง ต้องทำทุกภาคอยู่แล้ว แต่ตอนนี้รัฐบาลตั้งใจให้เป็นจุดเริ่มก่อน ให้ประชาชนได้เห็น ได้เข้าใจว่าการคมนาคมขนส่งของประเทศจะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคตวันข้างหน้า ซึ่งจำเป็นต้องมีหมด เพื่อใช้ในการบริการประชาชนเป็นหลัก การสัญจรไปมามีความรวดเร็ว มีการเคลื่อนย้ายแรงงานเคลื่อนย้ายคนที่จะไปสู่ต่างจังหวัด และต่างจังหวัดมาทำงานในกรุงเทพฯ ทำนองนี้ ให้เร็วขึ้นเช้าไปเย็นกลับก็ได้ เพราะฉะนั้นเราเริ่มภายในก่อนดีกว่า นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่เฉพาะเรื่องรถไฟความเร็วสูงอย่างเดียว ที่เราคิดอยู่ขณะนี้ นโยบายรัฐบาลที่ได้มีการอนุมัติหลักการและจัดทำโครงการรถไฟทางคู่ตามเส้นทางเดิมให้สามารถสวนกันได้ เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าและเดินทางที่ไม่รีบร้อน และอยู่ในศักยภาพที่ประชาชนทุกคนสามารถใช้ได้ไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย เป็นทางเลือกนะครับ หากเราเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ เราผลิตคนขึ้นมาใหม่ ๆ ให้มีความชำนาญในเรื่องการบริหารจัดการ เรื่องเทคนิค เทคโนโลยีการควบคุมการบริหารการเดินรถเหล่านี้ ก็สามารถที่จะเกิดประโยชน์สูงสุดได้ "สิ่งที่ผมเน้นคือ การบริหารจัดการพื้นที่สองข้างทาง โดยคนไทยเอง โดยประเทศไทย รัฐบาลจะหาวิธีการทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์ร่วมกันอย่างสูงสุดกับคนไทยและภาคเอกชน ธุรกิจไทย อาจจะมีความร่วมมือในลักษณะ PPP ร่วมลงทุนได้ ทั้งหมดนั้นเราจะเร่งดำเนินการให้ได้โดยเร็วตามกำหนดเวลาที่มีอยู่ ตาม MOU ที่ลงนามกันไว้แล้วด้วย เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบเท่านั้นเอง ซึ่งทางจีนก็ยินดี "นายกรัฐมนตรีจีนฝากมาว่า ขอให้คนไทยเชื่อมั่นจีนกับไทยนั้นเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน ขอให้เชื่อมั่นว่าทางจีนก็มีความปรารถนาดีกับไทย ผมก็ตอบเขาไปว่า เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกันสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับประชาชนในประเทศ ซึ่งท่านก็รับปากว่าโอเค ต้องทำเรื่องเหล่านี้ให้ชัดเจนขึ้น ไม่ได้มุ่งหวังแต่เรื่องธุรกิจเพียงอย่างเดียว " นายกฯ กล่าว นายกฯ กล่าวว่า การใช้แรงงานคงใช้แรงงานไทยเป็นหลัก ช่างเทคนิคไทยให้มากที่สุด เพียงแต่ว่าต้องเอาวิศวกรเพราะเราใช้เทคโนโลยีของเขามาแนะนำมาควบคุมการก่อสร้างอะไรต่าง ๆ นายกฯก็บอกไปแล้วว่า วัสดุบางอย่างที่ไทยสามารถผลิตเองก็ต้องใช้ของเรา อะไรผลิตไม่ได้จำเป็นต้องซื้อก็ต้องซื้อ วันนี้โชคดีที่หลาย ๆ อย่างราคาค่อนข้างจะถูกลง แต่อย่าลืมว่าจำนวนวงเงินต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงได้ เพราะด้วยเทคนิคและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป อย่าเอาตัวเลขเดิมมาพิจารณาวันนี้ ตัวเลขเก่า ตัวเลขใหม่คนละอันกัน คนละสถานการณ์กัน ดูว่าคุ้มค่าหรือไม่ และเราได้ประโยชน์หรือไม่ อันนี้เป็นสิ่งสำคัญอย่าไปบิดเบือนกันจนเสียหายไปหมด ทุกอย่างไม่ได้กำหนดด้วยราคาเพียงอย่างเดียว ต้องกำหนดด้วยประสิทธิภาพ ประสิทธิผลด้วย ผมอยากให้ประชาชนทั้งประเทศเกิดความมั่นใจ ถ้าทุกคนตระหนักถึงความสำคัญร่วมกันของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานนี้แล้วก็จะสามารถขยับขยายไปยังภูมิภาคเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก อาจจะมี 3 – 4 เส้นอีกก็ได้ลักษณะเดียวกันนี้ไป ถ้าเรามีศักยภาพที่เพียงพอ และมีรายได้เข้าประเทศมากขึ้น หรือมีการร่วมลงทุนกับคนไทยภายในประเทศให้มากยิ่งขึ้น ผมคิดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ แต่ต่อไปเราก็จะเชื่อมเส้นแรกนี้ตะวันออกเฉียงเหนือไปโคราช ระยะแรกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ อาทิ แหล่งท่องเที่ยว เขตเศรษฐกิจ เมืองท่า เมืองสำคัญ ด้วยการใช้รถยนต์ รถไฟฟ้า ทางเรือก็ได้ ให้เชื่อมต่อซึ่งกันและกัน สำหรับการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านการค้าขายไปสู่ทวีปอื่น ๆ นั้นก็เป็นอนาคต เราจะได้ผสมผสานเป็นระบบการขนส่งทางรางของภูมิภาคและของเอเซียต่อไป วันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องร่วมมือกันเร่งเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงให้ได้ เมื่อมีก้าวแรก ก้าวต่อ ๆ ไปก็จะตามมา ขอให้ทุกคนมั่นใจถ้าเราชักช้ากว่านี้ก็จะเสียงานเสียการ เราจะตามใครเขาไม่ทัน เพราะการประชุมทุกประเทศเขาพัฒนาหมด ขอให้พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือ ใครที่เดือดร้อนเราก็จะเยียวยาให้ เพราะต้องมีคนเดือดร้อนอยู่บ้าง แต่ประโยชน์ได้มากกว่าคนเดือดร้อนเราก็จะต้องดูและให้มีความสุข หาที่อยู่ที่กินให้กรณีที่อยู่ในเส้นทางดังกล่าว อย่าต่อต้านคัดค้านกันเลย ทำให้ประโยชน์ของชาติเสียหายไปมาก แต่ของตัวเองรัฐบาลก็จะดูแลให้ ขอให้เคารพใน กติกา ในกฎหมาย ผมจะพยายามรักษาผลประโยชน์ของชาติให้ได้มากที่สุด โดยจะกำกับดูแล ทั้งตัวผมเอง ทั้ง คสช. และ ครม. อย่างรอบคอบ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติของชาติจากภาษีของพวกเราทั้งสิ้น และเพื่อเป็นอนาคตของลูกหลาน "คาดว่าในเดือนก.ค.นี้ จะสามารถเริ่มดำเนินการได้ ในเรื่องของเงินทุนก็คงจะใช้เงินกู้ด้วย ใช้ในการลงทุนเราเตรียมเงินไว้หลายอย่างด้วยกัน ในเรื่องของการลงทุนภาครัฐแต่ใช้ไม่ได้เพราะว่าติดโน่นติดนี่มากมาย ผมจำเป็นต้องตัดสินใจ ไม่อย่างนั้นก็ไม่เกิดงาน ไม่เกิดการจ้าง ไม่เกิดอะไรใหม่ ๆ เลย และก็บอกว่ารัฐบาลบริหารเศรษฐกิจไม่ได้ เพราะฉะนั้นผมจึงอยากขอร้องว่าอะไรที่จะเกิดประโยชน์ขอให้ช่วยกัน อย่าคัดค้านกันเลย มีปัญหาอะไรอยากให้รัฐแก้ปัญหาให้ เราก็แก้ปัญหาให้ แต่ต้องเดินหน้าให้ได้ ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงการคลังได้ควบคุมในเรื่องค่าใช้จ่าย เงินงบประมาณภาครัฐก็ดูแลในภาพรวมอยู่แล้ว และกระทรวงคมนาคมก็ต้องทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดคุ้มค่ากับเม็ดเงินทุกบาททุกสตางค์ จะต้องมีการดำเนินการให้เกิดความโปร่งใส ถ้าใครเห็นว่าไม่โปร่งใสก็ร้องเรียนมาเลย ผมตรวจสอบให้ทันที และจะต้องให้เกิดประสิทธิภาพโดยเร็ว สำหรับภาคเอกชนของไทยก็ขอเชิญชวน ไม่ใช่เฉพาะเส้นทางเส้นนี้ มีอีกหลายอย่างที่อยากจะให้ร่วมมือไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า ทางมอเตอร์เวย์อะไรก็แล้วแต่ เราก็มีนักธุรกิจขนาดใหญ่จำนวนมากพอสมควร ถ้าเรามาร่วมลงทุนกันในส่วนตรงนี้ได้ผลประโยชน์ก็จะอยู่ในประเทศเราเอง เรื่องที่จะแบ่งปันกันอย่างไรก็ว่ากันมา ให้เกิดความเป็นธรรม แต่ข้อสำคัญคือ ขอร้องให้ทุกคน ทุกบริษัทที่มีเงินช่วยประเทศชาติในช่วงนี้แล้วกัน ไม่อย่างนั้นไปไม่ได้แน่นอน วันหน้าก็เกิดไม่ได้อีกจะทำอย่างไร ก็ขอให้พี่น้องประชาชนเข้าใจในหลักการ ในข้อเท็จจริง และฟังข้อมูลของรัฐบาลที่ถูกต้องด้วยจะได้ก่อให้เกิดความขัดแย้งใด ๆ แน่นอนว่าทำอะไรก็ตามต้องมีความขัดแย้ง สำคัญคือข้อมูลถูกต้องหรือไม่ ไม่อย่างนั้นประเทศของเราติดกับดักของตัวเองอยู่แบบนี้ ขอให้มองอนาคตของประเทศไว้เป็นสำคัญ" นายกฯ กล่าว http://www.posttoday.com/biz/gov/423514 รัฐบาล ยืนยันยังเดินหน้าโครงการ รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เพียงเปลี่ยนรายละเอียดให้ไทยลงทุนเอง ส่วนจีนดูแลด้านการก่อสร้าง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเดินทางกลับจากเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนถึงโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง โดยยืนยันเดินหน้าโครงการต่อไป ด้วยความร่วมมือแบบรัฐต่อรัฐ แต่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบความร่วมมือจากเดิมที่รัฐบาลไทยกับจีนจะร่วมทุนคนละครึ่งเปลี่ยนเป็นไทยจะลงทุนเองทั้งหมด ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าในส่วนของจีนจะรับผิดชอบดูแลด้านการก่อสร้างทั้งหมด รวมทั้งเรื่องของเทคโนโลยีและตัวรถไฟจากจีน โดยจะก่อสร้างในเส้นทางที่ไทยมีความพร้อมก่อน คือ เส้นทาง กรุงเทพ-แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 250 กิโลเมตร การเปลี่ยนรายละเอียดครั้งนี้ ได้ให้ทางจีนลดต้นทุนลงมา ให้อยู่ในระดับที่ไทยคำนวณไว้ โดยใช้ราคาวัสดุก่อสร้างในไทย และคิดราคาแบบมิตรภาพ ส่วนแหล่งที่มาของเงินทุนนั้น ต้องพิจารณาจากทั้งในและนอกประเทศ เพื่อให้ได้ดอกเบี้ยที่ถูกที่สุด และคุ้มทุนที่สุด ส่วนการก่อสร้างอาจต้องล่าช้าออกไปอีก 4-5 เดือน จากเดิมที่จะต้องมีการก่อสร้างในเดือนพฤษภาคมปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนรายละเอียดของข้อตกลงระหว่างรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ 25 มี.ค. l ข่าว 12.00 น.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผย เหตุผลที่รัฐบาลจีนไม่เข้ามาร่วมลงทุนก่อสร้างโครงการรถไฟไทย-จีน ใน เพราะใช้งบประมาณสูงกว่า 500,000 ล้านบาท 25 มี.ค. l ข่าว 09.00 น.นายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีการงดลงทุนก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงร่วมกับจีน โดยระบุว่า ทางการจีนมีความเข้าใจเป็นอย่างดี และเป็นการตัดสินใจที่ไม่ได้มองเพียงจุดคุ้มทุน แต่เป็นการตัดสินใจเพื่ออนาคต 25 มี.ค.| ข่าว19.00 น. รมว.คมนาคมยืนยัน มีวิธีหาเงินลงทุนรถไฟความเร็วสูงไทยต่อรองจีนลดราคาก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ แก่งคอย นครราชสีมา ต่อรองจีนลดราคาก่อสร้าง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ออกรายการ "คืนความสุข ให้คนในชาติ" โดยตอนหนึ่งได้กล่าวถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงว่าไทยจะลงทุนดำเนินการเองทั้งหมดทุกขั้นตอน ไม่มีทั้งการให้สัมปทานหรือการร่วมทุน เนื่องจากไทยมีศักยภาพดำเนินการเองได้ ซึ่งโครงการแรก เป็นรถไฟความเร็วสูงเส้นแรก กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 250 กิโลเมตร ใช้เทคโนโลยีจากจีนดำเนินการก่อสร้างและถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งเรื่องก่อสร้าง การบริหารจัดการเดินรถ คาดว่าการดำเนินการจะเริ่มต้นขึ้นได้ในเดือน ก.ค.นี้ส่วนเงินทุนจะใช้เป็นเงินกู้ ซึ่งกระทรวงการคลังจะดูแลการใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมเชิญชวนภาคเอกชนเข้ามาร่วมการลงทุนในหลายๆ โครงการของภาครัฐ
มีคนบอกว่าทูตจีนไม่พูดถึงเรื่องรถไฟไทย-จีนแล้ว ล่าสุดสถานทูตก็เลยเปิดให้สื่อมวลชนถามกันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ************************************************** เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เปิดสถานทูตจีน ย่านรัชดา ตอบทุกข้อสงสัย ตั้งแต่เรื่องทะเลจีนใต้ เศรษฐกิจจีน เป้าหมายอนาคต และรถไฟไทย-จีน ถือเป็นโอกาสดีที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก สำหรับจีนเอง ที่กำลังรุกด้านสื่ออย่างมาก พยายามมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศไทย ที่จีนจัดลำดับความสำคัญให้อยู่ในลำดับต้นๆ ไม่บ่อยนัก ที่สถานทูตจีน ประจำประเทศไทย จะเปิดโอกาสต้อนรับคณะสื่อมวลชนของไทยมาร่วมเสวนาตอบคำถาม และรับฟังความคิดเห็นในหลายๆ เรื่อง โดยมีนายหนิง ฟู่ขุย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และนายอู่ จื้ออู่ อัครราชทูตที่ปรึกษา เข้าร่วมการพูดคุยครั้งนี้ โดยที่มาของการเชิญสื่อมวลชน ก็เพื่อสร้างความเข้าใจ ในประเด็นต่างๆ ที่อาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน และได้เปิดโอกาสให้คณะสื่อมวลชนไทย มีการสอบถามอย่างกว้างขวาง อาทิ ประเด็น ความขัดแย้งกรณีทะเลจีนใต้ นายอู๋ จื้ออู่ ยอมรับว่าประเด็นข้อพิพาททางทะเล แสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนในการบริหารจัดการข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานด้านสื่อจีนเอง ที่หลายประเทศทั่วโลกได้รับข้อมูลจากสื่อของประเทศตะวันตกเพียงด้านเดียว ส่วนสื่อจีนมีจำนวนน้อยกว่า และอยู่ในช่วงเริ่มสร้างความเชื่อมั่น พร้อมกับยืนยันว่าหลักฐานจากสมัยอดีต จีนกว่า 4 พันปี ที่เป็นผู้ค้นพบ และตั้งชื่อเกาะ ตามแผนที่การเดินเรือเจิ้งเหอ ในศตวรรษที่ 18-19 ทูตจีนยังเผยแผนนโยบายที่ประกาศผ่านแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 13 ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อน ชี้ว่าปีที่ผ่านมา แม้เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลง แต่ก็เป็นการสร้างตลาดกลุ่มใหม่ อาทิ จีนมีการสร้างงานใหม่ถึง 13 ล้านตำแหน่ง และยังเป็นครั้งแรกที่ภาคบริการมีสัดส่วนแซงหน้าภาคอื่นเกิน 50 % ของเศรษฐกิจ แถมประชากรที่อยู่ต่ำกว่าระดับยากจน มีจำนวนเพียง 70 ล้านคน จาก 1,400 ล้านคน ซึ่งตั้งเป้า ปี 2563 จะต้องไม่มีประชากรจีนยากจนอีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องเส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่จีนเดินหน้า ร่วมกับประเทศในอาเซียน สร้างทางรถไฟนำความเจริญ ไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั้งสปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม ...ทั้งหมดนี้ เรียกได้ว่า จีนในศักราชใหม่ ภายใต้นโยบายเชิงรุกของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เดินหน้าผูกสัมพันธ์ สร้างความเชื่อมั่น และเข้าหาสื่อมวลชนต่างชาติ ไม่เหมือนกับในอดีตอีกต่อไป โดยเฉพาะกับไทย ที่จีนยกให้เป็นพันธมิตรสำคัญ ด้วยสายสัมพันธ์อันแนบแน่น และยาวนาน
กระทรวงคมนาคมยังคงยืนยันที่จะเดินหน้าก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-นคราชสีมา เพราะมองว่ามีความคุ้มค่า ล่าสุดเดินหน้าประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชน ติดตามจากรายงานของคุณขวัญ โม้ชา
ไม่มีอะไรมากมายแค่จะมาบอกเจ้าของกระทู้ว่า จีนเค้าต่อทางรถไฟไปจนถึงฝรั่งเศสแล้วเฟ้ย ************************************** จีนปล่อยขบวนรถไฟขนส่งสินค้าสาย จีน-ยุโรป สายแรกแล้วเมื่อวานนี้ ขบวนรถไฟขนส่งสินค้ามุ่งหน้าสู่เมืองลิยงประเทศฝรั่งเศสเดินทางออกจากสถานีกลางรถไฟหวูเจี่ยซาน เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย ทางภาคกลางของจีนแล้วเมื่อวานนี้ โดยรถไฟขบวนนี้ขนส่งสินค้าประเภทเครื่องยนต์ เครื่องไฟฟ้าและเคมีภัณฑ์ ผ่านมณฑลซินเจียง ทางฝั่งตะวันตกของจีน สู่คาซัคสถาน รัสเซีย เบลารุส โปแลนด์ และ เยอรมนี ก่อนจะถึงจุดหมายปลายทางที่เมืองลิยง ประเทศฝรั่งเศส รวมระยะทาง 11,300 กิโลเมตร ซึ่งสามารถย่นระยะเวลาในการขนส่งจาก 50-60 วันทางทะเล ให้เหลือเพียง 16 วันเท่านั้น ขณะเดียวกันจีนก็จะนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ ไวน์และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากยุโรปผ่านทางรถไฟเช่นกัน นับเป็นเส้นทางรถไฟสายตรงระหว่างเมืองหวูฮั่นไปยังฝรั่งเศสสายแรก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภายใต้แผนการ"หนึ่งเข็มขัดเศรษฐกิจ หนึ่งเส้นทาง"ซึ่งเป็นกรอบการทำงานในการพัฒนาเศรษฐกิจระดับพหุภาคี ทั้งนี้จีนยังเปิดให้บริการขนส่งสินค้าจากเมืองสำคัญ ๆ อีกหลายเมืองไปยังยุโรปอีกด้วย อาทิฉงชิ่ง ฉางซา เจิ้งโจว เซิ่นหยาง
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า จะมีการการหารือผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับฝ่ายจีนอย่างไม่เป็นทางการเรื่อง โครงการความร่วมมือรถไฟไทย-จีน และเรื่องสินค้าเกษตร โดยได้นัดการประชุมความร่วมมือครั้งที่ 10 ที่ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 11-13 พ.ค.นี้ โดยในเรื่องของรถไฟนั้น จะมีประเด็นหารือ คือ 1. สรุปต้นทุนโครงการ ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องสรุปรายละเอียดประเด็นทางเทคนิค เพื่อสรุปค่าก่อสร้างช่วง กรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา เป็นรถไฟความเร็วสูง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งยังมีความแตกต่างกันประมาณ 2 หมื่นล้านบาท 2. รูปแบบการลงทุน ซึ่งไทยจะลงทุนเองทั้งหมด แต่เปิดช่องในการใช้เงินกู้จากจีน หากเงื่อนไขของจีนดีที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับแหล่งเงินอื่น เนื่องจากเมื่อไทยลงทุนเองทั้งหมด จะสามารถจัดสรรว่าจะใช้งบประมาณเท่าไร หรือใช้เงินกู้เท่าไร โดยกู้ในประเทศทั้งหมด หรือกู้จากแหล่งใด ซึ่งทางกระทรวงการคลังจะพิจารณาแนวทางที่ดีที่สุด ส่วนการเดินรถนั้น ไทยจะตั้งบริษัทเอง แต่หากจีนสนใจจะมาร่วมทุนก็ทำได้ เพราะเป็นรูปแบบร่วมทุนระหว่างรัฐบาลและเอกชน หรือ PPP ซึ่งจะมีการกำหนดสัดส่วนต่อไป โดยหาก การรถไฟฯ ถือหุ้นเกิน 50% บริษัทเดินรถจะเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่ถ้าไม่เกิน 50% บริษัทนี้จะเป็นเอกชน ส่วน เทคโนโลยีต่างๆ เป็นของ จีน ตามข้อตกลง โดยจีนจะต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ทั้งหมดและทันทีที่เปิดเดินรถคนขับต้องเป็น คนของบริษัท ซึ่งต่างจากเดิมที่มีระยะเวลาในการถ่ายโอนเทคโนโลยี ก.คมนาคม เตรียมนำคณะเดินทางหารือจีนเรื่องความคืบหน้ารถไฟ ระหว่าง 11 - 13 พ.ค.นี้ พร้อมเร่งศึกษารถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ คาดแล้วเสร็จสิ้นปี อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม บอกว่า ความคืบหน้าโครงการรถไฟไทย-จีนนั้น ทางกระทรวงคมนาคม เตรียมคณะทำงานเดินทางไปร่วมประชุมกับฝ่ายจีน ระหว่าง 11-13 พฤษภาคม นี้ ที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งจะมีการหารือสรุปตัวเลขการลงทุนด้านต่าง ๆ ให้มีความชัดเจนและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน การดำเนินโครงการด้านระบบงานทั้งหมด เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถเดินหน้าโครงการได้ ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-ญี่ปุ่น ล่าสุดทางคณะทำงานของญี่ปุ่น อยู่ระหว่างศึกษาโครงการเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ คาดว่าจะสามารถศึกษาแล้วเสร็จ และสรุปผลชัดเจนภายในสิ้นปีนี้ เพื่อสรุปรูปแบบการลงทุนของโครงการ คมนาคมเตรียมจัดตั้งบริษัทลูกร.ฟ.ท. 3 บริษัท ดูแลด้านก่อสร้าง ,เดินรถ ,พัฒนาเชิงพาณิชย์คุมรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-โคราช วันนี้ (23พ.ค.59) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (คค.) ระบุว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เตรียมจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อดูแลโครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทาง กรุงเทพ-นครราชสีมา ซึ่งเป็นโครงการภายใต้ความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน เพื่อดูแลใน 3 ส่วน ประกอบด้วย บริษัทด้านการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทด้านการพัฒนา เชิงพาณิชย์ และบริษัทบริหารการเดินรถ โดยขณะนี้บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินของร.ฟ.ท. อยู่ระหว่างศึกษารูปแบบที่เหมาะสมที่สุด ทั้งนี้ เป็นไปได้ว่า อาจจะรวมการพัฒนาเชิงพาณิชย์และการเดินรถ เป็นบริษัทเดียวกัน เพื่อนำรายได้จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์มาช่วยเลี้ยงดูตัวเอง ส่วนบริษัทก่อสร้างทางนั้น จะมีรายได้จากบริษัทเดินรถที่จะต้องจ่ายค่าเช่าจากการใช้ราง ซึ่งรถไฟความเร็วสูงเส้นทาง กรุงเทพ-เชียงใหม่ ภายใต้ความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-ญี่ปุ่นจะใช้แนวคิดเดียวกัน โดยการแยกการบริหารเดินรถออกจากกัน จะแยกบัญชี แยกหนี้สิน สามารถวัดประสิทธิภาพในการบริหารการเดินรถของแต่ละเส้นทางได้ชัดเจน ซึ่งในหลายประเทศแยกการบริหารงานเดินรถแต่ละเส้นทางออกจากกัน เช่น ญี่ปุ่น เดิมเคยมีบริษัทเดียวควบคุมดูแลรถไฟความเร็วสูง และรถไฟฟ้าหลายสาย แต่เกิดปัญหา ในที่สุดต้องแยก เพื่อให้แต่ละเส้นทางบริหารให้เกิดประสิทธิภาพที่สุด เพื่อหารายได้เลี้ยงตัวเอง
การประชุมความร่วมมือรถไฟไทยจีนครั้งที่ 11 เบื้องต้นได้ข้อสรุปจะเริ่มก่อสร้างเส้นทางกรุงเทพ-นครราชสีมา ที่สถานีกลางดง หากสรุปงบประมาณได้ช่วงบ่ายวันนี้ จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟไทย-จีน ล่าสุด ได้ข้อสรุปลงเสาเข็มสร้างส่วนแรกที่กลางดง อำเภอปากช่อง ระยะทาง 3.5 กม. เดือนสิงหาคมนี้ ขณะที่ต้นทุนการก่อสร้างทั้งระบบ ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยการประชุมคณะกรรมการร่วม เพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย–จีน ครั้งที่ 11 ซึ่งมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ นาย หวัง เสี่ยวเถา รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ร่วมกันหารือ ซึ่งทางคณะทำงานของจีน ได้เสนอราคาต้นทุนการก่อสร้างที่มีการปรับลดลงตามที่ไทยร้องขอ แต่ทางไทยยังเห็นว่าควรปรับลดลงได้อีก จึงให้ฝ่ายจีนกลับไปทบทวนใหม่อีกครั้ง และขอให้จีนเร่งออกแบบก่อสร้างโครงการในส่วนแรก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร ที่บริเวณกลางดง ปากช่อง ซึ่งกำหนดลงเสาเข็มก่อสร้างในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ และเร่งออกแบบทั้งโครงการ ที่ไทยต้องการให้โครงการเกิดภายในปีนี้
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบกรอบความร่วมมือไทย-จีนในการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงสายแรกของไทย เริ่มตอกเสาเข็มสายแรกปลายปีนี้ เป็นกรอบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-จีนในการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งข้อตกลงใหม่นี้ ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายลงทุนก่อสร้างเองทั้งหมด โดยเริ่มเส้นทางกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมาภายในปลายปีนี้ ทั้งนี้มีการแบ่งความรับผิดชอบทั้งการออกแบบเส้นทางการศึกษาผลกระทบ พร้อมแบ่งการก่อสร้างเป็น 2 สัญญา คือสัญญางานโยธาและสัญญาการวางระบบรางและจัดซื้อรถไฟ โดยมีแหล่งทุนจากงบประมาณประจำปี การกู้ภายในประเทศ และกู้จากธนาคารส่งออกนำเข้าของจีน ที่มีเงื่อนไขดอกเบี้ยที่ดีที่สุด โดยจีนจะถ่ายทอดเทคโนโลยีและฝึกอบรม ดูแลการเดินรถและซ่อมบำรุงอย่างใกล้ชิด คณะรัฐมนตรี ยังเห็นชอบกฎหมายพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ ที่ให้จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจระดับชาติ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยมีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจระยะ 5 ปี จัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ เพื่อเป็นเจ้าของและพัฒนารัฐวิสาหกิจในฐานะผู้ถือหุ้นเชิงรุก และปรับปรุงการบริการแก่ประชาชนให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเห็นชอบการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำปี โดยให้นายรวี ประจวบเหมาะ เป็นผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ เป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายกฤษศญพงษ์ ศิริ เป็นปลัดกระทรวงวัฒนธรรมและนายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เป็นปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2559 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบหารือทวิภาคีกับนายสี จิ้นผิงประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างเข้าร่วมการประชุมผู้นำG20 นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าว่าประธานาธิบดีจีนกล่าวว่า ไทยและจีนควรส่งเสริมการติดต่อประสานงานและแสวงหาความร่วมมือเพื่อที่จะหาทางรับมือกับการท้าทายอย่างเหมาะสม รวมถึงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการพัฒนาร่วมกันเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศและเอเชียโดยรวม ทั้งนี้ จีนให้ความสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์กับไทยในการผลักดันความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างทั้งสองฝ่ายให้พัฒนาก้าวหน้าไปอีกระดับหนึ่ง ขณะที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณจีนที่ให้เกียรติเชิญไทยในฐานะประธาน G77เข้าร่วมการประชุม G20 ในปีนี้นายกรัฐมนตรียังกล่าวขอบคุณชาวจีนที่เดินทางไปท่องเที่ยวเมืองไทยเป็นจำนวนมาก พร้อมย้ำว่าได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ของไทยดูแลชาวจีนเป็นอย่างดี ขณะที่ความร่วมมือการขนส่งระบบรางไทย-จีน จะต้องดำเนินต่อไป แต่ที่เกิดความล่าช้าเพราะติดขัดข้อกฎหมายบางประการ ขณะที่กำหนดการวันนี้นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการะประชุมผู้นำกลุ่ม 20 และในเวลา 16.30 น. จะเข้าร่วมพิธีปิดการประชุม จากนั้นในเวลา 18.00น.ตามเวลาท้องถิ่นนายกรัฐมนตรีและภริยา พร้อมด้วยคณะ จะเดินทาง ไปยังเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 28-29 ต่อไป บอร์ด ร.ฟ.ท. เห็นชอบปรับกรอบวงเงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟไทย-จีน ช่วง กทม.-โคราช วงเงิน 1.79 แสนล้าน เตรียมชง ครม.อนุมัติ นายพิชิต อัครทิตย์ ประธานกรรมการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการ หรือ บอร์ด ร.ฟ.ท. เมื่อวานนี้(13 ก.ย.59) ได้เห็นชอบการปรับกรอบวงเงินลงทุนและรายละเอียดบางรายการ ในโครงการความร่วมมือพัฒนารถไฟไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ -นครราชสีมา ระยะทาง 252.5 กิโลเมตร วงเงิน 179,000 ล้านบาท ตามผลการเจรจาของคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งล่าสุด ก่อนเสนอ ครม. ส่วนกรณีกระทรวงการคลัง ชะลอแผนนำที่ดินมักกะสันแลกหนี้การรถไฟฯ 60,000 ล้านบาท เพราะรอกฤษฎีกาตีความกฎหมายการเวนคืนที่ดินว่านำมาใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ รมว.คมนาคม คาดว่าจะลงนามในสัญญารถไฟไทย-จีน ต.ค. จากนั้นจะประกวดราคาในเดือน พ.ย.และเริ่มการก่อสร้างในเดือน ธ.ค.นี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 14 เพื่อพัฒนารถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ -นครราชสีมา ระยะทาง 252.5 กิโลเมตร ที่ประชุมได้ตกลงร่างสัญญารูปแบบการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ หรือ EPC แบ่งเป็น 3 สัญญา คือ สัญญางานออกแบบ สัญญาควบคุมงาน และสัญญาจัดหาระบบตัวรถ ระบบอาณัติสัญญาณ ซ่อมบำรุงและฝึกอบรม คาดว่าจะลงนามในสัญญาได้เดือนตุลาคมนี้ หลังเสนอ ครม. อนุมัติโครงการก่อนเซ็นสัญญา จากนั้นจะเปิดประกวดราคาก่อสร้าง ตอนที่ 1 ระยะทาง 3.5 กม. หรือบริเวณสถานีกลางดง-ปางอโศก ในเดือนพฤศจิกายน และเริ่มการก่อสร้างเดือนธันวาคม เป็นไปตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้หารือกับประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ของจีน เมื่อครั้งไปประชุม G20 ที่เมืองหางโจว โดยขณะนี้ เหลือเพียงการปรับรหัสมาตรฐานวัสดุก่อสร้างของจีน มาเป็นรหัสมาตรฐานของไทย เพื่อถอดราคาค่าก่อสร้าง ให้แล้วเสร็จภายใน 15 ตุลาคมนี้ ส่วนกรอบวงเงินโครงการสรุปร่วมกันที่ 179,412.21 ล้านบาท โดยการก่อสร้างงานโยธาไทยลงทุนทั้งหมด ซึ่งช่วง 3.5 กิโลเมตรแรก กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดหาแหล่งเงิน
ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 15 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอให้ที่ประชุม คณะรัฐมนตรี อนุมัติโครงการรถไฟไทย-จีน ภายในพฤศจิกายนนี้ ยืนยันการก่อสร้างจะเป็นไปตามกำหนดเดิม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อาคม เติมพิทยาไพสิฐ บอกว่า ที่ประชุมได้หารือรายละเอียดร่างสัญญา EPC2 ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วน คือ งานออกแบบ งานจ้างที่ปรึกษาควบคุม และงานระบบ ตัวรถ ซ่อม บำรุง แต่ยังต้องมีการหารือเพิ่มเติม ขณะที่การเริ่มก่อสร้างส่วนงานโยธาในสัญญาที่ 1 หรือ EPC 1 ทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงรายละเอียดจนได้ข้อสรุปเบื้องต้นแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอให้จีนเสนอแบบก่อสร้างมาให้ไทยถอดราคาเพื่อนำไปเปิดประมูลต่อไป อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยเสนอขอให้จีนส่งแบบก่อสร้างในช่วงที่ 1 ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร พร้อมกับช่วงที่ 3 หรือ 4 ซึ่งมีระยะทางแต่ละช่วง 110 กิโลเมตรเพื่อทำให้การก่อสร้างและเดินรถมีความเป็นไปได้ ในส่วนของการกู้เงิน คุณอาคม บอกว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาอัตราเงินกู้ที่จะมาใช้ในโครงการนี้ซึ่งมีวงเงิน 1.79 แสนล้าน บาท โดยไทยมีแผนจะกู้ทั้งสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินหยวนเพียงแต่ว่าขณะนี้อัตราดอกเบี้ยยังสูงอยู่ โดยสกุลเงินดอลลาร์อยู่ที่ 2.3% ส่วนสกุลเงินหยวนอยู่ที่ 2.8 % แต่ฝ่ายไทยต้องการอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า 2% คุณอาคม ยังยอมรับด้วยว่า การลงทุนโครงการนี้ไทยจะต้องกู้เงินจากจีนแน่นอนคือในส่วนขบวนรถที่ผลิตจากจีนคิดเป็นสัดส่วน 20% ของกรอบวงเงินกู้โครงการ 1.79 แสนล้าน หรือคิดเป็นเงิน 3.58 หมื่นล้านบาท นายกรัฐมนตรี สั่งเร่งทำความเข้าใจและคลี่คลายปัญหาโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน, กรุงเทพ-หนองคาย ที่ถูกต่อต้าน พร้อมสั่งแก้ปัญหาการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายน้ำเงิน ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรถไฟความเร็วสูงของกระทรวงคมนาคม โดยยอมรับว่าเป็นห่วงปัญหาการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ที่ยังติดขัดเรื่องความเข้าใจของประชาชน โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-หนองคาย ซึ่งติดปัญหาเรื่องการบุกรุกและโครงการไม่ผ่านรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือ EIA กว่า 20 โครงการ ที่ถูกต่อต้านจากคนในและนอกพื้นที่ พร้อมกำชับให้กระทรวงคมนาคม หาข้อสรุปและจัดทำโครงการให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาจราจรเชื่อมโยงการเดินทางและการลงทุนในประเทศ สำหรับโครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก จะเริ่มภายในปีนี้ ทั้งการสร้างถนน สร้างรถไฟ รวมถึงการขยายท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือสัตหีบ และสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งจะเชื่อมโยงไปยังภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อให้ทุกคนได้ประโยชน์ ส่วนปัญหาไฟฟ้าสายสีม่วง กับ สายน้ำเงินที่ไม่เชื่อมต่อกัน ก็ให้บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) BMCL ไปพูดคุยแก้ปัญหาให้เสร็จภายใน 30 วัน http://www.tnamcot.com/content/609936 โฆษกรัฐบาลปัดใช้ม.44เดินหน้าโครงการรถไฟไทย-จีน ตามที่มีกลุ่มกล่าวอ้าง ย้ำใช้กฏหมายตามปกติ วันนี้ (5ก.พ.60) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่มีกลุ่มบุคคล แสดงความเห็นอ้างว่า นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตามมาตรา 44 ยกเว้นใบอนุญาตนิติบุคคลให้กับบริษัทของจีนที่ออกแบบโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ส่งผลให้ฝ่ายจีนสามารถออกแบบได้เลยนั้น ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีการใช้ ม.44 ดำเนินการในเรื่องนี้แต่อย่างใด โครงการรถไฟไทย-จีน ใช้กฎหมายปกติดำเนินการ โดยฝ่ายจีนยังคงต้องขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมตาม พ.ร.บ.วิศวกร พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.สถาปนิก พ.ศ.2543และเนื่องจากเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่ยังไม่เคยมีในประเทศไทย ดังนั้น ในขั้นตอนการออกแบบจึงต้องใช้วิศวกรจีนดำเนินการ โดยมีคณะทำงานจากการรถไฟแห่งประเทศไทยร่วมกำหนดรายละเอียดให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังได้ส่งแบบสถาปัตยกรรมสถานีที่ สำนัก.นโยบายและแผนการขนส่งและจราจรได้เคยศึกษาในโครงการรถไฟความเร็วสูง กทม-นครราชสีมา ซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกไทย ให้แก่ทางจีนเป็นต้นแบบด้วย พล.ท. สรรเสริญ กล่าวต่อว่า วงเงินค่าออกแบบโครงการรถไฟไทย-จีน เบื้องต้นเป็นจำนวน 1,779.97 ลบ. ไม่ใช่ 10,000 ลบ.ตามที่ มีการกล่าวอ้าง ส่วนเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการออกแบบเพื่อก่อสร้างนั้น ผู้ที่รับรองการออกแบบของฝ่ายจีนจะต้องได้รับใบอนุญาตจากสภาวิศวกรและสภาสถาปนิกไทย ซึ่งจะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่สภาวิชาชีพทั้งสองกำหนดไว้ ดังนั้น ความเห็น ของกลุ่มบุคคล ดังกล่าว เรื่องการใช้ ม.44 ทำลายโอกาสการสร้างงานให้กับคนไทย และความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยหากออกแบบโดยบริษัทจีน จึงเป็นการกล่าวอ้างที่บิดเบือนเกินความจริง “ท่านนายกฯ ติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้มาโดยตลอด และกำชับให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ โดยให้ความสำคัญกับประโยชน์ของฝ่ายไทยมากที่สุด และสอดคล้องกับมาตรฐานระดับสากล รวมถึงเน้นย้ำไม่ให้มีการทุจริตเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว จากกรณีที่ตัวแทนวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี แสดงความไม่เห็นด้วยกับการออกแบบโครงการรถไฟไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ที่ใช้งบประมาณออกแบบสูงถึง 10,000 ล้านบาท และรัฐบาลจะใช้อำนาจตามมาตรา 44 อนุญาตให้ฝ่ายจีน เป็นผู้ออกแบบ เนื่องจากค่าออกแบบสูงเกินจริง และขัดต่อกฎหมายวิศวกรรมโยธา ที่ผู้ออกแบบโครงการต้องสงวนไว้เป็นอาชีพสำหรับคนไทยเท่านั้น โดย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่าค่าออกแบบก่อสร้างโครงการรถไฟไทย-จีน ไม่ถึง 10,000 ล้านบาท และสามารถให้วิศวกรจากจีน เข้ามาออกแบบได้ เนื่องจากเป็นการออกแบบและหารือร่วมกันกับวิศวกรไทย จึงไม่ผิดกฎหมาย พร้อมยืนยันว่าโครงการดังกล่าวจะไม่มีการล็อกสเปกวัสดุก่อสร้าง และจะใช้วัสดุที่ผลิตในประเทศเป็นหลักด้วย ซึ่งการก่อสร้างโครงการจะยังเป็นไปตามกำหนดเดิม จะเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนมีนาคมนี้
ปิดฉากแล้วจ้า (ตามหากาสรสีชาดหายจ้า) รายงานสดจาก อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เริ่มการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธี เริ่มการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน กรุงเทพ-หนองคาย ระยะที่ 1 กรุงเทพ-นครราชสีมา