ผลวิจัยจากแพทย์หญิง จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ นายกสมาคมนักวิจัยไทยเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว กล่าวว่า "เด็กไอคิวสูงไม่ได้หมายถึงเรียน เก่ง แต่หมายถึงรู้จักใช้ชีวิต คิดสร้างสรรค์ ทำงานเป็น พึ่งพาตัวเองได้ และเป็นที่พึ่งให้ผู้อื่น" "เด็กไทยไอคิวต่ำ" นั่นไม่ได้การพูดเล่นๆ หรือพูดโดยไม่มีหลักฐานยืนยัน เพราะคุณหมอคนนี้ทำงานด้านเด็กมาทั้งชีวิต เมื่อสำรวจทั่วประเทศ คุณหมอพบว่า เด็กไทยไอคิวต่ำ อยากให้อธิบายเพิ่มเติม ? ก็คืออายุสมองต่ำกว่าอายุจริง ยกตัวอย่างเด็กอายุ 10 ปีก็ควรมีสมองอายุ 10 ปี แต่เด็กไทยมีอายุสมองแค่ 8 ปี นี่เป็นค่าเฉลี่ยนะ เราสำรวจตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงระดับประถม เด็ก 6 เดือนแรกวัดจากพัฒนาการ เด็กวัยนี้เฉลี่ยแล้วมีศักยภาพทางสมองสูงกว่า 130 เป็นตัวชี้วัดที่เรียกว่าต้นทุนดี ไม่มีปัญหา เพราะเรายังไม่ได้ใส่อะไรให้เด็ก แต่พอผ่านการเลี้ยงดูไปถึงระบบโรงเรียน เด็กจะไอคิวต่ำตั้งแต่ขวบแรก นี่แสดงถึงผลของสิ่งแวดล้อม พ่อแม่ โรงเรียน ไม่เอื้อต่อการพัฒนาเด็ก ทำให้ถดถอย http://www.lgtcounseling.com/b-27/ไอคิวเด็กไม่สูง!!!-เพราะการเลี้ยงลูกแบบเ ---------------------------------------------------------------------------------- จากการสังเกตุของท่านๆทั้งหลาย เห็นเป็นไงบ้างครับ
ผมว่าคนไม่ใช่หุ่นยนตร์ที่จะโปรแกรมอะไรเข้าไปได้เหมือนๆกัน จริงอยู่เด็กสมัยนี้ส่วนนึงเป็นอย่างที่เขาว่า ตัวเองก็เลี้ยงลูกไม่เป็นอย่างที่เค้าว่าเหมือนกัน ไม่ได้ให้ลูกช่วยอะไรมากนัก เอาแค่รับผิดชอบงานส่วนตัวให้เรียบร้อยก็พอ แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นทั้งหมดไม่ใช่หรือ แล้วนั่นก็เป็นโอกาสของเด็กที่ขยันใช่ไหม? ลองไปดูเด็กเกาหลีที่ต้องดิ้นรนสอบเข้ามหาวิทยาลัย บางคนฆ่าตัวตาย ทำไมชีวิตต้องลำบากขนาดนั้น ในขณะที่ภูฏาน ผู้คนอยู่กันอย่างเรียบง่ายมีความสุข ไม่ต้องดินรนหานวัตกรรมใดๆมากอบโกยแข่งขัน เอาเป็นว่าสำคัญที่สุดของชีวิตคือการอยู่รอดครับ ใครห่วยแตกจนชีวิตไม่รอดก็ช่วยไม่ได้ ถึงจุดนึงเค้าจะรู้เองว่าควรทำเช่นไร
ไม่ค่อยกล้าเถียงหมอครับ แต่ไม่เห็นด้วยกับที่เธอพูดว่า "เด็กไอคิวสูงไม่ได้หมายถึงเรียนเก่ง แต่รู้จักใช้ชีวิต.............." เท่าที่เคยอ่านพบ(จากที่ไหนจำไม่ได้แล้ว) คนจะสำเร็จหรือล้มเหลวในการเรียนหรือการดำเนินชีวิต เกี่ยวข้องกับตัวย่อ4ตัว IQ Intelligence Quotient คือความฉลาดทางปัญญา EQ Emotional Quotient คือความฉลาดทางอารมณ์ที่ทำให้ดำเนินชีวิตอย่างสร้างสรรค์และมีความสุข AQ Adversity Quotient คือความอดทน อดกลั้น และพากเพียรที่จะฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรค RQ Resilient Quotient คือความสามารถพลิกปัญหาเป็นโอกาส สามารถลุกขึ้นมายืนใหม่หลังจากล้มเหลว คนต่างชาติเห็นว่าคนไทยเรามีตัวย่อตัวสุดท้ายสูงมาก ทำให้เราไม่เคยสิ้นชาติทั้งที่ตกอยู่ในวิกฤติที่หลายชาติอาจไม่สามารถผ่านพ้นไปได้ เช่นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง หลังวิกฤติต้มยำกุ้ง และสุดท้ายคือการพลิกฟื้นจากการแตกแยกในชาติซึ่งหากเป็นประเทศอื่นอาจกลายเป็นสงครามกลางเมืองไปแล้ว ความเห็นของผมไม่ได้เกี่ยวกับกระทู้นี้มากนัก แต่ก็อยากยกขึ้นมาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดกัน
อีกอย่างถ้าผลวิจัยออกมาจากรามา ราชวิถี จะดีกว่านี้ แต่อันนี้เป็นอะไรผมก็ไม่ทราบ แต่ถ้าเป็น ngo ที่ต้องหาเงินทุน ผมก็ไม่แปลกใจที่ผลจะออกมาแบบนี้ เพราะถ้ามันดีคงไม่มีใครให้ทุน
นอกจากเรื่องพัฒนาการทางสติปัญญาแล้ว เรื่องจิตใจก็สำคัญ คนที่มีปมปัญหาในชีวิต ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในครอบครัวและคนรอบข้าง ก็ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ อย่าให้ถลำลึกไปจนกลายเป็นคนที่สร้างปัญหาให้สังคม
คือจากประโยค"เด็กไอคิวสูงไม่ได้หมายถึงเรียน เก่ง แต่หมายถึงรู้จักใช้ชีวิต คิดสร้างสรรค์ ทำงานเป็น พึ่งพาตัวเองได้ และเป็นที่พึ่งให้ผู้อื่น" ทำให้รู้สึกว่าแกใช้ความคิดและตัวตนของแกเป็นใหญ่ เพราะความหมายของไอคิวคือ "ระดับเชาวน์ปัญญา หรือ ไอคิว (IQ ย่อจาก Intelligence quotient) หมายถึง ความฉลาดทางเชาวน์ปัญญา การคิด การใช้เหตุผล การคำนวณ การเชื่อมโยง ไอคิว เป็นศักยภาพทางสมองที่ติดตัวมาแต่กำเนิด เปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ยาก ไอคิว สามารถวัดออกมาเป็นค่าสัดส่วนตัวเลขที่แน่นอนได้เทียบกับอายุคน ส่วนใหญ่มีไอคิวช่วง 90-110 ส่วนคนที่มีไอคิวเกิน 120 ถือว่าเป็นคนที่มีไอคิวในระดับสูง"
"ผมว่าคนไม่ใช่หุ่นยนตร์ที่จะโปรแกรมอะไรเข้าไปได้เหมือนๆกัน" เพราะมนุษย์มีสมองมากกว่าสัตว์ทั่วไป เมื่อเทียบกับขนาดร่างกาย เราจึงเป็นสิ่งที่ซับซ้อน เข้าใจยากที่สุด ขนาดฝาแฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน ถูกเลี้ยงดูมาเหมือนๆกัน พฤติกรรม ความคิด ยังต่างกัน เพราะฉะนั้นทฤษฎีต่างๆที่เกี่ยวกับมนุษย์ จึงไม่มีโอกาสที่จะถูกต้อง 100% คงเพียงแค่อ่าน เพื่อให้ได้แง่คิดบางอย่างแค่นั้นเอง
ว่าแต่อยากรู้มากเลยว่า หมอเองน่ะ มีลูกหรือเปล่า??? เพราะเรื่องทุกๆเรื่อง "พูดง่ายกว่าทำ" ถ้าไม่มีลูกมันพูดได้หมดล่ะครับว่าควรทำยังไง พูดให้สวยหรูขนาดไหนก็ได้ แต่ถ้าไม่มีประสบการณ์ตรงจะไม่รู้ว่ามันมีองค์ประกอบอื่นๆอีกมากมาย คนที่ควรจะสอนบริหารธุรกิจก็ต้องเป็นคนประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ ไม่ใช่คนไม่เคยบริหาร บริหารแล้วเจ้งก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยจะได้รู้ว่าเจ้งเพราะอะไร เป็นบทเรียนได้
คนไทยในอดีต จะเลี้ยงลูกแตกต่างกันอยู่ 2 อย่าง เช่น รักลูก อยากให้ลูก เป็นคนดี รักลูก ไม่อยากให้ลูก เป็นคนไม่ดี ถ้า รักลูก อยากให้ลูกเป็นคนดี ต้องดูแล สั่งสอน ศีลธรรมตั้งแต่วัยก่อนเข้าอนุบาล พาลูกไปในสถานที่ดีๆ ให้ลูกได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง แต่สิ่งที่ดีๆ ถ้าเจอคนทะเลาะกัน พูดจาหยาบคาย ก็รีบพาลูกออกจากสถานที่นั้น ในครอบครัว ก็พูดจากันด้วยคำสุภาพ ไม่ประชดประชัน พูดจาส่อเสียด เสียดสี ใส่กัน แล้วพอเค้าเข้าโรงเรียนในระดับอนุบาล ค่อยสอนการอยู่ร่วมในสังคม ให้เค้า อย่าคิดว่า ไว้โตแล้วค่อยสอนศีลธรรม ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด
ใช่ครับ ถ้าจะปลูกฝังสั่งสอนอะไร หมอเค้าบอกว่า หญิง ก่อน 10 ขวบ ชาย ก่อน 12 ขวบ ถ้าจำไม่ผิด ถ้าสอนหลังจากนี้ มันจะไม่เข้าสมอง
ส่วน รักลูก ไม่อยากให้ลูก เป็นคนไม่ดี แล้วคอย ดุด่า ว่ากล่าว ใช้คำรุนแรง หรือใช้การลงโทษ แต่ไม่บอกเหตุผลอันควร ไม่ควรนำมาใช้ครับ
ตัวอย่างของจริง อยู่คนละโรงเรียน คนละจังหวัด แต่เป็นรร.เอกชนทั้งคู่ ลูกสาวอายุประมาณ7-8ขวบ กลับจากโรงเรียน มีรอยช้ำ รอยขีดข่วน เมื่อแม่ถามก็บอกว่า โดนเพื่อนที่โรงเรียนทำร้าย นางก. รุ่งเช้าไปโรงเรียนพร้อมลูก และให้ชี้ว่าคนไหนรังแก แล้วเธอก็เดินไปต่อว่าเด็กคนนั้น ไม่รู้ว่าเกิดการโต้เถียงกันยังไง นางก.เกิดไปตีเอาเด็กคนนั้นเข้า เรื่องจึงไปถึงครูใหญ่และผู้ปกครองเด็กที่ถูกตี และเกิดเหตุโต้เถียงกันระหว่างผู้ปกครองต่อหน้าครูใหญ่ พอดีพ่อแม่เด็กที่โดนนางก.ตี เขามีฐานะและหน้าที่การงานดีกว่านางก.มาก สรุปคือปีการศึกษาใหม่ ลูกของนางก.ต้องย้ายไปเรียนที่อื่น นางข. ไปโรงเรียนพร้อมลูกเหมือนกัน แต่ถือขนมไปด้วย เมื่อลูกชี้ให้ดูว่าคนไหนรังแก เธอก็เรียกเด็กคนนั้นมาหา และยื่นขนมให้ พร้อมบอกว่า ฝากช่วยดูน้องเขาหน่อยนะ น้องเขากลัวโรงเรียน เขาไม่อยากมาเรียน สรุปคือลูกของนางข.ไม่โดนรังแกอีกเลย แถมมีเด็กคนนั้นช่วยดูแลไม่ให้คนอื่นมารังแกด้วย