สำนักข่าวซินหัว อินโดฯทนไม่ไหว จ่อใช้กม.ใหม่ ข่มขืนเด็กต้อง"ฉีดยาให้อัณฑะฝ่อ" เนื่องจากในช่วงหลายปีมานี้ในประเทศอินโดนีเซียมีคดีเด็กถูกข่มขืนเป็นจำนวนมาก รัฐบาลอินโดจึงไฟเขียวกฎหมายใหม่ ซึ่งก็คือการลงโทษผู้ที่กระทำชำเราเด็กด้วยวิธี "ตอนด้วยเคมี”หรือการ”ฉีดยาให้หมดความรู้สึกทางเพศ”นั่นเอง อัยการสูงสุดของอินโดนีเซียกล่าวว่า การลงโทษด้วยวิธีดังกล่าวจะทำให้คนที่จะก่อเหตุข่มขืนเด็กตระหนักถึงโทษและเกรงกลัวการทำผิดมากยิ่งขึ้น ในปัจจุบันนี้โทษสูงสุดของผู้กระทำความผิดข่มขืนเด็กในอิโดนีเซียคือจำคุกไม่เกิน 15 ปี และมีการปรับเงินจำนวนหนึ่งบวกด้วยการลงโทษที่เพิ่มขึ้นใหม่ซึ่งหมายความว่านักโทษจะต้องถูกฉีดยาให้หมดความรู้สึกทางเพศในขณะที่ติดคุก ซึ่งขณะนี้การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวเหลือเพียงแค่รอให้ประธานาธิบดีแห่งอินโดนีเซียลงนามเท่านั้น จากข้อมูลของรัฐบาลอินโดฯ มีคดีข่มขืนเด็กในประเทศเพิ่มขึ้นจาก ปี 2011ที่มีจำนวน 2178 คดี เพิ่มขึ้นเป็น 5066 คดีในปี 2014 และในปลายปีที่แล้วเกิดคดีเด็กชายวัย 6 ขวบซึ่งเป็นเด็กนักโรงเรียนนานาชาติชื่อดังในกรุงจาการ์ตาถูกพนักงานทำความสะอาดเพศชาย 5 คน รุมโทรม ซึ่งทำให้ชาวอินโดฯตกใจเป็นอย่างมาก และเมื่อต้นเดือนตุลาที่ผ่านมานี้ก็มีเด็กหญิงวัย 9 ขวบ รายหนึ่งถูกลักพาตัวไปจากนั้นก็ถูกข่มขืนและฆาตกรรม ทั้งนี้มีหลายประเทศในทั่วโลกที่ได้ใช้กฎหมายการลงโทษด้วยการฉีดยาให้หมดความรู้สึกทางเพศ เช่นโปแลนด์ รัสเซีย เอสโตเนียและบางพื้นที่ของสหรัฐฯ โดยในปี 2011 เกาหลีใต้ก็ได้บังคับใช้กฎหมายนี้เป็นประเทศแรกในเอเชีย อย่างไรก็ดีการลงโทษด้วยวิธีดังกล่าวยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน โดยบางฝ่ายที่มองจากการคุ้มครองเด็กเห็นว่าเป็นการป้องกันที่จะช่วยลดคดีข่มขืนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตแต่บางฝ่ายก็เห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ............................................................................................. น่าสนใจนะครับ เพราะไทยเรากำลังปฎิรูปประเทศอยู่ด้วยหากมีการนำเสนอไปแก้ไขกฎหมายก็น่าจะดี
ผมว่าการลงโทษทางกฎหมายก็ละเมิดสิทธิมนุษยชนหมดแหละ ประหารชีวิตก็ทำให้ตาย จำคุกก็ทำให้เสียอิสรภาพ ไปไหนมาไหนไม่ได้ ปรับเงินก็เสียเงิน แทนที่จะได้ซื้ออะไรบ้าง ตกลงจะปกป้องสิทธิมนุษยชนของใครบ้างล่ะ ปกป้องผู้เสียหาย ปกป้องคนร้าย
ขอกำหนดโทษ แบบยกกำลัง 2 ได้มะ ความผิดครั้งแรกติดคุก 15 ปี ผิดซ้ำคดีคล้ายเดิมบทลงโทษ x2 อัตโนมัติ เป็น 30 ปี ต่อไป 60 ครั้งที่ 4 ประหารเลย
เพราะเป็นคดีข่มขืนและเกี่ยวกับเด็กนะสิครับ ตัวผมเองมองว่า โทษประหารสำหรับคนประเภทนี้นี้สมควรแล้ว หรือจะฉีดยาให้ฝ่อก็เหมาะสม เพราะจิตใจคนที่ทำเรื่องแบบนี้ได้ไม่สมควรให้อภัย
อืม... เมื่อก่อน ผมดูหนังเรื่อง นักบวช อะไรสักอย่าง การตัด อวัยวะเพศ หรือประหารชีวิต มันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ในหนัง เขามียาฉีด หรือ ยากิน นี่ครับ ผลของยาเพื่อไปต่อต้าน ความรู้สึก ความต้องการทางเพศ ที่ร่างกายผลิตมาตามธรรมชาติได้ ฆ่าคน กฎหมายมีโทษระวางสูงสุดที่ประหารชีวิต คุณดูทุกวันนี้ฆ่ากันทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที
ทางแก้ก็มี แค่นี้ ก็คิด ไม่ออก คุณก็ผลิตยา มาสิครับ ให้คนไปซื้อกิน ก็ได้ จะไม่มี คดี ข่มขืน ที่ผู้ชาย กระทำ ต่อสตรี อีกต่อไป การร่วมเพศ มันไม่ใช่ ความต้องการ พื้นฐานทางร่างกาย เหมือนกินข้าว
การร่วมเพศ มันไม่ใช่ ความต้องการ พื้นฐานทางร่างกาย เหมือนกินข้าว สำหรับคนธรรมดา จิตใจปกติ เรื่องที่คุณกล่าวคงเป็นความจริง แต่คนเลว คนวิปริต มันกลับเห็นว่า เป็นสิ่งจำเป็นมากกว่ากินข้าว
ผึ้งเป็นพวกชอบอ่านหนังสือแนว true crimes ซึ่งเป็นคดีที่เกิดขึ้นจริง บางครั้ง การข่มขืนเป็นมากกว่าการระบายความใคร่ แต่เป็นทั้งการระบายความป่าเถื่อน บรรเทาความเจ็บปวด แสดงอำนาจ สารพัดจะเป็น มันซับซ้อนมากค่ะ แต่การตัดอวัยวะเพศก็ไม่ใช่ทางออกนะคะ เพราะในประวัติศาสตร์ก็มีว่าขันทีที่ถูกตอนแล้วก็ยังมีอารมณ์ทางเพศ พวกนี้เป็นบ้าไปเลยก็มี แล้วก็เลยแสวงหาหนทางอื่นที่จะระบาย บ้างก็ทรมานคนอื่น บ้างก็หาทางสร้างอวัยวะขึ้นใหม่ รู้สึกมีคดีหนึ่งที่สหรัฐที่มีการข่มขืนด้วยการอัดดอกไม้ไฟเข้าไปในช่องคลอดของผู้หญิงด้วย นั่นก็เพราะไอ้นั่นของฆาตกรมันใช้การไม่ได้ ถ้าจะถามว่าเห็นด้วยไหมกับการทำให้พวกนักข่มขืนเซ็กเสื่อม ก็คิดว่าโอเคนะ แค่ต้องมีวิธีอื่นร่วมด้วย อย่างทำรายชื่อแล้วตามดูพฤติกรรม ไอ้พวกนี้มันไม่ใช่โรค รักษาไม่หาย
เราอยู่ในยุคที่เจริญแล้วในด้านความคิดใช่หรือไม่ หรือว่า อยากกลับไปยุคป่าเถื่อน ไม่พอใจยิงแม่ม อยากเอาใครทุบท้องลากเช้าซอก ? ถ้ายับยั้งหรือควบคุมความต้องการของตนไม่ได้ ก็อย่าเอาไว้ให้รกสังคมเลยครับ เป็นลูกสาว เป็นน้องสาว เป็นคนในครอบครัวของคุณบ้างถ้าโดนข่มขืน คุณจะยิ้มแล้วเดินไปขอบคุณคนที่ทำรึเปล่า อย่าโลกสวยเกินไปนักเลย โทษควรจะแรงและออกสื่อ ไม่ใช่ทำชั่วขึ้นหน้าหนึ่ง ออกทีวีอย่างกะดารา เอาพวกที่ทำผิดร้ายแรง ประหารชีวิตออกสื่อสิ หรือลงโทษ ตอกเล็บ ฉีดไข่ออกสื่อสิครับจะได้เพลาๆ บ้าง อย่างล่าสุดเพิ่งก่อคดีไปไม่กี่เดือนออกมาก็เอาอีก ติดคุกแป็บเดียวก็ออกมาเป็นภัยสังคมใหม่ เอาไว้เพื่อ?
มันมีเรื่องแนวคิดว่าทุกคนที่ทำผิดจะมีสิทธิ์ที่จะได้รับโอกาสกลับตัวเป็นคนดีน่ะครับ เพราะฉะนั้นการลงโทษอะไรต้องไม่ทำให้ร่างกายเสียหายไป
ลงโทษ - เพื่อหลาบจำ ลงโทษ - เพื่อฟื้นฟู ลงโทษ - เพื่อให้ดูเป็นเยี่ยงอย่าง ลงโทษเพื่ออะไร . . . . . . . .. . . . . . . ประเพณีดั้งเดิมของ สยามประเทศ ...... เน้น ลงโทษ - เพื่อให้ดูเป็นเยี่ยงอย่าง -เรามีการแห่ประจาน -เราตัดหัวนักโทษ กันกลางเมือง (สนามหลวง) ผมไม่ทราบเหมือนกัน ว่า แค่ 2 อันนี้ที่ยกมา จะใช้อนุมาน จริตของคนไทยได้ทั้งหมดหรือไม่ เพียงแต่เราทำแบบนี้ มาหลายร้อยปี เพิ่งจะเปลี่ยมาเมื่อสัก 50-60 ปีกก่อน จากตัดหัว - เป็นยิงเป้า แล้วก็เปลี่ยนอีก หลายๆ ที จนเราน่าจะลืมๆ รากเหง้าจริงๆ ของเราไป เอาเข้าจริงๆ การประหารโชว์นี่น่าจะมีใน ทุกๆวัฒนธรรมอย่าง ไม่น่าเชื่อว่าจะเหมือนกัน ทั้งที่ บางทีแต่ละวัฒนธรรม แทบจะไม่มีการเกี่ยวของกันเลย ตะวันออกกลาง - แค่โขมยของ โดนตัดมือ / โชว์กลางตลาด ปฏิวัติฟรั่งเศษ - กิโยติน / โชว์สดกลางเมือง เมืองจีน - เครื่องประหารหัวสุนัข / เอามาจากหนัง แต่มันต้องมีเค้ามั่งสิน่า USA ยุคเคาบอย - แขวนคอกันหน้า ศาล / โชว์สดๆ ฟรั่งมุงตรึม ทำไม เราต้องอ้างความศิวิไล เพื่อมาปฏิเศธ ตัวตนของตัวเอง คดีข่มขืน / คดีคอรัปชั่น ผมว่าควรประหารด้วยการ โยนทั้งเป็น ลงบ่อ จรเข้ ที่อดอาหารมาแล้ว 5วัน หรือโยน ทั้งเป็น ใส่กรงสิงห์โต จัดที่สนามหลวง - แล้วขายบัตรเข้าชมหัวละ 10,000. 1.คดีข่มขืน / หรือคอรัปชั่นอาจจะลดลง 2.ผู้ต้องหา อาจจะสู้ตาย ไปอยู่ดูไบ ไม่กลับมาเลย ทำโชว์สัก 2 - 3 เคส เปิด เทปให้ดูเลย ในที่สธารณะ ....................... ผมเชื่อจริงๆ ว่าคดีข่มขืนลดลงแน่ ...................................................................................................................................................... อีกอันที่น่ากลัวกว่าดารลงโทษ แบบไหน ยังไง ก็คือ กระบวนการยุติธรรมของไทย ตำรวจ อัยการ ศาล ท่านไว้ใจ อะไรได้บ้างคร้าบ
คงไม่ใช่แต่ของไทยหรอกครับ(แต่พอดี เราเป็นคนไทย จึงเห็นของไทยชัดเจนกว่าประเทศอื่น) ที่กระบวนการยุติธรรม มีโอกาสผิดพลาด โอนเอียง การกำหนดบทลงโทษแบบสุดโต่ง เพื่อให้เกิดความกลัว เพื่อลดการกระทำผิด จึงมักโดนต่อต้าน จึงมีคำกล่าวว่า "หลักกฎหมายที่ดีกำหนดว่าปล่อยคนผิด 100 คน ดีกว่าลงโทษคนบริสุทธิ์เพียงคนเดียว" ทั้งๆที่ในความเป็นจริง "ปล่อยคนผิดเพียงคนเดียว อาจไปทำร้ายคนบริสุทธิ์ได้เพิ่มอีกเป็น 100 คน" อิ....อิ....ทั้งสองประโยค มันจึงมีโอกาสทั้งถูกและผิด พอๆกัน เพราะล้วนเป็นการคาดเดาเหตุการณ์ในอนาคตทั้งสิ้น
ปัญหาอย่างหนึ่งของคนไทยคือ การเป็นคนลืมง่าย เหตุการณ์สำคัญใดเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นแล้ว แล้วไม่กี่เดือน หรือ กี่ปีถัดมา เหตุการณ์นี้ก็จะเกิดขึ้นติดต่อกันอย่างซ้ำ ๆ ซ้ำ ๆ จนเป็นเหมือนเรื่องธรรมดา ยกตัวอย่าง เมื่อเวลามีคดีข่มขืน บางคดีคนร้ายข่มขืน ผู้เสียหายต้อง ใส่หมวก ใส่แว่นดำ คอยเลี่ยงนักข่าว แต่ไอ้คนที่ข่มขืนทำหน้าทำตาลอยชาย ราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดาไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกวันนี้เราระลึกถึงสิทธิมนุษยชน หรือ สิทธิมนุษยโจร มากกว่ากัน เราคิดโดยพื้นฐานของการคืนคนดีให้สังคม หรือควรจะคืนชีวิตที่ดีให้กับคนดีในสังคมมากกว่ากัน เราห่วงว่าคนกระทำผิดจะตายอย่างทรมานแต่เราลืมนึกไปว่าคนที่ถูกคนกลุ่มนี้กระทำนั้นเขาตายอย่างทรมานขนาดไหน หรือเขาทำลายประเทศชาติย่อยยับขนาดไหนในความเลวของเขา ประเทศไทยเราถูกสอนเรื่องการให้อภัย เพราะเป็นเมืองพุทธ แต่การให้อภัยก็สมควรกับผู้ที่ควรได้รับหรือไม่ ถูกหรือไม่ที่เรายังต้องเลี้ยงพวกเขาด้วยเงิน ภาษีของเราในขณะที่เขาทำความเลวให้แก่ประเทศชาติ
ยาอนาบอล (Anabolโ) เป็นชื่อทางการค้า ซึ่งประกอบ ด้วยตัวยา methandrostenolone เป็นยาในกลุ่ม anabolic steroids เป็นอนุพันธ์ของฮอร์โมนเพศชายที่มีฤทธิ์ในการสร้างโปรตีนให้กับเซลล์ร่างกาย รวมถึงกล้ามเนื้อ กระดูก เจริญอาหาร และเม็ดเลือดแดง เป็นต้น จึงมีผู้นิยมนำมาใช้ในการช่วยเจริญอาหาร และเร่งการสร้างกล้ามเนื้อ อีกด้านหนึ่งยานี้จะไปสะท้อนกลับไปที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย เสมือนว่าร่างกายมีฮอร์โมนเพศชายเพิ่มขึ้น และถ้าอยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติ ก็จะมีกลไกสะท้อนกลับให้ร่างกายของเรา คือส่วนของอัณฑะไม่ให้สร้างฮอร์โมนเพศชายตามธรรมชาติ สรุปเมื่อกินยากลุ่มนี้เข้าไป จะไปกดการทำงานของอัณฑะ ทำให้ร่างกายลดการสร้างฮอร์โมนเพศชาย เมื่อใช้ไปนานๆ ต่อมที่สร้างฮอร์โมนชนิดนี้คือ อัณฑะก็จะฝ่อ เหี่ยวไปได้ นอกจากนี้ยังอาจเกิดผลข้างเคียงอื่นๆ ของยาชนิดนี้ได้ เช่น บวมน้ำ ความดันโลหิตสูง เป็นสิว มีพิษต่อตับ ไขมันในเลือดสูง น้ำตาลในเลือดสูง มีลักษณะของเพศหญิงมากขึ้น อัณฑะฝ่อเหี่ยว ต่อมลูกหมากโตเต้านมโต แคระแกร็นไม่โต ก้าวร้าว โมโหง่าย เป็นต้น ปัจจุบันยากลุ่มนี้ถือเป็นยาโด๊ป ซึ่งไม่แนะนำให้ใช้ ในนักกีฬา และมีการควบคุมการซื้อขาย ไม่สามารถซื้อได้ง่ายๆ เพราะจะส่งผลเสียกับผู้ใช้ยาได้ จึงควรปรึกษาและอยู่ในความดูแลของแพทย์ ถ้าต้องการจะใช้ยานี้ http://www.doctor.or.th/ask/detail/7866 .................................................................. ไม่ทราบว่าเป็นยาตัวเดียวกันหรือเปล่าครับ แต่เสริช ไม่เจอชื่อยาเลย
ยาที่ใช้ใน chemical castration ส่วนมากคือ Depo-Provera (Depot medroxyprogesterone acetate) ครับ จริงๆยานี้คือยาฉีดที่เป็นยาคุมขนิด 3 เดือน/เข็ม (ชนิดที่ไม่มีเอสโตรเจน) ของผู้หญิงครับ หรือเป็นอีกตัวที่ใช้ในยุโรปคือ Androcur (Cyproterone acetate) มีฤทธิ์กดเหมือนกัน แต่ตัวนี้มีผลเป็นพิษต่อตับมากกว่า แล้วมีผลทำให้เครียด แล้วเวลาหยุดยาไม่สามารถทำได้ทันทีด้วยครับ พวกนี้จะไปกดให้ฮอร์โมน androgen ลดลง ในผู้ชายจะส่งผลให้ไม่มีความรู้สึกทางเพศครับ แต่พวกนี้เป็นยาที่ต้องให้ต่อเนื่องครับ ถ้าหยุดยาแล้วก็จะกลับมาเหมือนเดิม (อาจจะช้าแต่ย้อนกลับได้ครับ) ยาพวกนี้ผลข้างเคียงเยอะเหมือนกัน แล้วโดสที่ใช้ก็ต่างกับการใช้เป็นยาคุมกำเนิดในผู้หญิงด้วย
ถ้าผลพิสูจน์ว่า เป็นการข่มขืนโดยบังคับ ไม่ว่ากรณีอะไร ผมเชียร์ประหารอย่างเดียวครับ เว้นแต่พิสูจน์ได้ ว่าสมยอม หรือมีการยอมความ กรณีโจทย์ไม่ยอมความ ประหารอย่างเดียวครับ
เรื่องนี้เป็นกรณี เด็ก น่ะสิครับ ซึ่งคนที่ทำเรื่องแบบนี้กับเด็กได้ ผมคิดว่าจิตใจมันยากเกินเยียวยาแล้วครับ
