ประเทศเราแย่ขนาดนั้นเลยหรือ

กระทู้ใน 'สภากาแฟ' โดย กระต่ายในจันทร์, 5 May 2016

  1. กระต่ายในจันทร์

    กระต่ายในจันทร์ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    13 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    3,710
    เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อสองสามวันก่อน ผมได้เข้าร่วมประชุมพิจารณาแผนงาน/โครงการของหน่วยงานหนึ่งในจังหวัดที่ผมทำงานอยู่ เป็นโครงการที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน มีอยู่ช่วงหนึ่ง ท่านประธานการประชุมซึ่งเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดเปรยออกมาว่า "ตอนนี้ 1การศึกษาของเรา อยู่ในอันดับรั้งท้ายของอาเซียน 2 ภาษาอังกฤษของเรายังด้อยกว่าลาว พม่า และเขมร 3ถ้าพม่าเป็นประชาธิไตยแล้ว สักพักก็จะกลับประเทศเขาหมด เราคงแย่ ไม่มีแรงงานทำงานให้ 4ในอนาคตคนไทยจะต้องเดินทางไปทำงานเป็นลูกจ้างรับใช้นายจ้างชาวพม่า ชาวลาว ชาวกัมพูชาและเวียตนาม" ผมก็เลยถามกลับท่านประธานว่า"ที่ท่านบอกว่า การศึกษาของเรา อยู่ในอันดับรั้งท้ายของอาเซียนกับภาษาอังกฤษของเรายังด้อยกว่าลาว พม่า และเขมร มีหลักฐานที่เป็นผลการศึกษาวิจัยมาแสดงให้ดูหรือเปล่า กับกรณีที่แรงงานพม่าจะอพยพกลับประเทศเขา หากเป็นประชาธิปไตย ไม่ทราบในที่ประชุมนี้มีใครยืนยันว่าจริง อีกเรื่องที่บอกว่าคนไทยจะต้องไปทำงานเป็นลูกจ้างคนรับใช้พวกพม่า เวียตนาม เขมร หรือลาว มีอะไรเป็นสิ่งบ่งบอกอย่างนั้น" เงียบไม่มีคำตอบ ผมจึงพูดต่อไปว่า"ทุกวันนี้ ผมเห็นลูกหลานชาวเขมร ชาวลาว ชาวพม่า รวมไปถึงเวียตนามที่มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม(ที่รวยและมีอำนาจ)ต่างส่งลูกหลานมาเรียนในเมืองไทยกันเป็นล่ำเป็นสัน เพื่อนผมหลายคนที่เป็นข้าราชการระดับหัวหน้าส่วนและพ่อค้าในกัมพูชาส่งลูกมาเรียนทั้งในระดับมัธยมและปริญญากันทั้งนั้น ไม่เชื่อให้ลองไปถามเอแบ็ค หอการค้า เกริก ธุรกิจบัณฑิต หรือ อัสสัมชัญ กรุงเทพคริสเตียน รวมไปถึงโรงเรียนดังๆในหัวเมืองใหญ่ของเราว่ามีพวกนี้มาเรียนหรือไม่ เรื่องภาษานี่ผมไปในกัมพูชาและเวียตนามหลายๆรอบ เชื่อไหมพ่อค้าแม่ขายในพนมเปญ ในโฮจิมินห์มีอยู่หลายๆคนที่เขาพูดภาษาไทยได้ ส่วนเรื่องแรงงานสัญชาติพม่าจะกลับประเทศบอกตรงๆ ว่าไม่มีทาง คำว่าความขัดแย้งระหว่างชนเผ่าคือคำตอบ ส่วนเรื่องที่เราจะไปทำงานเป็นขี้ข้าพวกลาวเขมร พม่าหรือเวียตนาม ฝันไปเถอะ"
    สรุปคือผมไม่ได้คำตอบจากประธานและผู้เข้าร่วมประชุมทุกคน ผมจึงอยากหาคำตอบเพื่อนๆในที่นี้ คนกลาง นายพลตัดแปะ เจ๋งเหม่งจ๋าย แสดงความเห็นได้นะ แต่ห้ามกวน
     
    suraphan07, จูกัดขงเบ้ง, Anduril และอีก 9 คน ถูกใจ
  2. sugit

    sugit อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    10 Mar 2015
    คะแนนถูกใจ:
    1,111
    พม่าไม่น่ากลับอะ ผมเคยไปที่จังหวัดพม่า

    เอ๊ยไม่ใช่ ดูสิเรียกผิดเลย สมุทรสาครอะ

    เขามีชุมชนพม่าเรียบร้อยแล้ว ขนาดตู้ atm

    บางที่ยังมีภาษาพม่ากำกับ จะว่าไป

    บางโรงงานเจอพม่ามากกว่าไทยอีก

    คือเรื่องของเรื่องมันตั้งรกรากแล้ว เมียก็คลอดลูก

    อยู่นี่ได้สัญชาติให้ลูกด้วย มันจะกลับไปทำไมอะ

    กลับไปเที่ยวเป็นไปได้ แต่เรื่องค่าจ้างยังอีกนาน

    เพราะเที่ยวนี้ ค่าจ้างเค้าเพิ่มบานอะ น้อยกว่าคนไทย

    ไม่เท่าไหร่อะเชื่อดิ
     
    มิติใหม่, Anduril, คนกลาง และอีก 5 คน ถูกใจ
  3. นอกคอก

    นอกคอก อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    12 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    5,396
    ถ้ารัฐบาลเลือกตั้งเข้ามาทุกอย่างจะเป็นตรงข้าม มันจะดีไปหมด อาจจะเป็นเช่นนั้น
     
  4. โยธกา

    โยธกา อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    20 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    3,727
    ตอนประชุมผู้ปกครองเทอมที่ผ่านมา
    รร ให้รอง ผอ ใกล้เกษียณ มาพูดเรื่องการเรียนการสอนของโครงการในส่วนที่ รร รับผิดชอบ
    พาดพิงไปถึง นร และผู้ปกครอง ที่พาลูกไปเรียนพิเศษ
    ถึงกะสำราก ออกมาว่า เมรึงจะเรียนห้าอะไรกันมากมาย
    ผมถึงกะต้องเดินออกไปหาอะไรกิน
    จบการประชุมอยากบอก รร ว่า
    ตัวปัญหาการศึกษาการศึกษาของชาติ แม่มอยู่ตรงหน้ากรูนี่แหละ
    ดีใจแทนลูกที่มันเกษียณไปซะที
     
    ต้นหอม, Anduril, คนกลาง และอีก 5 คน ถูกใจ
  5. กีรเต้

    กีรเต้ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    11,917
    Location:
    เชียงใหม่
  6. Gop

    Gop อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    24 พ.ย. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    361
    คนที่พูดประมาณไทยจะล้าหลังตามเพื่อนบ้านไม่ทันเนี่ย ส่วนใหญ่มันไม่เคยไปสัมผัสด้วยตัวเองหรอกครับว่าเพื่อนบ้านเค้าห่างเราขนาดไหน ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องพูดให้มันดูเว่อร์ๆ ด้านหนึ่งมันก็ดูเหมือนจะดีนะครับ เค้าคงอยากกระตุ้นให้เรารีบพัฒนา โดยการยกเรื่องราวที่เรารู้สึกว่าไม่อยากให้มันเกิดขึ้นมาเป็นสิ่งโน้มน้าวจิตใจ แต่ผมว่ามันมีข้อเสียมากกว่าข้อดีครับ เพราะแบบนี้มันเหมือนดูถูกตัวเรา ว่าศักยภาพเราสู้เค้าไม่ได้ เหมือนกับว่าที่ผ่านๆมา เราเจริญกว่าเค้าได้เพราะเราโชคดี ทั้งๆที่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย คนรุ่นก่อนๆ ตั้งแต่สมัยโบราณ เมืองไทยมีทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่คนดีๆ ได้ช่วยให้เราพัฒนาได้ในระดับที่น่าพอใจ ผมเชื่อว่าเรานี่แหละ ที่เป็นที่น่าอิจฉาของเพื่อนบ้านที่อยากจะเจริญทัดเทียมเรา

    สิ่งที่ดีกว่าการดูถูกกันเองแบบนี้ คือการมองไปข้างหน้า ดูตัวอย่างที่เค้าพัฒนาได้ดีกว่าเรา เจริญกว่าเรา แล้วตั้งเป้าว่าเราต้องเป็นอย่างเค้าให้ได้ หรือให้ดีกว่าเค้า อย่างน้อยก็มองประเทศที่ใกล้เคียงกับเราก่อน อย่างมาเลเซีย ตุรกี หรือประเทศกลางๆ ความเจริญใกล้เคียงกับเรา มองเค้าเป็นคู่แข่งว่าต้องแซงประเทศเหล่านี้ให้ได้ ไม่ใช่มานั่งรันทดว่าเราจะโดนคนโน้นคนนี้แซง แบบนี้มันเป็นการดูถูกกันเองโดยไม่จำเป็นครับ
     
    ชายน้ำ, มิติใหม่, HiddenMan และอีก 8 คน ถูกใจ
  7. ปู่ยง

    ปู่ยง อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    9,820
    แย่ไม่แย่ ไอ้บางพวกมันเรียก กะลาแลนด์ ก็แล้วกัน
     
    อู๋ คาลบี้, kokkai, นอกคอก และอีก 1 คน ถูกใจ.
  8. kokkai

    kokkai อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    6 พ.ย. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,076
    อายุผมก็เลย 50 ปีไปแล้ว เห็นและอ่านมา ก็คิดว่าไม่น้อย
    จนคิดสรุปในใจว่า วิถีชีวิตแบบพอเพียง ถ้ารู้จักปรับใช้ไม่ว่าระดับปัจเจกบุคคล จนถึงระดับประเทศ
    คือสิ่งที่จะทำให้ประเทศเรามั่นคงในระยะยาว
    ผมไม่เชื่อว่าระบบทุนนิยมเสรี จะทำให้คนไทยส่วนใหญ่ มีความสุข
     
  9. กระต่ายในจันทร์

    กระต่ายในจันทร์ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    13 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    3,710
    เพราะไอ้พวกที่ชอบกล่าวหาบ้าๆบอๆ แบบนี้ เป็นพวกเดียวกับรัฐบาลเลือกตั้งบางพรรคใช่ไหม
     
    นอกคอก likes this.
  10. kokkai

    kokkai อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    6 พ.ย. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,076
    ตั้งใจเป็นเครื่องมือ หรือตกเป็นเครื่องมือ ชักศึกเข้าบ้านตัวเอง
    สมัยฆ่าตัดตอนยาเสพติด 2 พันกว่าคน ใครเคยเห็นข่าว อ.พวกนี้ฟ้องยูเอ็นบ้างไหมครับ?
    ถ้าผมตกข่าวยินดีขอโทษ โดยไม่อิดเอื้อน
    *****************************************************************************
    วานนี้ (๕ พฤษภาคม) กลุ่มคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเกษตรศาสตร์ นำโดย อาจารย์อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในนามกลุ่มเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง เข้าพบตัวแทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ ที่อาคารสำนักงานยูเอ็น ถนนราชดำเนิน

    ขอให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อผู้ที่คิดเห็นต่างจากรัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และให้แสดงท่าทีไปยังรัฐบาล คสช. เพื่อให้ยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกรณีต่างๆ ในทันที
    รายละเอียดข้อเรียกร้องระบุว่า รัฐบาลอาศัยอำนาจที่ไร้ขอบเขตจากมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๗

    รวมถึงคำสั่ง คสช.ฉบับที่ ๓/๒๕๕๘ และ ๑๓/๒๕๕๙ มีการจับกุมและซ้อมทรมานประชาชนต่างขั้วการเมือง รวมถึงนิสิต นักศึกษา นักวิชาการ สื่อมวลชน นักกิจกรรมสังคม และนักการเมือง จากการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ คสช. ด้วยการเรียกตัวเข้าค่ายทหารเพื่อเข้าสู่กระบวนการปรับทัศนคติ และส่งเจ้าหน้าที่ติดตามชีวิตประจำวัน สร้างแรงกดดันผ่านหน่วยงาน องค์กรที่พวกเขาทำงานอยู่ นอกจากนี้ยังละเมิดสิทธิส่วนตัวในระบบคอมพิวเตอร์ และแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เห็นต่างโดยใช้กฎหมายที่รุนแรง
    http://www.thaipost.net/?q=อย่าเป็นเครื่องมือให้ใคร
     
  11. อู๋ คาลบี้

    อู๋ คาลบี้ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    15 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    12,204
    เอะอะก็เรียกว่ากะลาแลนด์
    แต่ตัวมันเองก็ภูมิใจในกะลาที่กว้างใหญ่ ที่ดันมโนไปเองว่าเป็นโลกกว้าง
     
  12. AlbertEinsteins

    AlbertEinsteins อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    13 Dec 2014
    คะแนนถูกใจ:
    4,479
    ในความเห็นผมนะ
    ผมว่าเราถอยหลังไปเยอะ
    ที่มีดูดีคือโครงสร้างพื้นฐานที่สะสมมาเมื่อหลายสิบปีก่อน
    เมืองมันเลยดูเจริญล้ำหน้ากว่าเพื่อนบ้าน
    ถ้าคุณมองย้อนไปสักสี่สิบปีหรือสามสิบปีก่อน
    มาเลย์เซีย สิงคโปร์ น่าจะไม่รุดหน้าเรา
    (อันนี้ผมฟังมาจากผู้อื่น)
    เดี๋ยวนี้ออกแนวล้ำหน้าเราไปพอควร
    (อันนี้จากความรู้สึกของผมเองและที่ผมเห็นมา รู้จักเพื่อนๆคนสิงคโปร์ มาเลเซีย)
    อีกหน่อยเวียตนาม. พม่า กัมพูชา ถ้าทุนหนาๆก็ตามทันในอีกสิบปียี่สิบปี
    เมื่อเขาเริ่มพัฒนา คนก็เริ่มกลับไปเอง
    เพื่อไขว่คว้าโอกาสของเขา

    เราเคยมีระบบรถไฟ เป็นประเทศแรกๆ
    เราเคยมีฝูงบิน เป็นประเทศแรกๆ แถมสร้างเครื่องบินรบเองด้วย
    เราต้องยอมรับเลยว่า ปัญหาอยู่ที่คน
    เราผลิตคนที่ไร้คุณภาพออกสู่สังคม
    ปรัชญาและวิถีครอบครัวเราไม่แกร่งพอ
    ปรัชญาและวิธีการทางการศึกษาเราล้มเหลว
    ทำให้เราไม่สามารถพัฒนาคน กระตุ้นคน ให้ออกสู่สังคม
    ได้แบบที่ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย สิงคโปร์ ทำได้
    คนของเราไม่มีวินัย ไม่อดทน เน้นฉาบฉวย
    ไม่สนคุณธรรมความดี
    ละโมภ โลภอยากสบายโดยไม่ลำบาก

    เอาแค่ยุคช่วงชีวิตผม
    ผมกลับมีความรู้สึกว่าเราไม่ได้มีนวัตกรรมอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
    มีโรงงานเยอะ โรงไฟฟ้า โรงแยกก๊าซ
    3G 4G ตึกสูงเสียดฟ้า สนามบินใหม่ใหญ่โต
    แต่อะไรคือนวัตกรรมที่สร้างมูลค่าของเรา
    อะไรที่เราทำเองไม่ง้อเทคโนโลยีของคนอื่น
    มีบ้างถึงสิบเปอร์เซ็นต์หรือป่าว?

    ชาวนามีวิถีชีวิตอย่างไร ก็แบบนั้น
    คนจนคนไม่มีก็นั่งรอความหวัง แบมือยังไงเมื่อสามสิบปีก่อน ทุกวันนี้ก็แบบเดิม
    ไม่มีนวัตกรรมที่สรรสร้างการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ผลผลิตต่อไร่ต่ำ
    ไม่มีนวัตกรรมอะไรใหม่ๆที่ใช้ผลผลิตเราเพิ่มมูลค่า
    มีแต่รับจ้างผลิต แรงงานกิ๊กก๊อก
    พวกรวยมีตังก็เน้นแต่สร้างโครงสร้างผูกขาด
    แทนที่จะเน้นลงทุนวิจัยสร้างนวัตกรรมที่ยั่งยืนใช้ได้จริง
    ระบบราชการก็ร่วมมือกับพ่อค้ากีดกันการค้า
    ทำให้ทุนรัฐไม่กระจายตัวพอสร้างเศรษฐีรุ่นใหม่
    กระจุกตัวแต่กลุ่มทุนพ่อค้าเดิมๆ

    นักเรียนตีกันสามสิบปีที่แล้ว ทุกวันนี้ก็ยังตีกัน
    หนักมากขึ้นก็เอาปืนยิงกัน
    นักเลงไม่รู้จักตัวเองไม่รู้จักพ่อตัวเอง
    ก็เหมือนเดิมมีเรื่องหน่อยก็เมิงรู้หรือป่าวกูใคร กูลูกใคร
    เราไม่มีวินัย ไม่อดทน เน้นฉาบฉวย ไม่สนคุณธรรมความดี
    ละโมภ โลภอยากสบายโดยไม่ลำบาก

    ผมก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น ไม่ได้ดีกว่า
    แต่ก็ไม่ทำร้ายทำลายให้มันแย่ลง
     
    Last edited: 6 May 2016
  13. โยธกา

    โยธกา อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    20 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    3,727
    ใครมีข้อมูลบ้างครับ
    ว่าไอ้ผลสำรวจการศึกษาของประเทศเค้าไปทำกันแถวดอยไหน
    ถึงออกมาได้ห่วยขนาดนั้น
    หรือเป็นเรื่องที่ศธ ปั้นขึ้นมาเพื่อของบ
    ไอ้พวกที่ออกมาประกาศโครมๆก็เป็นพวกที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของเด็ก
    มันช่างไม่อาย เพราะเป็นงานในหน้าที่ของมัน
     
  14. คนกลาง

    คนกลาง อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    1 Aug 2015
    คะแนนถูกใจ:
    383
    ปัญหามันน่าจะเกิดจากการขาดความสมดุลทางการศึกษา เด็กที่จบ ป.ตรี ปัจจุบันแล้วออกมาทำงาน ไม่ได้พร้อม
    กับการทำงานจริง ๆ การขาดประสบการณ์ของเด็กก็เป็นปัญหาหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นและที่ผมรู้สึกว่าร้ายแรงกว่า คือ
    ตัวอาจารย์เองก็ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงาน ได้แต่เรียนมาตรง ๆ แล้วยิ่งบางที่มีนโยบายยกระดับอาจารย์ระดับ
    มหาวิทยาลัยหรืออุดมศึกษา จากเบื้องต้น ป.โท กลายเป็น ป.เอก ประเด็นคือ แล้วอาจารย์ที่เขาจบแค่ ป.ตรี ป.โท
    แต่ประสบการณ์การทำงานที่มากมายล่ะ คนกลุ่มนี้ทางมหาวิทยาลัยจะตัดเขาทิ้งไหม

    บางคนเรียนรวดเดียวจาก ป.ตรี
    ต่อโท ต่อเอก จบมามาสอนหนังสือเลย ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีประสบการณ์ ไม่ได้ว่าคนกลุ่มนี้ไม่ดีนะครับ แต่ผมมองว่า
    การศึกษาจากตำราสักเล่มหนึ่งนั้น ที่ถูกเขียนมาตั้งแต่ 7-8 ปีที่แล้ว แล้วยังไม่รวมชีวิตการทำงานจริง เพราะตัวเอง
    ก็ยังไม่สัมผัสกับการทำงานจริง แล้วจะไปบอกคนอื่นได้ยังไงว่าการทำงานในอาชีพสาขาที่ตัวเองเป็นอยู่ มันดีหรือไม่ดี
    ยังไง

    อีกส่วนหนึ่งคือค่านิยม การที่เด็กที่เรียนสายสามัญถือว่าเป็นเด็กเก่ง ส่วนเด็กที่มาเรียนอาชีวะ มักเป็นเด็กเหลือขอ
    ที่โรงเรียนเขาไม่รับ หรือ ไม่ฉลาดพอที่จะเรียน แต่ปัจจุบันลองดูว่าเงินเดือนคนจบ ป.ตรี แทบไม่ได้
    ต่างกับ เงินเดือนคนที่ไม่มีวุฒิ หรือ คนที่จบ ม.3 มากมายเท่าไรนัก ถ้าไม่ใช่เป็นสาขาที่คนต้องการจริง ๆ
    ผมเห็นเด็กหลายคนเรียนจบวิชาที่ยาก ๆ มาจากมหาลัย แต่สุดท้ายต้องมานั่งเรียนเสริมตามโรงเรียน
    อาชีวะกันอีก แล้วก็โยนทิ้งพวกวิชาต่าง ๆ ที่ตัวเองเรียนมาแต่ไม่ได้ใช้ แถมยังอดตาหลับขับตานอนอ่านหนัง
    สือหนังหากันเป็นแรมปี

    บุคลากรที่ขาดประสบการณ์จากการทำงานในชีวิตจริง แต่ต้องมาถ่ายทอดให้กับเด็กที่กำลังจะออกไปสู่การทำงานในชีวิตจริง
    ค่านิยมของสังคมที่ส่งเสริมให้คนเรียนสายสามัญ อันเนื่องมาจากภาพพจน์ที่ไม่ดีของโรงเรียนอาชีวะ
     
  15. นอกคอก

    นอกคอก อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    12 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    5,396
    www.qlf.or.th/Home/Contents/749
    อันนี้เยอะหน่อย แต่ถ้าให้เดา สื่อที่ชังชาติก็คงจะหาอะไรที่เลวร้ายที่สุดมาพาดหัว ส่วนตัวก็เชื่อว่าการศึกษาไทยห่วย ทั้งครู นักเรียน ผู้ปกครอง ประกอบกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าที่ว่าดีนั้นแค่ไหน ส่วนไอ้ที่ได้รางวัลสารพัด พาดหัวว่าเด็กไทยเก่งก็คงเป็นหัวกระทิส่วนน้อย ส่วนใหญ่คงเป็นกากมะพร้าว ผมว่าบางทีครูสอนไม่เป็นครับ อาจจะเก่งเกินจนไม่รู้ว่าจะอธิบายแบบไหนให้คนไม่เก่งเข้าใจ
     
  16. จูกัดขงเบ้ง

    จูกัดขงเบ้ง อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    11 Sep 2015
    คะแนนถูกใจ:
    394
    ความจริงระบบการศึกษาไทยมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอก
    เพียงแต่การบริหารมันไม่ค่อยดี การกระจายการศึกษาก็ไปได้ไม่ทั่วถึง
    สมัยนี้มันเน้นสอนให้เรียนพิเศษกันเยอะๆแล้วครูก็หารายได้พิเศษกัน
    คนมีเงินก็สามารถเข้าถึงการศึกษาได้ดีกว่าคนยากจน
    นี่แหละที่เป็นจุดอ่อนของการศึกษา สุดท้าย คนจนก็จนไปเรื่อยๆ เพราะเขาไม่มีปัญญาหาเงินมาอัดการศึกษาได้
    ไอ้ที่บอกว่าเรียนฟรี มันฟรีขนาดไหน
    อีกอย่างหนึ่ง
    คือผู้บริหารบ้านเมืองมันไม่ได้สนใจการศึกษาอย่างจริงจัง
    เวลาทำประชานิยม ชอบที่จะละลายงบกันแบบเห็นๆ
    แต่การศึกษาที่สามารถทำได้ง่ายและดีมากๆกลับไม่มีใครทำกัน
    เช่นลูกหลานเกษตรกร ต้องได้เรียนฟรี มีทุนการศึกษาให้ ฝึกอาชีพทางเกษตรกรรมให้
    รัฐบาลดูแลจนจบมหาวิทยาลัยเลย แค่นี้ก็ประชานิยมจนล้นแล้ว แล้วรัฐบาลก็สามารถปลูกฝังเขาได้ด้วยตั้งแต่ยังเด็ก
    ไม่กลายมาเป็นเครื่องมือของพวกปลุกปั่นแบ่งแยกประเทศได้อีก
    และรัฐบาลส่งเสริมการเกษตรอย่างจริงจัง เกษตรกรมีสิทธิพิเศษ ให้คนภาคการเกษตรเขาพัฒนาตัวเอง
    สอนเขาตั้งแต่ยังเด็ก คนรุ่นใหม่ๆ มาจะได้ไม่ต้องมานั่ง กินห่าอะไร ชู3นิ้ว บ้าๆบอๆ
    คนภาคการเกษตรเขาก็กลับไปอยุ่กับบ้านเขา ไม่ต้องมาเร่ขายแรงงาน แล้วมีลูกไปไล่ฟันชาวบ้านคนพิการอีก
    สวะสังคม บางทีก็มาจากผลผลิตอันต่ำทรามของคนบริหารบ้านเมืองหลายๆรุ่นนั่นแหละ
     
    Anduril, kokkai, อู๋ คาลบี้ และอีก 2 คน ถูกใจ
  17. ปู่ยง

    ปู่ยง อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    9,820
    ผลวิจัย บอกคนไทย อ่านหนังสือน้อยลง
    ก็แมร่ง เมื่อ 4 ปีที่แล้วมันแจก แทบเล็ต ให้เด็กไว้เล่นเกม
    จะเอาเวลาที่ไหนมาอ่านหนังสือ
     
  18. emujack

    emujack อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    30 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,293
    เเถมของห่วย ร้อนง่าย เสียง่ายอีกตั้งหาก
     
  19. annykun

    annykun อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    13 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,591
    เขมรก็เป็นประชาธิปไตยนานแล้ว ยังไม่เห็นมันกลับบ้านหมดไปซะที และก็ยังไม่ได้ใกล้เคียงเรา
     
  20. AlbertEinsteins

    AlbertEinsteins อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    13 Dec 2014
    คะแนนถูกใจ:
    4,479
    ทุกประเทศล้วนมีปัญหา
    แต่วันใดเขาก้าวข้ามอุปสรรคได้
    เพียบพร้อมด้วยทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ
    เป้าหมายชัดเจน
    บางทีเขาก็ไม่ได้ใกล้เคียงเราหรอก
    เขาจะก้าวข้ามเราไป
    เหมือนที่เราเคยดูแคลนจีน เกาหลี สิงคโปร์
     
  21. AlbertEinsteins

    AlbertEinsteins อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    13 Dec 2014
    คะแนนถูกใจ:
    4,479
    ในความเห็นผม
    คนค้นคว้าข้อมูลในเว็ปเพิ่มขึ้น
    เทคโนโลยีเหมาะกับคนของเรา
    เราเข้าใจมันเร็ว ใช้งานได้ดี
    เราใช้ e-commerce ได้ระดับต้นๆของภูมิภาค
    เราเหมือนกับเก่งทางช่าง เครื่องยนต์กลไกเราชอบ
    โมรถ ซ่อมเครื่องบิน ซ่อมเครื่องจักร เราเก่ง
    แม้แต่การประยุกต์ซอฟแวร์ มือเขียนโปรแกรม เราก็เยี่ยม
    แต่เหมือนกับเราไม่สามารถก้าวข้ามจุดที่เราอยู่ไปอีกระดับได้ เช่นการให้กำเนิดจักรกล สร้างเครื่องยนต์ สร้างระบบโปรแกรม ด้วยเทคโนโลยีของเราเอง และก้าวสู่ระดับสูงกว่าได้
    เราไม่สามารถผสานทฤษฎีจากตำราให้ไปสู่สินค้าแบบเป็นรูปธรรมจับต้องได้ เช่นวิศวกรห่วยงานช่าง งานช่างห่วยทฤษฎี
    แต่ถ้ามีของสำเร็จจากข้างนอก ส่งมา เราเล่นแร่แปรธาตุโมได้อุตลุต
    ต้องปรับปรัชญาและวิธีการเรียนการสอนใหม่ให้เราก้าวข้ามไปได้อีกระดับ
    และรัฐต้องส่งเสริมใช้สินค้าที่เป็นเทคโนโลยีเราเอง
    เพื่อกระจายทุนให้ผู้ประกอบการให้สามารถยืนหยัดสร้างเทคโนโลยีของเราเอง
    เช่นลงทุนรถไฟฟ้าไปล้านล้านบาท
    นำเข้าไปแล้วเกินครึ่ง แต่เราแทบผลิตอะไรเองไม่ได้เลย
    ไม่มีทุนหมุนเวียนสร้างฐานเทคโนโลยีในบ้านเราเลย
    นอกจากจ้างแรงงานก่อสร้าง กะค่าอิฐหินปูนมราย
     
    Last edited: 7 May 2016
  22. ปู่ยง

    ปู่ยง อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    9,820
    ปัจจุบัน การจัดอันดับความน่าลงทุน ของประเทศต่างๆ
    เค้าเอา จำนวนการใช้อินเตอร์เน็ต ของผู้คนแต่ละประเทศมาร่วมคิดคำนวณด้วย
    ในสมัยรัฐบาลมาร์ค จึงมีการฟื้นฟู ศูนย์ไอซีทีชุมชนขึ้นทั่วประเทศ
    เสียดายเราไม่ได้รับการสานต่อ
     
  23. Apichai

    Apichai อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    13 Dec 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,042
    3 ถ้าพม่าเป็นประชาธิไตยแล้ว สักพักก็จะกลับประเทศเขาหมด เราคงแย่ ไม่มีแรงงานทำงานให้

    ผมตอบประเด็นนี้ ครับ
    สิ่งที่คิดว่า จะเป็น แบบนี้ แต่ ในความเป็นจริง กลับเกิดตรงข้าม
    คือ คนพม่า มาทำงานบ้านเรามากขึ้นเรื่อย ๆ
    จากเดิม ที่ คนพม่า หรือ เผ่าอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ชายแดนไทย-พม่า มาทำงานบ้านเรา
    แต่ ปัจจุบัน เกิดการเปลี่ยนแปลง คือ คนในพื้นที่ลึกเข้าไปในพม่า เข้ามาทำงานในไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ
    ในอดีต จะได้ยินว่า ไปทำงาน มาเลเซีย สิงคโปร์ แต่ ปัจจุบัน มุ่งหน้าเข้าทำงานในไทยแทน
    เหตุผล คือ ทำงานเมืองไทย แล้ว เหลือเก็บ จนเกิดการนำครอบครัว เพื่อนฝูงเข้าไปเพิ่มมากขึ้น
    - ค่าแรง 300 บ้าน
    - ค่าครองชีพต่ำกว่า
    ประเด็นนี้ เป็น เรื่องใหญ่
    ถ้าไปทำงาน มาเลเซีย สิงคโปร์ จะได้ค่าแรงมากกว่า แต่ ค่าครองชีพ สูงกว่า บ้านเรา ไม่มีเงินเหลือ
    จะกลับไปทำงานในพม่า ค่าแรงขั้นต่ำ ราว 100 บาท แต่ ค่าครองชีพสูงกว่า บ้านเราแล้ว จนคนต่างชาติทีทำงานในพม่า บ่นกันแล้ว

    ถ้าพม่าเป็นประชาธิไตยแล้ว สักพักก็จะกลับประเทศเขาหมด เราคงแย่ ไม่มีแรงงานทำงานให้
    ในความเห็นผม จะเป็นส่ิ่งที่ไม่เกิดขึ้น แต่ จะเกิดตรงข้าม คือ มาอยู่บ้านเรามากขึ้น และจะเป็น แบบนี้ อย่างน้อย อีก 20 ปี
     
  24. Apichai

    Apichai อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    13 Dec 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,042
    เมืองไทย ไม่ได้แย่ ขนาดนั้น
    ข้อดี คือ เราทำได้สมดุลย์ ดี โดยเฉพาะแง่ความมั่นคง ทางเศรษฐกิจ
    ที่เป็น ปัญหา น่าจะเป็นเรื่อง ความสมดุลย์ ทางการเมือง
     
  25. Ricebeanoil

    Ricebeanoil อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    7 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    4,482
    ไม่ทราบว่าแย่จริงหรือเปล่า แต่ผลสำรวจมันออกมาแบบนี้ละครับ
    **************************************************
    ไทยติดอันดับ 21 ประเทศที่ดีที่สุดในโลกโดยภาพรวม ประจำปี 2016

    article-file-10441.jpg

    นิตยสารนิวส์ แอนด์เวิลด์ รีพอร์ต (U.S. News & World Report) จัดอันดับ 60 ประเทศที่ดีที่สุด ประจำปี 2016 โดยประเทศไทยได้ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 21 ในรายงานดังกล่าว ระบุว่า ประเทศไทย มีเศรษฐกิจ GDP 387 พันล้านดอลลาร์ ประชากร 67.7 ล้านคน รายได้ต่อหัวประชากร 14,354 ดอลลาร์ และระบุว่า ประเทศไทยน่าท่องเที่ยวผจญภัยและเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับ 4 จาก 60 ประเทศ

    ประเทศที่ดีที่สุดในโลกโดยภาพรวมอันดับ 1 ได้แก่เยอรมนี แคนาดา อังกฤษ สหรัฐอเมริกา สวีเดน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และเดนมาร์ค ตามลำดับ ส่วนประเทศจีน อยู่ในอันดับที่ 17 ประเทศไทยที่อยู่ในอันดับที่ 21 เป็นประเทศในภูมิภาคอาเซียนที่ถูกจัดให้อยู่ในอันดับสูงสุด โดยประเทศมาเลเซีย อยู่อันดับที่ 28 ฟิลิปปินส์ อันดับที่ 32 เวียดนามอันดับที่ 33 และอินโดนีเซีย อันดับที่ 42ในการจัดอันดับครั้งนี้ U.S. News & World Report ได้สัมภาษณ์บุคคลจำนวน 16,248 คน จาก 36 ประเทศในทวีปอเมริกา เอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลาง และอาฟริกา โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 8,092 เป็นบุคคลระดับผู้นำทางความคิด 4,513 คนเป็นผู้บริหารธุรกิจ 6,381 คนเป็นบุคคลทั่วไป ที่เหลือเป็นส่วนผสมระหว่างทั้ง 3 กลุ่มแรกผู้ทำการสำรวจชิ้นนี้คือ บริษัทโฆษณาชั้นนำเครือ WPP ได้แก่บริษัท BAV Consulting โดยร่วมมือกับ The Wharton School of the University of Pennsylvania และ U.S. News & World Report โดยได้กำหนดเกณฑ์การจัดอันดับเป็น 9 ประเด็นหลักได้แก่
    1. การผจญภัย อากาศ ความสวยงามของภูมิประเทศ
    2. ความเป็นพลเมือง
    3. อิทธิพลของวัฒนธรรม
    4. โอกาสในการประกอบการ
    5. มรดกทางด้านความเป็นอยู่ ประเพณี และวัฒนธรรม
    6. การเปิดโอกาสด้านธุรกิจ
    7. การเติบโตทางเศรษฐกิจ
    8. การเมือง
    9. คุณภาพชีวิต

    http://www.tsdf.or.th/th/sdgs-sdindexes/10441-ไทยติดอันดับ-21-ประเทศที่ดีที่สุดในโลกโดยภาพรวม-ป/
    ****************************************************
    ปล. อันนี้บทความต้นทางจากต่างประเทศ
    http://www.usnews.com/news/best-countries/thailand
     
  26. ชายน้ำ

    ชายน้ำ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    9 Feb 2015
    คะแนนถูกใจ:
    7,081
    ใครๆก็บ่นว่าเวลานี้เศรษฐกิจฝืดเคือง เชื่อว่าเป็นเพราะเหตุรัฐประหารและจะดีขึ้นหลังเลือกตั้ง

    แต่ตอนที่GDPเราโตแบบเลขสองหลักหรือdouble digitก่อนฟองสบู่แตก จะบอกว่าประเทศชาติเราดีก็ไม่ได้นะครับ ตอนนั้นเรามีมูลค่าส่งออกสูงมากแต่ก็เป็นอุตสาหกรรมจากการลงทุนต่างชาติที่ใช้แรงงานเป็นหลัก คือเราได้มาแต่กากจากการขายแรงงาน มีเงินทุนจากoff shore หลั่งไหลเข้ามาแต่ก็เป็นspeculationซึ่งได้ประโยชน์กันเฉพาะในคนต่างชาติและคนไทยกลุ่มเล็กนิดเดียว

    ตอนนั้นเราเกิดภาพลวงตากันทั้งประเทศ มีการปั่นให้เตรียมตัวเป็นNICs เป็นเสือตัวที่ห้าแห่งเอเซีย ถึงขนาดมีการจัดฝึกอบรมเตรียมตัวกันอย่างบ้าคลั่ง ราคาที่ดินในเมืองและนอกเมืองถีบตัวสูงขึ้นเป็นเท่าตัว โรงงานที่บางปะกงตั้งบนที่ดินริมถนนบางนาตราดราคาไร่ละสามแสนบาทในปี1987 ปี1993ราคาที่ดินพุ่งขึ้นเป็นไร่ละสิบล้านบาท สามสิบกว่าเท่าตัว

    คนไทยแท้ๆตอนนั้นตั้งหน้าขายที่ดินของปู่ย่าตายายกันอย่างเดียว ขายมาซื้อรถมอเตอร์ไซค์กับรถปิคอัพ กินเหล้าในคาเฟ่ดูตลกและจีบนักร้อง ลูกหลานของคนเหล่านั้นตอนนี้เป็นคนงานในโรงงานที่ตั้งบนที่ดินที่เคยเป็นของครอบครัวพวกเขา น่าเศร้าไหมครับ

    คุณภาพการศึกษาของไทยตอนนั้นกับตอนนี้ไม่ต่างกัน คือยังห่วยเหมือนเดิม แต่โดยทั่วไปผมเชื่อว่าเราติดดินมากขึ้น หวงแหนที่ดินมากขึ้น เราเริ่มสนใจเศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจังซึ่งในสมัยก่อนฟองสบู่แตก จะมีแต่คนหัวเราะเยาะหากพูดถึงความพอเพียง

    พลเอกเปรมท่านใช้เวลาเกือบสิบปีวางรากฐานความมั่นคงกับประเทศไทยให้นักเลือกตั้งและพ่อค้าได้เข้ามากอบโกยกันอย่างตะกละมูมมาม ผมว่าเราเกือบสายเกินไปแต่ก็น่าจะยังกลับตัวทัน ให้เวลาลุงตู่แกสร้างสัมมาทิษฐิให้กับสังคมไทยอีกสักสามปี ผมเชื่อว่าเราจะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงขึ้น
     
  27. Surawong

    Surawong อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    22 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,544
    ที่เขาประเมิน รู้สึกว่า การศึกษาของไทยจะอยู่อันดับท้าย ๆ ของอาเซียนนะ ไม่ใช่รั้งท้าย เราน่าจะยังเหนือกว่าลาว พม่า และกัมพูชา อยู่ นอกนั้นเขาเหนือเราหมด

    ผมว่าเรื่องนี้มันอยู่ที่เกณฑ์การประเมินที่เราไปตกลงกับเขาไว้นั่นแหละ ไปตกลงแล้วว่าเกณฑ์การประเมินเป็นแบบนี้ แต่พอประชุมตกลงกันเสร็จกลับประเทศมาก็เก็บเข้าลิ้นชัก ไม่มีการดำเนินการอะไร หรือดำเนินการแบบขอไปที เวลาเขามาประเมินมันก็อาจไม่ผ่านเกณฑ์ หรือผ่านด้วยคะแนนที่ต่ำกว่าประเทศอื่น ผลมันก็ออกมาอยู่ท้าย ๆ ประเทศอื่น นักการศึกษาประเทศเราคนเก่งเยอะครับ แต่น่าจะเก่งแบบตัวกูของกู ถ้ากูบอกอย่างนี้แล้วคนอื่นไม่เห็นด้วยกูก็ไม่ร่วมมือไม่ทำ ผมมองว่าเกณฑ์เหล่านี้พวกนักการศึกษาของแต่ละประเทศน่าจะตกลงกันนั่นแหละว่าจะชี้วัดกันอย่างไร แต่มันไม่น่าจะเป็นตัวชี้วัดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก แต่ถ้าไม่มีเกณฑ์เลยก็ไม่รู้จะวัดยังไงเหมือนกัน

    แต่อย่าไปกังวลครับ การศึกษาของเราอยู่อันดับท้าย ๆ ของอาเซียน แต่นักศึกษาของเรา ครูบาอาจารย์ของเรา ไม่โง่ ครับ สามารถไปหลอกฝรั่งได้ถึง UN ถึงอเมริกา โดยเฉพาะอเมริกาที่ถือว่าเจริญสุด ๆ แล้ว ยังถูกหลอกจนเครียด วิตกกังวล จนเส้นโลหิตในสมองจะแตกอยู่แล้ว
     
    Kiriwian, Novice และ อู๋ คาลบี้ ถูกใจ
  28. AlbertEinsteins

    AlbertEinsteins อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    13 Dec 2014
    คะแนนถูกใจ:
    4,479
    ซินหวา - แรงงานชาวพม่าราว 50,000 คน ที่ทำงานในอุตสหากรรมประมงของไทย ได้ขอลาออก และเดินทางกลับประเทศ และเชื่อว่าจะมีแรงงานอีกเป็นจำนวนมากทำตามแบบเดียวกันนี้ในอีกไม่ช้า

    http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9590000048957
     
  29. เผด็จการที่รัก

    เผด็จการที่รัก อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    9,076
    อย่าไปเทียบกับเพื่อนบ้านที่เขา"เริ่ม"พัฒนาช้ากว่าเรา ลองไปเปรียบกับประเทศที่ประสบความสำเร็จดูครับ

    ของไทยมันยังบ้ากันเรื่องถุงเท้าเลย
    658477.ru6dy4198kv2.n3.jpg


    แล้วดูห้องเรียนเยอรมัน
    gm22.jpg



    ถ้าวินัย เครื่องแบบมันทำให้ชาติเจริญได้ แล้วทำไมไทยไม่เจริญกว่าฝรั่ง!




    โลกเราทุกวันนี้ต้องการStartUpต้องการนวัตกรรมใหม่ๆ ผมบอกได้เลยว่าวิธีการเรียบการสอนแบบไทยๆ ไม่สามารถสร้างได้ครับ

    ปล. เอาง่ายๆเรื่องถุงเท้า มันเป็นอะไรถึงบ้ากับพื้นดำ? ทั้งที่พื้นดำทำให้ถุงเท้าดูแลง่ายกว่า ผมเห็นผู้ปกครองหลายๆคนอ้างว่าอยากฝึกวินัย คำว่าวินัยมันใช้กับทหารที่ฝึกคือการฝึกรับคำสั่งไม่ได้ฝึกให้คิดเอง! ซึ่งมันตรงกับสภาพการศึกษาไทย!!!


    การสอนแบบบูรณาการ
    https://www.gotoknow.org/posts/400257 [๘
     
  30. โยธกา

    โยธกา อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    20 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    3,727
    ผมเองอยากให้แรงงานต่างด้าวออกจากประเทศให้มากกว่านี้
    เพื่อให้อุตสาหกรรมชลอตัวและเปลี่ยนวิธีการผลิต
    อาจจะอดอยากกันซักพัก
    แต่ด๋าวก็ปรับตัวได้
    ความเร่งในการทำลายล้างจะได้ลดลงมากขึ้น
    ทรัพยากรเรามีจำกัด
    ใช้แต่น้อยให้เกิดประโยชน์สูงสุดดีกว่า
     
  31. เผด็จการที่รัก

    เผด็จการที่รัก อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    9,076


    เรียนรู้จากโรงเรียนกวดวิชา
     
  32. ชายน้ำ

    ชายน้ำ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    9 Feb 2015
    คะแนนถูกใจ:
    7,081
    สมัยผมเป็นนักเรียน ครูในเวลาปกติมีคุณภาพกว่าลูกจ้างรับจ้างสอนหนังสือในปัจจุบันแบบเทียบกันไม่ติด นักเรียนคนไหนอ่อนด้อยท่านก็เมตตาสอนให้หลังเลิกเรียน เงินทองไม่เคยคิด

    ลูกศิษย์จนเกษียณแล้วยังจดจำพระคุณของครูไม่มีลืมและดูแลครูอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

    แต่กวดวิชาก็ไปเรียนนะ เด็กนักเรียนชายล้วนก็อยากเห็นนักเรียนหญิงให้หัวใจมันเต้นตูมตามบ้าง แต่เนื้อหาการสอนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เหนือกว่าการสอนในเวลาปกติ

    ไม่มีอะไรจะแบ่งปันกับกระทู้หรอกครับ แค่โหยหาอดีตเท่านั้น
     
  33. ควันหลง

    ควันหลง อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    12 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,786
    ข้อดีของเครื่องแบบนักเรียน นักศึกษา มันก็มีข้อดีอยู่ครับ ทำให้ไม่เกิดความเลื่อมหลํ้าของวิถีชีวิตกันมาก เพราะยังไงก็ใส่เครื่องแบบเหมือนกัน ลองนึกเด็กที่ไม่ค่อยมีฐานะ กับเด็กมีฐานะ เด็กๆพวกนี้จะแต่งตัวต่างกันไหม

    คนมี ไม่เท่าไรหรอกครับ คนไม่มีเนี่ยซิลำบาก ต้องเสื้อผ้าปอนๆ แล้วเด็กพวกนั้นจะไม่รู้สึกตํ่าต้อยด้อยค่าหรือ ?

    เด็กนักเรียนใส่เครื่องแบบแล้วเจริญก็มีครับ ญี่ปุ่นไงครับท่าน
     
    gaiser, อู๋ คาลบี้, Maratiraj และอีก 3 คน ถูกใจ
  34. นอกคอก

    นอกคอก อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    12 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    5,396
    ใช่ครับ ขนาดชุดนักเรียนบางคนยังขาดๆเก่าๆเปิดเทอมทีนึงต้องหาของเข้าจำนำ ล่าสุดภาพข่าวแบกถังแกสเข้าโรงจำนำ คือคนมีอันจะกินบางทีก็คิดไม่ถึง คิดเหมือนกับว่าคนทั้งประเทศนี้มีฐานะ พื้นฐานเหมือนตัวเอง อย่างเราๆท่านๆเงินขาดมือก็รูดบัตรไป กดบัตรไป แต่ชาวบ้านต้องกู้ร้อยละ20ต่อเดือน จะบอกว่าเค้าโง่เหรอ
     
  35. อู๋ คาลบี้

    อู๋ คาลบี้ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    15 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    12,204
    พูดกันตรงๆ นะครับ เป็นการลดละความฟุ่มเฟือยกับแฟชั่นด้วย
    แทนที่จะเสียเวลากับการแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ ก็ใช้เวลาไปทำการบ้าน อ่านหนังสือ ฝึกฝนค้นคว้าหาความรู้

    การ์ตูนญี่ปุ่นน่าจะบ่งบอกวิถีชีวิตได้
    ตัวการ์ตูนเด็กๆ อาจใส่ชุดไปรเวทมาเรียน แต่ตัวการ์ตูนที่เป็นวัยรุ่นก็ใส่เครื่องแบบนักเรียนครับ
     
  36. เผด็จการที่รัก

    เผด็จการที่รัก อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    9,076
    ในข้อดีมันก็มีข้อเสีย

    คุณต้องการความคิดสร้างสรรค์ คุณก็ต้องสร้างตั้งแต่เด็ก เปิดโอกาสให้เด็กได้คิด ได้เลือกเอง

    แต่ระบบของเราทุกวันนี้คือ เด็ก"ไม่ต้องคิด" ผู้ใหญ่วางระเบียบไว้หมดแล้ว

    #ปัญหาของญี่ปุ่นก็มีนะครับ อเมริกาอยู่ได้ด้วยแบรนด์และนวัตกรรม(ซึ่งการศึกษาและวิธีเลี้ยงดูเด็กก็รู้ๆกันอยู่คือตรงข้ามกับไทยเลย) จีนและเกาหลีก็เน้นของถูกผลิตที่ละมากๆ ญี่ปุ่นเลยสู้อเมริกาและเกาหลีจีนไม่ได้เลย

    โดยไม่ได้พูดถึงเครื่องแบบนะครับ มันเป็นแค่เปลือก.. หลักๆคือ อยากให้ไทย เลิกเอาระบบทหารมาใช้กับการศึกษาครับ โดยเน้นให้เด็กคิดเอง เลือกเอง เลิกอัดวิชาการแต่เน้นไปที่ ความคิดสร้างสรรค์มากกว่า(แนวการศึกษาแบบบูรณาการ)
     
  37. นอกคอก

    นอกคอก อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    12 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    5,396
    อันนี้แย่จริง ขนของกันดีๆน่ะครับ ถ้าเทกระจาดจะกลายเป็นของสาธารณะทันที น่าจะมีคดีตัวอย่างบ้าง เฮ้อ!
     
  38. Ricebeanoil

    Ricebeanoil อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    7 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    4,482


    อังกฤษ 9 ส.ค. – ไทยติดอันดับประเทศทุกข์ยากน้อยที่สุดในโลก จากผลสำรวจดัชนีความทุกข์ยาก หรือ Misery Index ประจำปี 2559 ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ตามมาด้วยสิงคโปร์ ญี่ปุ่น

    สำนักข่าวบลูมเบิร์กเผยผลสำรวจดัชนีความทุกข์ยาก หรือ Misery Index ประจำปี 2559 พบว่าไทยเป็นประเทศที่มีความทุกข์ยากน้อยที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับประเทศอื่นอีก 74 ประเทศที่ได้ทำการสำรวจ โดยไทยมีคะแนนรวมความทุกข์ยากเพียง 1.11 % จากการวัดผลตามดัชนีความทุกข์ยากของบลูมเบิร์ก ซึ่งอ้างอิงข้อมูลทางเศรษฐกิจต่างๆ ประกอบด้วยอัตราการว่างงาน ค่าเงินเฟ้อ ค่าครองชีพ และความเข้มแข็งของตลาดแรงงาน รายงานระบุว่า ไทยมีอัตราว่างงานซึ่งได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการประมาณ 1% ของจำนวนประชากรในวัยทำงาน ซึ่งเป็นผลสำรวจระหว่างเดือน ก.ค.2558 -มิ.ย.2559 ทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีความทุกข์ยากน้อยที่สุดติดต่อกันเป็นปีที่ 2 แต่บลูมเบิร์กเตือนว่าแม้อัตราเงินเฟ้อต่ำจะส่งผลดีต่อผู้บริโภค แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนว่าเศรษฐกิจของประเทศอาจไม่ได้แข็งแกร่งนัก

    ส่วนสิงคโปร์ติดอันดับประเทศที่มีความทุกข์ยากน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก แทนที่สวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากค่าสินค้าอุปโภคบริโภคในสิงคโปร์ถูกปรับลดลง ทำให้สิงคโปร์มีคะแนนรวมความทุกข์ยาก 1.40% และญี่ปุ่นยังติดอันดับประเทศที่มีความทุกข์ยากน้อยที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกเช่นเดียวกับปี 2558 โดยมีคะแนนรวมความทุกข์ยาก 2.70%

    ขณะที่เวเนซุเอลาติดอันดับประเทศที่มีความทุกข์ยากมากที่สุดในโลก หลังราคาน้ำมันตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ อัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้น และเกิดภาวะขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค ทำให้มีคะแนนรวมความทุกข์ยากถึง 188.2% ส่วนประเทศที่มีความทุกข์ยากมากเป็นอันดับ 2 ของโลก คือ บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา มีคะแนนรวมความทุกข์ยาก 48.97% อันดับ 3 คือ แอฟริกาใต้ มีคะแนนรวมความทุกข์ยาก 32.90% ส่วนประเทศอื่นๆ เช่น สหราชอาณาจักร เป็นประเทศที่มีความทุกข์ยากเป็นอันดับ 17 ของโลก สหรัฐติดอันดับ 21 และจีนติดอันดับ 23. – สำนักข่าวไทย



    ไทยติดอันดับประเทศทุกข์ยากน้อยที่สุดในโลก จากผลสำรวจดัชนีความทุกข์ยาก หรือ Misery Index ประจำปี 2559 ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ตามมาด้วยสิงคโปร์ ญี่ปุ่น



    เว็บไซต์ของสำนักข่าว CNN พาดหัวตัวใหญ่ว่า World's 23 best cities for street food รายงานผลการจัดอันดับ 23 เมืองที่มีอาหารข้างทางดีที่สุดในโลก ปรากฏว่า กรุงเทพมหานคร อยู่อันดับที่ 1 ทีมข่าวจึงลงพื้นที่ไปสำรวจดูบรรยากาศร้านอาหารข้างทาง

    โดย 10 อันดับแรกของเมืองที่มีอาหารริมทางดีที่สุดในโลก จาก 23 เมือง อาทิ
    อันดับ 1 กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
    อันดับ 2 กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
    อันดับ 3 เมืองโฮโนลูลู รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐ
    อันดับ 4 เมืองเดอร์บัน ประเทศแอฟริกาใต้
    อันดับ 5 เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา ประเทศสหรัฐ
    อันดับ 6 เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
    อันดับ 7 ประเทศฮ่องกง
    อันดับ 8 กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
    อันดับ 9 กรุงไคโร ประเทศอียิปต์
    อันดับ 10 เมืองมาราเกช ประเทศโมร็อกโก

    การจัดอันดับ street food หรือ เมืองที่มีอาหารริมทางดีที่สุดในโลก จำนวน 23 เมืองทั่วโลก รายงานผ่านเว็บไซต์ของสำนักข่าว CNN ที่เพิ่งเผยแพร่การจัดอันดับ เมื่อวานนี้ มีการนำภาพร้านอาหารริมทางของเมืองต่างๆที่ถูกจัดอันดับมาลงในเว็บไซต์ด้วย และ กรุงเทพมหานครของไทย ถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีอาหารริมทางดีที่สุด โดยเฉพาะย่านไชน่าทาวน์ หรือ ถนนเยาวราช

    CNN ระบุไว้ชัดเจนว่าไชน่าทาวน์ ถนนเยาวราช เป็นจุดที่มีอาหารริมทางดีที่สุด ถ้าไปเยาวราชต้องแวะไปรับประทานบะหมี่ชื่อดังที่มีอยู่หลายร้าน ข้าวหน้าเป็ด หอยแมลงภู่ กะเพาะปลา หรือของหวาน จะมีขนมปังและไอศกรีมที่ขึ้นชื่อมากๆ หากตอนกลางคืนคนจะแน่นมากแทบทุกร้านต้องต่อแถวรอคิวกันยาวเหยียด แต่นักท่องเที่ยวยังชอบไปหาของกินที่นี่ในตอนกลางคืน

    ขยับมาดูร้านริมถนนที่ชาวต่างชาติพูดถึงมากเช่นกันว่าเป็นแหล่งที่มีอาหารริมทางเยอะ นั่นคือบริเวณถนนข้าวสาร ซอยรามบุตรี และย่านบางลำพู โซนนี้มีชาวต่างชาติมากอยู่แล้ว ร้านอาหารมีให้เลือกมากมาย ประเภทผัดๆเส้นๆ สั่งแล้วยืนรอไม่นานก็ถือไปรับประทานได้ สะดวก สบาย เป็นข้อดีที่ชาวต่างชาติชื่นชอบ รวมถึงผลไม้ที่มีบริการปอกให้เสร็จพร้อมรับประทานทันที

    อีกจุดนึงที่ตอนกลางคืนคึกคักไม่แพ้กัน ถนนสนามไชย หรือที่คนไทยจะเรียกว่าประตูผี ที่นั่นมีผัดไทย หมูสะเต๊ะ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ที่อยู่ริมทาง ตอนกลางคืนชาวต่างชาติก็ชอบแวะไปนั่งรับประทานอาหารกันที่นั่น

    ส่วนที่ถนนสีลม ส่วนใหญ่จะเป็นย่านของคนทำงาน ชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ในประเทศไทย จะได้ลิ้มลองรสชาติอาหารไทยข้างทางเหมือนกับคนไทย ไม่ต่างกันกับข้างสวนลุมพินี มีร้านอาหาร ร้านขนม อยู่รอบพื้นที่ทั้งหมด เรียกว่าเดินๆไปอยากจะสั่งอะไรข้างทางก็มีให้รับประทานทั้งหมด พ่อค้า แม่ค้าที่ขายอาหารหลายคน เพิ่งทราบว่ามีการจัดอันดับในกทม.เป็นเมืองที่อาหารริมทางดีที่สุดในโลก เมื่อทราบแล้วก็ดีใจ

    ส่วนการที่ กทม.ถูดจัดให้เป็นเมืองที่มีอาหารริมทางดีที่สุดในโลก อาจเป็นเพราะถนนหลายสายมีอาหารให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนจะเจอแต่ร้านริมทาง อีกทั้งในช่วง 2 ปีมานี้ มีการจัดระเบียบควบคุมพื้นที่เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมถึงเรื่องความสะอาดในการขายอาหาร ซึ่งข่าวที่ออกมานี้น่าจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้

    ก่อนหน้านี้เว็บไซต์เวอร์ชวลทัวริสต์(virtualtourist) เคยสำรวจความคิดเห็นนักท่องเที่ยวจำนวน 1,200,000 คน จาก 220 ประเทศทั่วโลก เกี่ยวกับความประทับใจเรื่องอาหารริมทาง ปรากฏว่ากรุงเทพมหานคร ถูกจัดให้อยู่อันดับที่ 1 มีอาหารริมทางดีที่สุดในโลก โดยเฉพาะย่านเยาวราช ซอยรามบุตรี ถนนโชคชัย4 ถนนสุขุมวิท และ ถนนสีลม อาหารส่วนใหญ่จะเป็นประเภทผัดไทย ไก่ย่าง ส้มตำ ข้าวเหนียวมะม่วง

    ขณะที่ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่มีการจัดอันดับให้กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองที่อาหารริมทางดีที่สุดในโลก นั้นถือเป็นผลดี ช่วยทำให้กระแสการท่องเที่ยวดีขึ้นได้อย่างแน่นอน เป็นการตอกย้ำภาพลักษ์ของประเทศไทยที่มีชื่อเสียงด้านอาหารอยู่แล้ว และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ก็มีแผนทำการตลาดการท่องเที่ยวสร้างประสบการท้องถิ่นจาก street food ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป

    สำหรับ ตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยตอนนี้ มีมากถึง กว่า 16 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน กว่า 1 ล้านคน



    กรุงเทพฯ 10 ส.ค.-สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นของสหรัฐ เผยแพร่รายงานอันดับเมืองที่อาหารข้างทาง หรือสตรีทฟู้ด ดีที่สุดในโลก 23 เมือง โดยยกให้กรุงเทพฯ ครองแชมป์ เพราะพบมีอาหารข้างทางแสนอร่อย รอบริการผู้คนอยู่ตามส่วนต่างๆ ทั่วเมือง โดยหนึ่งในจุดหมายปลายที่เป็นแหล่งรวบรวมของอร่อยที่ถูกพูดถึงคือ เยาวราช

    หากนึกถึงย่านของกินอร่อยในกรุงเทพฯ หลายคนต้องนึกถึงเยาวราช ที่นี่ล่าสุดสำนักข่าวต่างประเทศจัดให้เป็นหนึ่งในย่านเด็ดรวมอาหารข้างทางของกรุงเทพฯ

    สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นของสหรัฐอเมริกาจัดอันดับเมืองที่อาหารข้างทาง หรือสตรีทฟู้ด ดีที่สุดในโลกจำนวน 23 เมือง กรุงเทพฯ ครองแชมป์ โดยเยาวราชถูกยกให้เป็นอันดับ 1 ในจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดของอาหารสตรีทฟู้ด ที่มีอาหารหลายอย่างที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจ อย่างเช่น หมูสะเต๊ะ ก๋วยเตี๋ยว และหอยทอด หรืออย่างร้านนี้ลูกค้าต่างชาติแน่นร้าน แม่ค้าบอกว่า อาหารที่ผสานรสชาติระหว่างไทยและจีน เช่น ก๋วยจั๊บ ข้าวหมูกรอบ และเป็ดพะโล้ ก็ถูกปากนักท่องเที่ยวทั้งจากฝั่งเอเชียและยุโรป

    ส่วนหนึ่งของบทความกล่าวชื่นชมอาหารข้างทางของไทย ว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพลาดอาหารริมถนนตามรถเข็นของพ่อค้าแม่ค้าในกรุงเทพฯ ในตอนเช้าเราสามารถซื้ออาหารที่สะดวกรวดเร็วได้ตามข้างทาง จนถึงตอนกลางคืนก็สามารถออกมาหาอาหารในตลาดโต้รุ่งตามริมถนนได้เช่นกัน

    ผัดไทยเป็นอาหารที่ชาวต่างชาติยังคงนิยมมากที่สุด บนถนนข้าวสารมีร้านขายผัดไทยนับ 10 ร้าน “แม็ก” นักท่องเที่ยวจากเนเธอร์แลนด์คนนี้ บอกว่ามาไทยหลายครั้ง นอกจากประทับใจอัธยาศัยของคนไทยแล้ว เขายังชื่นชอบอาหารข้างทางของไทย เพราะถูก อร่อย และหาทานง่าย

    ซอยรามบุตรี ติดกับถนนข้าวสาร ที่นี่เป็นอีกจุดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่ว่าจะในตรอกซอกซอยเล็กแค่ไหนก็หาของอร่อยได้ อย่างที่เห็นตอนนี้ยืนอยู่ต้นซอย ก็หาทานได้ทั้งขนมครก ผัดไทย หรือแม้แต่ข้าวมันไก่

    ในรายงาน ยังจัดอันดับอีก 23 เมืองที่มีอาหารข้างทางที่ดี อย่างกรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น แชมป์เก่า ปีนี้ติดอันดับ 2 ส่วนฮ่องกง ติดอันดับ 7 กรุงปารีสของฝรั่งเศส อันดับ 8 เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย อันดับ 15 เป็นต้น ส่วนไทยที่ครองแชมป์ในปีนี้นั้น นี่ไม่ใช่ปีแรกที่ไทยถูกยกให้เป็นอันดับ 1 ในเรื่องสตรีทฟู้ด เพราะเมื่อปี 55 ไทยก็ถูกจัดอันดับจากเว็บไซต์ CNNGo ว่าเป็นเมืองที่มีสตรีทฟู้ดที่ดีที่สุดเมืองหนึ่งของโลก สตรีทฟู้ดเมืองไทยถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของบ้านเรา นอกจากจะหาสะดวก หาง่าย ไม่ว่าจะเช้าตรู่หรือดึกแค่ไหน ก็ยังหาอาหารอร่อยและหลากหลายทานได้.-สำนักข่าวไทย
     
    Last edited: 14 Aug 2016

Share This Page