"เทียนชัย ศิริเสน" คุณค่าสมุนไพรไทยสร้างฐานรากหญ้า .... อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/analysis/interview/404239 --------------------------------------------------------------------------------------- นี่คือสิ่งหนึ่งที่เรามองข้ามมาตลอด "สมุนไพรไทย"
ตัวอย่าง ของจริง มีให้เห็นมากมาย ----------------------------------------------------------------------- http://www.posttoday.com/local/scoop/403478
จากพิษของนโยบายบ้าๆบอๆที่ผ่านมา ***จำนำข้าว 15000 ***ค่าแรง 300 ทั่วประเทศ ***"ทิกสะลีสองสุง" ***น้ำมันแพง ราคาสินค้า ที่ขึ้นไปแล้ว ลงยากอะครับ ------------------------------------------------------------- ราคาสินค้า เนื้อสันใน-นอกหมู วันที่ 13 ธันวาคม 2558 ราคาเฉลี่ยวันนี้: 122.00 บาท/กก. ------------------------------------------------------------- ราคาสินค้า ผักบุ้งจีน วันที่ 13 ธันวาคม 2558 ราคาเฉลี่ยวันนี้: 16.00 บาท/กก. --------------------------------------------------------------- ราคาสินค้า พริกชี้ฟ้าแห้ง วันที่ 13 ธันวาคม 2558 ราคาเฉลี่ยวันนี้: 95.00 บาท/กก. http://www.taladsimummuang.com/dmma/Portals/PriceList.aspx?id=01
สามชาติผนึกกำลังกำหนดราคายาง ขณะเดียวกันประเทศเวียดนามแสดงเจตนารมณ์จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกITRC ซึ่งจะทำให้เป็น 4 ประเทศที่มีผลผลิตยางธรรมชาติ รวมกันเป็นร้อยละ74.3 ของยางธรรมชาติทั่วโลก ซึ่งจะส่งเสริมประสานงานในการแก้ปัญหาราคายางธรรมชาติต่อไป สำหรับด้านความร่วมมือในการส่งเสริมการใช้ยางธรรมชาติ ที่ประชุมได้เห็นชอบที่จะใช้ยางธรรมชาติ จำนวน 300,000 ตัน สำหรับการสร้างถนน ไม้หมอนรถไฟ ยางกันกระแทกเรือ และการก่อสร้างโครงสร้างขั้นพื้นฐาน ในปี 2559 และเห็นชอบจะแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี/ความรู้ในการใช้ยางธรรมชาติปรับผิวถนน และเสนอแนะแนวทางสร้างแรงจูงใจกับสาธารณชนด้วยการจัดการแข่งขัน/การประกวดการประดิษฐ์สินค้าที่ใช้นวัตกรรมจากยางธรรมชาติด้วย http://www.naewna.com/local/192445 -------------------------------------------------------------------------------------- ผลิตผลด้านการเกษตรของเรา มีปัญหาทีก็คิดแก้ไขกันที ไม่เคยมีวิสัยทัศน์คิดแก้ไขล่วงหน้า พอมีปัญหา แก้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง พอสักพักเรื่องก็เงียบไปกับสายลม......
ประเทศเรามีราชาที่รู้จักบริหารงานบ้านเมืองที่สุดในโลก แต่ท่านบอกแล้วว่าจะไม่ยุ่ง และประเทศเรามีผู้ที่บอกว่าภักดีต่อราชาของตนมากที่สุดในโลกเช่นกัน แต่สภาพประเทศก็อย่างที่เห็น เราน่าจะจัดพิธีโองการแช่งน้ำกันใหม่นะ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ นักการเมือง เรียกมาทำกันให้หมด
คิดว่าประเทศจะขาดเม็ดเงินหล่อเลี้ยงจาก การส่งออก การท่องเที่ยว อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ที่ค้ำจุนประเทศอยู่ตอนนี้ได้ด้วยหรอ
ปัจจุบันที่อาการหนักคือเกษตรกรครับ และเนื่องจากเขาเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ มันเลยกระทบต่อๆกันเป็นลูกโซ่อะครับ
ไอ้พวกคนส่วนใหญ่ แต่ว่า สร้างรายได้ ได้ต่ำกว่า ภาคอื่นๆ ขี้เกียจ งอมืองอตีน บางทีอาจจะต้องรอให้คนพวกนี ้ตายห่าให้หมด แต่ยาก มันถ่ายทอดทางดีเอ็นเอ ประเทศไทย ภาคเกษตรกร อ้างเสมอว่า คนส่วนใหญ่ แต่ไม่เคยพยายามยกระดับตัวเอง ไม่กล้าแม้แต่จะลองทำในสิ่งใหม่ เพาะปลูกแบบเดิม เพราะมันง่าย แบบใหม่ มันจุกจิก วุ่นวาย เสียเวลา ไปตีไก่ แดรกเหล้า หมด นี่พูดจากประสบการณ์ที่เจอมาด้วยตัวเอง
ถ้ายังมีนิสัยเห็นแก่ตัว ผมว่าสิ่งที่คุณพูดไม่เกิดหรอก แค่ปลูกผักให้ชาวบ้านกินฟรี คุณยังทำไม่ได้เลย ทำมาพูดดี บอกหน่อยซิจะให้แต่ชาวบ้านทำดีให้ ตัวเองทำอะไรดีให้ชาวบ้านหรือยัง ไสเลนเปตร
Dandelion รัฐบาลน่าจะพิจารณาเอามาปลูกแถบภาคอีสานนะครับ เหมาะมาก แถมเป็นพืชล้มลุกไม่รอ5ปีกว่าจะกรีดยางได้เหมือนต้นยางพารา ถ้าไม่เตรียมวันนี้ สวนยางตายแน่
ความรู้สึกเหมือนตอนน้ำมันราคาเกิน 100 us มีการคุยในวงเล็กๆเรื่อง shale oil ว่าจะทำให้พลังงานราคาตก ซึ่งตอนนั้น shale oil พึ่งมาใหม่ๆ หลายคนเชื่อแต่คิดว่าคงอีกนาน...ผมเองก็หนึ่งในนั้นที่รู้ว่าshale oil จะมา แต่คิดว่าอีกนานเลยติดหุ้นBANPU Dandelion นี่ผมว่าถ้าประมาท ชาวสวนยางอาจเจ็บหนักได้ รวมทั้งหุ้นเกี่ยวกับยางด้วย เพราะฐานการผลิตยางดิบจะเปลี่ยนไปเลย
จากการประชุมของเอเปกตอนปลายเดือนพฤศจิกายน 2557 โดยเอเปกมีนโยบายมุ่งรักษาส่วนแบ่งการตลาด เพราะถ้าเอเปกยอมลดกำลังการผลิต จะส่งผลให้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูงต่อไป และจะทำให้บริษัทที่ผลิต Shale oil จะนำ Shale oil ออกมามากขึ้น และจะทำให้เอเปกสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดไปเรื่อย ๆ ดังนั้นเอเปกจึงต้องรีบจัดการแต่เนิ่น ๆ เพื่อไม่ให้บริษัทเหล่านั้นแข็งแกร่งขึ้น โดยการไม่ลดกำลังการผลิต เพื่อให้ราคาน้ำมันปรับลดลงเรื่อย ๆ จนต่ำกว่าระดับราคา Breakeven ของ Shale oil (โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 65 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล) เพื่อให้บริษัท Shale oil ในสหรัฐไม่ผลิตออกมา เพราะไม่คุ้มค่า และออกจากตลาดไปในที่สุด (โดยราคา Breakeven จะประกอบไปด้วยต้นทุนการผลิต ค่าใช้จ่ายในการสำรวจและจัดหา ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาบ่อน้ำมัน ค่าขนส่ง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจัดการ) ท่านผู้อ่านอาจมีคำถามเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันราคาน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 45-50 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าราคา Breakeven ของ Shale oil แล้วแต่ทำไมยังมีการผลิต Shale oil อยู่ ซึ่งผมขอตอบดังนี้ 1.แหล่งผลิต Shale oil ในสหรัฐมีหลายแหล่งโดยแต่ละแหล่งมีต้นทุนการผลิตไม่เท่ากัน ซึ่งแหล่งผลิตที่มีต้นทุนสูงก็ทยอยหยุดผลิตไป ส่วนแหล่งผลิตที่มีต้นทุนต่ำ เช่น Bakken, Eagle Ford และ Permian Basin ก็ยังพอที่จะผลิตต่อไปได้ 2.บริษัทที่ขุดหลุมเจาะไปแล้ว ก็จะพยายามนำน้ำมันออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อให้คุ้มค่ากับต้นทุนในการสำรวจและการขุดเจาะที่ได้เสียไปแล้ว 3.ในช่วงปลายปี 2557 ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันมีบริษัทน้ำมันได้มีการขายสัญญาล่วงหน้า (Short Futures)ที่ราคาสูงกว่า Breakeven และซื้อน้ำมันในตลาด Spot ไว้ (ราคา Futures สูงกว่า Spot) ทำให้ยังมีกำไรจากการผลิตอยู่ ผมขอยกตัวอย่างประกอบดังนี้ เช่นสมมติว่า Short Futures 6 เดือนข้างหน้าที่ราคา 70 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (จะขายน้ำมัน 6 เดือนข้างหน้าที่ราคา 70 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล) และซื้อ Spot ที่ 60 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มาไว้ใน Stock เพื่อส่งมอบอีก 6 เดือนข้างหน้า จะเห็นได้ว่าที่ราคา Spot ถึงแม้จะต่ำกว่า Breakeven แล้วแต่ยังสามารถผลิตมาขายได้เพราะว่า ได้ล็อกราคาขายไว้ที่ 70 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลแล้วนั่นเอง สิ่งที่ตามมาจากการ Short Futures ซื้อ Spot ทำให้สต๊อกน้ำมันดิบในสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ประมาณ 444 ล้านบาร์เรลในเดือนมีนาคม 2558 (เพิ่มขึ้นเฉลี่ยราว 28 ล้านบาร์เรลต่อเดือน) ซึ่งความจุของถังเก็บน้ำมันสำรองในสหรัฐ อยู่ที่ประมาณ 530 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะเต็มในอีก 3 เดือนข้างหน้า ส่งผลให้การซื้อน้ำมันเพื่อมาขายในอนาคต (ซื้อ Spot Short Futures) ทำไม่ได้อีกต่อไป ส่งผลให้อุปสงค์ต่อน้ำมันในตลาด Spot จะลดลง ราคาน้ำมันในตลาด Spot ลดลง และจะกดดันให้ผู้ผลิตลดปริมาณการผลิตลง โดยเฉพาะผู้ผลิต Shale oil เพราะต้นทุนสูงกว่าเอเปก ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะทำให้ราคาน้ำมันมีโอกาสปรับลงได้อีกในช่วงสั้น แต่สุดท้ายพอปริมาณการผลิตน้อยกว่าปริมาณความต้องการ ก็จะมีการนำน้ำมันจากสต๊อกออกมาใช้ และเมื่อสต๊อกลดลงราคาน้ำมันก็น่าจะเริ่มปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับปกติอีกครั้ง http://m.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1427688251
รีบคิดเร็วๆนะ... ด้านนายแดเนียล รัสเซล เปิดเผยภายหลังการเข้าพบว่า การพบปะกับพล.อ.ประยุทธ์ ในครั้งนี้ เป็นไปด้วยดีโดยเป็นการหารือที่เน้นด้านความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา ทั้งบทบาทของไทยในภูมิภาคนี้ และในเวทีโลกรวมถึงความร่วมมือด้านต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทั้งสองประเทศ ซึ่งมีการพูดคุยอย่างเปิดอกในเรื่องของความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ และหนทางในอนาคตข้างหน้า ทั้งยังได้ชี้แจงแนวคิดของสหรัฐที่มีต่อประเทศไทย ซึ่งความสัมพันธ์ของไทยกับสหรัฐถือเป็นสมบัติอันล้ำค่าของสหรัฐ จึงอยากให้ไทยเฟื่องฟู มีความมั่นคงมากขึ้น และได้บอกไปยังพล.อ.ประยุทธ์ ว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ให้ความเคารพต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งวัฒนธรรมของไทย และให้ความสำคัญต่อ ด้านการค้าและเศรษฐกิจโดยเฉพาะความร่วมมือทางด้านความมั่นคง http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/678699
ขนาดคุณยังขำเลยใช่ป่าว มันพูดออกมาได้ไม่อายปากเนอะ ขนาด "ถือเป็นสมบัติอันล้ำค่า" ยังคอยสอดแทรก ก้าวก่ายเรื่องภายในของเรา ยังกะเราเป็นเมืองขึ้นของมัน ผิดทั้งมารยาททางการทูต ผิดทั้งในแง่จริยธรรม ขนาดคุณเจ้าพระยาฯเองยังทนไม่ได้
อย่าเพิ่งไปหลงประเด็นกับ เจ้าพระยาๆลๆ ครับ (ไร้สาระ) กระทู้ของคุณ kokkai ถูกต้องในปัญหาของไทย เราติดกับดักประเทศรายได้ปานกลางมาตลอดก็เพราะเราไม่มี Brands ที่มีมูลค่าสูงพอที่มาค้ำจุนเศรษฐกิจ (รถ,เครื่องบิน,เครื่องไฟฟ้า,โทรศัพท์ๆลๆ) ,ของเราเน้นในสินค้าทางการเกษตร ซึ่งมูลค่าน้อยมาก ,ทุกประเทศแนวหน้า อย่างน้อยในประเทศต้องผลิตได้เอง(brandsตัวเอง) เช่น ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า รถ โทรศัพท์ และอีกหลายๆอย่าง, บ้านเราไม่มี ไม่เป็นญี่ปุ่นก็ไต้หวันหรือเกาหลี แล้วยังจะบอกว่าสนับสนุนโครงการรับจำนำข้าวต่อไปถ้าเป็นรัฐบาล ก็คงประมาณชาติหน้าหละครับ ถึงจะพึ่งตนเองได้
“ความสัมพันธ์ของไทยกับสหรัฐถือเป็นสมบัติอันล้ำค่าของสหรัฐ” คิดเห็นกันอย่างไรครับ เอาแบบซีเรียสนะ ถ้าเป็นภาษาอังกิต ก็ประมาณว่า “US-Thai relation is precious for US”
ถ้าเราเปลี่ยนจากกับดักเรื่องBrands ที่คุณบอกว่าขวางความสุขใจของคนในชาติ เป็นกับดักให้ต่างประเทศต้องมาอุดหนุนส่งเสริม เราให้ดีขึ้นแทน ผมว่าเราทำได้นะครับ แต่เราคนไทยต้องร่วมมือกัน ตามที่ผมบอก "ประเทศเรามีดีมากมาย" เราหาทางทำของดี ที่เรามีอยู่แล้ว ให้เป็นBrands ระดับโลกได้ เช่น ****การท่องเที่ยว เรามีดีอยู่แล้ว ทั้งความสวยงาม สถาพภูมิอากาศ(ไม่ร้อนจัด หนาวจัด) ทำเลที่ตั้ง(ไม่มีภัยพิบัติรุนแรง) สิ่งที่เรายังด้อยไปนิดคือ ความปลอดภัย มาเฟีย ทำลายธรรมชาติ การเดินทาง การขูดรีด ซึ่งเป็นสิ่งแก้ไขได้ทั้งนั้น ****การเกษตร ผมยังคิดว่าถ้าเราเอาจริง เราเป็นครัวโลกได้แน่ ขอให้มีการจัดการที่ดี เราไม่แพ้ใครแน่นอน ****สมุนไพรไทย ถ้าเราส่งเสริมจริงจัง ผมว่าสู้ยาจากต่างประเทศได้แน่ และเป็นของจากธรรมชาติซะด้วย ****การนวดแผนไทย ของเรารักษาได้จริง ไม่ต้องพึ่งยาสังเคราะห์ ไม่ต้องผ่าตัด แม้ว่าจะรักษาไม่ได้ทุกโรค แต่บางโรค ใช้การนวดแผนไทยรักษา ผลออกมาดีกว่ารักษาแบบฝรั่งแน่นอน ฯลฯ มีอีกเยอะแยะครับ
ยางพาราปลูกทั้งประเทศ จีนก็ปลูก มาเลย์เวียดนามก็ปลูก ยางมันเยอะขนาดนี้จะให้แพงได้อย่างไร แต่รัฐก็ควรจะเข้ามาอุ้มนะรับซื้อเท่าไรก็ว่าไปให้ชาวยางได้กำไรนิดๆหน่อยๆก็ว่าไป
ของดีที่เรามีอยู่แล้ว แต่ขาดการส่งเสริมอย่างจริงจัง เพื่อเป็นทางเลือกระดับโลก ------------------------------------------------------------------------------------------------------ เก็บคนรวย..ช่วยคนจน..พ้นทรมาน เก็บคนรวย..ช่วยคนจน..พ้นทรมาน : คมคิดจิตอาสา โดยดลมนัส กาเจ จากที่คุณแม่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง เข้ารักษาในโรงพยาบาลที่ต้องรักษาด้วยเคมีบำบัด ฉีดคีโมเมื่อปี 2548 เพื่อทำลายหรือหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ตามหลักวิชาการแพทย์แผนปัจจุบัน แต่สุดท้ายคุณแม่ต้องจากไปโดยไม่มีวันกลับ ทำให้ ภูมิรวิชัย ชัยภูริหิรัญกุล หนุ่มใหญ่จากเมืองอุดรธานี เริ่มสนใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้น เพื่อให้พ้นจากโรคภัย โดยมองคุณแม่ของเขาเองที่รับประทานอาหารเน้นพืชผัก ผลไม้ที่ปลูกเอง และปลา แต่โรคร้ายยังคุกคามถึงชีวิต และเขายังคิดว่าการรักษาคนป่วยนั้นนอกจากจะใช้หลักวิชาการแพทย์แผนปัจจุบันที่เป็นวิทยาศาสตร์แล้ว น่าจะมีการรักษาโดยวิธีการอื่นด้วยโดยเฉพาะบำบัดด้วยหลักธรรมชาติ .......................................................................................................................... หลังจากที่จัดการเรื่องของศพคุณแม่แล้ว เขาเข้าอบรมแพทย์แผนไทยหลายหลักสูตร ได้รับประกาศนียบัตรทั้งระยะสั้น ระยะยาวหลายใบ และได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบการแพทย์แผนไทยจากสภาการแพทย์ไทยอีกด้วย ในที่สุดเขาตัดสินใจเปิดศูนย์พัฒนาแพทย์แผนไทย เพื่อรักษาโรคที่เกิดจากความไม่สมดุลของร่างกาย โดยเฉพาะโรคหัวเข่าเสื่อม เส้นเลือดตีบ ปวดหลัง หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท โรคปวดหัวข้างเดียวหรือไมเกรน รวมถึงโรคเกาท์ ความดัน และอีกหลายโรคที่ไม่ใช่โรคติดเชื้อหรือโรคติดต่อ ด้วยธรรมชาติบำบัด อาทิ การนวด กด จับจุด ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดความไม่สมดุลในร่างกาย และรักษาด้วยสมุนไพร ที่อ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี เมื่อปี 2556 และในระหว่างนั้นได้ช่วยพระ คนพิการ และคนที่ยากจนจริงๆ ได้จำนวนหนึ่ง http://www.komchadluek.net/detail/20151218/218827.html