ศาลฎีกาฯ ตัดสินเสริมสุข ชนะคดีโพสต์-สั่งจ่ายชดเชยรวม 13 ล้าน กรุงเทพฯ 29 มิ.ย.-ศาลฎีกาแรงงานตัดสิน “เป๊ปซี่ เสริมสุข” ชนะคดี นสพ.บางกอกโพสต์ ให้ออกไม่เป็นธรรม พร้อมสั่งจ่ายชดเชย 13 ล้านบาท เชื่อจะเป็นบรรทัดฐานสำคัญในวงการสื่อ เช้าวันนี้ (29 มิ.ย.) ศาลฏีกาแรงงานนัดอ่านคำตัดสินในคดีของนายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ หรือเป๊ปซี่ บรรณาธิการข่าว สถานีโทรทัศน์ดิจิตอล นิวส์ทีวี อดีตหัวหน้าข่าวฝ่ายทหารและความมั่นคง หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ถูกบริษัทโพสต์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) เจ้าของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ไล่ออกจากตำแหน่งหัวหน้าข่าวฝ่ายทหารและความมั่นคง ภายหลังนำเสนอข่าวปัญหารันเวย์ร้าวของสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเดือน สิงหาคม พ.ศ.2548 จากนั้นนายเสริมสุขได้ร้องต่อศาลแรงงานโดยกล่าวหาอดีตต้นสังกัดเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม และศาลแรงงานกลาง ก็ได้มีคำพิพากษาเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2550 ให้หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์รับนายเสริมสุข กลับเข้าทำงาน แต่จากนั้นอดีตต้นสังกัดได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาให้รับกลับเข้าทำงาน และจ่ายเงินชดเชยจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จึงเป็นที่มาของการฟ้องร้องในศาลฎีกาแรงงานครั้งนี้ สำหรับวันนี้ฝ่ายโจทย์ คือ นายเสริมสุขเดินทางมาด้วยตนเอง โดยมีภรรยาและบุตรชาย รวมถึงเพื่อนร่วมอาชีพมาให้กำลังใจ ขณะที่ฝ่ายจำเลยคือบริษัทโพสต์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) ส่งตัวแทนผู้รับมอบอำนาจ และทนายมาฟังคำตัดสิน โดยศาลขึ้นบัลลังค์ อ่านคำตัดสินในเวลาประมาณ 10.00 น.และใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษาประมาณ 20 นาที โดยศาลฎีกาแรงงานยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยจากกองทุนเลี้ยงชีพในส่วนเงินสมทบของบริษัท 623,700.08 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเลิกจ้าง พร้อมให้จ่ายค่าเสียหายจากการขาดรายได้จำนวน 8 ล้านบาท และค่าเสียหายต่อเกียรติยศชื่อเสียงจำนวน 5 ล้านบาท รวม 13 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามที่ได้ฟ้องร้องไว้ก่อนหน้านี้ แต่ขอเปลี่ยนคำร้องในประเด็นให้รับกลับเข้าทำงาน เพราะเห็นว่าอาจทำงานร่วมกันอีกไม่ได้ โดยจะนัดให้ทั้งสองฝ่ายมาเจรจาทำความเข้าใจเรื่องค่าเสียหายที่ต้องจ่ายให้โจทย์อีกครั้งในวันที่ 17 กรกฎาคมนี้ เวลา 13.00 น.ที่ศาลแรงงานชั้นต้น ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษา นายเสริมสุข ได้ให้สัมภาษณ์ ขอบคุณกระบวนการยุติธรรมรู้สึกพอใจอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ การต่อสู้ครั้งนี้แม้จะยาวนานถึง 10 ปี แต่ถือว่าคุ้มค่าเพราะจะเป็นบรรทัดฐานสื่อมวลชนของไทย สังคม และคนในวงการสื่อสิ่งพิมพ์รุ่นลูก รุ่นหลาน ที่หากถูกต้นสังกัดกระทำการด้วยความไม่เป็นธรรม ให้ถือกรณีนี้เป็นบทเรียน เเม้ในช่วงแรกเริ่มที่มีการฟ้องร้อง ทางบางกอกโพลต์จะเสนอเงินมาให้ถึง 3 ล้านบาทซึ่งเป็นเงินจำนวนมาก แต่ตนต้องการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง แม้จะใช้เวลายาวนานซึ่งผลที่ออกมาก็คุ้มค่า ส่วนตัวยังยืนยันว่าเรื่องนี้มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องและแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน หลังไม่พอใจการนำเสนอข่าวของตนเอง แม้ตลอด 20 ปีของการทำข่าวที่บางกอกโพสต์ ไม่เคยมีใครมาตำหนิการทำหน้าที่ของตน “สิ่งที่เกิดขึ้นมันช็อคในความรู้สึก อยากเรียกร้องให้นักการเมืองควรมีจริยธรรม ไม่ควรเอาสื่อมวลชนมาเป็นพรรคเป็นพวก ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้ตัวเอง” นายเสริมสุข กล่าว ทั้งนี้ คดีสืบเนื่องมาจาก นายเสริมสุข ถูกบริษัทโพสต์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) เจ้าของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ไล่ออกจากตำแหน่งหัวหน้าข่าวฝ่ายทหารและความมั่นคง ภายหลังนำเสนอข่าวปัญหารันเวย์ร้าวของสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2548 จนทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่พอใจ และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งให้กระทรวงฟ้องร้องกับหนังสือพิมพ์จนต้นสังกัดต้องตัดสินใจดังกล่าว ต่อมานายเสริมสุข จึงได้ฟ้องร้องต่อศาลแรงงานโดยกล่าวหาอดีตต้นสังกัดเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม รวมทั้งเรียกร้องค่าเสียหาย และศาลแรงงานกลาง ก็ได้มีคำพิพากษาเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี2550 ให้หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์รับนายเสริมสุข กลับเข้าทำงานในตำแหน่งและอัตราค่าจ้างไม่น้อยกว่าอัตราเดิมก่อนถูกเลิกจ้าง และให้จ่ายค่าชดเชยจากกองทุนเลี้ยงชีพในส่วนเงินสมทบของบริษัท 623,700.08 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเลิกจ้าง แต่นายเสริมสุข ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา เพื่อให้บริษัทจ่ายค่าเสียหายจากการขาดรายได้จำนวน 8 ล้านบาท และค่าเสียหายต่อเกียรติยศชื่อเสียงจำนวน 5 ล้านบาท รวม 13 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามที่ได้ฟ้องร้องไว้ก่อนหน้านี้ ภายหลังอดีตต้นสังกัดได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาให้รับกลับเข้าทำงาน และจ่ายเงินชดเชยจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยศาลฎีกาได้นัดพิพากษาคดีดังกล่าวในวันนี้.-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/220078
เฉียดฉิวจริงๆ ความยุติธรรมที่มาแสนช้า .. http://www.dailynews.co.th/regional/331389 คำพิพากษาของศาลแรงงานให้บางกอกโพสต์รับนายเสริมสุข กลับเข้าทำงานแต่ไม่มีคำสั่งให้จ่ายค่าเสียหาย ดังนั้นโจทก์และจำเลยจึงยื่นฎีกาคำตัดสินในปลายปี 2550 จนศาลได้มีคำสั่งในวันที่ 29 มิย. 58 ดังกล่าว ก่อนคดีหมดอายุความ 10 ปี ขาดเพียงประมาณ 2 เดือนเท่านั้น สื่อดีหายาก ถูกซื้อไปก็เยอะ สื่อไม่สร้างสรรค์ก็แยะ กระทู้ดีดีแบบนี้ต้องช่วยดัน
