จุดที่ธรรมกายนึกว่าพวกตัวเองเป็นผู้บัญญัติคำสอนทางพระพุทธศาสนาขึ้นมาเอง จนทำบาปแล้วไม่คิดว่าสิ่งที่ทำไปนั้นเป็นบาป เพราะนึกว่าเปลี่ยนแปลงคำสอนได้ แก้กรรมได้
ทั้ง มส. พศ. พูดเท็จพูดปด จะให้ศรัธราได้อย่างไร คนวงการพระ จะตั้งผู้นำศาสนา ยังไม่อยู่ในศิลธรรม หลงลาภยศศักดินาอำนาจ มันจบ จบทั้งขบวน ทั้งเหล่าพวก ทั้งก้วน ลาฯ
การแต่งตั้งสังฆราสเป็นเรื่องทางโลก ไม่ใช่ทางธรรม พระที่มุ่งทางนิพพานจะมาเห่อยศเห่อศักดิ์หรือ? พวกคนห่มเหลืองที่ขู่จะเคลื่อนไหวเรื่องแต่งตั้งสังฆราชก็เช่นกัน จะเอาผ้ากาสาวพัสตร์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากดดันทางโลกเรื่องยศศักดิ์ของพระหรือ? ถ้าไม่รู้จักสำรวม ถูกเจ้าหน้าที่ฉีดน้ำแรงดันสูงใส่หรือโดนโล่ห์โดนกระบองเข้าบ้างก็อย่ามาอ้างว่าเจ้าหน้าที่ทำร้สยผู้ทรงศีลนะ คุณแค่เป็นคนห่มเหลืองเท่านั้น
กิเลสพอกหนาขนาดนี้ ถ้าขึ้นนั่งตำแหน่ง ประธาน ระดับล่าง ก้อกินแหลกแดรกระเบิด ไม่ต้องบอกหรอกว่า ระบบแหละ เก่งไม่ต้อง โกงเป็นไถเก่งจ่ายถึง ได้ตำแหน่งแน่นอน
เรื่องนี้ผมว่าท่านไม่ได้ปาราชิก และท่านก็ไม่ได้ทานยาพิษ ครับ เหมือนพระพกเงินไว้ในย่าม หรือกุฎิ แต่ท่านไม่เอาไปใช้ส่วนตัวที่ไม่ดีไม่งามครับ
ผ้าที่ปนเปื้อน มัวหมอง ยังจะเรียกว่าผ้าขาวกันหรือ พระสังฆราช ซึ่งเป็นผู้นำศาสนา ผู้นำพุทธศาสนิกชน เป็นศิษย์ของพระพุทธองค์ ควรจะเป็นเหมือนผ้าขาว ไม่ใช่ผ้าสีหม่น พระพุทธองค์ ทรงสอนให้ ลด ละ เลิก กิเลส แต่สิ่งที่พุทธศาสนิกชนเห็นจากวัตรปฎิบัติของท่านนั้น .... มันไม่ใช่ คงไม่มีใครกล่าวว่าท่านปาราชิก แต่ท่านเป็นเหมือนผ้าสีหม่น มิใช่ผ้าขาว
ไม่ปาราชิก แต่ก็ไม่เหมาะสม วันนี้ดูทีนิวส์ เอาหลวงตาบัวมาเทปเก่ามาเปิด วิจารณ์เหมือ่นท่านมองเห็นอนาคตเลย มันผิืดตั้งกะกฎหมายยึดอาวุโสอะไร แต่ไม่ยึดคุณธรรม ไม่ละโมป หลงมัวเมา ทั้งเรื่องธรรมวินัยอยู่เหนือกฎหมาย ขัดกับวิษณุพูดเลยว่าขัดแย้งกันกฎหมายไงที่อยู่เหนือกว่า
ถ้าท่านไม่ได้หวังเอาเงินมาเป็นของส่วนตัวก้ไม่อาบัติทางใจ แต่กฎกติกามันอาบัติ ก็ปลงอาบัติไป แต่อาบัตินี้ไม่มีโทษกับท่านทางบรรลุธรรม พระอรหันต์ทำไมยังมีกรรมอยู่ ก็กรรมนั้นทำได้แค่ทำลายภายนอกท่าน แต่หาทำลายภายในใจท่านไม่ได้ ก็ฉันนั้น แต่ปาราชิก ต่อให้มีเจตนา หรือไม่มีเจตนา ก็ถือว่าขาดจากความเป็นพระ ส่วนสมเด็จช่วงผมว่าท่านไม่ได้มีส่วนใดๆกับรถเลี่ยงภาษี มีคนเอารถมามอบให้ท่านก็เท่านั้น
อาบัติก็คืออาบัติจะมาอ้างทางใจอะไรล่ะ ปาราชิกถือเจตนาครับ เอามาจากไหนที่มีแบบไม่เจตนา เรื่องช่วง ๆ ไม่มีใครว่าเขาปาราชิกครับ แต่เขาว่ามันสนับสนุนคนที่ปาราชิก ไม่นับเรื่องศีลด่างพร้อยอีก แหม คนเอารถมามอบให้ช่วง ๆ ไม่คิดหรือว่าทำไมต้องเอารถให้ล่ะ ถ้าช่วง ๆ ไม่สะสมรถปัญหาจะเกิดไหมครับ
1.อาบัติก็คืออาบัติจะมาอ้างทางใจอะไรล่ะ = พระอานนท์เป็นพระอรหันต์ยังเจอหมู่สงฆ์ปรับอาบัติเลยครับ 2.สมเด็จช่วงท่านไม่ได้สนับสนุนพระปาราชิก แต่ความเห็นของท่าน คิดว่า ธรรมะชัยโยไม่ปาราชิก 2.2 ปาราชิกคืออาบัติแรงสุด ต่อให้เจตนาหรือไม่ ก็เหมือนคนดื่มยาพิษไปแล้ว ย่อมได้รับโทษถึงตายคือขาดจากพระ 3.ม่คิดหรือว่าทำไมต้องเอารถให้ล่ะ ถ้าช่วง ๆ ไม่สะสมรถปัญหาจะเกิดไหมครับ = รถก็เหมือนสิ่งของที่โยมถวายให้ ไม่ต่างจากเงินที่โยมไส่ซองแล้วยื่นถวายกับพระเป็นการส่วนตัว ไม่ถือเป็นสังฆทาน เพราะโยมเจาะจงให้เฉพาะพระรูปนั้น แต่ของที่ได้รับมาแล้ว ท่านไม่ได้เอาเป็นของส่วนตัว เหมือนพระที่มีเงินเต็มกุฐิ แต่ท่านไม่ได้เอาไปใช้สักบาท สักสลึง ขอนี้ทางธรรมท่านไม่ได้สะสม แต่จะถูกทางโลกะวัชชะติเตียนได้ก็เท่านั้น ปล** เรื่องวิจารณ์พระนี้ผมเซฟพวกท่านนักวิจารณ์สุดๆแล้วนะ ไม่ใช่ว่าท่านผิดเรื่องหนึ่ง ท่านจะผิดไปทุกเรื่อง ไปวิจารณ์ด้วยจิตมาดร้าย มุ่งร้าย กรรมมันจะหนักครับ ศีลของพระ ไม่ใช่ปฎิบัติกันได้ง่ายๆ สามารถอาบัติได้ทุกอริยาบัติยืนเดินนั่งนอน แต่เราจะไปวิจารณ์คนถือศีลระดับนี้ต้องระวังให้หนักครับ
ส่วนภาพนี้ผมก็ดักคอไว้ก่อน ว่าหลวงพ่อจรัญ ท่านก็ไปไหว้ตามพิธี ในพิธีรับตำแหน่ง ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค3 แต่ไม่ได้ไปรับรองอะไรกับสมเด็จวัดปากน้ำ อันนี้ไม่เกี่ยวกัน แต่รูปนี้ ก็สนุกปากเวป alittlebuddha เช่นกัน เหมือนพวกท่านในเสรีไทยไม่รู้จักแยกแยะละเอียดละออก่อนวิจารณ์ รูปนี้ก็น่าจะ2-3ปีแล้วมั้ง เวปนั้นดันไปวิจารณ์หลวงพ่อจรัล พวกเวปเสรีไทยนี่ ก็สมเด็จช่วง ระวังกันหน่อยกับการวิจาณ์พระสงฆ์ http://www.alittlebuddha.com/News 2014/July 2014/025 July 2014.html
ถ้าห่มผ้าเหลืองปั๊ป จะถือว่าเป็นพระ วิจารณ์ไม่ได้ เพราะกลัวบาป อันนั้นผมขอไม่เรียกว่านับถือศาสนาพุทธ แต่ขอเรียกว่า หลง งมงาย ----------------------------------------------------------------------------------------------- ชาวพุทธเราไม่รู้จักพุทธศาสนากันอย่างแท้จริง ก็เลยประพฤติปฏิบัติกันไปอย่างผิด ๆ และอีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อเห็นพระปฏิบัติไม่ถูกไม่ควรก็ไม่กล้าจะไปตำหนิก็เลยเป็นการส่งเสริมให้พระกระทำผิดไปอีก ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญูา สอนให้คนรู้จักสัจจะแห่งชีวิต รู้จักตัวเอง พึ่งตัวเอง ไม่หวัง ไม่พึ่งในสิ่งที่มองไม่เห็นให้เชื่อในความสามารถของตนเอง โดยใช้ปัญญานำหน้าอยู่เสมอ ศาสนาพุทธนั้นสอนอยู่ภายในร่างกายของคน และสอนให้ปฏิบัติใหู้ร้แจ้งเห็นจริงด้วยตนเอง ไม่ผูกขาดความเชื่อและความคิด แม้แต่พระศาสดาตรัสก็ยังไม่ให้เชื่อในทันที ซึ่งมีอยู่ในกาลามสูตร 1 0 ประการ คือ 1. อย่าเชื่อโดยฟังตามๆ กันมา 2. อย่าเชื่อโดยว่าเป็นของเก่าสืบ ๆ กันมา 3. อย่าเชื่อโดยตื่นข่าว 4. อย่าเชื่อโดยอ้างตำรา 5. อย่างเชื่อโดยการเดา 6. อย่าเชื่อโดยการคาดคะเน 7. อย่าเชื่อโดยตรึกตรองตามอาการ 8. อย่าเชื่อโดยชอบใจว่าต้องกับลัทธิของตน 9. อย่าเชื่อโดยเชื่อว่าผู้พูดเป็นคนควรเชื่อได้ 1 0. อย่าเชื่อโดยนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา http://thai.mindcyber.com/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=171
เรื่องสมบัติพัสถานถวายพระที่มากมายและมีค่าเกินความจำเป็น แม้ญาติโยมจะหวังดี แต่ก็เป็นการทำร้ายพระครับ
และพระที่สมถะ ก็จะไม่รับสิ่งเหล่านั้นด้วยครับ สังเกตุง่ายๆ พระที่มีวัตรปฏิบัติดี ไม่มีใครถวายสิ่งของมีค่า ที่เกินความจำเป็นหรอก เพราะรู้ว่าท่านไม่ชอบ ไม่ต้องการ แต่พระที่ยังหลงติดอยู่ในวัตถุพอๆกับฆราวาสทั่วไป จะมีคนเอามาถวาย เพราะรู้ว่าท่านชอบ
ก็บอกแล้ว นี่อาบัติก็คืออาบัติไม่มีมาอ้างทางใจไรนี่ พระอรหันต์ในพุทธกาลก็อาบัติอยู่เยอะแยะไป แต่อยู่ที่ว่ายอมรับไหม และเป็นอาบัติอะไร ยกพระอานนท์มาแล้วไงครับ พระอานนท์มาอ้างอาบัติทางกายทางใจรึ ก็เปล่า ช่วง ๆ ไม่คิดว่าธัมมี่ปาราชิกแล้วนี่สุด ๆ นะครับ เอาของคนอื่นไป คนอื่นทวงแล้วไม่คืนหลายปีนี่เรียกว่าอะไรรึครับ เรื่อง ปาราชิก สมัยพุทธกาล พระสงฆ์โดนข่มขืน ไม่ยินดี พระพุทธเจ้าวินิจฉัยว่าไม่ปาราชิก ไม่มีความผิดอะไรเลยนะครับ จะบอกว่าปาราชิกต่อให้เจตนาหรือไม่นี่หลักธรรมคงเพี้ยนแล้วล่ะครับ ไหน ๆ ก็เพี้ยนแล้วทำไมธัมมี่อ้างไม่เจตนา ช่วง ๆ ถึงมองไม่ปาราชิกล่ะ ยิ่งแก้ต่างเรื่องรถก็ยิ่งไปกันใหญ่ แบบนั้นก็เท่ากับยอมรับว่าผิดสิครับ สิ่งของญาติโยมถวายเป็นการส่วนตัวไม่ผิดหรอกครับหากเป็นสิ่งของที่จำเป็นใน การดำรงชีพ แล้วรถนั่นจำเป็นรึ แล้วก็ไม่ใช่มีแต่ที่คนมาถวายยังมีที่มันพังไปแล้วยังมีการซ่อมโดยเอาอะไหล่รถอื่นมาใส่ถึงได้โดนเรื่องรถจดประกอบ ของเมื่อรับมาแล้วไม่ได้ใช้ส่วนตัวก็ยกให้วัดให้มูลนิธิไปสิครับจะครอบครองให้โลกวัชชะทำไม เรื่องวิจารณ์ สมัยพุทธกาลพระอรหันต์ก็โดนวิจารณ์ จนพระพุทธเจ้าต้องออกกฏมาห้ามไว้ ช่วง ๆ โดนวิจารณ์หลัก ๆ ก็มาจากเรื่องธัมมี่นี่แหละ เรื่องรถนั่นมองว่าของแถมครับ แถมโดนหนักก็มาจากพวกลูกหาบนั่นแหละที่พยายามจะดันให้ได้
เห็นไหมตอนออกมาบิณฑบาตเดินบนดอกไม้ ยังบอกนุ่มตีนดี .... อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/analysis/interview/410673
เอาเฮอะ ยินดีกับเสื้อแดงด้วยนะ จะได้มีพระของตัวเอง ก็คงต้องหัดกราบไหว้พระกันมั่งอะนะ ที่เคยเตะก้านคอพระก็เลิกเฮอะ พระใครพระมันไปกราบไหว้กันเอง คิดแล้วคิดอีก คิดแล้วขำ เสื้อแดงจะมีพระแล้วว่ะเฮ่ย
พวกที่สนับสนุนสมเด็จช่วงก็แปลก แทนที่จะพยายามชี้แจงประเด็นที่สาธุชนคลางแคลงใจในวัตรปฏิบัติของสมเด็จช่วง เช่นการสะสมทรัพย์ทางโลก การอุ้มธรรมกาย ฯลฯ กลับออกมาเคลื่อนไหวทำลายความน่าเชื่อถือของพระพุทธอิสสระและข่มขู่สังคมว่าจะสร้างความวุ่นวายหากสมเด็จช่วงไม่ได้เป็นสังฆราช กระบวนการฟังดูคล้ายๆเสื้อแดงชอบกลอยู่
ผลประโยชน์ครับ win-win. ไม่งั้นทำกายคงไม่ส่งเจ๊ซาลาเปา มาร่วมอยู่ใน รบ.รูปู. ฝ่ายนึงมีเงิน มีอำนาจ ต้องการเป็นใหญ่สุดในทางโลก คุมประเทศให้อยู่ใต้ฝ่าเท้า ฝ่ายนึงมีสาวกมากมาย ที่ลุ่มหลงในศาสดา พร้อมตายเพื่อศาสดา ต้องการขยายความเชื่อของศาสดาให้มากที่สุด ผลที่ได้ตามมาคือ fundflow เงินทองก็จะไหลมาเข้าสู่วัดอย่างมากมายมหาศาล แต่ทั้งคู่ ก็เป็นที่กังขาและต่อต้านของสังคม ที่ไม่ได้ลุ่มหลงไปตาม ทำให้ต้องแตะมือกัน เพื่อช่วยเหลือกัน win win ครับ
ดาริน กานต์ "หลวงปู่พุทธะอิสระ" ชี้ว่า หาก"สมเด็จฯช่วง"ไม่ส่งคืนรถเบนซ์หรูเลี่ยงภาษีให้ทางราชการ จะผิดวินัยสงฆ์ปราชิก ปรับอาบัติเทียบเคียงรับของโจร...ขณะที่ข้อมูลชั้นสืบสวนของดีเอสไอ พบข้อพิรุธว่า นำเข้าทั้งคันแต่สำแดงเท็จเป็น รถโบราณ หากแยกชิ้นส่วนจะไม่สามารถประกอบขึ้นใหม่ได้.....///กรุงเทพธุรกิจ
รถที่ถวายไม่ได้เอาไปใช้นะครับ เอาเข้าพิพิธภัน ไม่ใช่ของส่วนตัวเป็นของส่วนรวม ไปดูได้ที่วัดปากน้ำ ถ้ามีเรื่องเลี่ยงภาษี ก็ส่งคืนก็จบครับ สมเด็จท่านไม่ได้เกี่ยวไรด้วยเลย แบบนี้เงินที่บริจาตเข้าวัด แล้วพระรับไป เพื่อเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายวัด จะรู้ไหมเงินมันเป็นเงินปล้นเขามา พระไม่ปาราชิกหมดหรือ
ผมเดาเอาอะครับ คงคล้ายๆพระเปิดบัญชีธนาคาร รับบริจาคสร้างวัดมั้งครับ ไม่ได้รู้ลึกอะไร เดวให้เขาสอบสวน ค่อยมาตอบอีกที เริ่มเกินปัญญาจะตอบแล้วเหมือนกัน ทั้งทา่งโลกและทางธรรม
ผมมองว่าสังคมห่วงเรื่องการใกล้ชิดและเอี้อเกื้อกูล ให้ทำกาย ของสมเด็จช่วง เป็นปัญหาหลักที่ทำให้ พุทธศาสนิกชนออกมาต่อต้าน ไม่ใช่เรื่องรถ เรื่องทำกายนั้น ส่งผลกระทบกับแก่นคำสอนของศาสนาพุธ จนอาจจะเรียกได้ว่าสามารถทำให้ศาสนาพุทธในไทย เปลี่ยนไปจนเกิดนิกายใหม่ขึ้นมาแทนได้เลย
ชอบความเห็น 2 รายนี้จัง ------------------------------------------------------------------------------------ http://www.naewna.com/politic/columnist/22489
เมื่อก่อนที่บ้านเปิดฟัง ได้ยินก้อฟังดู ก้อดีจะแนะนำดี พอติดตาม อ้าววววว กืเลสมากกว่าตรูอีก แล้วตรูจะฟังทำไมหวัะ???