ทูตสหรัฐฯกังวลกฎหมายหมิ่นเบื้องสูงไทย ชี้ไม่ควรถูกจำคุกฐานแสดงความเห็นอย่างสันติ เอเอฟพี - ทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยในวันพุธ(25พ.ย.) แสดงความกังวลต่อบทระวางโทษจำคุกหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ที่พิพากษาภายใต้กฎหมายหมิ่นสถาบันของประเทศ ระบุไม่มีใครควรถูกจำคุกฐานแสดงความคิดเห็นอย่างสันติ กลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ ณ เวทีเสวนาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในกรุงเทพฯ ขณะที่การดำนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพพุ่งสูงขึ้น ภายใต้ปกครองของคณะรัฐประหาร "เรายังกังวลต่อบทระวางโทษที่ยาวนานอย่างไม่เคยกรากฏมาก่อน ที่ศาลทหารไทยพิพากษาต่อพลเมืองฐานละเมิดกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" เดวีส์ บอกกับผู้ที่ร่วมเสวนา หลังจากแสดงความกังวลว่ากฎหมายหมิ่นประมาททางอาญานี้ถูกใช้สำหรับสกัดกั้น การโต้เถียงของสาธารณะกว้างขวางมากขึ้น นายเดวีส์ ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้ราวๆ 9 สัปดาห์ ย้ำว่ารัฐบาลสหรัฐฯมีความเคารพอย่างยิ่งและรู้สึกชื่นชมพระมหากษัตริย์ไทย แต่ก็อ้างถึงสิทธิการแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระเสรี "เราเชื่อว่าไม่ควรมีใครควรถูกจำคุกต่อการแสดงมุมมองอย่างสันติ และเราสนับสนุนอย่างหนักแน่นต่อความสามารถของบุคคหรือองค์กรอิสระใดๆในการ ค้นคว้าวิจัยและรายงานประเด็นสำคัญๆโดยปราศจากความกลัวว่าจะถูกแก้แค้น" ภายใต้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ใครก็ตามที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานดูหมิ่น ดูถูก กล่าวหา ใส่ร้าย และทำให้พระมหากษัตริย์ พระราชินีและพระบรมวงศานุวงศ์เสื่อมเสีย มีสิทธิ์ต้องโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี นับตั้งแต่ก่อรัฐประการเมื่อปีที่แล้ว กองทัพได้ยกระดับการตรวจตราคำกล่าวหาละเมิดสถาบันมากขึ้น โดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์ ในเดือนสิงหาคม สหประชาชาติบอกว่ารู้สึกตกใจต่อโทษจำคุก 30 ปีและ 28 ปีต่อคนไทย 2 คน ในความผิดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ฐานดูหมิ่นกล่าวหาสถาบันบนเฟซบู๊ก ซึ่งเป็นโทษสูงสุดเท่าที่เคยมีมา ไทยเป็นพันธมิตรที่ยาวนานของสหรัฐฯ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติตกอยู่ในความตึงเครียดนับตั้งแต่เหตุรัฐ ประหารเมื่อปีที่แล้ว ที่สหรัฐฯออกมาประณามอย่างหนักหน่วง อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์อันตึงเครียดเช่นนี้ก่อความเสี่ยงต่อดุล อำนาจของสหัฐฯ ทำให้อเมริกาลังเลที่จะโดดเดี่ยวไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ในภูมิภาค และในวันพุธ(25พ.ย.) นายเดวีส์ แม้ย้ำถึงเสียงเรียกร้องของวอชิงตันที่ขอให้ไทยคืนสู่ประชาธิปไตย แต่เน้นว่าเขาไม่อยากให้มันเป็นไปในลักษณะของการชี้นิ้วต่อว่า "ไทยจำเป็นต้องทำมันด้วยตนเอง" เขากล่าว http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000130974 ชอบเสือกเรื่องชาวบ้านจริง ๆ เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องเงินเฟ้อ เรื่องคนตกงาน เรื่องเหยียดผิว เรื่องคนเร่ร่อน เรื่องเสือกประเทศอื่น เมื่อไรจะเลิกวะ
แผนการ ป่วนประสาท ขัดแข้งขัดขา ดีสเครดิต แบบนักเลงปากซอย หาเรื่องชกต่อยคน ด้วยข้อหา หล่อเกินหน้า เกินตา
ประเทศเรา เล็กๆ ได้แต่ก้มหน้า กัดฟันครับ ต่อไปภายหน้า เราจะเห็นการขู่ คว่ำบาตร ทางเศรษฐกิจ แน่นอน ด้วยข้อกล่าวหาสารพันที่ ยัดเยียดให้ ผมว่าทางการไทยแก้ตก มาตลอด เช่นเรื่องผู้อพยพ การส่งผู้ร้ายให้จีน หรือแม้แต่เรื่องค้ามนุษย์ ด้วยความพยายาม ของอเมริกา แต่ไม่แน่ เมื่อมันเกินกำลัง หรือพลาดพลั้งเล็กน้อย เหมือนอเมริกา บีบให้ยอมอะไรสักอย่าง ซึ่งเราประชาชน คนทั่วไปอาจไม่รู้
ผมว่าผมรู้ตั้งแต่ต้นเลยว่าไอ้กันมันต้องการอะไร เพราะประเทศเรามีทรัพยากรหลายอย่างที่พวกมันต้องการ แถมที่ตั้งของเรานี่ถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญแห่งหนึ่งของโลก. ทั้งทางทหารและเศรษฐกิจ ประเทศไหนๆก็ต้องการ. ไอ้กันถึงพยายามบีบเราแบบกะเอาตายไงครับ แต่ด้วยภาพลักษณ์ตำรวจโลก เลยต้องมีข้ออ้างในการทำสงคราม. มันก็แบบเดียวกับที่อิรักเจอใงครับ