ก่อนอื่นก็ต้องทำเรื่องกระจายอำนาจให้เป็นรูปธรรมก่อน ถึงจะทำแบบเขาได้ ให้ตำรวจยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น โดยขึ้นกับผุ้ว่าที่มาจากการเรื่องตั้ง ระบบอุปภัมป์น้อยลง เพราะระบบการบริหารสมัยใหม่ มีแต่จะย่อยให้เล็กลงแต่ทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ----------------------------------------------------------------- ความแตกต่างระหว่างตำรวจไทย กับตำรวจอเมริกา 1. ไม่มีกรมตำรวจ ไม่มีแม้แต่ทบวงหรือกระทรวงตำรวจเหมือนประเทศอื่น จึงไม่มีสายการบังคับบัญชายุ่บยั่บเหมือนของไทย 2. ไม่มีโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แต่ละเมืองคัดตำรวจกันเอง วิธีคัดก็ไม่เหมือนกัน คัดได้แล้วก็ส่งไปอบรมที่โรงเรียนตำรวจ 26 สัปดาห์ เป็นอันว่าจบหลักสูตรออกมาทำงานได้ ตำรวจอเมริกันจึงไม่มีการแบ่งว่า ฉันจบจากโรงเรียนนายร้อย อั๊วจบมหาวิทยาลัย ข้ามาจาก จปร. (จ่าเป็นนายร้อย) 3. ไม่มีอธิบดีกรมตำรวจ ที่หนังสือพิมพ์อเมริกันเรียก police chief นั้น อย่าไปแปลว่าอธิบดีกรมตำรวจนะครับ ไม่มีกรมจะทะลึ่งไปมีอธิบดีได้ยังไง ตำแหน่งนี้ ก็คือ หัวหน้าตำรวจของแต่ละเมือง อยู่ใต้บังคับบัญชาของนายกเทศมนตรีอีกที ตำรวจจึงต้องทำงานเอาใจนายกเล็ก นายกต้องลงแส้ให้ตำรวจทำงานให้มีประสิทธิภาพ กลัวว่าครั้งหน้าจะไม่มีใครเลือก เมืองไทยน่าจะทดลองให้ตำรวจนครบาลขึ้นกับผู้ว่าฯ กทม.ดูบ้าง อาจจะแก้ปัญหาตำรวจได้ 4. ตำรวจอเมริกันไม่มียศชั้นนายพัน สูงสุดเป็นแค่นายร้อย สูงกว่านั้นใช้นาย คุณอาจจะต้องสงสัยว่าถ้าอย่างนั้นจะสั่งงานกันอย่างไรก็ว่ากันไปตามตำแหน่ง ตำรวจไม่มียศก็ดีไปอย่าง ไม่มีความรู้สึกว่า เป็นเจ้าขุนมูลนาย ในบ้านเรา บางคนอาจจะไม่อยากเป็นตำรวจ แต่อยากมียศ ไม่รักอาชีพ ไม่รักงาน แต่รักยศ เหตุผลที่เข้ามาเป็นตำรวจ ของตำรวจบางนาย ฟังแล้วอยากร้องไห้...คุณแม่อยากให้รับราชการเป็นตำรวจ เพื่อเกียรติประวัติของวงศ์ตระกูล 5. ตำรวจอเมริกันไม่มีการโยกย้ายไปเมืองนั้นเมืองนี้ เริ่มต้นเป็นตำรวจเมืองไหนก็ต้องอยู่ที่นั่นไปตลอด ตำรวจแต่ละคนจึงต้องรักษาประวัติตัวเอง เหม็นเมื่อไรหมดโอกาสสร้างอนาคตใหม่ ในสหรัฐฯไม่มีจังหวัดเหมือนบ้านเรา มีเพียง city กับ town ซิตี้ คือ เมืองใหญ่ ทาวน์เป็นเมืองเล็ก ทาวน์บางแห่งมีคนไม่กี่พัน จ่าวัตสันตบทรัพย์น้าแมรี่ รู้กันเพียงชั่วข้ามคืน ใครเหม็นก็ต้องออก ตำรวจเน่าจากหาดใหญ่ ไปสดใสที่ขอนแก่น อย่างนี้ไม่มีในอเมริกาครับ 6. ตำรวจอเมริกันไม่ต้องวิ่งเต้นโยกย้ายเหมือนตำรวจบาง ประเทศ ที่เสียสตางค์กันทีหนึ่งเป็นแสนๆ บาท เสียแล้วก็ต้องถอนทุนคืน สะสมกำไรเพื่อวิ่งเต้นไปลงโรงพักเกรดดียิ่งๆ ขึ้น ประมูลตำแหน่งกันยังกะประมูลรถยนต์ นายเวรผู้บัญชาการต้องทำกราฟ ทำตารางแจกแจงรายได้ รายจ่าย พร้อมราคาของแต่ละตำแหน่งไว้เสร็จสรรพ ส่งรายเดือนยังไม่พอ ตำรวจระดับนายร้อยขึ้นไปต้องชกป้องกันตำแหน่งทุก 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปีอีกด้วย ไฟต์ไหนชกพลาด เตรียมเก็บข้าวเก็บของไปอยู่ สภ.อ. หลังเขาได้ 7. ที่อเมริกาเงินเดือนของตำรวจเมืองไหน ก็เอามาจากภาษีของประชาชนที่อยู่ในเมืองนั้นไปจ่าย ตำรวจจึงรู้สึกว่าจะต้องทำงานให้คุ้มค่าจ้าง ต้องรับผิดชอบต่อคนทั้งเมือง ประเทศที่ใช้เงินเดือนมาจากงบกลางอย่างบ้านเรา ความรู้สึกของผู้คนก็จะเฉยๆ ไม่มีส่วนร่วมในการควบคุมกิจการตำรวจ คุณเคยเห็นรถราชการเก่าๆจอดเฉยๆอยู่ตามโรงพักไหมครับ ไม่ยอมส่งคืนหลวงเพื่อแลกรถใหม่มาใช้...รถใหม่ไม่เอา...เรา (ระดับสารวัตรขึ้นไป) รักรถเก่าที่วิ่งไม่ได้...เพราะรถเก่าไม่ต้องใช้น้ำมัน ถ้ายังมีรถหลวงก็ยังต้องส่งน้ำมันมาให้ เราก็จะได้เอาไว้เติมรถส่วนตัวของเรา... เครดิต http://www.sobsuan.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&p=111729
ถ้าเอาระบบของสรอ.มาใช้ทั้งหมดรับรองว่าเละแน่ครับ เพราะถ้ามาเฟียเข้าสู่การเมือง การเมืองก็จะข้าแทรกแซงตำรวจ ผมเห็นด้วยกับข้อ 2 กับข้อ 5 ครับ สองข้อนี้จะทำให้ตำรวจมีคุณภาพดีขึ้นแบบเน้นๆ
ควรลดขนาดลง ขึ้นตรงภูมิภาค จังหวัดนั้นๆ ไม่มีการโยกย้ายเรียกข้ามเขต ส่วนกลางกำหนดเฉพาะนโยบาย ยุบรร. สอน ให้เหลือเฉพาะการฝึกกลยุทธวิธี ให้มุ่งเน้นการช่วยเหลือมวลชน
ปฎิรูปไปทำไมครับ ปล่อยให้เน่าอย่างนั้นแหละ ตั้งหน่วยงานมาคู่ขนานกรมตำรวจ รับงาน บรรเทาทุก คดีความ จราจร ฯลฯ จากตำรวจมาทำ ส่วนงานสีเทาให้ตำรวจดูแลไปดีแล้ว เดี๋ยวจะอดตาย ปล.กลัวลุงๆบางคงแถวนี้ไม่มีอ่างไว้ลง-^^
นกม ท้องถิ่น ชาวบ้านเลือกมาเองนี่ครับ ถ้าไม่รู้จักคิดเลือกมาเฟียอันธพาลมาปกครองก็รับกรรมเอง ดีซะอีกจะได้หัดเลือกคนที่สมควรมาทำงานให้ส่วนรวม อย่าไปผูกติดกับตระกูลการเมืองไม่กี่ตระกูล เรามาถึงทุกวันนี้ได้เพราะพวกมันทั้งนั้น
การปฏิรูป ตร. ของ เยอรมัน น่าเอามาดัดแปลงใช้ได้ ของสวีเดน ก้อดี สก้อตแลนด์ ก้อน่าใช้ คือหลักๆ เน้นดูแลทุกข์สุขประชาชนเป็นหลัก ไม่เน้นหารายได้ สวัสดิการมีให้พร้อม+เงินเดือนมีระดับเหมาะสม และมี ตร. อาสาฯ ที่เอาเวลานอกราชการมาช่วยชุมชน
ดีเลยครับ ให้ท้องถิ่นเป็นคนเลือกว่าจะจ้างตำรวจ หรือจ้างหน่วยอื่นทำงานแทนตำรวจ แต่ใช้ภาษีของท้องถิ่นจ้างเอง ประชาชนในท้องถิ่นจะได้รู้สึกว่าต้องใช้งานให้คุ้มค่า แต่ต้องกระจายทรัพยากรให้ท้องถิ่นดูแลตนเองได้
จริง เขาเลือกพวกมีอิทธิพลเพราะดึงเงินจากส่วนกลางมาให้ได้เยอะ ลองให้จัดสรรทรัพยากรในท้องถิ่นเองสิ จะแย่ ประชาชนควรเรียนรู้ในการเลือกได้แล้ว ไม่ใช่เลือกหัวหน้าโจรไปปล้นภาษีประเทศมาแจก
ขออนุญาต นำการ์ตูนเก่าในอดีต มาแป่ะแบ่งปันกันชมครับ... ````````````````````````````````````````````````````` จับกระต่ายที่ปล่อยไปในป่าได้ด้วยเวลาไม่ถึง 5 นาที… ````````````````````````````````````````````````````` เดี๋ยวนี้ เขามีการพัฒนาไปมาก คงไม่มีแบบนี้แล้ว...
ปฏิเสธไม่ได้ ว่านักการเมือง ไล่ลงมาถึงท้องถิ่น ก็อาจไม่ได้มาด้วยวิธีการที่สะอาด สมมุติ จังหวัด A มีนักการเมืองเจ้าประจำ ที่มีอิทธิพลใหญ่โตคับจังหวัด ผมเชื่อว่า นักการเมืองคนนั้น สามารถเลือกผู้ว่าได้ โดยอิทธิพล ถ้าตำรวจต้องขึ้นตรงกับผู้ว่า ที่ขึ้นตรงกับนักการเมืองอย่างเดียว โอกาสที่จังหวัดนั้นจะได้ลืมหูลืมตาแทบเป็นไปไม่ได้
ปชช.จังหวัดนั้นก็จะมองเห็นเปรียบเทียบกับจังหวัดอื่นได้ชัดขึ้น ว่าจังหวัดเราแย่กว่าเขาเพราะอะไร แล้วก็จะได้หัดตรวจสอบควบคุมนักการเมืองของตัวครับ ถ้าเจ็บก็เจ็บทีละอวัยวะแล้วรู้ตัวแก้ไขส่วนนั้น โดยไม่ต้องรอให้พังตามกันไปทั้งประเทศกว่าจะรู้สึกตัวแบบที่พรรคเผาเขาทำไว้ (หวังว่างั้นนะ)
ผมเคยพูดไว้นานแล้ว ว่าอยากให้แบ่งการปกครองบางด้านไว้เป็นส่วนภูมิภาค แต่อยากให้แบ่งเป็นพื้นที่ เช่น ภาค หรือกลุ่มจังหวัด เพื่อที่จะได้สเกลใหญ่ขึ้นมามากหน่อย มีส่วนกลางอ้างอิง แต่ภาษี เงื่อนไข หรือแม้แต่กฏหมายบางข้อ ก็อาจทำตามส่วนนั้นๆ จะมีประเด็น คิดว่า คงคล้ายๆ กับรัฐของอเมริการึปล่าว ไม่แน่ใจ อย่างน้อย การปล่อยให้ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่รัฐทำปู้ยี่ปู้ยำอะไรไป คนในกลุ่มนั้น ก็ต้องฉุกคิดนิดนึงว่า มันเป็เงินภาษีของพวกเขาจริงๆ ไม่ใช่เงินของคนทั้งประเทศ
แล้วโมเดลประเทศจีน รัสเซีย พอเอามาใช้ได้ม่ะ รัสเซียน่าสนใจว่ารัฐบาลกลางเค้าคุมพวกมาเฟียอยู่หมัดได้อย่างไร? แต่ไม่ร้ว่าตำรวจรัสเซียดีหรือห่วยยังไง? แต่เดาว่าน่าจะดีกว่าไทยนะ ส่วนจีนไม่รู้แต่น่าจะดีกว่าไทยเช่นกัน ที่คิดงี้คือ ไหนๆก็เอาโปลิตบูโร มาใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญใหม่แล้ว ซึ่งแนวคิดนี้อแดปมาจากจีนเห็นๆ นโยบายเศรฐกิจของเค้าหลายๆอย่างของเค้าก็น่าจะเอามาแดป กับสังคมไทยได้ดี เลยคิดว่าแล้วเรื่องตำรวจพอมีไรมาแดปเข้ากับไทยบ้างได้ป่าว?
หม่าต้าจีนแน่นอนกว่า เน้นการดูแลประชาชนจิงจังและเด็ดขาด จี้หญิงเป็นตัวประกันบนรถเมล์ sniper ยิงหัวคนร้าย ช่วยตัวประกัน! จี้ตัวประกัน ตำรวจหญิงจีน ยิงดับ
งั้นให้จังหวัดอื่นที่เขาเลือกดีแล้ว ได้ลืมหูลืมตาก่อน จะได้เป็นตัวอย่างจังหวัดที่เลือกผู้มีอิทธิพลไม่ลืมหูลืมตา
ให้ตำรวจอยู่สังกัดท้องถิ่น จะให้นักการเมืองท้องถิ่นมีกองกำลังติดอาวุธเป็นของตัวเองหรือไงล่ะครับ คราวนี้นักการเมืองท้องถิ่นมีแก้วครบสามประการเลย คนอื่นมาเลือกตั้งแข่งก็โดนกลั่นแกล้ง หัวคะแนนก็โดนเก็บง่ายขึ้นอีก
อยากได้สำนักงานสอบสวนกลางคล้ายๆ FBI แต่เป็นองค์กรอิสระ แล้วย้ายบุคคลกรจากบก.ตำรวจสอบสวนกลาง ยกเว้นบก.ตำรวจทางหลวง รถไฟ ท่องเที่ยว ย้ายตำรวจจากบก. ปส. ตั้งหน่วยงานใหม่แยกกันเป็นเหมือน DEA และตั้งหน่วยงานเหมือน ATF มาควบคุมอาวุธผิดกฎหมายด้วย เป็นองค์กรอิสระทั้งหมด ฉะนั้นจะได้ 3 หน่วยงานใหม่ดังนี้ 1. สำนักงานสอบสวนกลาง 2. สำนักงานปราบปรามและควบคุมอาวุธ 3. สำนักงานปราบปรามยาเสพย์ติด บุคคลกรจะใช้พลเรือนที่จบการศึกษาในชั้นปริญญาตรีในสาขาที่หน่วยต้องการ คัดเลือกแล้วเข้ารับการฝึก จบมาไม่มียศ ไม่ใช่ตำรวจ แค่นี้ฮะ สตช. ไม่ต้องปฎิรูปก็ได้ ปล่อยไว้ตามยะถากรรม ส่วน DSI ก็ยุบทิ้งไป
ผมว่าที่ DSI เจ๊งบ๊งก็เพราะใช้การโอนย้ายซะเยอะนี่แหละ ก็"คัดมาแล้ว"อ้ะ แถมยังเป็นการรวมหลากวัฒนธรรมเข้าไปอีก รับเลือดใหม่ทั้งหมดน่าจะดีครับ
ถ้าไม่ได้รับเลือกตั้งก็ไม่มีอิทธิพลไปเองไงหละครับ ถึงไม่มีตำรวจเป็นแบ็ค ถ้าได้รับเลือกตั้งทุกสมัยมันก็มีอิทธิพลอยู่ดี
อ่อ... เลือกตั้ง คือทุกสิ่งทุกอย่างสินะครับ การจะแค่ไม่ได้รับเลือกตั้ง จึงหมายความถึงการไม่มีอิทธิพล ไม่ใช่เพราะมันมีอิทธิพล มันถึงชนะการเลือกตั้งหรอกหรือ ไม่ใช่เพราะมีอิทธิพล มันถึงชนะเลือกตั้ง โดยมีหัวคะแนน ข้าราชการท้องถิน เป็นพวกหรอกหรือ คราวนี้ ก็รวมตำรวจเข้าไปใต้อาญัติด้วยเลย สักพัก คงมีทหารประจำจังหวัด
น่าสงสารคนในจังหวัดนี้จัง ไม่รู้จักเลือกคนที่ไม่ใช่พรรคพวกของผู้มีอิทธิพลคนนี้เข้าไป เลือกไปแล้วก็ต้องรับผลกันไปนะครับ
การทีตำรวจขึ้นตรงกับจังหวัด และไม่กลายเป็นกองกำลังจังหวัดมันก็มีวิธีแก้อยู่ไม่ใช่หรือครับ ในต่างประเทศที่เค้ากระจายอำนาจ รัฐบาลกลางก็มีหน่วยตำรวจของรัฐบาลกลาง ซึ่งจะเข้าแทรกแซง การทำงานของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้ ดังนั้น ผู้มีอิทธิพลแม้จะคุมตำรวจในพื้นที่ได้ แต่อาจโดนตำรวจ จากส่วนกลางจับเข้าซังเตได้อยู่ดี ดีไม่ดีพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามนีแหละ เป็นฝ่ายส่งข้อมูล และ ผลักดันตำรวจจากส่วนกลางให้เข้าช่วยคดีที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทำไม่ได้ แต่ตำรวจส่วนกลางต้องไม่เน่าหนอนซะเองนะ อำนาจทางการทหารทั้งหมดยังอยู่ที่ส่วนกลางเหมือนเดิม ระดมพลจากทั่วประเทศได้อีกต่างหาก ตำรวจประจำจังหวัดมีรึจะเทียบเทียม อีกอย่างหากกีฬาสีสงบลงได้ ประเทศไทยแทบไม่ต้องกังวลเรื่อง การแบ่งแยกดินแดนเลยครับ เพราะเราไม่ได้มีความแตกต่างด้านศาสนา ชาติพันธุ์เท่าไหร่ จะน่าห่วงก็มีแค่ 3 ชายแดนภาคใต้นี่ล่ะ
ใช่ครับ เลือกแล้ว ต้องรับผลกันไปครับ นึกย้อนไปในสเกลใหญ่ ตั้งแต่วันที่ประเทศไทยโดนน้ำท่วมใหญ่ เพราะการบริหารจัดการน้ำอันยอดเยี่ยมของนายกผู้ใช้เวลาเพียง 49 วัน สามารถผันน้ำที่ควรจะท่วมฝั่งตะวันออก และผู้คนทางฝั่งตะวันออกได้เตรียมรับมือกันไว้ ให้ไปท่วมฝั่งตะวันตกได้ มันสุดยอดจริงๆ นึกถึงคนที่ไม่ได้เลือกพรรคอีโง่สิครับ แต่ต้องมาซวยไปด้วย ซวยไม่ต่างกับคนที่เลือกผู้หญิงโง่ๆ คนนึงขึ้นมาเป็นนายก เพียงเพราะอีหน้าโง่คนนั้นมันมีนามสกุล ชินวัตร สงสารพวกนั้นเนอะ
อย่าลืมครับว่ารัสเซียตอนนี้เป็นระบอบปูติน ในอดีตแก๊งพวกนี้หลายคนคือ KGB เก่าทีีแยกตัวออกมาทำธุรกิจสีเทาหลังจากที่ KGB แตก ปัจจุบันบางส่วนเป็นแขนขาให้ภาครัฐทำงานนอกเครื่องแบบเรื่องสีเทา โดยแลกกับการที่ภาครัฐให้การคุ้มครองจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้งดเว้นการจับกุมในบางครั้ง
คนหลังข่าว (20/07/59)(เย็น) : การปฏิรูปโครงสร้างตำรวจ ข่าว 7 สี - สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินหน้าปฏิรูปองค์กร วางแผนระยะยาว 20 ปี ปรับปรุงคุณภาพการทำงานในทุกมิติ พลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในฐานะหัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อน และประสานงานการปฏิรูปองค์กรตำรวจ เปิดเผยว่า จากนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอกประวิทย์ วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธาน ก.ตร. ที่ต้องการให้ตำรวจมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน และเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี ทั้งด้านการรักษาความสงบเรียบร้อย, การป้องกันปราบปรามอาชญากรรม, การบริการประชาชน และการอำนวยความยุติธรรม พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงสั่งการให้ทุกหน่วย ปฏิรูปกระบวนการทำงานอย่างเต็มที่ โดยจัดทำเป็นแผนระยะเร่งด่วนถึงระยะยาว ในกรอบเวลา 1 ปี ถึง 20 ปี อาทิ การป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันการสอบสวนและบังคับใช้กฎหมาย, การกระจายอำนาจการปฏิบัติงาน, การใช้เทคโนโลยีช่วยเหลืองานด้านอำนวยความยุติธรรม และ การสร้างความมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ทั้งนี้ การขับเคลื่อนงานทุกด้านตามที่กำหนด จะต้องทำไปพร้อม ๆกัน ตามแนวทางขั้นตอนที่วางไว้ ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับว่า หากหัวหน้าหน่วยคนใด ไม่ดำเนินการตามแนวทางและกรอบระยะเวลา จะพิจารณาข้อบกพร่องและสรรหาผู้ที่มีความพร้อมเข้ามาทำหน้าที่แทน เนื่องจากรัฐบาลต้องการให้ดำเนินการเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน เดินหน้าปฏิรูปองค์กรตำรวจสามารถทำได้จริงหรือไม่? หลังตำรวจเจอเรื่องอื้อฉาวเพียบ พูดคุยกับ พลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
แค่บอกว่าจะทำ แต่ไม่มีรูปธรรมอะไรเลย ปฏิรูปที่ราชการถนัดคือ รวบอำนาจไว้ส่วนกลาง เพิ่มอำนาจให้องกร เพิ่มตำแหน่ง .... ผลเหมือนเดิม... อย่างนี้ไม่เรียกปฏิรูป
บอกตรๆว่า Fail นิดหน่อย ตำรวจคนพูดเหลืออายุราชการ 2 เดือนกว่าๆ เวลาแบบนี้น่าจะต้องเตรียมเก็บของ เตรียมอำลาตำแหน่ง ไม่ใช่ให้มาพูดเรื่องปฎิรูปตำรวจ ที่ต้องทำกันอีกยาวนานหลายปี ทำไม ผบ.ตร. ถึงไม่ให้คนรับผิดชอบโดยตรงออกมาพูดเอง แล้วแบบนี้มันจะสร้างความน่าเชื่อถือของการปฎิรูปตำรวจได้ยังไงครับ จะให้ออกมาเป็นหนังหนาไฟ ก็ไม่ใช่ เพราะเรื่องปฎิรูปตำรวจนี่ ทั้งคนนอก คนใน จะขั้วการเมืองฝ่ายไหน ก็แทบจะถือป้ายไฟเชียร์กันให้ทำกันอยู่แล้ว ต้องรอดูจากนี้หล่ะครับ ว่าพ้นสมัยจากตำรวจนายนี่แล้ว การปฎิรูปจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หรือแค่ออกมาลดกระแสด้านลบของตำรวจเท่านั้นเอง
ปฏิรูปองค์กร ตนเองเหรอ ยากนะ หลายสาย หลายเสัน หลายปม เอาไหนก่อน ทุบทิ้ง แล้วก่อใหม่ยังง่ายกว่า ถ้าจะอนุลักษณ์ ก้อเลือกบางสถูปเจดีย์ก้อพอ
คนหลังข่าว (21/07/59)(เย็น) : การปฏิรูปโครงสร้างตำรวจ (2) ข่าว 7 สี - รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยรายชื่อโรงพัก 514 แห่ง ที่จะต้องเร่งปฏิรูปงานสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี แก้ปัญหาการทำคดีล้าช้า พลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการปฏิรูปองค์กรตำรวจว่า ที่ประชุมได้กำหนดว่าจำเป็นต้องปฏิรูปงานด้านการสอบสวน และการบังคับใช้กฎหมายให้แล้วเสร็จเป็นกลุ่มแรก ภายใน 1 ปี มีทั้งสิ้น 514 โรงพัก เนื่องจากที่ผ่านมามักมีปัญหาเรื่องจำนวนคดีไม่สอดรับกับจำนวนพนักงานสอบสวน จนทำให้การทำคดีเกิดความล่าช้า หลายคดีมีความบกพร่องในสำนวนการสอบสวน โดยทั้งหมดจะต้องจัดชุดพนักงานสอบสวนแบบบูรณาการ และพื้นที่รับแจ้งความแบบเสร็จสิ้นในจุดเดียว เพื่อคอยให้บริการแก่ประชาชน โดยชุดพนักงานสอบสวนแบบบูรณาการ จะต้องมีพนักงานสอบสวนหัวหน้าทีม 1 นาย พนักงานสอบสวนประจำทีม 2 นาย ฝ่ายสืบสวน 2 นาย ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน 2 นาย รวมทั้งทีมสนับสนุนที่เป็นเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน นิติวิทยาศาสตร์ เสมียนคดี วัสดุอุปกรณ์ และยานพาหนะ เพื่อให้กระบวนการสอบสวนเป็นไปด้วยความยุติธรรม ส่วนสำหรับสถานีตำรวจที่เหลืออีก 982 แห่ง จะมีการปฏิรูปไปพร้อมกัน ภายใต้กรอบระยะเวลา 5 ปี โดยระหว่างนี้จะต้องมีการฝึกอบรมทั้งด้านความรู้ ด้านจริยธรรมและจรรยาบรรณ เพื่อให้พนักงานสอบสวนประพฤติตนได้อย่างเหมาะสมต่อไป สำนักงานตำรวจแห่งชาติเดินหน้าขับเคลื่อนปฏิรูปองค์กรตำรวจ 10 ประเด็น เริ่มก้าวแรกปฏิรูปเรื่องระบบงานสอบสวนและบังคับใช้กฎหมายในชั้นโรงพัก 514 โรงพักทั่วประเทศให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ซึ่งสิ่งแรกที่เริ่มขับเคลื่อนคือการจัดชุดพนักงานสอบสวนแบบบูรณาการเพื่ออำนวยความยุติธรรมประชาชน ข่าว 7 สี - สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังคงเดินหน้าปฎิรูประบบงานสอบสวนและบังคับใช้กฎหมาย โดยอยู่ระหว่างเร่งรัดงานพิสูจน์หลักฐาน ที่จะต้องไปประจำทุกสถานีตำรวจ ให้พร้อมช่วยงานสอบสวนทันกำหนด 1 ปี พลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานกรรมการขับเคลื่อนและประสานงานการปฏิรูปองค์กรตำรวจ เปิดเผยถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิรูประบบงานสอบสวน และการบังคับใช้กฎหมายของสถานีตำรวจ 514 แห่ง ซึ่งจะต้องแล้วเสร็จภายในเวลา 1 ปีว่า นอกจากงานสอบสวนที่ทุกสถานีตำรวจได้จัดทีมบูรณาการ รับแจ้งความและสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน จำนวน 3 ทีมเสร็จสิ้นแล้ว งานด้านตรวจสถานที่เกิดเหตุ และเก็บรวบรวมพยานหลักฐานก็อยู่ระหว่างดำเนินการให้สอดคล้องกัน ซึ่งสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจอยู่ระหว่างปรับเกลี่ยนักวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ ให้ไปประจำสถานีตำรวจทั้ง 514 แห่ง แห่งละ 1 ชุดก่อน ที่เหลืออีกแห่งละ 2 ชุดตรวจ อยู่ระหว่างการกำหนดตำแหน่งเพื่อสรรหาโดยด่วน เพื่อให้ได้ครบทั้ง 1,542 ชุด ซึ่งจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ส่วนอุปกรณ์ที่จะใช้ตรวจสถานที่เกิดเหตุ อาทิ เครื่องตรวจลายพิมพ์นิ้วมือแฝง เครื่องตรวจโลหะ เครื่องวัดระยะแสงเลเซอร์ อยู่ระหว่างเร่งรัดจัดหาให้แล้วเสร็จใน 1 ปีเช่นกัน ข่าว 7 สี - ศูนย์ชุดตรวจสถานที่เกิดเหตุ ตามแผนงานปฏิรูปองค์กรตำรวจ จัดตั้งขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่ สน.บางเขน เพื่อให้การเข้าตรวจสอบเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เป็นไปอย่างถูกต้องและรวดเร็ว ติดตามจากรายงาน พลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อน และประสานงานการปฏิรูปองค์กรตำรวจ เปิดศูนย์ชุดตรวจสถานที่เกิดเหตุ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ประจำ สน.บางเขน ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์แห่งแรกในประเทศไทย โดยศูนย์ดังกล่าวจะมีนักวิทยาศาสตร์และผู้ช่วย แบ่งเป็น 3 ชุด ชุดละ 2 นาย หมุนเวียนกันปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง และจะออกปฏิบัติงานพร้อมกับพนักงานสอบสวนทันทีที่มีเหตุเกิดขึ้น เพื่อความเร็วในการรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ป้องกันวัตถุพยานเสื่อมสภาพ, ถูกทำลาย หรือสูญหาย ตามแนวทางการปฏิรูปภายใน 1 ปี สถานีตำรวจจำนวน 514 แห่ง จะต้องมีชุดตรวจสถานที่เกิดเหตุอยู่ประจำสถานีตำรวจ โดยในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล จะมีประจำ 30 สถานี ส่วนอีกกว่า 400 ศูนย์ จะกระจายไปอยู่ตามสถานีตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 1-9 และศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนใต้ โดยจะคัดเลือกจากสถานีตำรวจที่มีปัญหาขาดแคลนเจ้าหน้าที่ในส่วนนี้เป็นอันดับแรก ซึ่งการเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่รวดเร็วและถูกต้อง จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องในคดี ว่าจะได้รับความยุติธรรมตามกระบวนการ
วันนี้เราจะไปดูสถานีตำรวจแห่งแรกของภาคตะวันออก ที่เริ่มนำร่องการปฏิรูปงานด้านการสอบสวน และตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุแบบบูรณาการ ไปติดตามจากรายงาน เป็นตัวอย่างการเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ หลังจากมีผู้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรีว่า มีผู้ที่เสียชีวิตภายในห้องพัก ซึ่งแม้ในกรณีนี้จะเป็นการเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว และครอบครัวผู้เสียชีวิตต่างก็ไม่ติดใจสงสัย แต่ด้วยระบบงานสอบสวนรูปแบบใหม่ จำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ เพื่อยืนยันปมเหตุการเสียชีวิต สำหรับสถานีตำรวจในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ที่อยู่ในเกณฑ์ต้องปฏิรูประบบงานด้านการสอบสวน มีทั้งหมด 65 แห่ง ในจำนวนนี้มีสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรีที่นำเจ้าหน้าที่ด้านนิติวิทยาศาสตร์ เข้ามาทำงานร่วมกับพนักงานสอบสวน ส่วนภาพรวมทั้ง 514 แห่งที่ต้องได้รับการปรับปรุง พบว่ามีความคืบหน้าไปมาก เชื่อว่าจะเสร็จสิ้นทันกำหนดใน 1 ปี ธนนันท์ วงศ์วศวัฒน์ ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน ข่าว 7 สี - ผ่านไปเพียง 3 เดือน การปฏิรูประบบงานสอบสวนแบบบูรณาการในระยะเร่งด่วน 514 โรงพัก ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นก่อนกำหนดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เตรียมประเมินผลจากประชาชนที่ไปใช้บริการ ไปติดตามจากรายงาน เป็นหนึ่งในการให้บริการ ของสถานีตำรวจที่ได้รับการปฏิรูประบบงานด้านการสอบสวน ที่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเดินทางไปตรวจเยี่ยมความพร้อมตั้งแต่การรับแจ้งความ ไปถึงงานนิติวิทยาศาสตร์ ที่ สน.ราษฎร์บูรณะ ซึ่งเป็นสถานีตำรวจแห่งสุดท้ายในพื้นที่นครบาล ที่มีชุดตรวจสถานที่เกิดเหตุประจำจุดตลอด 24 ชั่วโมง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ภาพรวมการปฏิรูประบบงานสอบสวนในระยะเร่งด่วน 514 โรงพัก ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 968 แห่ง เชื่อว่าจะเสร็จสิ้นทันกำหนดภายในสิ้นปีนี้ ไปพร้อมๆ กับการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานกว่า 1,500 นาย และจัดตั้งสถาบันบันนิติเวชประจำในแต่ละภาค เพื่อรองรับงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะมีการประเมินผลความพึงพอใจของผู้ไปใช้บริการ เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้การอำนวยความยุติธรรม เป็นไปด้วยความถูกต้องรวดเร็ว เป็นธรรม ไม่เกิดความเหลื่อมล้ำขึ้นอีกในอนาคต ธนนันท์ วงศ์วศวัฒน์ ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน
