หลายวันที่ผ่านมา แม่มะนาวคุยกับเพื่อนรักหน่อย ต่อติดช่วงเวลาที่หายไปในหลายสิบปี เราอยู่ต่างสถาบัน เวลาเจอกันสมัยนั้นไม่สะดวกง่ายดายเหมือนปัจจุบัน หลายเรื่องจึงถูกหยิบยก มาคุยกัน มุมมองหลายอย่างแลกเปลี่ยนกัน เพราะต่างกันด้วยอาชีพการงาน แต่ก็มีอีกหลายอย่าง ที่พบว่าเรายังเหมือนเดิม เรายังเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกันเสมอมา เวลาพรากสิ่งนี้ไปไม่ได้ ตอนเด็กเคยรำคาญเจ้านก โหย..จะผูกติดอะไรกะเรานักหนา เพราะตัวตนจริง ชอบอิสระ แต่พอมาถึง ตอนที่แม่มะนาวล้มขาเจ็บ ตอนไปเที่ยวเธอก็ยังคอยดูแลแม่มะนาวอีกแหละ ความซาบซึ้งใจเริ่มเพิ่มขึ้น ขอโทษนะเพื่อน ที่เคยรำคาญเวลานายนัวเนียเรา ตอนนี้ไม่เป็นไร เวลาพวกเราจะเหลือกันเท่าไรเชียว ไปทานข้าวกัน ก็ตามประสาแก่ นกกับแม่มะนาวเรียนคณะเดียวกัน เอก เดียวกัน แต่แม่มะนาวไปตีตะหนิด นกเป็นนักวิ่งสมัยอยู่โรงเรียนแล้ว เลยห่างกันไป ดีใจจังที่พวกเรากลับมาเจอ แม้กับอีกหลายคนอาจรักษาระยะห่างบ้าง บ้านดินเหนียวยังไม่ทอดทิ้ง ยังผูกพันเหมือนเดิม ห้องสดใสมากขึ้น เพราะใครๆช่วยกันเข้ามาเติม สีสรร แต่ก็นะ แม่มะนาวชอบบ่นโน่นนี่ เล่านั่นเล่านี่ ไปเรื่อย เลยรู้สึกเหมือนแก่มากเลยในบ้าน เลยมาปลูกบ้านพยับหมอกอีกสักหลัง ชื่อที่แม่มะนาวชอบมากมาย อย่างไม่มีเหตุผล
ภาพที่มองเห็น ความเหนือยล้า ที่คนทั้งหลายต่างมี บางคนหยุดพักแล้วลุกต่อไป บางคนพักนานหน่อย ใช้ชีวิตแบบ คนสมัยใหม่ที่เรียกว่า slow life แล้วเขาคนนี้ล่ะ พักนานไม่ได้ เชื่องช้าไม่ได้ เพราะนั่นหมายถึงชีวิต อาชีพมีหลากหลายมากมายให้เลือก แต่ทำไมเขาเหล่านี้ ต้องมาเลือกอาชีพที่เสี่ยงภัย พลาดไม่ได้ น่าเศร้ากับตาแก่ นิธิ ที่สำรอกคำพูด ออกมา "ทหารมีไว้ทำไม" ถามไปเพื่อให้เกิดเสียงวิพากษ์ วิจารณ์ จากคนที่เห็นต่างไป ตอกลิ่มเข้าไปเถิด อยากดูว่าท้ายสุด ของชีวิต จิตสุดท้ายจะไปไหน
"ทหารมีไว้ทำไม" ตามข่าวปักษ์ใต้อยู่โดยตลอด เห็นว่าสถานการณ์ดีขึ้นมาก เคสทำร้ายคนจากที่มีเจ็ด-แปดร้อยเคสในปื 2556-57 ลดเหลือ 100กว่าเคสในปี 2558 ด้วยการทำงานที่เรียกว่า "ประชารัฐ" กระจายไปทั่วสาม จว ชายแดน และทั่วประเทศ ในชายแดน ข้าถึงกลุ่มเป้าหมายพากลับบ้าน โดยอาศัยครอบครัวและให้ความเป็นธรรมทางคดี ฝึกอาชีพและหาอาชีพให้ ทำคล้ายๆตอนหลัง 6 ตุลา 19 ที่ให้ นศ กลับมาเรียนหนังสือ ทหารยุครัฐประหารนี่เอาจริง ป้องกันด้ามขวานหลุด ไม่ทำงานแบบนักการเมืองที่ผ่านๆมา บิ๊กตู่คงมองปัญหานี้มานาน เลยระดมสมอง ถ้าไม่จัดการตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำตอนไหนแล้ว
ป้ายที่เขียน ทำไมต้องใช้คำว่า "ขอให้ ." แทนที่จะบอกอย่างขึงขังว่า "เราจะปกป้องพระศาสนา" ถกกันกับคุณแฟน ที่ไม่ใช้ คำว่า "เราต้องการให้ศาสนาพุทธตั้งมั่น..." หรือ "เราจะปกป้องศาสนา" ก็คงเพราะที่นี่เป็นพื้นที่อ่อนไหว sensitive มีคนอิสลามปนอยู่เยอะ พวกเค้าคงแค่เพื่อน แต่เรื่องศาสนาน่าจะไม่มา "เรา" กับชาวพุทธด้วย การใช้คำคงจะคิดอย่างรอบคอบแล้วจึงชูเป็นคำขวัญ ต้องมีเหตุผลลึกๆไรซ่อนอยู่ ที่ทีมงานจะทำชุ่ยๆไม่ได้ "ขอ" คือ ขอพวกเขาด้วย ขอแบบสุภาพชนอ่อนน้อมเข้าหา ถ้าใช้คำว่า ต้อง --> ศาสนาพุทธต้องอยู่คู่ไทย..แบบนี้คงยิ่งทะเลาะแตกแยกกันไปใหญ่ ว่ามั้ย
ปักษ์ใต้ สาม จว คดีลอบฆ่าลดลง ปี 56 มี 800+ เคส ปี 57 ลดลง เหลือ 700+ ปึ 58 ลดเหลือ 100 กว่าเคส เพราะทหารทำนโยบายซึมลึก ลงพื้นที่พูดคุย และใช้ "ครอบครัว" เป็นสายใยนำตัวกลับบ้าน ให้ความเป็นธรรมทางคดี โดยผู้ผิดอาญา ศาลก็ตัดสินลงโทษ ตามเนื้อหาคดีหนัก-เบาอย่างเป็นธรรมที่สุด ส่วนผู้ไม่ผิดก็ปล่อยตัว และให้ศูนย์ดำรงธรรมประคองให้ดำเนินชีวิตตามวิถีเดิม มีการฝึกอาชีพ หาแหล่งเงินทุน แหล่งประกอบอาชีพ หรือประสานนายจ้างที่ให้โอกาสเป็นต้น มีจำนวนไม่น้อยที่เป็นเยาวชนซึ่งต้องมีนโยบายที่ละเอียดอ่อนมากๆ และทหารทำงานได้ผล ได้ใจผู้คน ขวัญกำลังใจในพื้นที่กลับมาเต็มๆ
ขอบคุณหนูอ้อยค่า ที่ช่วยเข้ามาเติมเต็ม คลิปนี้มีให้เห็นกันมานาน บางทีคนวัยสูงอายุ ก็ยังอยากสนุกเหมือนคนในวัยหนุ่มสาว บางทีเราก็อยากปลดปล่อย ความเป็นเด็กที่ซ่อนไว้ในตัวตนออกมา ความสุขที่แม้ไม่ยั่งยืน แต่ก็เติมเต็มชีวิตของเรา ให้ได้หัวเราะ ให้เรามีแรงที่จะเดินต่อไป แม้จุดหมายเราอาจจะอีกไม่ยาวไกล
หัวเราะขำเด็กๆกันมั่ง เกรียนติบัตร อิอิ อย่าเครียดไปเลยกับชีวิต ต้องถามหลงพี่่ว่า ร.ร.นี้ และ ผ.อ รวมทั้งนักเรียน มีจริงไหม 555+
สามีของคุณพยาบาล เล่าเรื่องราวของอาชีพภรรยา ที่ทำงานแบบสุดอดทนซึ่งคู่ชีวิตก็ต้องเสียสละไม่แพ้กัน ใครที่มี slow life อย่าบ่นมากนัก ดูอาชีพพวกนี้ไว้ละกัน หมอ ทหาร พยาบาล ตำรวจ เวรยาม ฯลฯ ว่าเรานั้นมีบุญมากขนาดไหน ..
บางครั้งบางที แม่มะนาวก็ต้องอาศัยคำเหล่านี้ เป็นเครื่องสอนใจ คำง่ายๆ แต่ให้ความหมายตรงใจ Let it go บางอย่างก็ต้องปล่อยวางไป ไม่มีสิ่งใดได้ดังใจเรา บางวันไม่สบายใจ ตอนนี้ต้องคอยถามตัวเองว่ายึดโยงอยู่กับอะไรหรือเปล่า ค่อยๆนั่งดู อันไหนปล่อยวางง่าย ก็วางไปก่อน ลดภาระในใจตัวเอง เหลือบางอย่างก็ค่อยพิจารณาไป มันเหมือนง่ายนะ หนักนักก็วางลง แต่บางที กิเลสที่สะสมไว้ในใจ เหมือนยางเหนียว ก็ดึงรั้งไว้ แหม...แม่มะนาวละเหนื่อยใจกะตัวเองจริงๆ แต่เมื่อได้เรียนรู้มา ก็ต้องพยายามทำ ให้ได้ เวลาของชีวิตไม่รอใคร คงต้องรีบทำให้ได้ LET IT GO ไม่ใช่ Let it be
ท่ายืดกล้ามเนื้อ หลังการออกกำลังกาย 44 ท่า กดดูเอาเอง เดี๋ยวนี้ต้องเก็บรายละเอียดพวกนี้ไว้บ้าง แต่ กวาดบ้านเนี่ย ออกกำลังกายด้วยป่าว ทุกวันนี้ต้องกวาดใบไม้กองโต ทั้งที่บ้านตัวเอง ไม่มีต้นไม้ แปลกเนอะ
slow life #ชีวิตดี๊ดี ..แบบว่าเป็นลูกจ้างต้องพร้อมเสมอนิ อิอิ >.. เครื่องมันเสีย เจ้านายสั่งให้มาช่วย ..<
เรื่องเล่าของตาหนู เอิ่ม.... "ตาหนู ที่เขาว่าบ้านี่มันเป็นยังไง" ข้าพเจ้าถาม "ไม่รู้หรอกท่าน มันบ้าเอง" ตาหนูว่า "แต่พออะไรที่มันเกิดกับเรา แล้วเราไม่รู้ตัว คนมันก็ว่าเราบ้า" ตาหนูหัวเราะ "คนเรามักเป็นอย่างนี้ มักเห็นความบ้าของคนอื่น แต่ลืมไปว่า นั่นล่ะอาการของคนบ้าชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่าบ้าจับผิด บ้าดูถูกจริตที่ต่างจากตน" ตาหนูหัวเราะขำๆ Cr : Phra Kittisak Kittisobhano
วิชาหนังสือสอนว่า 'หนังสือ' คือสิ่งจำเป็นของมนุษย์ นักสร้างสรรค์หนังสือ จึงต้องรู้จัก 'ความจำเป็น' ทั้งยามปกติและยามคับขัน เพื่อให้มนุษย์ได้อ่านหนังสือ และ เพื่อให้หนังสือคงอยู่อย่างเป็นหนังสือ คือ จำเป็น Cr: มกุฏ อรฤดี
บ้านสวยๆสักหลัง มีสนามไว้เดินเล่นหรือวิ่งเล่นไปกับหมา นั่งอ่านหนังสือใต้ต้นไม้ บ้านในฝันแม่มะนาว ไม่ต้องสวยหยาดขนาดนี้ แต่ขอบรรยากาศแบบนี้ได้ไหม
เข้าไปบ้านดินเหนียว แล้วใจหายจัง เมื่อน้องแสงธูปต้องจากไปแม้จะชั่วคราว คงไม่ได้ฟังเรื่องตลกมั่ง เศร้ามั่ง อีกหรือ จะมีอะไรแย่กว่านี้ไม่อีกหนอ คิดถึงเสมอ และตลอดเวลา เงยหน้ามองท้องฟ้า แล้วคิดถึงกัน เพราะเรายังอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน น้องรักของพี่มะนาว Album : Mediza Label : Sony Music เพลงนี้สำหรับคุณแสงธูป ที่จำได้ว่าคุณหัวเราะขำกับเอ็มวี เพลงนี้มากมาย เราทุกคนมักจะมีเพลงสำหรับกันเสมอ คนนึงก็เพลงนึง
เรื่องเล่าของตาหนู "เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา" ข้าพเจ้าว่า "ผมไม่เชื่อ" ตาหนูส่ายหน้า ถ้าท่านเห็นจริงอย่างถึงที่สุดในความเป็นธรรมดา ท่านจะต้องปลงธรรมสังเวช ท่านต้องวางสุข ละทุกข์" ตาหนูกล่าวเรียบๆ "ชาวพุทธบ้านเราก็อย่างนี้ มีคำพูดไพเราะไว้อวดกัน อวดว่าตนรู้ธรรมะ" ตาหนูส่ายหัวอย่างระอา "ไม่มีใครสอนใครแนะนำใครได้ดอก..." คนบ้าประจำป่าช้าหัวเราะขื่นๆ Cr : Phra Kittisak Kittisobhano
“ผู้บังคับกองร้อย ทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณนักรบผู้กล้า” ลูกเหยี่ยวทะเล”กลับสู่มาตุภูมิ” วินาทีสุดซึ้ง!! พิธีเชิญดวงวิญญาณเพื่อนกลับมาตุภูมิ เพื่อนย่อมไม่ทิ้งกัน เพื่อนกันจนวันตาย!! เพื่อนจนแม้หมดลมหายใจสุดท้าย!! เหล่าชายชาติทหารเปรียบเสมือนแขน ขา เท้า และสายตา ที่คอยทำภาระกิจรั้วของชาติ คอยปกป้อง ช่วยเหลือ ยามเราทุกข์ ภาพที่เห็นบอกได้เลยว่าซึ้งใจมากๆ เพราะทหารเหล่านี้ต่างต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา เคยกินข้าวหม้อเดียวกันมา ถึงแม้วันนี้ เพื่อนเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาต้องมาจากไป แต่นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่เค้าเหล่านี้ทำให้กับเพื่อนที่เคยร่วมรบกันมา คือการเชิญดวงวิญญาณของเพื่อนที่เสียชีวิตกลับบ้าน http://kanomjeeb.com/news-details.php?item=4596
ช่วงเวลาที่ผ่านมา การฟื้นความสัมพันธ์กับเพื่อนๆที่ห่างหาย น่าจะไม่ใช่สิ่งดีสำหรับแม่มะนาว หลายอย่างเปลี่ยน ไม่ว่าเขา หรือเรา จากเด็กน้อย ก็เติบใหญ่ แยกกันไปใช้ชีวิต การกลับมาพบกันอีก เลยกลายเป็นการยากสำหรับแม่มะนาวไปเสียแล้ว ภาพโรงเรียนที่ไม่มีเค้าเดิมแม้แต่น้อย ทำให้เราหดหู่พอควร หน่อยบอกทีหลังว่า เราถึงไม่ไปไง เพราะเคยไปประชุมที่นั่นหลายครั้งแล้ว ไม่เป็นไรน่ายังโลกสวย ได้กลับมาติดต่อกับเพื่อนเก่าที่เคยเดิน วิ่งในสนาม เดินกอดคอคุยกันแต่ครั้งนั้น เกิดความคิดไปเที่ยวกันดีกว่า เพราะสมัยแม่มะนาว การไปเที่ยวกับเพื่อน เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ที่แม่มะนาวพบ กลับยากกว่าที่คิด การกลับมาเจอกันในกลุ่มใหญ่ หลายคนน่ารักเหมือนเดิม บางคนก็ยังทำตัวเหมือนเดิม ลืมไปว่า บัดนี้เราต่างเติบโต ผ่านชีวิต ผ่านการทำงาน มันก็คงเหมือนกันแหละในสังคมไหน แม้ในปัจจุบัน ที่ในกลุ่มเรา ก็ยังมีพวกเราอีก ที่สนิทสนม กันมากกว่าคนอื่นในกลุ่ม อึดอัดกับการที่ต้องมาเจอคนที่เคยสั่งเพื่อนตลอดเวลา เวลานั้นเรายังเด็ก ไม่คิดไรมาก แต่พอตอนนี้ บางคนอาจลืมไปว่า ประสบการณ์ชีวิตสอนเราไม่เหมือนกัน ตามแต่อาชีพ สังคมส่วนตัว จิปาถะ บางคนยังติดอยู่ในวังวนที่ว่า ชั้นเรียนเก่งกว่า ชั้นต้องรู้มากกว่าเธอ ใบปริญญานั่นวางไว้ก่อนเหอะ มันวัดกันแล้วด้วยภูมิปัญญา ทักษะการเรียนรู้ การแก้ปัญหาที่เข้ามาแต่ละวันให้ผ่าน จากการเที่ยวที่ควรสนุก เลยกลับเป็นจบไม่สวย เพราะการวางแผนที่เปลี่ยนตลอดเวลาของอารมณ์ผู้จัดงานใหญ่ ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ไปเที่ยวแล้วนับวันรอกลับบ้าน แม่มะนาวกับเพื่อนสนิท มองหน้ากันเงียบๆ เราอาจรู้สึก กันไปแค่สองคน เพราะเราใช้ชีวิตในสังคมแบบเดียวกัน ค่ายทหาร ไม่ใช่เป๊ะด้วยวินัย แต่ด้วยคำว่าเพื่อนฝูง สนิทสนมกัน เหมือนครอบครัวใหญ่อีกครอบครัว เราสองคนปลอบใจกันเองวาเอาเหอะทนไปหน่อย เพราะสงสารเจ้าบ้านที่แสนดีเสียเหลือเกิน น่ารักมาตลอด ตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนด้วยกัน ขากลับกลับด้วยกันเพราะมีลูกน้องสามีหน่อยมารับ แล้วเราสองคนก็คอยหนีการไปทานข้าว เหตุผลหน่อยน่ะพอฟังดี คือลูกศิษย์มาเยี่ยม แม่มะนาวนี่แย่มากเลยแหละ ต้องอยู่บ้านดูหมา 555 แล้วก็มีเสียงลอยตามลมว่า เหตุผลไม่ make sense แต่เฮอะ เราไม่ฟังหรอก ลอยมา แล้วก็ให้มันลอยไป รอดตัวไปรอบนึง ไม่พ้นจนได้ เมื่อเจ้าของบ้านที่เชียงใหม่ลงมา กทม. เพื่อตรวจโรคภูมิแพ้ ทุก 3 เดือน มีคนเสนอร้านอาหารเวียดนาม อะฮ้า แม่มะนาวเสร็จเลย ผักพอทานได้ หน่อยบอกเมนูมา เอาวะกินขนมเบื้องญวนอย่างเดียวก็ได้ วันนี้ได้เจ้านก มาร่วมเป็นคณะปฏิวัติอีกคน เธอบอกเลยว่าอาหารยังไม่ต้องสั่ง รอให้ทุกคนมาพร้อมก่อน แต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน อิอิ กระซิบบอกมันก่อนแล้ว ว่าแพ้หมูยอ แต่ใครจะทาน ตามสบายนะ ท้ายสุดไปนั่งต่อร้านกาแฟ แม่มะนาวจอมเรื่องมาก สั่งเยลลี่กะไอติม นั่งชิมอร่อยไป จบขบวนการแยกย้ายกลับบ้าน เจอทางด่วย ขึ้นโลด คืนนั้น ประมาณเวลานี่มั๊งแต่นอนไปแล้ว ปวดท้องมากมาย แหมว่าจะนอนดูการเกิดดับของทุกข์แห่งการปวดท้อง ไม่ไหว ลุกมาซดยาธาตุไปสองอึกใหญ่ๆ ร้อนท้องดี นอนอีกพัก ไม่ไหวแล้ว มานั่งกระซิบกับโถ อาเจียรจนหมดไส้ หมดพุง หมูยอแน่นอน แต่ไปดินตอนไหน สงสัยปอเปี๊ยสดแน่เลย ทานไปห่อนึง หรือจะเป็นขาหมูยัดไส้ ทานไป 3 ชิ้น ตื่นมาระบมท้องไปหมด แถมหมดแรง โทรบอกหน่อยกะนก นกว่าสงสัยผักไม่สะอาด บอกไปว่าถ้าเป็นผัก เธอสองคนต้องเป็นมากกว่าชั้น เพราะเล่นฟาดกันเป็นตะกร้า ชั้นนั่งเล็มใบสะระแหน่ เพราะชอบ แล้วที่อาหารออกมา ออกทางปากบนว่ะ อีก 3 เดือนข้่งหน้า ตูจะเจออะไรอีกเนีย มีเวลาคิดอีกนาน นั่งเขียนเก็บไว้เป็นเรื่องกล่าวขาน เพราะเราสามคน คงบ่นเรื่องนี้ไปอีกนานแค่ไหนไม่รู้
เรื่องเล่าของตาหนู บ่ายวันหนึ่ง... ตาหนูได้แสดงการตีลังกาม้วนหน้าม้วนหลัง และท่าทีอาการแปลกๆ หลายอย่างให้ดู แล้วบอกข้าพเจ้าว่า "เห็นไหม ว่ามันไม่ถนัด ไม่สะดวก" "การเดินยืนนั่งนอนของมนุษย์ มันพัฒนามามากแล้ว เพื่อจะอยู่แบบสบายๆ" จากนั้นตาหนูก็บอกข้าพเจ้าว่า "มนุษย์พัฒนาวิวัฒนาการมาเป็นเช่นนี้ ไม่ได้ต้องการให้วิเศษหรือลำบากไปกว่านี้ จึงควรใช้ความสามารถที่มี มาอยู่ร่วมกัน อย่างไม่เป็นทุกข์..." "ทำไม่ต้องใช้แขนขามือตีน มาสร้างความทุกข์ให้แก่กัน มาทำร้ายกัน ผมไม่เข้าใจ...." ชายชราวิกลจริตกล่าว Cr : Phra Kittisak Kittisobhano
เห็นรูปน่ารักดีเลยเอามาฝากบ้านพยับหมอก ขอบคุณนางแบบวัยใสที่น่ารักมากๆทุกท่าน... Time changes, memories don't
เรื่องเล่าของตาหนู "ตาหนู ทำไมโลกมันวุ่นวายนัก" ข้าพเจ้าถาม "โลกวุ่นวายหรือคนวุ่นวาย" ตาหนูถามบ้าง "ไอ้ที่มันวุ่นๆ กันน่ะ มันเป็นฝ่ายทำให้หายวุ่น หรือฝ่ายทำให้วุ่น" ตาหนูส่ายหน้าเอือมระอา "ผมเบื่อนะ ที่เห็นตูดพยายามจะพูด และปากพยายามจะตด..." ตาหนูว่า แล้วตีมือข้าพเจ้า ที่เผลอจะหยิบยาเส้นกับใบจากมามวน Cr : Phra Kittisak Kittisobhano
เมตตาธรรม..ค้ำจุนโลก.. พระช่วยกันสรงน้ำให้พระอาจารย์ที่ป่วยอาพาธ..ขอให้พระคุณเจ้าทุกรูปที่ปฏิบัติดีเจริญในธรรมครับ..สาธุๆๆ — เมตตาธรรม..ค้ำจุนโลก.. นาทีชีวิต..ความปลอดภัยของประชาชนต้องมาก่อน..ทหารกล้าผู้เสียสละ ..กี่ชีวิตแล้วที่พวกเขายอมสละเพื่อพวกเรา..ขอให้พระคุ้มครองทหารกล้าทุกคนให้ปลอดภัยครับ — #สมชาย หวานหอม
เรื่องเล่าของตาหนู "ตาหนู กลับมาบวชอีกครั้งไหม?" ข้าพเจ้าถาม "ผมเป็นคนบ้า บวชไม่ได้" ตาหนูตอบเรียบๆ "คนที่รู้ว่าตัวเองบ้าน่ะไม่ได้บ้าหรอก" ข้าพเจ้าแย้ง "งั้นคนดี ที่รู้ว่าตัวเองดี มันดีจริงๆ หรือเปล่า?" ตาหนูย้อน Cr : Phra Kittisak Kittisobhano
แรงบันดาลใจในการรังสรรค์งานศิลป์ ...... การเขียนกระทู้ของคุณแม่มะนาวก็เป็นหนทางหนึ่งในการสร้างโลกใหม่ในหัวใจ ควันหลงออสการ์ยังไม่หมดสิ้นไป วันนี้ขอเอาท่อนเด็ดของผู้กำกับ Pete Docter ที่พูดตอนขึ้นรับรางวัลบนเวทีออสการ์สาขาภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม จากเรื่อง Inside Out มาสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนกัน . “Anyone out there who’s in junior high, high school, working it out, suffering. There are days you’re gonna feel sad, angry and scared, that’s nothing you can choose. But you can make stuff, make films, draw, write. It will make a world of difference.” -- Pete Docter
ขอบคุณหนูอ้อยจากใจ ที่เข้าใจ ไม่ได้เขียนเพราะอยากเป็นนักเขียน เพียงแค่สนุกที่จะเขียน อยากเล่าเรื่อง ที่เดินเจอ นั่งเจอ อ่านเจอ จากหนัง ดูคนที่เดินเข้าๆออกๆ ในชีวิต มาเล่าในแบบของแม่มะนาว บางเรื่องอาจเจอใหม่ หมาด บางเรื่องเป็นเรื่อง ที่ประทับอยู่ในความทรงจำ สนุกบ้าง ไม่สนุกบ้าง แล้วแต่ประสบการณ์ชีวิตของคนอ่าน ติดอ่านหนังสือมาแต่เด็ก ไม่มีวันไหนที่จะไม่อ่าน นิยาย(ที่ย่าห้าม) สารคดีทหาร ของอาๆ สนุกมากขอบอก เล่าเรื่องสงคราม การรบ ที่เราจะไม่ได้อ่านจากทั่วไป สงคราม 7 วันของยิว แต่หนังสือดังๆบางเล่มกลับไม่เคยอ่าน หนังไม่เคยดู ดร.ชิวาโก ก็อดฟาเธอร์ ที่ไม่อ่านเพราะ มันเกินจินตนาการของตัวเอง ที่จะตามไปกับตัวละคร ว่างๆคงได้เขียนอีก เพียงช่วงนี้ตามข่าวการเมืองที่กำลังระอุ นั่งอ่านไลน์เพื่อนพวกคนชราสาธุ ที่อาจสำลักควันจากธูป 19 ดอก ตายเสียก่อน ก็โธ่ บางที จุดเอง 9 ดอก ปักไว้หน้าบ้าน กลิ่นยังโชยซะไม่มี แต่ก็นะความชอบ ความเชื่อ ของแต่ละคน จะไปว่ากันได้อย่างไร มิตรสหายที่น่ารักของแม่มะนาวกล่าวไว้ ชอบมากเลย 5555