คิดถึงในหลวงอีกแล้ว .... พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ต่างก็ทรงงานและทรงมีชีวิตเรียบง่ายตามรอยพระบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งนั้น ทรงพระเจริญ ..
“ทูลกระหม่อมอาจารย์” กระทรวงกลาโหมได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2558 ให้นายทหารชั้นนายพล ซึ่งรับราชการมาครบกำหนดเกษียณอายุราชการ และหนึ่งในข้าราชการที่เกษียณในปีนี้คือ พลเอกหญิงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในรายชื่อเกษียณอายุจากราชการลำดับที่ 157 โดยทรงมีฐานะล่าสุดเป็น "ผู้บัญชาการพิเศษ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า" และองค์อำนวยการกองวิชาประวัติศาสตร์ โรงเรียนายร้อนพระจุลจอมเกล้าฯ เมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เจริญพระชันษาเข้าสู่ "วัยทำงาน" ทรงตัดสินพระทัยเข้ารับราชการเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ในตำแหน่ง ร้อยตรีหญิงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และทรงใช้วิชาความรู้ด้านประวัติศาสตร์ที่ทรงร่ำเรียนมา ประสิทธิ์ประสาทความรู้แก่นักเรียนนายร้อยทุกนายอย่างเต็มกำลังพระราชหฤทัย ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2523 เป็นเวลากว่า 35 ปี โดย “ทูลกระหม่อมอาจารย์” ของเหล่าลูกศิษย์นายร้อยทรงเป็น “อาจารย์” ตัวอย่างที่ดีเสมือนเป็นเรือจ้างส่งลูกศิษย์นายร้อย จปร.ทุกนายถึงฝั่งอย่าสง่างาม นับตั้งแต่ศิษย์รุ่นแรกคือ นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 18 ซึ่งปัจจุบันคือ พล.ท. เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ว่าที่แม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งเข้าดำรงตำแหน่งแม่ทัพในวันที่ 1 ต.ค. 2558 “ผู้พันเบิร์ด”-พ.ท.วันชนะ สวัสดี เป็นอดีตลูกศิษย์ของทูลกระหม่อมอาจารย์รุ่นที่ 17 ยังคงจดจำภาพอันสง่างามของทูลกระหม่อมอาจารย์ ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อนักเรียนนายร้อย และโรงเรียนนายร้อยได้อย่างไม่มีวันลืม พร้อมถ่ายทอดพระราชจริยวัตรอันงดงามของทูลกระหม่อมอาจารย์ให้ฟังว่า นับตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2523 สมเด็จพระเทพฯ ทรงเป็นทูลกระหม่อมอาจารย์ของโรงเรียนนายร้อยนั้น จะเสด็จมาทรงสอนนักเรียนเป็นประจำทุกปีมิได้ขาด โดยทรงสอนวิชาประประวัติศาสตร์ร่วมสมัย และวิชาประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออก ให้แก่นักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 2 และวิชาประวัติศาสตร์เลือกเสรีให้แก่นักเรียนนายร้อยชั้นปี 3 หนึ่งเทอมจะทรงสอนเป็นเวลา 3 เดือน และในหนึ่งสัปดาห์จะเสด็จมาสอนนักเรียนนายร้อยเป็นเวลา 2 วัน เมื่อวันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2558 ถือเป็นการสอนครั้งสุดท้ายในอายุราชการของทูลกระหม่อมอาจารย์ โดยเสด็จไปสอนวิชาประวัติศาสตร์ หัวข้อภูมิศาสตร์กับโอลิมปิกวิชาการ ยังความปลื้มปีติแก่นักเรียนนายร้อย และ ชาว จปร.ทุกนาย “พระองค์ท่านตรัสกับอาจารย์ท่านอื่นในโรงเรียนนายร้อยเสมอว่า “นักเรียนนายร้อยก็คือเยาวชน ฉะนั้นงานที่สร้างเยาวชนให้เป็นคนดีคนเก่งของประเทศชาติ คืองานของพระองค์ และการได้มาสอนนักเรียนนายร้อย ถือว่าเป็นการสร้างเยาวชนของชาติเหมือนกัน” แม้สมเด็จพระเทพฯ จะทรงมีพระราชกรณียกิจมากมายในแต่ละวัน แต่ในฐานะ “ทูลกระหม่อมอาจารย์” นั้น พระองค์ไม่เคยทรงหยุดสอนเลย แม้ต้องเสด็จไปต่างประเทศก็ตาม พระองค์ก็ยังทรงกลับมาสอนชดเชยเสมอ และทรงให้ความสนพระทัยในการสอนมาก เพื่อให้ลูกศิษย์ได้รับรู้เรื่องราวที่ทันสมัยอยู่เสมอ ทุกครั้งที่เสด็จมาสอนนักเรียน พระองค์จะทรงเตรียมการสอนใหม่ๆมาทุกสัปดาห์ ประวัติศาสตร์ในช่วง35 ปีที่ผ่านมา บางส่วนอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่เพื่อให้ลูกศิษย์มีความรู้เท่าทันสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดนิ่ง บ่อยครั้งที่พระองค์จะทรงเชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขามาบรรยายพิเศษแก่คณะลูกศิษย์ ผู้พันเบิร์ด เล่าด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาว่า “บางครั้งในยามที่เสด็จไปทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจยังต่างประเทศ เมื่อพระองค์ทรงทราบว่าประเทศที่เสด็จไปนั้น เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน ท่านก็จะคิดถึงลูกศิษย์และทรงพาคณะนักเรียนไปศึกษาดูงานที่ประเทศนั้นอีกครั้ง โดยมีทูลกระหม่อมอาจารย์เสด็จไปด้วยทุกครั้ง แม้พระองค์จะเพิ่งเสด็จกลับจากประเทศนั้น” ขณะเดียวกัน หลังจากที่ทรงพานักเรียนกลับมาจากศึกษาดูงานที่ต่างประเทศแล้ว ผู้พันเบิร์ด เล่าว่า ทูลกระหม่อมอาจารย์จะโปรดให้นักเรียนทำรายงานส่งในรูปแบบของหนังสือทำมือทุกครั้งด้วย และทรงสนพระทัยตรวจงานของลูกศิษย์ทุกคนด้วยพระองค์เองอีกด้วย อีกภาพที่นักเรียนายร้อยทุกนายจำจนชินตาคือ ทุกครั้งที่ทูลกระหม่อมอาจารย์เสด็จไปต่างประเทศนั้น เมื่อเสด็จกลับมาสอนที่โรงเรียนนายร้อย พระหัตถ์ทั้ง 2 ข้างจะทรงถือถุงผ้า ซึ่งภายในนั้นบรรจุของฝากจากหลากหลายประเทศที่ได้เสด็จไปเยือนมาแล้ว ทรงนำมาพระราชทานเป็นของฝากแก่นักเรียนนายร้อยทุกนาย “สมเด็จพระเทพฯ จะเสด็จมาในวันสำคัญของโรงเรียนนายร้อยเป็นประจำทุกปี อาทิ เสด็จมาเป็นองค์ประธานวันไหว้ครู เสด็จมารับแถวนักเรียนนายร้อยทุกเทอม และทุกๆ วันที่ 31 มีนาคมของทุกปี อันเป็นวันที่นักเรียนนายร้อยฝึกภาคเสร็จแล้ว ประกอบกับวันที่ 2 เม.ย.เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์ ฉะนั้นในวันนั้นท่านจะเสด็จมาเป่าเค้กวันเกิด พร้อมพระราชทานเค้กวันเกิดให้แก่คณะผู้บริหารของโรงเรียน และนักเรียนนายร้อยทุกนาย” ถึงแม้ว่าวันเวลาจะล่วงมาถึง 20 ปี หากแต่ ผู้พันเบิร์ด ในฐานะลูกศิษย์ของทูลกระหม่อมอาจารย์รุ่นที่ 17 ยังคงจดจำภาพบรรยากาศในห้องเรียนได้อย่างไม่ลืมเลือน ซึ่งเจ้าตัวเล่าบรรยากาศภายในห้องเรียนสมัยนั้นให้ฟังว่า บรรยากาศแรกๆ ของการเรียนนักเรียนทุกคนจะเกร็ง เพราะเราไม่เคยเรียนกับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน พอเกร็งมากๆ ก็จะง่วง ยอมรับเลยว่าชั่วโมงแรกเรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ด้วยความเป็นกันเองของทูลกระหม่อมอาจารย์ ผ่านไปสักพักหนึ่งนักเรียนนายร้อยก็เริ่มปรับตัวได้ไม่เกร็งอีกต่อไป “ตอนเรียนรวม 200 คนเราก็หายเกร็งแล้ว ทีนี้มาเรียนแยกกลุ่มเล็กๆ ทูลกระหม่อมอาจารย์จะพระดำเนินสอนทีละกลุ่ม เราเริ่มกลับมาเกร็งอีกรอบ แต่พอเรียนแยกกลุ่มบ่อยๆขึ้น บรรยากาศจึงผ่อนคลายลง นักเรียนทุกนายกล้าที่จะมีคำถามกันมากขึ้น เริ่มมีเสียงหัวเราะในห้องเรียน หรือแม้แต่ในระหว่างเรียน มีนักเรียนบางนายที่ง่วง แต่พระองค์ท่านก็ทรงน่ารักมาก เข้าใจว่าที่นักเรียนง่วงนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะต้องฝึกหนักและต้องเข้าเวรอีกด้วย” นายทหารหนุ่มแห่งโรงเรียยนายร้อยยังเล่าต่อว่า เมื่อสมัย 20 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่ทูลกระหม่อมอาจารย์ทรงเน้นย้ำกับลูกศิษย์อยู่เสมอนั่นก็คือต้องการให้ลูกศิษย์ทุกคนรับถ่ายทอดประวัติศาสตร์ไปสู่คนรุ่นหลัง ทรงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์หายไปพร้อมกับอดีต วันนี้ถึงแม้ทูลกระหม่อมอาจารย์จะเกษียณอายุราชการไปแล้วก็ตาม แต่บทบาทของการเป็นเรือจ้างของพล.อ.หญิงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หาได้สิ้นสุดลงไปแต่อย่างใด ด้วยเพราะทรงตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นอาจารย์ เพื่อนำพาลูกศิษย์ทุกนายไปถึงยังฝั่งฝัน ดังนั้นสมเด็จพระเทพฯ จึงรับสั่งกับคณะอาจารย์ที่โรงเรียนนายร้อยฯ เสมอว่า พระองค์ไม่เคยรู้สึกว่าเป็นวันสุดท้ายของการสอน ถึงเม้ว่าจะเกษียณอายุราชการไปแล้ว ก็จะทรงกลับมาเป็นพระอาจารย์พิเศษให้กับนักเรียนนายร้อยทุกรุ่นเสมอ ในวันที่ 29 กันยายน 2558 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ได้จัดพิธีสวนสนามเฉลิมพระเกียรติยศสูงสุด ถวายทูลกระหม่อมอาจารย์ พลเอกหญิงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการ เพื่อตอบแทนในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่ทูลกระหม่อมอาจารย์ ทรงทำหน้าที่ “อาจารย์” เป็นศูนย์รวมดวงใจของเหล่านักเรียนนายร้อยทุกรุ่น ทรงถ่ายทอดประสิทธิ์ประสาทวิชาให้แก่เหล่าลูกศิษย์ด้วยพระราชหฤทัยเปี่ยมพลังอย่างไม่มีวันสิ้นสุดอย่างแท้จริง เรื่อง: ศศิวิมล แถวเพชร ภาพ: ศิวกร เสนสอน http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9580000109773
"ผู้พันเบิร์ด" โพสด่า "พวกหมิ่นสถาบัน" สุดแรงเกิด แต่ละคำเจ็บหนัก แทบกระอักเลือด 2016-11-15 15:37:29 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่คนไทยทั้งประเทศยังอยู่ในอารมณ์โศกเศร้าเสียใจ ต่อการสูญเสียพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย แต่ยังมีคนบางกลุ่ม บางจำพวก ที่คิดต่างและจ้องจะหาโอกาสทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ล่าสุด พ.อ.วันชนะ สวัสดี นักเเสดงเเละนายทหารยุทธการและการฝึก ได้ออกมาโพสในอินสตาแกรม @ colonelbird ถึงกลุ่มคนที่คิดต่างและไม่รักในสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างดุเดือด ว่าเป็นพวก "ใจบอด" มีกิเลส ตัณหาเป็นความมืดมิดปกคลุมหัวใจ เเละเชื่อว่าพวกนี้จะไม่มีความสุข เพราะความอิจฉาริษยาที่คอยรุมเร้าอยู่ตลอดเวลา มันเป็นไฟแผดเผาให้กลุ่มคนพวกนี้ตายทั้งเป็น โดยได้เขียนข้อความ ดังนี้ ... "คนใจบอด" เมื่อผมได้เห็นการกล่าวสดุดีในหลวงร.9 ของยูเอ็น ได้เห็นคนจีนร้องเพลงต้นไม้ของพ่อเป็นภาษาจีน รวมถึงการเดินทางมาเคารพพระบรมศพของผู้นำประเทศต่างๆ และที่สำคัญก็คือได้เห็นคนไทยเดินทางมาต่อคิวเคารพพระบรมศพทำให้ผมย้อนคิดถึงคนที่ไม่รักในหลวง ร.9 ซ้ำร้ายยังหาโอกาสทำลายอีกด้วย ไอ้คนพวกนี้คิดเห็นต่างไปจากคนไทยส่วนใหญ่และชาวต่างชาติทั่วโลก ไอ้คนพวกนี้ไม่ได้ตาบอดแต่ "ใจมันบอด" ต่างหากครับ ใจมันมีกิเลส ตัณหาเป็นความมืดมิดปกคลุมใจ เพราะใจมันบอด สมองมันเลยไม่ได้คิด ยิ่งไปกว่านั้นสมองก็ยังสั่งให้ร่างกายทำและพูดไปในทางที่เลวร้าย คนเหล่านี้ไม่มีความสุขหรอกครับ เพราะความอิจฉาริษยาที่คอยรุมเร้าให้ใจร้อนรุ่มอยู่ตลอดเวลา วาระสุดท้ายของชีวิตก็ไม่มีความสุข เมื่อคิดได้ก็สายไป แต่ส่วนใหญ่คิดไม่ได้เพราะใจมันบอด ดังนั้นผู้ที่รักในสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ไม่ต้องใส่ใจหรือตอบโต้ เพราะผมเชื่อว่าลำพังตัวพวกมันเองก็เอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว เพราะโดนไฟแห่งความอิจฉาริษยารุมเร้าในใจอยู่ตลอดเวลา เราควรมาร่วมแรงร่วมใจกันสืบสานพระราชปณิธานของรัชกาลที่เก้าให้อยู่ยั่งยืนตลอดไปชั่วกาลนานดีกว่าครับเพราะมันจะยิ่งเป็นไฟสุมรุมเร้าให้ไอ้พวกนี้ตายทั้งเป็น จากผมเองผู้พันเบิร์ด "ผู้พันเบิร์ด" โพสด่า "พวกหมิ่นสถาบัน" สุดแรงเกิด แต่ละคำเจ็บหนัก แทบกระอักเลือด ขอบคุณ ที่มา : https://www.instagram.com/colonelbird/?hl=th เรียบเรียง เนื้อหา : พัทธนันท์ รัตนปรีชานันท์ http://77jowo.tnews.co.th/contents/213138/
ใครที่บอกว่าเป็นลูกของพระองค์ท่าน ทำแบบท่านกันนะ .... ภูฟ้าพัฒนา…ภูมิการพัฒนาต้นแบบพระราชดำริ ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา แก้วปัญญาชาแนล สื่อความรู้เพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน (ทรงเยี่ยมกลุ่มชนเผ่ามลาบรี ชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” มลาบรีภูฟ้า) พลาดิสัย สิทธิธัญกิจ ....เรียบเรียง หลายคนได้ยินชื่อ ภูฟ้า หรือ ร้านภูฟ้า อยู่บ่อยครั้ง แต่หาโอกาสสัมผัสกับธรรมชาติภูฟ้าของจริงน้อยมาก โครงการพระบารมีแผ่ไพศาล กับ สำนักงานพัฒนาการประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ ที่จังหวัดน่าน เพื่อการเรียนรู้โครงการพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ดำเนินงานโดยบูรณาการพัฒนาหลายๆ ด้านตามสภาพปัญหาของพื้นที่ ทั้งด้านเกษตร โภชนาการ สุขภาพ การศึกษาการส่งเสริมอาชีพ และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีชื่อว่า “โครงการศูนย์ภูฟ้าพัฒนาจังหวัดน่าน” โครงการนี้เริ่มต้นเมื่อครั้งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯทรงเยี่ยมราษฎรและทอดพระเนตร บ่อเกลือสินเธาว์ ณ บ้านบ่อหลวง อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2538 นั้น พระองค์ทรงเห็นสภาพความเป็นอยู่ของราษฎรที่ขาดโอกาสทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมเนื่องจากห่างไกลความเจริญ จึงมีพระราชดำริให้สำนักงานโครงการส่วนพระองค์ฯ ดำเนินการช่วยเหลือ การพัฒนาในพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ โดยเริ่มพัฒนาด้านการศึกษาที่โรงเรียนประถมศึกษาเป็นอันดับแรก แล้วจึงขยายไปยังศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” ทำให้มีโครงการต่างๆ เกิดขึ้น ได้แก่ โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน โครงการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีน โครงการส่งเสริมสหกรณ์และ โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ หลังจากที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จฯทรงเยี่ยม ราษฎรพื้นที่อำเภอบ่อเกลืออีกครั้ง ในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2542 พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งศูนย์ภูฟ้าพัฒนาขึ้น เพื่อใช้เป็นต้นแบบการพัฒนาและถ่ายทอดความรู้การพัฒนาไปสู่ราษฎรในพื้นที่เป้าหมายท้องที่อำเภอบ่อเกลือ และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ตามพระราชปณิธานของพระองค์ ที่ต้องการให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎรบนพื้นที่สูง และใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนาต่อไป โดยมีการส่งเสริมอาชีพที่เหมาะสมกับศักยภาพของราษฎร และพื้นที่บนที่สูง โดยเป็นศูนย์รวบรวมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องด้านการตลาดอีกทั้งยังส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ศึกษาธรรมชาติ และวัฒนธรรมท้องถิ่นและจัดการศึกษาวิจัยถ่ายทอดความรู้การพัฒนาและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืนด้วย ก่อนหน้านี้มีโครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงพื้นที่ลุ่มน้ำน่าน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อยู่ในพื้นที่ที่ 9 (พมพ.9) บ้านสบมาง-นาบง โดยกรมป่าไม้ได้เข้ามาดำเนินการจัดที่ทำกิน ส่งเสริมและพัฒนาพื้นที่อยู่แล้ว เมื่อมีการจัดตั้ง “ศูนย์ภูฟ้าพัฒนาจังหวัดน่าน” ขึ้น ในปีพ.ศ.2542 จึงมีการสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ภูฟ้าพัฒนาตามพระราชดำริ สนองพระราชดำริด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับการเพิ่มมูลค่าทรัพยากร ธรรมชาติที่เหมาะสมกับศักยภาพชุมชน โดยมี นายประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล เป็นหัวหน้าโครงการคนแรก ผลสำเร็จนั้นได้ทำให้ราษฎรเรียนรู้การใช้ทรัพยากรท้องถิ่นเชิงอนุรักษ์และมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีอาชีพนอกภาคเกษตรที่เชื่อมโยงกับวัตถุดิบ และภูมิปัญญาท้องถิ่น ในระบบวนเกษตร-ปศุสัตว์-ประมง มีมาตรการอนุรักษ์สภาพสิ่งแวดล้อมต้นน้ำ ทำให้พื้นที่ป่าไม้มีการจัดการที่ดีและมีการอนุรักษ์เพื่อใช้ประโยชน์ทางอ้อม โดยมีการเพาะชำกล้าไม้มีค่าจำนวนมากซึ่งเป็นกล้าไม้หายาก และกล้าไม้พื้นถิ่น เช่น ต๋าว, มะแขว่น, สัก, พญาไม้, ชาอู่หลงและไม้ประดับ เพาะชำกล้าไม้โตไว และกล้าไม้อื่นๆ เช่น สนสามใบ, กระถิน, เทพา, กระทุ่มบก, เมี่ยง เพาะชำกล้าหวาย เพาะชำหญ้าแฝก พร้อมกับ จัดทำฝายต้นน้ำแบบผสมผสาน 50 แห่ง ปลูกป่าไม้ใช้สอย ธนาคารอาหารชุมชนและพืชสมุนไพร ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา จึงเป็นแหล่งผลิตภัณฑ์สู่ตลาดจากการส่งเสริมการเพาะเลี้ยงเห็ดถุง, การเลี้ยงกบและปลา, การผลิตกระดาษสาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม, การปลูกพืชในระบบวนเกษตร, การแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบที่ได้จากธรรมชาติ เช่น ต๋าว และชาอู่หลง นี่คือ ภูฟ้าพัฒนา ที่เป็นภูมิปัญญาต้นแบบการพัฒนาบนที่สูงที่หลายคนต้องหาโอกาสเดินทางไปเรียนรู้และสัมผัสธรรมชาติแห่งนี้กันเอง ................................. จุดชมวิวที่ภูฟ้าพัฒนา ชาวมลาบรีที่รักษาเรื่องราวของชาติพันธุ์ โรงอบใบชาบนภูฟ้าพัฒนา ใบชาอู่หลงจากดอยภูฟ้า แปลงการเกษตรถูกจัดให้มีพืชผลต่างๆ ไร่ชาอู่หลงที่ภูฟ้าพัฒนา ศูนย์วัฒนธรรมภูฟ้าของชาวมลาบรี ………………………………………….. วัตถุประสงค์ของโครงการ เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎรบนพื้นที่สูงและใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนาต่อไป เพื่อการส่งเสริมอาชีพที่เหมาะสมกับศักยภาพของราษฎรและพื้นที่บนที่สูง เพื่อเป็นศูนย์รวบรวมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องด้านการตลาด เพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ศึกษาธรรมชาติ วัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อการศึกษาวิจัยถ่ายทอดความรู้การพัฒนาและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืน สู่จุดมุ่งหมาย “คนอยู่ร่วมกับป่า ”
สุวรรณมัจฉา พรีเดเตอร์สุด เมืองไทย คนไทย รวมใจเป็นหนึ่งแล้ว (โว้ย..ไอ้พวกแบ่งแยก) ใครรู้ว่าคนไทยกลุ่มไหน อาชีพอะไรเดือดร้อนก็ช่วยกัน ถึงแม้จะเป็นแค่ไฟไหม้ฟาง แต่ก็อดยิ้มไม่ได้ .. เชิญเจาะยางต่อเลย ยางชาวไทยไม่มีรั่วแล้ว เพราะเราปลูกยางเอง ..(เข้ากันไหมนิ555)
ข่าวคืบหน้าของฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง สถานการณ์ภายใน "แดงใต้ดิน" ที่อาศัยอยู่ทางสาธารณรัฐฝั่งซ้าย ตกอยู่ในภาวะระส่ำระสาย ถึงขั้นประกาศปิดสถานีวิทยุออนไลน์ช่อง YAMMY revolution และ Faiyen Channel ชนิดแฟนคลับที่อยู่ในเมืองไทยไม่ทันตั้งตัว เมื่อค่ำวันเสาร์ที่ 19 พ.ย. 2559 เว็บเพจ Yammy gozzip yam ได้ออกแถลงการณ์ในนาม "สถานีไทยเสรีเพื่อสาธารณรัฐไทย" ว่า "เนื่องจากสถานการณ์ภายในและภายนอกราชอาณาจักร ยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ ในการนี้ได้มีหลายฝ่ายหลายภาคส่วนขอให้ทางสถานีพิจารณายุติการกระจายเสียงไปก่อน จนกว่าจะสถานการณ์จะคลี่คลายลง" "ทางสถานีขอน้อมรับความปรารถนาดีจากทุกๆ ฝ่าย และต้องขอยุติการกระจายเสียงทั้งหมดไว้ก่อน จนกว่าสถานการณ์จะกลับเป็นปกติ ทั้งนี้เพื่อความมั่นคงปลอดภัยและเพื่อความสบายใจของทุกๆ ฝ่าย" © สนับสนุนโดย Kom Chad Luekชูชีพ ชีวะสุทธิ์ ดังที่ทราบกันว่า ในสาธารณรัฐฝั่งซ้าย มี "แดงใต้ดิน" อยู่ 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มลุงสนามหลวง หรือ ชูชีพ ชีวะสุทธิ์ นักธุรกิจที่หลบหนีคดี 112 ไปอาศัยอยู่ประเทศจีนเมื่อหลายปีก่อน หลังรัฐประหาร 2557 "ชูชีพ" ย้ายจากจีน มาเช่าอพาร์ทเมนท์อยู่ใน "เมืองหลวงใหม่" ของสาธารณรัฐฝั่งซ้าย และเขาเป็นคนวางแผนทำ 'วิทยุออนไลน์ใต้ดิน' โดยมีกลุ่มไฟเย็นเป็นกองกำลังแห่งสถานีออนไลน์ เพื่อสาธารณรัฐ © สนับสนุนโดย Kom Chad Luekขุนทอง ไฟเย็น และพวก สมาชิกของลุงสนามหลวง ประกอบด้วย ไตรรงค์ สินสืบผล (ขุนทอง ไฟเย็น) รมย์ชลี สมบูรณ์รัตนกูล (แยมมี่ ไฟเย็น) สหายร้อยสิบสอง (นักเขียนชื่อดัง) และสหายยังบลัด 2. กลุ่มสหายหมาน้อย หรือ "โกตี๋ เรดการ์ด" แกนนำแดงวิทยุชุมชน ที่หนีคดี 112 ไปขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่ "เมืองหลวงเก่า" ของสาธารณรัฐฝั่งซ้าย กลุ่มลุงสนามหลวง กับกลุ่มโกตี๋ เป็นพันธมิตรกัน และประกาศแนวทางการต่อสู้ "ล้มระบอบ" ไม่เห็นด้วยกับการต่อสู้ของ นปช. © คมชัดลึก โกตี๋ เรดการ์ด 3. กลุ่มสุรชัย แซ่ด่าน ประธานกลุ่มแดงสยาม ที่หนีคดี 112 ไปกบดานอยู่ชาน "เมืองหลวงใหม่" ของสาธารณรัฐฝั่งซ้าย และเปิดสถานีวิทยุออนไลน์เป็นของตัวเอง เพื่อออกอากาศรายการปฏิวัติประเทศ มาตั้งแต่ปลายปี 2558 แต่ "สุรชัย" เกิดข้อขัดแย้งกับกลุ่มลุงสนามหลวง และกลุ่มโกตี๋ ในเรื่องเงินๆ ทองๆ จนต้องแยกทางกันเดิน รายงานจากหน่วยข่าวความมั่นคง ระบุว่า แดงใต้ดินทั้งสามกลุ่ม จะได้เงินสนับสนุนจาก "ผู้ใหญ่ในเมืองไทย" เป็นรายเดือน โดยทุกเดือน ตัวแทนพวกเขาจะไปรับเงินเดือนที่ "กรมตำรวจใหญ่" ของสาธารณรัฐฝั่งซ้าย หลังจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินหน้ากดดันรัฐบาลประเทศต่างๆ ที่ให้ "แดงใต้ดิน" พักพิง โดยเฉพาะเพื่อนบ้าน ที่ไทยเคยช่วยเหลือส่ง "หัวหน้ากบฏฝ่ายขวา" กลับไปให้รัฐบาลฝั่งซ้ายแบบไม่สนใจหลักสิทธิมนุษยชนมาแล้ว เมื่อวันอังคารที่ 16 พ.ย. 2559 ตัวแทนกรมตำรวจฝั่งซ้าย เรียกกลุ่มแดงใต้ดินไปเจรจา ขอให้ยุติการส่งกระจายเสียงผ่านยูทูบ หากไม่เชื่อฟัง จะส่งตัวกลับไปรับโทษที่เมืองไทย © สนับสนุนโดย Kom Chad Luekสุรชัย แซ่ด่าน สุรชัย แซ่ด่าน ยอมรับเงื่อนไข "ยุติการออกกระจายเสียง" โดยทันที เพื่อแลกกับการใช้ชีวิตแบบเงียบๆ ในสาธารณรัฐฝั่งซ้าย ส่วนกลุ่มลุงสนามหลวง และกลุ่มโกตี๋ ยังออกอากาศมาจนถึงวันเสาร์ จึงจัดรายการอำลาผ่านทางช่อง YAMMY revolution และ Faiyen Channel ยอมรับเงื่อนไข "อยู่แบบเงียบๆ" โดยไม่เคลื่อนไหวทางการเมือง "ขุนทอง ไฟเย็น" หัวหน้าวงดนตรีไฟเย็น กล่าวผ่านสถานีใต้ดินว่า ช่องทางออนไลน์ของ "อาจารย์หวาน" สุดา รังกุพันธุ์ ที่อยู่ในฝั่งซ้ายเหมือนกัน ได้ถูกปิดไป จึงเป็นการส่งสัญญาณมาถึงกลุ่มไฟเย็น ว่าอาจต้องถูกปิดตามไปด้วย ขุนทอง ครวญว่า สาธารณรัฐฝั่งซ้าย ไม่มีสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยฯ ช่องทางขอลี้ภัยจึงปิดตาย ต่างจาก "ตั้ง อาชีวะ" ที่หลบอยู่ในเขมร ก่อนจะได้สถานะผู้ลี้ภัย "พวกเราเป็นคนเถื่อน เลยต้องรอดูว่ารัฐบาลกับรัฐบาล จะพูดคุยกัน เราไม่มีสิทธิ์รู้ได้" นอกจากนี้ มีข่าวปล่อยเป็นระยะๆ ว่า "หน่วยเฉพาะกิจ" ข้ามโขงมาแล้ว กลุ่มไฟเย็น จะได้รับคำเตือนให้ "เตรียมพร้อม" ย้ายบ้านตลอดเวลา http://www.msn.com/th-th/news/natio...ดสถานี/ar-AAkvbws?li=BBr8zKZ&ocid=mailsignout
เปิดใช้แล้วนะครับวันนี้..ถนนเลียบชายทะเลจากบางทราย ไปเชื่อมสุขุมวิทวัดเขาบางทราย. จ.ชลบุรี ทิวทัศน์ริมทะเลสวยงามมากครับ.!!
#อย่าแต่งงานเพราะคิดว่าต้องแต่งงาน ขอบคุณพ่อแม่ที่ห่วงอนาคตชีวิตคู่หนู แต่หนูขอโสดรอคนที่ใช่ยังงี้ดีกว่า ถ้าชีวิตมันกดดันขนาดนี้ แล้วความสุขจะอยู่ตรงไหน
ไปไหนไปกัน ลากกระเป๋าไปกัน ....ผู้หญิงเหลือเลือก มีความสุขได้นะ ขอบอก ก็เป็นโสดอย่างว่า สิคร้าาาา คริคริ คริคริ
นายกเป็นคนตลก นายก : สะกิดเขาทำไม...แฟนหรอ 55555555555 ชมภาพบรรยากาศ "บิ๊กตู่" นำข้าราชการทำเนียบรัฐบาลออกกำลังกาย เพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกายที่ดี http://daily.khaosod.co.th/view_new...nid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE5TMHdPQzB5TWc9PQ==
คือจะเสนอแนะว่า การสักนั้นบางทีไม่ได้สักจริง ตุ๊กตาเทพก็ยังสักได้เลย หรือบางทีอาจเป็นเพ้นติ้งด้วยเฮนน่าก็ได้ ต้องให้เสรีภาพกับตุ๊กตาเทพแกด้วย ดังนั้น....การดูข่าวในโซเชียลอย่าเชื่อข่าวลือมากนัก บางทีอาจเป็นเครื่องมือของบางสถานการณ์ก็ได้นะ อิอิ เกี่ยวกันไหมนี่
วันนี้ลูกสาวผมก็พึ่งกลับมาจากไปเข้าค่ายพักแรมที่โรงเรียน สองวันมานี่คิดถึงลูกมาก ในฐานะคนเป็นพ่อ ผมไม่อยากให้ลูกโตเลย อยากให้เขาเป็นเด็กไปอย่างนี้ตลอด แต่ในชีวิตจริงทุกอย่างต้องเป็นไป ภรรยาเคยถามผมว่า ถ้าเกิดลูกเราได้คู่ครองไม่ดีละเราจะทำอย่างไร ผมไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ได้แต่บอกว่าทุกอย่างคงเป็นไปตามกรรมเราสองคนแค่เป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุดและรักลูกมากที่สุดก็พอ ในมุมมองของผม ผมว่า"หนูอ้อย"เป็นคนที่เข้มแข็งมากนะ เก่งมากด้วย ไปท่องเที่ยว ไปไหนต่อไหนได้มากมาย ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากให้ลูกผมโตไปเก่งเหมือน"หนูอ้อย"นี่ละ ผมก็พอใจแล้ว หลายวันก่อนลูกสาวบอกว่าถ้าเธอโตขึ้นเธอจะพาพ่อกับแม่ไปเที่ยวต่างประเทศให้ได้เลย ผมบอกว่า"พ่อไม่ชอบไปต่างประเทศหรอกพ่อชอบเที่ยวในไทยประเทศเรามีที่สวยๆตั้งแยอะ" ลูกบอกว่าเธอมีความตั้งใจอยากจะไปเที่ยวสิ่งมหัศจรรย์ของโลกให้ครบถ้าทำได้ และสถานที่แรกก็คือ"กำแพงเมืองจีน" จบประโยคผมนึกถึงหนูอ้อยขึี้นมาทันที ผมว่า"พ่อเข้าใจแล้วและพ่อจะรอนะ พ่อมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งเธอเคยไปกำแพงเมืองจีนมาแล้วเราน่าจะขอคำปรึกษาเธอได้" ผมคิดในใจว่ากว่าจะถึงตอนนั้นจริง"สภากาแฟ"จะเปลี่ยนไปขนาดไหนกันนะ "เพลงของลูก" พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ Cr : Pu Pongsit Official
แต่ถ้ากรณีหลานแกโตไปแล้วดันไม่มีแฟน ฝากบอกหลานตามนี้จ้ะ อายุตอนนั้น แกคงเข้าใจชีวิตแล้วหละ เอามาจากพันทิปอีกที
สมเด็จพระบรมฯ และองค์ทีฯทรงพระสำราญที่สวนน้ำเมือง Starnburg แคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ขอทั้งสองพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน พระองค์ที........ สวนน้ำเมือง Starnberg 02 02
คริสต์มาสปีที่แล้ว2015 สมเด็จพระบรมฯ และองค์ทีฯทรงงร่วมฉลอง และเสด็จทรงสกี ณ เมือง Mayrhofen ประเทศออสเตรีย สมเด็จพระบรมฯ และ องค์ทีฯ ทรงร่วมฉลองวันคริสต์มาส เยอรมนี 2015 Amphorn Royal Palace องค์ทีฯ เสด็จทรงสกี ณ เมือง Mayrhofen ประเทศออสเตรีย Mayrhofen Amphorn Royal Palace จาก เฟซบุ๊ก เรารักราชวงศ์จักรี "We love Chakri Dynasty" องค์ทีฯ ทรงปีนเขา Herzogstand ณ เมืองมิวนิก เยอรมนี Thailand Updates เผยแพร่เมื่อ 15 ก.ค. 2016 "องค์ที..."ธรรมชาติศึกษา" วิดีโอและภาพนิ่งของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระโอรสในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ขณะทรงศึกษาธรรมชาติที่ ยอดเขา Herzogstand ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์
"คิดถึง" (เช่นกัน) ป๋อง ณ ปะเหลียน Cr : นาย สะพายเป้ เมื่อเราเป็นเพื่อนกันแล้วเราก็อยู่ใกล้กันเสมอแม้ไม่ได้เจอกันดั่งที่คุณ"ฮิวตัน"เคยกล่าวไว้ รักและห่วงใยเพื่อนทุกคนเสมอ ถ้าทำได้อยากจะอยู่อยากจะพูดคุยกับทุกคนแบบนี้ไปตลอดนานเท่านาน
ข้อกำหนดกรุงเทพฯ ในเวทีนานาชาติ ยกระดับผู้ต้องขังหญิงเอเชียแปซิฟิก เป็นเวลากว่า 2 ปี ที่ "ข้อกำหนดกรุงเทพฯ" หรือ "Bangkok Rules" ได้รับความเห็นชอบจากสหประชาชาติรับรองให้เป็นมาตรฐานใหม่ในเรื่องของการดูแลผู้ต้องขังหญิง ซึ่งข้อกำหนดดังกล่าวจะสำเร็จไม่ได้เลย หากมิได้รับพระกรุณาจาก "พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา" ทรงเป็นผู้นำในการผลักดัน ด้วยทรงมุ่งหวังให้มีการยกระดับมาตรฐานในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในประเทศต่างๆ ให้เป็นมาตรฐาน ในห้วงเวลานั้น พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ในฐานะประธานโครงการ ได้เสด็จไปยังหลายภูมิภาคของโลก โดยเฉพาะประเทศที่เป็นแกนหลักทั้งในเอเชีย แอฟริกา ตะวันออกกลาง ละตินอเมริกา เพื่อทรงเรียกร้อง เชิญชวนให้กลุ่มประเทศเหล่านั้น ให้การสนับสนุนร่างข้อกำหนดนี้ ซึ่งถือเป็นการดำเนินงานทางการทูตเชิงรุกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของกระบวนการยุติธรรมไทย ซึ่งมีสถานะเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศหนึ่ง แต่สามารถออกไปแสดงบทบาทผู้นำในการผลักดันโน้มน้าวให้ประเทศสมาชิกสหประชาชาติทั่วโลกให้ความเห็นชอบในข้อกำหนดนี้ โครงการนี้จึงเป็นงานยากและต้องใช้เวลารวมทั้งความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ และเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2553 ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยที่ 65 ได้ให้ความเห็นชอบข้อกำหนดสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำ และมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง หรือ "ข้อกำหนดกรุงเทพฯ" ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก นับเป็นก้าวแห่งความสำเร็จของกระบวนการยุติธรรมไทยในเวทีระดับโลก https://www.google.co.th/search?sit...sch&q=bangkok+rules+คือ&imgrc=RwbL82m741sHFM: http://kamlangjai.or.th/th/terms.php
พระองค์ทรงจากไปแล้ว แต่ยังมีพระเจ้าหลานของพระองค์ท่านที่ทรงงานหนักเพื่อคนไทยทุกกลุ่มเหล่า .. พระราชกรณียกิจของพระเจ้าหลานเธอฯ ที่อีกหลายท่านยังไม่เคยทราบมาก่อน elite Thailand Look Model Contest 2010 คลิปพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จไปยังเรือนจำจังหวัดตรัง อำเภอเมือง ทรงเป็นประธานโครงการ กำลังใจในพระดำริ ภายใต้กิจกรรม "จากเวทีตรังสู่เวทีโลก"
แรงบันดาลพระทัยให้มี Bangkok Rules UNODC Interview with HRH Princess Bajrakitiyabha Mahidol UNODC - United Nations Office on Drugs and Crime พระองค์ภาทรงเป็นประธาน CCPCJ_Vienna Austria 13 Dec 2011 chatree007 สุนทรพจน์พระองค์ภา ฉบับเต็ม ณ UN 24 Sep 2012 Ronayos GmailCom
อย่าปล่อยให้ความเหงาโจมตีนะคะ ดูบรรดาคุณป้า (อาจุมม่า) ในคลิปซะก่อน ไม่มีเหงาเศร้าเบย อิอิ ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจค่ะ มามะ .. ลุกขึ้นมาขยับแข้ง กระชากวัยกัน .. อย่ามัวกรี๊ดกริบ 555+ 24K Magic by Bruno Mars
ไทยบันเทิง ThaiPBs #แลโลกศิลปะ ศิลปินลายเส้นวาดแผนที่บันทึกเมือง . ย่อส่วน! เกาะรัตนโกสินทร์ ตัวเมืองหัวหิน อุดร และฝั่งธน ลงบนกระดาษ เป็นแผนที่แฮนด์เมดในแบบฉบับนักวาดภาพหนุ่ม "การุญ เจียมวิริยะเสถียร" ทำจริงจังมาปีกว่า ได้ผลตอบรับเกินคาดเพราะผังเมืองวาดมือกลายเป็นบันทึกสถาปัตยกรรมท้องถิ่น คิดต่อยอดทำแผนที่ท่องเที่ยวและแอพลิเคชั่น เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อนักเดินทาง . แต่เคล็ดลับคืออะไร แน่นอนว่า GPS + กล้องสตรีทวิว ช่วยได้ แต่ไม่ทั้งหมด เพราะไม่ใช่ทุกตรอกซอกซอยที่ตำแหน่งดาวเทียมจะไปถึง เขาจึงต้องออกสำรวจด้วยตัวเอง คำนวนมิติกว้างลึกของเส้นอาคารให้เหมือนมองจากมุมสูง (#ไทยบันเทิง เราพาขึ้นตึก #ThaiPBS มาแล้ว work มาก ไม่เชื่อดูคลิป) . วันนี้แต่ละโซนของกรุงเทพฯ กำลังถูกบันทึกภาพลงบนกระดาษแผ่นใหญ่ให้แล้วเสร็จทั้งจังหวัดในปี 2560 ด้วยความฝันรวบรวมทำแผนที่ประเทศไทยในสไตล์ของตัวเอง ก่อนเริ่มต้นวาดแผนที่จังหวัดท่องเที่ยวใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ พระนครศรีอยุธยา ภูเก็ต ซึ่งแม้จะใช้เวลาหลายปี แต่นี่เป็นเป้าหมายที่ชัดเจนของนักวาดภาพประกอบหนุ่มไฟแรง
ความสัมพันธ์ไทย - เยอรมนี 152 ปี mfa thailand เผยแพร่เมื่อ 5 ก.ย. 2014 ความสัมพันธ์ไทย - เยอรมนี 152 ปี : การสร้างศาลาไทยในเมือง บาด ฮอมบวร์ก (Bad Homburg) ตั้งไว้ ณ บ่อน้ำจุฬาลงกรณ์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี การเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 ของรัชกาลที่ 5 โดยมีนางนงนุช เพ็ชรรัตน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลินมาเป็นประธาน ที่มา : ช่อง 9
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ ๗ ปี พ.ศ. ๒๔๖๘ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ พระอิสริยยศ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์สยามประเทศ ราชวงศ์จักรี ครองราชย์ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๘ บรมราชาภิเษก ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๘ (นับศักราชแบบเก่า) เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ รวมพระชนมพรรษา ๔๗ พระพรรษา บันทึกนี้เป็นบันทึกที่ถ่ายทำเป็นภาพยนต์เงียบ บรรยายเป็นตัวอักษร จากฟิล์มเก่า แล้วใช้ประโคมดนตรีไทยสดประกอบภาพ บันทึกโดย ความร่วมมือระหว่างประเทศอังกฤษกับประเทศสยามในขณะนั้น เป็นบันทึกที่หาชมยาก ทุกท่านสามารถกดแชร์ไปเพื่อการเผยแพร่ แก่ญาติมิตรและชนรุ่นหลังจะได้ชมมิให้สูญหายไป http://www.tnewsonline.tv/contents/y/26714/
2 ตายายผู้ปิดทองหลังพระ ใช้ชีวิตแสนสมถะ บริจาคที่ดินและเงินรวมทั้งสิ้นราว 100 ล้าน เพื่อสร้าง รพ. ข่าว TOP NEWS วันที่ 1 ธันวาคม 2559 - 08:13 น รายการคนเฝ้าข่าว ทางช่อง 28 ได้ทำสกู๊ปข่าวเรื่องราวน่าชื่นชมของคุณตาสวิง และคุณยายชม้อย ทองคำ สองสามีภรรยาที่ใช้ชีวิตสมถะอยู่บ้านไม้หลังเล็กๆ แต่กลับทำเรื่องประดุจปิดทองหลังพระ ด้วยการบริจาคเงินและที่ดินนับร้อยล้านบาท ร่วมสร้างโรงพยาบาลปากเกร็ดแห่งใหม่ ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 ตำบล คลองข่อย อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยสองตายายไม่ต้องการประกาศให้ใครรู้ว่า ได้บริจาคที่ดินมูลค่ากว่า 100 ล้านบาทให้สร้างโรงพยาบสาลแห่งนี้ และบริจาคเงินสดอีก 3 ล้านบาทเพื่อซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ โดยที่สองตายายยังคงอาศัยในบ้านหลังเล็กๆ ภายในจะเห็นว่าติดพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ไว้ในบ้าน เพื่อเตือนใจถึงความพอเพียง ตายายทั้งสองยังคงใช้ชีวิตแสนเรียบง่าย เพราะไม่มีลูกหลาน จึงปลูกผักผลไม้ไว้กินเอง ส่วนที่เหลือก็นำไปขายราคาถูกเพื่อช่วยคนจน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันตาสวิงมีอาการป่วยต้องฟอกไตทุกสัปดาห์ ซึ่งโรงพยาบาลดูแลเสมือนญาติผู้ใหญ่ให้รักษาฟรีตลอดชีวิต นอกจากนี้โรงพยาบาลปากเกร็ดนำชื่อ “ชม้อย-สวิง ทองคำ”ตั้งเป็นชื่อของห้องประชุมใหญ่ เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณงามความดีของตาสวิงและยายชม้อย https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_122851
ได้ใจลูกศิษย์เต็มๆ! เมื่อผอ.ใหม่รายงานตัว ฟ้อนหมอลำโชว์เรียกเสียงฮาหน้าเสาธง (ชมคลิป) http://www.naewna.com/local/247156 5555 โรงเรียนนี้จำชื่อไว้เลย...มันต้องมีอะไรดีๆออกมาอีกแน่นอน
Thai PBS News 5 ชั่วโมงที่แล้ว พระราชกรณียกิจด้านการเกษตร Thai PBS News 6 ชม. · พระราชกรณียกิจสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร : ทรงพระราชทานบ้านและสร้างความเข้มแข็งให้คนในชุมชนชาวไทยพุทธบ้านสันติ 1 และสันติ 2 จ.ยะลา Thai PBS News 6 ชม. · พระราชกรณียกิจสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร: ทรงเป็นผู้บัญชาการรบนำทหารสู้รบกับกลุ่มคอมมิวนิสต์ ณ บ้านหมากแข้ง อ.ด่านซ้าย จ.เลย Thai PBS News 6 ชม. · พระราชกรณียกิจสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร: ทรงสร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เชียงของ จ.เชียงราย Thai PBS News 6 ชม. · พระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร: ทรงพระราชทานจักรยานแด่ ด.ช.วรรธนะ คำอินทร์ เด็กพิการไร้แขนสองข้างใน อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก
© REUTERS/Athit Perawongmetha ทูลเชิญ 'สมเด็จพระบรมฯ' สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10 วัดพระเชตุพนฯ ถวายพระพรชัยมงคล รัชกาลที่ 10 http://www.msn.com/th-th/news/national/วัดพระเชตุพนฯ-ถวายพระพรชัยมงคล-รัชกาลที่-10/ar-AAl09mB วัดเสมียนนารี สวดมนต์ถวายพระพรชัยมงคล รัชกาลที่ 10 http://www.msn.com/th-th/news/national/วัดเสมียนนารี-สวดมนต์ถวายพระพรชัยมงคล-รัชกาลที่-10/ar-AAl0mYR 'การบินไทย' ประดับพระบรมฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ ๑๐ http://www.msn.com/th-th/news/national/การบินไทย-ประดับพระบรมฉายาลักษณ์-รัชกาลที่-๑๐/ar-AAl0sm3 จุฬาราชมนตรี ประกาศให้ไทยมุสลิมร่วมถวายพระพร ร.10 หลังละหมาดวันที่ 2 ธ.ค. 59 © ไทยรัฐออนไลน์ ภาพประกอบข่าว
สุดปีติ สมเด็จพระเทพฯทำแบบนี้กับในหลวงรัชกาลที่10 ผู้สื่อข่าวออนไลน์รายงานมาว่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 59 สำนักพระราชวังได้เผยแพร่พระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขณะทรงถวายบังคมสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวารถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และภาพดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์ทำให้ประชาชนให้ความสนใจและแชร์กันเป็นจำนวนมาก ช่างเป็นภาพที่ประทับใจอย่างยิ่ง http://www.gazips.com/5447
Thai PBS News ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 16 ภาพลงในอัลบั้ม: รวมภาพ กราบบังคมทูลอันเชิญเสด็จฯ ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ 1 ธ.ค.2559 สมเด็จพระบรมโอรสธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงรับการกราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จฯ ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทยรัชกาลที่ 10
สืบเนื่องจากการปิดตัว ของ หนังสือพิมพ์ บ้านเมือง คุณประสิทธิ์ องอาจตระกูล ให้ความเห็นว่า ..... โลกดิจิตอล "น่ากลัว" กว่าที่คิด !!! เปรียบเหมือน "คลื่นยักษ์" ที่ทำลายล้างทุกอย่างที่ขวางหน้า หลังจากที่คลื่นลูกนี้ Disrupt (ทำลายล้าง) ธุรกิจฟิล์มถ่ายรูปแล้ว ต่อมาก็ทำลายล้างธุรกิจเทปซีดี ตอนนี้กำลังทำลายล้างธุรกิจทีวีและธุรกิจสิ่งพิมพ์ (ปัจจุบัน คนแทบไม่ดูทีวี คนอ่านหนังสือน้อยลงมาก หันไปเล่น Smartphone กันหมด) ต่อไปคลื่นลูกนี้กำลังมุ่งสู่ธุรกิจการเงิน สาขาของธนาคารหลายแห่งจะปิดตัว หรือควบรวมกิจการ ห้างสรรพสินค้าจะกลายเป็นเหมือนโชว์รูม คือ คนไปเดินดูสินค้า แต่ไม่ซื้อ กลับมาซื้อผ่านออนไลน์ที่ถูกกว่า 20-30% และมีธุรกิจอีกมากมายที่ "รอคิว" ที่จะถูกทำลายล้างอยู่ ภายในอีกไม่กี่ปี ตำแหน่งงานในสหรัฐ จะหายไปหลายล้านตำแหน่ง ถามว่า "ตัวเราล่ะ" เตรียมพร้อมที่จะรับคลื่นลูกนี้หรือยัง? เตรียมพร้อมเพื่อรับแรงกระแทกจากคลื่นดิจิตอล คลื่นยักษ์ที่จะทำลายล้างทุกสิ่ง ยกเว้น "คนที่พัฒนาและปรับตัว" อยู่เสมอ
โปรดเกล้าฯสมณศักดิ์ 159 รูป สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสถาปนาเลื่อนตั้งสมณศักดิ์ เนื่องในพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานในวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 5 ธ.ค.2559 จำนวน 159 รูป ในจำนวนนี้มีพระนักวิชาการนักคิดนักเขียนผลงานทางพระพุทธศาสนาชื่อดัง เจ้าของนามปากกา “ป.อ. ปยุตฺโต” ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ พระราชวิจิตรปฏิภาณ หรือ “เจ้าคุณพิพิธ” วัดสุทัศนเทพวราราม พระนักเทศน์ชื่อดัง เป็นพระเทพปฏิภาณวาที ทั้งนี้พระราชาคณะทั้ง 159 รูปจะเข้ารับพระราชทานสถาปนาเลื่อนและตั้งสมณศักดิ์ ยังพระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง วันที่ 5 ธ.ค.2559 “ป.อ. ปยุตฺโต” “เจ้าคุณพิพิธ” http://www.msn.com/th-th/news/natio...ระสรวล/ar-AAl4nuT?li=BBr8Hnw&ocid=mailsignout
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานราชสังคหวัตถุ 5 ธ.ค. 2559 สำนักพระราชวังแจ้งว่า เลขาธิการพระราชวังรับพระราชโองการเหนือเกล้าฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระราชอนุสรณ์คำนึงถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระบรมราชชนก ซึ่งเสด็จสวรรคตเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 13 ต.ค. 2559 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้บำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระบรมราชชนก โดยในวันที่ 5 ธ.ค.2559 เวลา 17.00น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จะเสด็จพระราชดำเนินมานมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร กับพระพุทธรูปสำคัญ พร้อมทั้งพระราชทานราชสังคหวัตถุแก่ข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้สูงอายุ ฝ่ายหน้าและฝ่ายใน ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง และพระราชทานสถาปนาเลื่อนและแต่งตั้งสมณศักดิ์พระเถรานุเถระ 159 รูป ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ผู้เข้ารวมพระราชพิธีแต่งกายเต็มยศ ไว้ทุกข์ สายสะพายจุลจอมเกล้า หรือสายสะพายสูงสุด และในวันที่ 6 ธ.ค.2559 เวลา 10.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จะเสด็จพระราชดำเนินมาบูชาพระสยามเทวาธิราช ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ และถวายภัตตาหารเพลพระสงฆ์ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย © ภาพสนับสนุนโดย Kom Chad Luek สำหรับการพระราชทานราชสังคหวัตถุเป็นราชประเพณีที่มีแต่ครั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในคราวที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษาเมื่อ พ.ศ.2407 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คนชราพิการคนสูงอายุทั้งชายและหญิง เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานราชสังคหวัตถุ อันประกอบด้วยเงิน 1 ตำลึง และผ้า 1 สำรับ เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พระมหากษัตริย์ในรัชกาลต่อๆ มาจึงได้ทรงถือเป็นธรรมเนียมสืบมา โดยในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานราชสังคหวัตถุเป็นเงิน 10 ตำลึง และผ้า 1 สำรับ แก่ข้าราชการฝ่ายหน้าฝ่ายในเป็นประจำทุกปี ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนแปลงธรรมเนียมการพระราชทานราชสังคหวัตถุ กล่าวคือ โปรดเกล้าพระราชทานเป็นเงินเพียงอย่างเดียว ส่วนผ้า 1 สำรับที่เคยพระราชทานคู่กันมาแต่เดิมโปรดให้งด ครั้นในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระบรมราชชนกและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานราชสังคหวัตถุข้าราชบริพารฝ่ายหน้าและฝ่ายในที่อายุมากกว่า เนื่องในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาเป็นประจำทุกปี จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระบรมราชชนกและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระชนพรรษาสูงขึ้น จึงมีการกำหนดอายุข้าราชบริพารฝ่ายหน้าและฝ่ายใน ผู้มีสิทธิเข้ารับพระราชทานราชสังคหวัตถุ เป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป http://www.msn.com/th-th/news/national/สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานราชสังคหวัตถุ-5-ธค/ar-AAl5fAM?ocid=mailsignout
ทราบซึ้ง! น้อง นร สุดยอด เยาวชนควรดูไว้เป็นแบบอย่างที่ควรทำตาม วันพุธ ที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จ ฯ ไปทรงเปิดการประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๔๒ พร้อมทั้งทรงฟังปาฐกถาพิเศษของนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ ลาดพร้าว...หลังจากทรงฟังบรรยายเสร็จแล้ว ก็จะมีนิทรรศการโครงงานวิทยาศาสตร์ที่นักเรียนระดับชั้นมัธยมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ มานำเสนอผลงานให้ทรงทอดพระเนตร ซึ่งบูธนิทรรศการของโรงเรียนสทิงพระวิทยา จ.สงขลา น้องนักเรียนผู้หญิงชื่อบุปผา ได้ถวายรายงานจนจบ ต่อจากนั้นได้หันไปหยิบเอกสารฉบับหนึ่ง แล้วกราบบังคมทูลสมเด็จพระเทพรัตนฯ ว่าขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเอกสารใบส่งตัวคนไข้พร้อมทั้งลงไปกราบพระบาท แล้วเล่าถวายว่า เค้าคือเด็กผู้หญิงที่ถูกน้ำมันในตะเกียงไฟลวกหน้า และลำตัวตั้งแต่ อายุ ๖ เดือน ตอนอายุได้ ๒ ขวบสมเด็จพระเทพได้เสด็จฯไปจังหวัดสงขลา แล้วแม่ของน้องบุปผาได้เข้าเฝ้าฯรับเสด็จ และขอพระราชทานความช่วยเหลือที่หน่วยแพทย์ ซึ่งท่านได้ทรงรับเด็กหญิงคนนี้เป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ เมื่อราวๆ๑๖ ปีก่อน...ทำให้เค้าได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้น ถึงแม้จะมีแผลเป็นบนใบหน้าโดนเพื่อนล้อต่างๆนาๆ เค้าก็ตั้งใจเรียนโดยไม่ย่อท้อ เพื่อวันหนึ่งจะมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ กราบพระบาทสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่แม่เค้าเคยสอนไว้ ซึ่งวันนี้เค้าทำสำเร็จแล้ว...น้องบอกกับพระองค์ท่านว่า ตั้งใจเรียนได้ที่ หนึ่งมาตลอด แล้วอยากตอบแทนสังคมด้วยการเป็นคุณครู ตอนนี้สอบตรงมหาลัยสงขลานครินทร์ ท่านรับสั่งว่าขอให้ตั้งใจถ้าสอบได้ จะพระราชทานทุนให้เรียนจนจบ โห น้องน้ำตาท่วมก้มลงไปกราบอีกรอบ ทุกคนรอบข้างนี่น้ำตาไหลกันหมด... Cr.Otto Manu