....................................................................................................................................... ฉลองพระองค์ที่ไม่คุ้นตาเลย ทรงพระเจริญ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช H.M. King Bhumibol Adulyadej กรุงเทพมหานคร | Bangkok ถ่ายเมื่อปีค.ศ.1960 (พ.ศ.๒๕๐๓) Photographer: John Dominis Image Source: LIFE Magazine
บังเอิญเจอต้นฉบัับของรูปภาพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช HM King Bhumibol Adulyadej กรุงเทพมหานคร (พระนคร) | Bangkok ถ่ายเมื่อปีค.ศ.1961 (พ.ศ.๒๕๐๔) Photographer: Jack Garofalo Image Source: Paris Match Archive, France
กรุงเทพมหานคร (พระนคร) | Bangkok ถ่ายเมื่อปีค.ศ.1961 (พ.ศ.๒๕๐๔) Photographer: Jack Garofalo Image Source: Paris Match Archive, France พสกนิกรปูผ้า ในทางลาดพระบาท ตามทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดำเนินผ่านเพื่อประทับรอยพระบาท เก็บไปบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล เกือบลืมภาพนี้ในความทรงจำไป
คลิปที่ว่ากันว่าดังที่สุดในโลกออนไลน์ตอนนี้ แม่..หนูท้อง ถึงกับน้ำตาไหลเมื่อแม่พูดแบบนี้... BLUE HOUSE เผยแพร่เมื่อ 3 ส.ค. 2016 "แม่..หนูท้อง" ขอบคุณคลิปแนะนำจาก––@ปลาใหญ่ มักตายน้ำตื้น
มาม่าหน้าหม้อ เซ็ตมหาสมุทร มาม่าบอง มาม่าผัดปลากระป๋อง มาม่าไข่ปุย ตำถั่วหมูกรอบ แซลมอนเซ็ต ต้มเส้นหน้าหม้อ ชีสยืดๆ ข้าวต้มแห้ง มาม่ากุ้งซี๊ด ตามใจสั่ง ก๋วยจั๊บหน้าหม้อ เซ็ตกุ้งทศกัณฐ์ เซ็ตขาปูอลาสก้า มาม่าชีสตู้ม เซ็ตน้องปู ตำข้าวโพด Khon Kaen 40000 043 347 244
คู่ฝาแฝดที่จับมือกันมาเกิดเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้ยังรักกันเหมือนเดิม เมื่อสองปีที่แล้วมีเคสของฝาแฝดร่วมถุงน้ำคร่ำที่จับมือกันแน่นขณะลืมตาดูโลกพร้อมกัน และเป็นภาพที่สร้างความประทับใจให้ผู้คนมากมาย ปัจจุบันฝาแฝดคู่นี้ เจนนาและจิลเลียน ทิสเทิลเวท ทั้งคู่ยังคงรักกันเหมือนเดิม กรณีของ เจนนาและจิลเลียน ถือเป็นเคสหายากที่สามารถเกิดขึ้นได้เพียง 1 ใน 10,000 คนเท่านั้น พวกเธออยู่ในถุงน้ำคร่ำและรกเดียวกันขณะที่แม่ของเธอตั้งครรภ์ และพวกเธอเกิดห่างกันเพียง 45 วินาที ซึ่งเร็วมากพอที่พวกเธอจะได้ออกมาลืมตาดูโลกพร้อมกับจับมือกันแน่น ซึ่งภาพนี้ทำให้ทุกๆ คนที่อยู่ภายในห้องผ่าตัดต่างประทับใจเป็นอย่างมาก จนเป็นข่าวที่ถูกแชร์กันอย่างรวดเร็วในปี 2014 ตอนนี้ผ่านมา 2 ปีแล้ว และเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย สาวน้อยทั้งสองยังคงสนิทกันและไม่แยกจากกัน “บางครั้งที่สามีของฉันไปห้างสรรพสินค้า เขาจะพาลูก 1 คนไปกับเขา และฉันก็จะพาอีก 1 คนไปกับฉัน เวลาที่ต้องแยกกันแบบนี้ พวกเขาจะรู้สึกเสียใจ และถามหาอีกคนเสมอ พวกเธอรักกันมากและสนิทกันมากจริงๆเลย” แม่ของเจนนาและจิลเลียนให้สัมภาษณ์กับนิตยสารพีเพิล http://workpointtv.com/คู่ฝาแฝดที่จับมือกันมา/
โรงภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด (Hollywood Theatre) กรุงเทพมหานคร (นครหลวงกรุงเทพธนบุรี) | Bangkok ถ่ายเมื่อปีค.ศ.1971 (พ.ศ.๒๕๑๔) Image Source: Wilbur E. Garrett, United States — with Mahitti Seriputra. น่าจะเรียกได้ว่า โรงหนังสวรรค์ของเด็ก
ห้างไทยไดมารู ราชดำริอาเขต กรุงเทพมหานคร ถ่ายเมื่อปีค.ศ.1966 (พ.ศ.๒๕๐๙) เครดิตภาพ: Wolfgang Sievers — with Tassana Sualaytalab, Ying Ying and Chairat Chainopsiri. ภายในศูนย์การค้าไดมารูแห่งแรกฝั่งราชประสงค์(ไม่ใช่ราชดำริอาเขตแน่นอน) อันนี้ผมยังทันได้เดินเลย
ทุกประสบการณ์ล้วนมีค่า แม้เรื่องราวที่แย่ที่สุด ก็เกิดขึ้นเพื่อให้บทเรียนอันล้ำค่า อย่ารังเกียจผลักไส ให้เข้าใจ ยอมรับ และวางลง แล้วเดินหน้าต่อไป ด้วยหัวใจที่แข็งแรงขึ้น..ทุกวัน ชีวิตอมยิ้ม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ King Bhumibol Adulyadej and Queen Sirikit ดิสนีย์แลนด์ (Disneyland) แคลิฟอเนีย สหรัฐอเมริกา.
BEFORE ปรบมือให้พี่ตาหานดังๆด้วยกันค่ะ....ภาพที่เห็นนี้ ไม่มีขยะผักตบชวาแล้ว หลังพี่ตาหานเร่งงานทั้งกลางวันกลางคืน..จนได้เป็นแบบนี้...สุดยอดดดด..!!! @palm_phattanan
...................................................................................................... SiamUpdates.com ทรงพระสิริโฉมงดงานเหลือเกิน
ทรงพระเจริญ บทบรรยายธรรม ที่สมเด็จฯท่านได้นำมาสอนสั่งนี้ ทำให้กระผมได้เข้าใจความสุขที่แท้จริงแล้วว่า " ไม่มีสุขใด เสมอเท่าความสงบ" สาธุ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
เมือวานไปเดินตลาดเจออะไรคล้ายๆกัน แต่เป็นขนุน แม่ค้าบอกว่าไม่ใช่ทุเรียนเพราะไม่กินกับกะทิ ผมเลยไม่มันใจว่าใช่ ข้าวเหนียวทุเรียนหรือไม ดังนั้นไม่ว่าเป็นอะไร แต่น่ากินแล้วกัน
สวัสดีครับเพื่อนๆ "ชีวิตฉันขาดเธอไม่ได้" ผู้ขับร้อง ลินจง บุนนากรินทร์ cr : Rapeerambhai Devakul na Ayudhya
ดีใจที่สุดเลยครับ ที่ได้เจอคุณแสงธูปอีกครั้ง และหวังว่าครั้งนี้มิตรภาพของพวกเราคงจะยืนนาน คุณแสงธูปสบายดีนะครับ สุขภาพคงจะกลับมาดีเหมือนเดิมแล้ว พวกเราระลึกถึงตลอดเวลา
"ขอบคุณครับ"คุณ Familie สำหรับน้ำใจและมิตรภาพที่คุณมีให้ผมเสมอมา ผมก็ดีใจที่ได้กลับมาพบเพื่อนๆอีกครั้ง และดีใจที่มีเพื่อนที่คิดถึง ขอบคุณอย่างมากเลยครับ
ยักษ์เมืองไทยมีที่ไหนบาง “ยักษ์วัดแจ้ง” มี ๒ ตนคือ ยักษ์ด้านเหนือกายสีขาว มีชื่อว่า “สหัสเดชะ” ส่วนยักษ์ด้านใต้กายสีเขียว มีชื่อว่า “ทศกัณฐ์” ยืนเฝ้าที่ประตูซุ้มยอดมงกุฎทางเข้าพระอุโบสถ วัดอรุณราชวราราม “ยักษ์วัดโพธิ์” มีเพียง ๒ คู่ ๔ ตนเท่านั้น คือ ยักษ์กายสีแดง, ยักษ์กายสีเขียว, ยักษ์กายสีเทา และยักษ์กายสีเนื้อ ตั้งเก็บไว้ในตู้กระจกหน้าซุ้มประตูทางเข้าพระมณฑป หรือหอไตรจตุรมุข ซึ่งใช้เป็นที่เก็บรักษาพระไตรปิฎกของวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) “ยักษ์วัดโพธิ์” ตัวจริงมีลักษณะเช่นเดียวกับยักษ์ในเรื่องรามเกียรติ์ “ยักษ์วัดพระแก้ว” นายทวารบาลเฝ้าประตู ๒ ตน รูปยักษ์ยืนในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ขอขอบพระคุณที่มาของรูปภาพ : dayoffmagazine.com ในส่วนของ “ยักษ์วัดพระแก้ว” นั้น มีทั้งหมดรวม ๑๒ ตน เนื่องจากประตูวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) มี ๗ ประตู โดย ๖ ประตูมีรูปยักษ์ยืนปูนปั้นกายสูงใหญ่ถึง ๖ เมตร ประดับเคลือบสีประณีตงดงาม เป็น “นายทวารบาล” ยืนเฝ้าอยู่ประตูละ ๒ ตน ยักษ์มีชื่อเรียกต่างกันไป ซึ่งแม้จะคุ้นตาแต่ก็ไม่ค่อยมีใครรู้จักว่าเป็นยักษ์อะไร ยักษ์ทั้ง ๖ คู่ เหล่านี้ต่างก็มีที่มาจากวรรณคดีสำคัญเรื่องรามเกียรติ์ทั้งสิ้น เริ่มตั้งแต่คู่แรกที่ยืนเฝ้าประตูพระฤๅษี มีชื่อว่า จักรวรรดิ และอัศกรรณมารา คู่ที่ยืนเฝ้าประตูเกยเสด็จ (หน้า) มีชื่อว่า สุริยาภพ และอินทรชิต คู่ที่ยืนเฝ้าประตูหน้าวัว มีชื่อว่า มังกรกัณฐ์ และวิรุฬหก คู่ที่ยืนเฝ้าประตูวัดพระแก้ว มีชื่อว่า ทศคีรีธร และทศคีรีวัน คู่ที่ยืนเฝ้าประตูเกยเสด็จ (หลัง) มีชื่อว่า ทศกัณฐ์ และสหัสเดชะ และคู่สุดท้ายที่ยืนเฝ้าประตูสนามไชย มีชื่อว่า มัยราพณ์ และวิรุฬจำบัง ประตูที่ ๗ ประตูสุดท้าย คือประตูวิหารยอด อยู่ตรงข้ามกับวิหารยอด เป็นประตูเดียวที่ไม่มีรูปยักษ์ทวารบาล มีแต่ภาพยักษ์และภาพวานรเขียนไว้เท่านั้น ส่วน2ตนนี้ไม่ใช่ยักษ์ไทย “ลั่นถัน นายทวารบาล” หรือตุ๊กตาสลักหินรูปทหารนักรบจีนขนาดใหญ่ ที่ยืนถือศาสตราวุธเฝ้าซุ้มประตูเข้า-ออกในเขตพุทธาวาส ของวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็น “ยักษ์วัดโพธิ์” ขอขอบคุณ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=26201
พูดถึง"ยักษ์" ที่บ้านผมก็มีครับ"คุณฮิวตัน" ผมเคยอ่านในนิยาย เจอแต่"ยักษ์ที่แปลงโฉมเป็นสาวงาม" แต่ในชีวิตจริงผมเจอมากับตัวเธอเป็น"สาวงามที่แปลงกายเป็นยักษ์" เมื่อวานก็กลายร่างไปที ผมนี้ต้องทำตัวลีบไม่ส่งเสียงตอบโต้กลัวเธอจับไปตืบ สมัยก่อนมีหนังเรื่องหนึ่งที่พูดถึงยักษ์วัดแจ้งกับยักษ์วัดโพธิ์ "ท่าเตียน" "ไชโยภาพยนตร์" อำนวยการสร้างและกำกับโดย"สมโพธิ แสงเดือนฉาย" cr : saha088 สมัยนั้นหาดูยากมาก เคยเห็นใบปิดหนัง มาปิดที่ชุมทางรอรถ บขส.บ้านไผ่ ขอนแก่น ตอนนั้นแค่ดูใบปิดหนังก็ตื่นเต้นดีใจมากแล้ว
วันที่ 27 กันยายน 2559 เป็นวันท่องเที่ยวโลก ครม.ขอให้เพิ่มเป็นวันหยุดยาว 24-27 ก.ย.นี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อ่านต่อได้ที่: http://www.jobthaidd.com/variety-id30039.html
น้าายุทธ์ กะ ณ้าาเดช บิ๊กตู่เจอ"ณเดช" ชอบๆ..เอาวัยรุ่น มาแต่งผ้าขาวม้า ตามนโยบายนายกฯ โปรโมทผ้าขาวม้าไทย ที่งาน Otop @WassanaNanuam
เรื่องนี้ผมอาจจะลืมเลือนไปในความทรงจำ อ่านเจอเลยนำมาให้อ่านกัน เริ่มจากภาพนี้ แล้วก็ตามดูคำอธิบายภาพ ก็ได้คำประเมินว่าน่าจะมาจากเหตุการณ์นี้ น้ำผึ้งหยดเดียว กลายเป็นจลาจล ๒๖ ศพ ไม่น่าเชื่อ แค่ตำรวจจราจรจับแท็กซี่จอดรถในที่ห้ามจอด กลายเป็นจลาจลที่รัฐบาลต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน เอารถถังออกปราบ และเซ่นด้วยชีวิตคนไปถึง ๒๖ ศพ แต่ก็เกิดขึ้นมาแล้วในกาลครั้งหนึ่ง สาเหตุเริ่มเมื่อ ๑๙.๔๕ น. ของวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๑๗ หรือเดือนนี้เมื่อ ๔๐ ปีก่อน ตำรวจจราจร ๒ นายของ สน. พลับพลาไชย ขับมอเตอร์ไซค์ผ่านมาแถวโรงภาพยนตร์พัฒนากร ถนนเจริญกรุง พบแท็กซี่คันหนึ่งจอดแช่รอผู้โดยสารอยู่ในที่ห้ามจอด จึงบอกให้เคลื่อนย้าย แต่แท็กซี่ผู้นั้นซึ่งต่อมาทราบชื่อว่า นายพูน ล่ำลือประเสริฐ หรือ แซ่หลู่ วัย ๕๐ ยังมีอารมณ์ค้างที่ถูกจับเรื่องเดียวกันนี้มาแล้วเมื่อตอนเช้า จึงไม่ยอมเลื่อนรถ และล็อคประตูไว้ไม่ให้เปิด ตำรวจ ๒ นายนั้นจึงวิทยุเรียกเพื่อนตำรวจมาช่วย พอ ตำรวจมาสมทบเป็น ๔ นาย นายพูนเห็นว่า ถ้าขัดขืนต่อไปคงถูกทุบกระจกแน่ จึงยอมให้ควบคุมตัวไปโรงพัก แต่ปากก็ตะโกนไปตลอดทางว่า “ช่วยด้วย... ช่วยด้วย... ตำรวจซ้อม!” คำนี้โดนใจคนไม่น้อย จึงมีคนตามไปที่โรงพักเป็นขบวน และบอกต่อ ๆ กันไป จนมีคนออแน่นหน้าโรงพักถึง ๒,๐๐๐ คนเศษ ในจำนวนนี้ นอกจากจะมีไทยมุงคนชอบดูแล้ว ยังมี แท็กซี่ สามล้อเครื่อง แมงดา อันธพาล คนค้าของผิดกฎหมาย ซึ่งล้วนแต่เป็น ‘ขาประจำ’ ของตำรวจ ทั้งนั้น พ.ต.ท. ชัชวาลย์ สุมาวงศ์ สวญ. สน. พลับพลาชัย เขต ๒ เห็นว่าสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ จึงขอให้นายพูนออกไปพูดความจริงกับประชาชน แต่แท็กซี่เจ้าปัญหากลับตะโกนซ้ำอีกว่า “ตำรวจซ้อม!” คนที่ออกันอยู่จึงขว้างก้อนอิฐก้อนหินเข้าไปที่โรงพัก และจุดไฟเผารถตำรวจที่จอดอยู่ด้านหน้า เข็นพุ่งเข้าใส่ สน. ตำรวจเห็นว่าเหตุการณ์รุนแรงเกินไปแล้ว จึงยิงปืนออกไปเป็นการขู่ แต่ผู้ก่อเหตุกลับยิงสวนเข้ามาใน สน. ตำรวจจึงยิงโต้กลับไป ผลคือตายไปทันที ๕ ศพ ไปตายที่โรงพยาบาลอีก ๑ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมแตกกระเจิง นายพูนคนต้นเหตุฉวยโอกาสตอนชุลมุนนี้หลบหนีไปได้ การแตกหนีไปของผู้ชุมนุม ไม่ใช่เป็นการยอมแพ้ แต่กระจายกันออกไปก่อเหตุโดยรอบ สมบัติของทางราชการไม่ว่าป้ายจราจร ถังขยะ แผงกั้น มาตรเก็บเงินค่าจอดรถ ป้อมตำรวจถูกทำลาย พล.ต.ท. ณรงค์ มหานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระดมตำรวจจากหน่วยอื่นมาช่วย แต่ก็ไม่สามารถคลี่คลายการก่อจลาจลซึ่งกระจายไปทั่วย่านได้ รุ่งเช้า เหตุการณ์กลับคืนสู่ความสงบ ทิ้งแต่ซากของการระบายความแค้นไว้เกลื่อน ประชาชนต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บ้างก็สาปแช่งกลุ่มที่ก่อเหตุ บ้างก็ประณามตำรวจว่าใช้ความรุนแรงเกินเหตุ พอตกเย็น คนก็เริ่มมาชุมนุมที่หน้า สน. พลับพลาไชย อีก ตำรวจเข้าไปขอให้กลับบ้านก็ไม่ยอม พอค่ำก็ยิ่งมากขึ้น ตำรวจจึงใช้วิธียิงปืนขึ้นฟ้าขู่ กลุ่มคนที่ออกันจึงแตกกระจาย คืนนี้กลุ่มก่อกวนมีการวางแผนกันมา แบ่งกลุ่มสร้างสถานการณ์ไปรอบ ๆ ล่อตำรวจให้ออกไปปราบ แต่อีกกลุ่มก็พยายามจะบุกเผาโรงพักพลับพลาไชยให้ได้ บ้างก็ล่อตำรวจที่ลาดตระเวนให้สาดกระสุนใส่กลุ่มประชาชนที่ตัวเองแอบอยู่ข้างหลัง กลุ่มผู้ก่อความวุ่นวายได้ยึดรถเมล์มาจอดที่หน้า สน. พลับพลาไชยเตรียมเผา ตำรวจเข้าสกัดจับไว้ได้ ๒ คน อีกราว ๒๐ หนีไปได้ ๒๑ นาฬิกาเศษ มีมอเตอร์ไซค์กลุ่มหนึ่งมุ่งไปที่ย่านร้านขายปืนหลังวังบูรพา ตำรวจคาดว่าจะมาปล้นปืนเลยเข้าสกัด เกิดการยิงกัน กลุ่มมอเตอร์ไซค์จึงหนีไป ราว ๒๑.๓๐ น. ตำรวจลาดตระเวนมาถึงหัวมุมถนนแปลงนามด้านถนนเจริญกรุง ถูกขว้างระเบิดมือใส่ ทำให้ตำรวจบาดเจ็บไปหลายคน จับกลุ่มวัยรุ่นได้ ๒๑ คน พร้อมกันก็ได้รับแจ้งจากคนขับรถเมล์แดงสาย ๕๓ ว่าถูกยึดรถที่ถนนเยาวราช กลุ่มวัยรุ่นที่ยึดขับไปทาง สน. พลับพลาไชย ในเวลาใกล้ ๆ กัน รถเมล์อีกคันก็ถูกยึดที่สนามหลวง ขับมุ่งไปที่พลับพลาไชยเช่นกัน โดยมีมอเตอร์ไซค์ประมาณ ๑๐ คันคุ้มกัน และแวะรับวัยรุ่นตลอดทาง วัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่งราว ๒๐ คนได้เข้ายึดปั๊มน้ำมันเชลล์ที่สวนมะลิ ขนน้ำมันออกไป ประกาศว่าจะเผาโรงพักพลับพลาไชยให้ได้ หัวถนนแปลงนามที่ตำรวจถูกขว้างระเบิดมือไปไม่นาน ผู้ก่อกวนได้นำน้ำมันมาราดถนนแล้วจุดไฟ ตำรวจเข้าดับก็ถูกยิง จึงยิงตอบปรากฏว่าตายไป ๓ คน บาดเจ็บอีก ๓ ตอนดึก ผู้ก่อเหตุกลุ่มละ ๒๐ - ๓๐ คนชุมนุมปิดถนนหลายแห่ง มีมอเตอร์ไซค์วิ่งประสานงาน และมีรถบรรทุกเล็กวิ่งรับคนจากย่านเยาวราชและพลับพลาไชยไปส่งตามจุดต่าง ๆ รัฐบาลเห็นว่า การก่อการจลาจลขยายวงออกไปเรื่อย ๆ ไม่มีท่าทีว่าจะสงบ นายกรัฐมนตรีสัญญา ธรรมศักดิ์ จึงประกาศภาวะฉุกเฉินกลางดึก ให้ พล.อ. กฤษณ์ สีวะรา ผบ.ทบ. เป็นผู้อำนวยการรักษาความสงบแห่งชาติ เคลื่อนรถถังเข้าข่มขวัญตามจุดต่าง ๆ และส่งทหารเข้าร่วมปฏิบัติการกับตำรวจ แต่ก็ไม่สามารถทำให้ผู้ก่อเหตุเกรงกลัว กรมตำรวจได้เรียก ตชด. และตำรวจพลร่มจากค่ายนเรศวรหัวหินมาสมทบ กำชับก่อนออกปฏิบัติการเมื่อราว ๐๓.๐๐ น.ว่า ถ้าแค่ยั่วยุก็อย่ายิง จนกว่าจำเป็นต้องป้องกันตัว เมื่อตำรวจและทหารกระจายกันออกเคลียร์พื้นที่ เหตุร้ายจึงเริ่มเบาบางลง ในวันที่ ๕ กรกฎาคม รัฐบาลได้ส่งกำลังเข้าเสริมตามจุดต่าง ๆ ป้องกันเหตุร้ายตั้งแต่ ๑๖.๐๐ น. ตกค่ำกลุ่มก่อกวนรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ บางกลุ่มมีเป็นร้อย ออกก่อเหตุตามจุดต่าง ๆ กลุ่มหนึ่งจะเข้ายึดโรงพยาบาลจุฬาฯ แต่ก็ถูกขัดขวางและจับไว้ได้หลายคน ที่หน้าธนาคารเอเชีย สามแยก วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งตั้งด่านให้รถที่ผ่านมาหยุด ขอดูดน้ำมันใส่ขวด ตชด. และพลร่มทราบเหตุจึงรุดไป เผอิญมีรถพยาบาลนำไปข้างหน้า กลุ่มวัยรุ่นโบกมือให้หยุด แต่คนขับไม่ยอมหยุด เลยถูกยิง ตชด. จึงสาด เอ็ม ๑๖ เข้าใส่ ดิ้นตายไป ๑ ศพ ตำรวจได้สั่งให้ปั๊มน้ำมันทั่วกรุงเทพฯ ใส่กุญแจล็อคหัวจ่ายตั้งแต่ ๒๐.๐๐ น. ทำให้รถยนต์เดือดร้อน รถเมล์หลายคันน้ำมันหมด ส่วนรถเมล์ที่วิ่งผ่านย่านเยาวราช พลับพลาไชย ต่างหยุดวิ่ง เพราะกลัวจะถูกยึดรถ วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งราว ๓๐๐ คน มีมีดไม้เป็นอาวุธ เดินจากราชวงศ์มุ่งไป สน. จักรวรรดิ เมื่อ ตำรวจใช้เครื่องขยายเสียงประกาศให้สลายตัว กลุ่มวัยรุ่นเลยเบี่ยงไปออกเยาวราช พอถึงโรงภาพยนตร์คาเธ่ย์ก็เจอ ตำรวจทหารและพลร่ม จึงเกิดปะทะกัน กลุ่มวัยรุ่นวัยคะนองแตกกระเจิง ในเช้าวันที่ ๖ กรกฎาคม เริ่มตั้งแต่ ๐๘.๐๐ น. ตำรวจได้ออกค้นตามจุดที่สงสัยว่าจะเป็นที่หลบซ่อนของผู้ก่อความไม่สงบ และอธิบดีกรมตำรวจได้กำชับให้ตามตัวนายพูน ต้นเหตุที่แอบหนีไปกลับคืนมาให้ได้ ตำรวจและนักข่าวไปที่บ้านนายพูนแถวบุคคโล พบแต่บ้านปิดสนิท ไม่มีวี่แววตัวก่อเรื่อง ตกเย็นซึ่งตามปกติจะมีคนไปออกันที่หน้า สน. พลับพลาไชย แต่ในวันที่ ๖ นี้ คนบางตาลง ตำรวจทหารได้ตรึงกำลังเต็มอัตรา เหตุการณ์จึงกลับคืนเกือบปกติ รถเมล์ออกวิ่ง แต่ก็ยังมีการก่อกวนประปราย และมีวัยรุ่นตั้งกลุ่มรีดไถตามสี่แยกที่ไม่มีตำรวจทหาร เช้าวันที่ ๗ เหตุการณ์กลับคืนสู่ปกติ ร้านรวงในย่านจราจลเปิดกันมาก โรงภาพยนตร์เท็กซัสซึ่งอยู่ในใจกลางย่านเยาวราช เปิดฉายและมีคนดูพอสมควร รัฐบาลได้ประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินตั้งแต่ ๐๖.๐๐ น.ของวันที่ ๙ กรกฎาคม ตำรวจสรุปเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า ตัวการที่ปลุกปั่นก็คือ แก๊งมังกร กับ แก๊งอินทรี กลุ่มอันธพาลย่านเยาวราช มีคนตาย ๒๖ คน บาดเจ็บ ๑๒๔ คน และถูกควบคุมตัว ๙๗ คน สำหรับนายพูน ล่ำลือประเสริฐ คนต้นเหตุ เดินถนนไม่ได้เลยต้องยอมมอบตัว แต่ถูกฟ้องเพียงข้อหาจอดรถในที่ห้ามจอด ต่อสู้ขัดขวางและดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ถ้าในคืนนั้น เพียงแค่เขาเลื่อนรถไปตามคำเตือนของตำรวจจราจร เรื่องเศร้าสลดทั้งหมดนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าเชื่ออะไรง่าย ๆ ใช้ความคิดไตร่ตรองให้ดี จะตกเป็นเครื่องมือของพวกปลุกปั่นให้บ้านเมืองวุ่นวาย เพื่อความสะใจของตัวเองเท่านั้น ไม่มีใครได้อะไรเลย แม้แต่คนที่ปลุกปั่น http://www.all-magazine.com/ColumnD...ticleType/ArticleView/articleId/3798/---.aspx