เปิดเทอมมาไม่กี่วัน ก็มีนักเรียนชั้นเด็กเล็ก แต่งตัวผิดระเบียบซะแล้ว ดูซิเธอ ชั้นงี้เกาหัวเลย อิอิ กูขำ
ต้นคูนนี้เป็นต้นไม้ทีดอกสวยมากเลย โดยเฉพาะตอนช่วงหน้าร้อน ออกดอกกันเป็นทิวแถว ผมว่าสมกับเป็นต้นไม้ประจำชาติเราจริงๆ
แดดมาเยอะเลียผิว ก็อย่าลืมบำรุงผิวหน้ากันด้วยนะคะ มาสก์หน้าเสร็จแล้วเอาไปผัดเปรี้ยวหวานต่อ ได้ประโยชน์ 2 ต่อเรย อิอิ พึมพำพาไปทัวร์
คำพิพากษาฎีกาฉบับนี้ได้นิยามคำว่าความรักไว้ได้อย่างโรแมนติกมาก ๆ เลย ลองอ่านทั้งหมดดู เป็นเนื้อหาที่จำเลยขอศาลลดโทษที่ตนฆ่าสามีซี่งไปรักหญิงอื่น แต่ศาลไม่ให้ .. คำพิพากษาฎีกาที่ 6083/2546 ศาลฎีกาเห็นว่า “ความรักเป็นสิ่งที่เกิดจากใจไม่อาจบังคับกันได้ ความรักที่แท้จริงคือความปรารถนาดีต่อคนที่ตนรัก ความยินดีที่คนที่ตนรักมีความสุข การให้อภัย เมื่อคนที่ตนรักทำผิด และการเสียสละความสุขของตนเพื่อความสุขของคนที่ตนรัก จำเลยปรารถนาจะยึดครองผู้ตายเพื่อความสุขของจำเลยเอง เมื่อไม่สมหวัง จำเลยก็ฆ่าผู้ตาย เป็นความผิด และการกระทำที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ของจำเลยโดยฝ่ายเดียว มิได้คำนึงถึงจิตใจและความรู้สึกของผู้ตาย หาใช่ความรักไม่ ทั้งเป็นความเห็นผิดที่เป็นอันตรายต่อสังคมอย่างยิ่ง ศาฎีกาวิเคราะห์ว่าแม้หากผู้ตายได้กระทำอย่างจำเลยกล่าวอ้างว่าไปมีคนรักใหม่จริงก็ไม่ใช่การกระทำที่เป็นการข่มเหงจิตใจอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยจึงอ้างเหตุนี้เพื่อขอลดโทษไม่ได้” FACEBOOK PAGE ท่อนนี้แม่งใช่
อีกโพสหนึ่งของศักดานุภาพแห่งความรักอันกฎหมายหรือศาลสถิตยุติธรรมก็ไม่อาจบดบังได้ .. © สนับสนุนโดย Daily News แฟนเพจ “ทนายคู่ใจ” ได้นำสาระความรู้ทางกฏหมาย เรื่อง “คดีหมิ่นประมาท” ตอบข้อสงสัยระหว่างภรรยาหลวงกับภรรยาน้อย เผยแพร่ลงสื่อสังคมออนไลน์ให้ชาวเน็ตได้รับทราบกัน โดยระบุข้อความว่า “ปัญหาผัวเมียละเหี่ยใจนี่มีเข้ามาทุกวันเลยนะนี่ เรื่องตั้งแต่ผัวเมียเดือดร้อน ไปจนถึงผัวน้อยเมียเก็บทั้งหลาย ถึงขั้นตามไปตบตีอาละวาดกันก็มีจริงๆจังๆ หลังไมค์มีอีกบาน และโพสด่าก็อีกแยะ วันนี้เอาเบาๆ ก่อนจะบานปลายไปกว่านี้ คุณๆคิดว่าคนมาก่อนมีสิทธิ์ตามไปด่าเมียน้อยถึงที่ทำงานหรือเปล่าครับ ไปด่าว่าเขาเป็นเมียเก็บเมียน้อย ด่าว่าเป็นกระหรี่ปั้บ อะไรแบบนี้ วันนี้จะพามาดูกฎหมายเรื่องนี้กัน กฎหมายพื้นฐานนี่แหละไม่ต้องเอาอะไรมาดูกันให้เยอะ ก็เรื่องหมิ่นประมาทกันเนี่ยแหละครับ” เกี่ยวกับเรื่องนี้นั้น วันที่ 25 เม.ย.59 นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความชื่อดัง และเจ้าของแฟนเพจ “ทนายคู่ใจ” ดังกล่าว ได้อธิบายผ่าน “เดลินิวส์ออนไลน์” ไว้ว่า ..... ตามคำพิพากษาศาลฎีกา 472/2520 ตัดสินมาแล้วว่า ระหว่างการไปด่าใส่ร้ายผู้อื่น กับเรื่องใครจะเป็นชู้กับใครนั้น ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน ตามกฎหมายอาญามาตรา 326 และ 328 หากภรรยาน้อยฟ้องร้องเอาความภรรยาหลวง เหตุไปโพสรูปตนและชื่อของตน กระทำการประจานผ่านเฟซบุ๊กหรือไลน์ ไปเปิดสาธารณะให้เพื่อนๆจัดทีมมารุมด่าทอ จะผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) โดยมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท กันเลยทีเดียว (ใครที่เป็นเพื่อนๆก็พึงสังวรไว้ว่าจะพลอยเดือดร้อนไปด้วยหรือไม่) หากภรรยาตามกฎหมายประสงค์จะให้ศาลสั่งผู้มาทีหลังและสามี ห้ามเขาทั้งสองไม่ให้มีความรักต่อกันนั้น ศาลไม่มีอำนาจกระทำเช่นนั้น เพราะขัดต่อกฏหมายรัฐธรรมนูญ และสิทธิเสรีภาพของประชาชน แม้ศาลอาจจะทราบว่าไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม แต่ภรรยาตามกฎหมายมีสิทธิ์ตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง กำหนดไว้อย่างชัดเจน สามารถแค่ยื่นต่อศาลฟ้องเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนทำนองชู้สาวต่อสามี และต้องแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนว่าเขาทั้งสองยุ่งเกี่ยวกันตามกฎหมายในเชิงชู้สาว เพียงแต่กฎหมายไม่ได้ให้สิทธิ์ภรรยาตามกฎหมายไปด่าทอใครก็ได้ตามอำเภอใจ "มีคนโทรเข้ามาปรึกษาผมเยอะมาก เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่กฏหมายเป็นแบบนั้นจริงๆ คือถ้าเมียหลวงจะฟ้องแพ่งเรียกค่าทดแทน ก็ต้องจ้างทนาย และจ้างนักสืบหาหลักฐานให้ชัดเจนในการยื่นฟ้อง ค่าจ้างนักสืบตกวันละ 7 พันบาทขั้นต่ำ จะได้ภาพขนาดไหน ชัดเจนพอส่งฟ้องได้หรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง จึงจะสมควรฟ้องให้มีโอกาสชนะได้ นักสืบต้องถ่ายภาพขณะสามีพาหญิงอื่นผู้ที่จะถูกฟ้องร้องนั้นเข้าบ้าน หรือม่านรูด หรือที่ลับตาคนอื่นๆ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเข้า-ออกกี่ชั่วโมง ต้องนำสืบอย่างนี้เป็นตัวอย่างให้ศาลพิจารณา" "ผมเคยดูที่ศาลสั่งจ่ายหากหลักฐานมัดชัดเจน จะๆ คนฟ้องก็ไม่ได้เงินเยอะมากมายอะไร เมียหลวงฟ้องเอาเป็นเอาตาย ส่วนมากได้หลักแสนนิดๆเท่านั้นเอง บางทีได้ไม่คุ้มค่าจ้างต่างๆในการสืบ เมียหลวงอย่าเพิ่งเดือดนะครับ เพราะกฎหมายมันเป็นแบบนี้จริง ๆ ห้ามประจานเมียน้อยเด็ดขาด ยิ่งถ้าเป็นลูกจ้างพนักงานเอกชนไม่มีหวังได้ผลอะไรเลย เพราะองค์กรมักไม่ยอมเอาตัวเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องจริยธรรมของคนทำงาน" "เคยมีเมียหลวงแก้เผ็ดด้วยการโพสรูปอีกฝ่ายแบบเบลอๆหน้า แล้วแท็กเฟซบุ๊ก ซึ่งไม่ถือว่าหมิ่นประมาท แต่ได้แค่ความสะใจ ถ้าจะด่ากันก็ให้ใช้ตัวย่อ อย่าไปใส่เต็มยศ อย่าโพสรูปของเขาเด็ดขาด แต่ให้เก็บไว้เป็นหลักฐานรวมฟ้องกับหลักฐานอื่นที่ชัดๆ เช่นเข้าบ้านเข้าห้องไปอยู่ในที่ลับตาคนสองต่อสอง ไม่อย่างนั้นนอกจากเสียสามีเพราะเขารำคาญที่ตามจิกแล้ว ยังเสียเงินติดคุกอีกด้วย" ทนายความ ระบุ ทนายคู่ใจ
โจรกำลังจะปล้ำภรรยา ผัวเลยบอกเมียให้เข้มแข็งไว้นะที่รัก แต่หลังจากนั้น ผัวถึงกับช็อคเมื่อเมียพูดแบบนี้!! นักโทษคนหนึ่งหนีออกจากคุกซึ่งติดมาเป็น เวลา 15 ปีเขาพกปืน และหนีเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งเพื่อจะหาเงิน แต่กลับพบกับสามี ภรรยาคู่หนึ่งอยู่บนเตียงเขาสั่งให้ผู้ชายออกจากเตียงและมัดไว้กับเก้าอี้ ขณะที่เขามัดผู้หญิงไว้กับเตียง และจูบที่คอ จากนั้นเขาก็ผุดลุกขึ้นเข้าห้องน้ำไปอย่างรีบร้อนขณะนั้นเองสามีก็กล่าวกับภรรยาว่าฟังว่า "ที่รัก..ชายคนนั้นเป็นนักโทษหนีคุก ดูที่เสื้อเขาซิ! เขาอยู่ในคุกหลายปีและไม่เคยเจอผู้หญิงเลย ฉันเห็นเค้าจูบที่คอคุณ ถ้าเขาต้องการเซ็กส์ อย่าขัดขืน หรือบ่นอะไร ทำอย่างที่เขาบอก ชายคนนี้อันตรายมาก ถ้าทำให้เค้าโกรธ เราอาจจะถูกฆ่า เข้มแข็งไว้นะที่รัก ฉันรักคุณ" ภรรยาเค้ากลับตอบว่า :…… ‘เขาไม่ได้จูบที่คอฉันหรอกที่รัก…… เขาแค่กระซิบกับฉันว่าเขาเป็นเกย์ เขาติดคุกมานาน เค้าคิดว่าคุณน่ารัก และถามว่าเรามีวาสลีนมั้ย? ฉันก็ตอบเค้าไปว่ามี อยู่ในห้องน้ำ เข้มแข็งไว้นะที่รัก ฉันก็รักคุณเหมือนกัน
น่าอ่านมากค่ะ กัปตัน นายแพทย์ กรพรหม แสงอร่าม "คุณหมอนักบินผู้ทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่ 2 หน้าที่ เพื่อสังคมและเพื่อชาติ" หมอกับนักบิน ไม่น่าจะหลอมรวมอยู่ในคนเดียวกันได้ ถ้าไม่ใช่เพราะความมุ่งมั่น อยากทำในสิ่งที่รัก จนในที่สุด คุณหมอต้วง-กรพรหม แสงอร่าม นักบินการบินไทย และนักบินเทสต์ ไฟลท์โบอิ้ง 777 สามารถพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า คนเราเกิดมาไม่จำเป็นต้องยึดติดกับอาชีพใดอาชีพหนึ่ง ขอเพียงแต่ใช้ทุกบทบาทหน้าที่ให้เป็นประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวม... เท่านี้ก็ถือว่าบรรลุความเป็นคนแล้ว “หมอต้วง” เป็นลูกชายคนเดียวของอดีตนักจัดรายการชื่อดัง “กรรณิกา ธรรมเกษร” เขาใฝ่ฝันอยากเป็นนักบินตั้งแต่จำความได้ อินสุดๆถึงขนาดที่ว่า แค่ได้เห็นเครื่องบิน, ได้ยินเสียงเครื่องบิน หรือได้กลิ่นน้ำมันเครื่องบิน ก็มีความสุขได้ทั้งวัน กระนั้น เนื่องจากที่บ้านมีนักบินอยู่แล้ว 5-6 คน ทั้งพ่อ, อา และอาเขย แถมคุณปู่ยังเป็นทหารบก และนักบินพลเรือน คุณพ่อของเขาจึงอยากให้ลูกชายเป็นหมอมากกว่านักบิน โดยช่วงที่เอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย ได้เอารางวัลใหญ่มาล่อ สัญญาว่าถ้าสอบเข้าแพทย์ได้ จะซื้อรถให้ขับ ด้วยความที่อยากได้รถ ไม่ได้คิดอะไรไปไกลกว่านั้น ทำให้ “หมอต้วง” มุมานะอ่านหนังสือจริงจัง จนเอ็นฯติดคณะแพทยศาสตร์จุฬาฯ เลยจับพลัดจับผลูต้องเรียนหมอจนจบ 6 ปี และไปใช้ทุนอีก 3 ปี ที่ จ.ปราจีนบุรี ฝันอยากเป็นนักบิน แต่ต้องเรียนหมอรู้สึกเซ็งไหม? ใจจริงอยากสอบเข้าโรงเรียนนายเรืออากาศ แต่พอเอ็นฯติดแพทย์ก็ลองเรียนดู ซึ่งต้องอาศัยความอึดมาก และไหนๆอุตส่าห์เรียนมาได้จนจบ จึงไม่ อยากทิ้งวิชาความรู้ไปเฉยๆ บอกตัวเองว่า อย่างน้อย ก็ควรลองเป็นหมอดูสักตั้งก่อน ส่วนเรื่องเป็นนักบินทำเป็นงานอดิเรกก็ได้ จันทร์ถึงศุกร์ ก็เป็นคุณหมอไป พอเสาร์อาทิตย์ค่อยขับเครื่องบินเล่น โดยระหว่างที่ไปใช้ทุน 3 ปี กะว่าจะแบ่งเวลาไปเรียนขับเครื่องบินที่สถาบันการบินพลเรือน อ.หัวหิน ทุกอย่างเป็นไปตามแผนไหมคะ? ก็ถือว่าใกล้เคียง!! คือได้เรียนบินสมใจ เพียงแต่ต้องขับรถไกลหน่อย เพราะจับฉลากปิงปองได้ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งใช้เวลาเดินทางเกือบ 5 ชม. กว่าจะถึงหัวหิน พวกเราเรียกธรรมเนียมนี้ว่า จับฉลากปิงปองพาโชค นักเรียนหมอที่จบจากทั่วประเทศพันกว่าคน ต้องมาจับฉลากพร้อมกันหมด เพื่อเลือกจังหวัดที่ต้องการไปใช้ทุน วิธีจับฉลากคือ จะเอาลูกปิงปองเขียนแต้มไว้ ตั้งแต่ 10-60 ใส่ไว้ในปี๊บ ใครจับได้คะแนนเยอะสุด ก็มีสิทธิ์เลือกก่อน ฉะนั้น ต้องคำนวณให้รอบคอบ เพราะถ้าจังหวัดไหนคนแห่เลือกเยอะ โอกาสของเราก็น้อยลง หรือจังหวัดไหนมีโควตาน้อย โอกาสพลาดก็สูง ตอนนั้น จ.เพชรบุรีซึ่งใกล้หัวหินที่สุดรับตำแหน่งเดียว คิดแล้วว่าคงสู้ไม่ไหว เลยถอยไปตั้งหลักใหม่ จำได้ว่า วันนั้นเอาแผนที่ประเทศไทย และวงเวียนไปกางเลย รอบแรกอยู่ในรัศมี 2-300 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ แต่ถ้าหลุดรอบแรกไปแล้วจะเริ่มเขยิบออกไปเรื่อยๆ จนรอบสุดท้ายโน่นไปตกที่ยะลา หรือนราธิวาส ก็คุยกับเพื่อนๆว่า ถ้าไม่อยากไปจับรอบสุดท้าย ต้องเลือกเอาที่เดียวแล้วได้เลย ยอมเลือกไกลๆหน่อย แต่ขอรอบแรก ตอนนั้น จ.ปราจีนบุรี รับ 9 คน ซึ่งก็ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และก๊วนผมก็ไปกันได้เกือบหมด เลยตกลงเลือกเหมือนกัน ปรากฏว่าได้ยกกลุ่ม!! ตอนนั้นมีให้เลือกหลายอำเภอ แต่ผมขอไปประจำที่โรงพยาบาลเล็กๆใน อ.บ้านสร้าง เพราะมีโควตาหมอแค่ตำแหน่งเดียว จะได้ทำงานรวดเดียว ตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ ไม่ต้องแบ่งเวรกับหมอคนอื่น พอถึงวันหยุดก็มีเวลาเรียนบินเต็มที่ แถมยังได้เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลด้วย ปราจีนบุรีกับหัวหินห่างกันตั้งไกล ถอดใจยอมแพ้บ้างหรือเปล่า? ขอให้ได้บิน ทำได้ทุกอย่าง!! ทุกอาทิตย์ผมจะตั้งตารอว่า เมื่อไหร่จะถึงวันเสาร์อาทิตย์ เพราะอยากไปหัวหิน อยากเป็นนักบินเร็วๆ ส่วนใหญ่จะออกเดินทางตั้งแต่เย็นวันศุกร์ หรือไม่ก็เช้าวันเสาร์ ขับจากปราจีนบุรีไปหัวหิน ใช้เวลา 5 ชม. เสาร์อาทิตย์หนึ่งบินจริง 2-3 ชม. ที่เหลือก็เรียนทฤษฎี ผมใช้ทุนทางบ้านไปเรียนบิน หมดไปเกือบ 3 ล้านบาท ในช่วง 2 ปี เป็น ผอ.ตั้งแต่อายุ 21 ทำยังไงให้คนซูฮกคะ? ไปอยู่ใหม่ๆ ลูกน้องเกลียดผมมาก!! ช่วง 6 เดือนแรก ไม่มีใครพูดด้วยเลย ต้องไปซื้อข้าวกินในตลาดคนเดียว เดินไปตรงไหน ลูกน้องวงแตกหมด ลือกันว่าผมดุเหมือนหมา!! ที่จริงเราก็ไม่ได้ตวาดนะ แค่พูดให้ได้คิดเอง เราอยากพัฒนาโรงพยาบาลให้ดีขึ้น แต่พวกเขาคงเคยชินกับระบบข้าราชการเก่าๆ บางคนอายุมากกว่าพ่อผม คงเปลี่ยนยาก!! ที่จริงผมไม่ได้ไปจู้จี้อะไร แค่จัดระเบียบในโรงพยาบาลใหม่ เช่น บอกฝ่ายธุรการว่า พอ 8 โมงครึ่งให้ขีดเส้นแดงที่สมุดเซ็นชื่อเข้างาน แล้วเอาสมุดมาไว้ที่ห้องผม ใครมาสายให้มาเซ็นกับผมเอง หรืออย่างพื้นโรงพยาบาลสกปรก มีเศษขยะ ผมก็หยิบไม้กวาดมาทำเอง เรียกว่าเป็น ผอ.ต้องทำหมดทุกอย่าง ตั้งแต่ตรวจคนไข้, สั่งยา, บริหารโรงพยาบาล เรื่องส้วมตัน หรือกระโถนคนไข้ ก็ต้องดูแลหมด ทำเยอะมากมีปัญหามาก จนช่วงหนึ่งรู้สึกท้อแท้ คิดว่า อ.บ้านสร้างมีหมอมาทั้งปีแล้ว ลองไม่มีหมอบ้างก็คงอยู่ได้ เลยตัดสินใจสมัครไปเป็นแพทย์อาสา ที่ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส เป็นติ่งสุดของประเทศไทย อยู่ที่นั่นได้เกือบเดือน ถึงกลับมาใช้ทุนต่อ กลับมาปราจีนบุรีรอบสอง สถานการณ์ดีขึ้นไหม? เหมือนเราได้ ไปชาร์จแบต ทำให้ใจเย็นขึ้น ปัญหาเดิมๆก็ยังมีอยู่ แต่เราพยายามทำทุกอย่างให้ลูกน้องเห็นความตั้งใจจริงว่าเราอยากพัฒนาโรงพยาบาลจริงๆ จนช่วงปีสุดท้าย พวกเขาเริ่มเข้าใจ และงานโรงพยาบาลก็ไปได้ดี เราได้รางวัลโรงพยาบาลชุมชนดีเด่นภาคตะวันออก เป็นโรงพยาบาลขวัญใจประชาชน มีแต่คนขอย้ายเข้าไม่มีออก ตอนหลังลูกน้องทุกคนก็แฮปปี้ ช่วงที่ผมเป็น ผอ.ได้ทำอะไรไว้เยอะ รวมถึงการเรี่ยไรเงินชาวบ้านได้ 4 ล้านบาท นำมาขยายโรงพยาบาล และซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้ทันสมัยขึ้น ใช้ทุนเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ได้เป็นนักบินสมใจหรือยัง? ยังติดลมอยู่ เลยเลือกเรียนต่อเฉพาะทางด้านผ่าตัดหัวใจ ที่ รพ.จุฬาฯ อยากเป็นหมอหัวใจ เพราะเมืองไทยยังมีน้อย จะได้ช่วยชีวิตคนเยอะๆ ผมเป็นคนที่ 117 ของประเทศ ก่อนเรียนผ่าตัดหัวใจต้องปูพื้นด้วยผ่าตัดทั่วไปก่อน 3 ปี จนจบสอบได้ ถึงมาเรียนผ่าตัดหัวใจอีก 2 ปี ใช้เวลาคลุกคลีกับการผ่าตัดอยู่หลายปี ก็เริ่มกลับมาถามตัวเองว่า เราจะยืนผ่าตัดนานๆอย่างนี้จน 60 ไหวไหม อย่างธรรมดาๆต้องผ่าตัด 5-6 ชม. เคสที่เคยยืนผ่าตัดนานที่สุด ก็ 18 ชม. เลยกลับไปคิดใหม่ว่า เรามีใบอนุญาตนักบินพาณิชย์อยู่แล้ว น่าจะกลับไปสู้อีกครั้ง ลองสอบนักบินการบินไทยดู ถ้าสอบไม่ได้ก็เป็นหมอต่อไปแต่ถ้า สอบได้ ค่อยมาคิดว่าอยากเป็นหมอหรือไม่เป็น เผอิญช่วงสอบการบินไทย ใกล้กับสอบวุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญแพทย์ผ่าตัดหัวใจ ตำราแพทย์ที่ต้องอ่านกองสูงถึงเอว มีเวลาเตรียมตัวแค่เดือนเดียว ก็ต้องตะลุยอ่านหนังสือสลับไปสลับมา เช้าอ่านเรื่องเครื่องบิน กลางคืนอ่านหัวใจ เป็นอย่างนี้ทุกวัน ไม่ออกไปไหน ปรากฏว่าสอบผ่านทั้งสองอย่าง โอ้โฮดีใจมาก!! เชื่อไหมว่าหน้าเรายิ้มอยู่ประมาณเดือนหนึ่ง เรียกว่าตื่นมาหน้าเมื่อยมากเลย เพราะยิ้มมีความสุขมาก ที่สอบนักบินได้ แล้วอาชีพหมอละคะ วางมือไปเลยหรือเปล่า? ถึงจะเป็นนักบินการบินไทย แต่งานผ่าตัดหัวใจก็ไม่ได้ทิ้ง เพราะอาจารย์จะโทรมาตามให้ไปช่วยตลอด ช่วยที่ รพ.จุฬาฯ กับนเรศวร พิษณุโลก และช่วงนี้ยังไปช่วยที่ รพ.เด็กด้วย เพราะในเมืองไทยมีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้น้อยมาก เดือนหนึ่งก็จะผ่าตัดสัก 5 ราย ใช้เวลาช่วงวันหยุด หรือถ้าฉุกเฉินจริงๆ จะขอลากิจลาป่วย ซึ่งทางการบินไทยก็เข้าใจดี ทริปแรกที่ได้เป็นนักบินเต็มตัว รู้สึกตื่นเต้นไหมคะ? ทุกอย่างเหมือนฝัน เวลาไปบินไม่เหมือนไปทำงาน เหมือนพักผ่อนมากกว่า ทริปแรก จำได้ว่าบินไปภูเก็ต วิ่งขึ้นตอนกลางคืน อากาศดี ฝนเพิ่งหยุดตก กรุงเทพฯตอนกลางคืนสวยมาก...โอ้โฮเราได้ขึ้นมาบิน เครื่องบินใหญ่จริงๆเหรอเนี่ย มีความสุขมาก!! อีกอย่างที่ประทับใจคือ ในทริปแรกมีสจ๊วตที่เคยเป็นคนไข้ของผมร่วมบินด้วย เขามีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง และผมเป็นคนผ่าตัดซ่อมหัวใจให้เขา ที่ รพ.จุฬาฯ หลังจากนั้นอีก 2 ปี หัวใจที่ซ่อมไว้ก็ไม่ไหวแล้ว ต้องเปลี่ยนใหม่ ผมแนะนำให้คนไข้รอช่วงปีใหม่ เพราะปีใหม่มีอุบัติเหตุเยอะ และก็ได้จริงๆ อาจารย์ผมโทรมาบอกช่วงเช้ามืด วันปีใหม่ว่า ได้หัวใจแล้ว ตอนนั้นผมต้องบินกรุงเทพ-เชียงใหม่ และต่อด้วยกรุงเทพ-ฮานอย ก็คิดว่าเอาไงดีละ เลยโทรไปขอลาป่วย บอกตรงๆว่าจะลาไปผ่าตัดคนไข้เป็น พนักงานการบินไทย เขาก็หานักบินมาแทนให้ คิดไว้แล้วว่า ถ้าหาคนบินแทนไม่ได้จริงๆ จะเรียกคุณพ่อมาบินแทน เจอเรื่องตื่น เต้นบนเครื่อง บินบ้างไหม? ส่วนใหญ่ เป็นเรื่องอาการป่วยของผู้โดยสาร อย่างไฟลท์ หนึ่งบินไปญี่ปุ่น เกิดอะไรขึ้นไม่รู้ มีผู้โดยสารนอน ป่วยอยู่ท้ายเครื่อง 4-5 คน แอร์โฮสเตสไปตามผมมาดูอาการ เพราะรู้ว่าเป็นหมอด้วย ผมยังแซวว่า นี่เครื่องบิน หรือโรงพยาบาลกันแน่ โชคดีที่ตรวจดูแล้ว ไม่มีใครเป็นอะไรมาก ส่วนอีกไฟลท์ไปญี่ปุ่นเหมือนกัน มีผู้โดยสารปวดท้องมาก ไม่สบาย ก็ประกาศหาหมอในเครื่อง ปรากฏว่าเจอแต่นางพยาบาลญี่ปุ่น เขาก็มาช่วยดู ตรวจเสร็จเรียบร้อย บอกเขาให้ช่วยฉีดยาคนไข้ แถมยังสั่งด้วยว่า ให้วัดความดันทุก 15 นาทีในช่วงแรก และช่วงต่อไปวัดทุก 1 ชม. เขาก็พยักหน้างงๆ แต่ก็เต็มใจทำ พอเรากลับเข้าไปบินต่อ ถึงค่อยนึกได้ว่า เขาเป็นผู้โดยสารบิสซิเนสคลาส นะ ไปใช้เขาได้ยังไง ตั้งแต่เป็นนักบินมาเคยประสบอุบัติเหตุไหมคะ? เป็นนักบินการบินไทยมา 6-7 ปี ยังไม่เคยเจออุบัติเหตุ เพราะถ้ามีพายุก็จะวนเครื่องบินรอ ไม่ฝืนเอาเครื่องบินลง แต่เคยเจออุบัติเหตุใหญ่ ตอนเรียนขับเฮลิคอปเตอร์ ตอนนั้นอาจารย์ปล่อยให้บินเดี่ยวครั้งแรก เรากำลังคึกก็บินออกไปเลยด้วยความมั่นใจ ปรากฏว่าบินออกไปได้ไม่เท่าไหร่ เครื่องบินหมุนติ้วๆๆ ไม่หยุด ประมาณสัก 7 วินาที เครื่องก็เสียระยะ ค่อยๆหล่นลงมาเรื่อยๆจนจะถึงพื้นอยู่แล้ว ด้วยความที่ประสบการณ์น้อย ทำให้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้สึกแต่ว่าเราจะตายอยู่แล้ว สักพักถึงได้ตั้งสติและนึกถึงคำพูดครูว่า ถ้าไม่รู้อะไร ให้ลดมุมปะทุหลัก และรีบจูนหัวขึ้นให้มีฟอร์เวิร์ด สปีด แล้วจะรอด เราก็ลองทำทีละขั้นตอน ปรากฏว่าหลุดออกมาได้ เป็นครั้งที่เฉียดตายที่สุดแล้ว เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ขนลุกจนเจ็บไปทั้งตัว!! ตั้งแต่นั้นมา ก็เลยได้บทเรียนว่า จะเป็นนักบินที่ดีต้องมีสติ, มีไหวพริบ, ไม่แหกกฎ, มีการตัดสินใจที่ดี ช้าไปก็ไม่ดี เร็วไปก็ไม่ดี ต้องรู้จักประมวลเหตุการณ์อะไรหลายๆอย่างมาตัดสินใจ เพื่อหาทางออกดีที่สุด ความสุขของการเป็นหมอกับนักบินแตกต่างกันอย่างไรคะ? ผมว่าหมอกับนักบินคล้ายคลึงกันนะ ตอนเป็นหมอ เราจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นคนไข้เดินกลับบ้านอย่างปลอดภัย และมีญาติมารับ ส่วนเป็นนักบิน ก็รู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่ได้เห็นผู้โดยสารเดินลงจากเครื่อง และถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ เรียกว่าเป็นความสุขใจที่ได้เห็นคนเดินจากไป ผมว่าถ้าเราเรียนจบหมอ แล้วคิดอยู่อย่างเดียวว่าต้องผ่าตัดคนไข้ ไม่ยอมทำอย่างอื่น วันหนึ่งก็ต้องถึงทางตัน เชื่อสิว่า คนเราเกิดมาต้องทำทุกอย่างทุกบทบาทที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม อย่างตอนนี้ ผมได้นำความรู้ด้านการแพทย์มาช่วยนักบินการบินไทย ในกลุ่มงานติดตามดูแลเวชศาสตร์นักบิน มีหน้าที่ให้คำแนะนำวิธีรักษาที่ดีที่สุด และติดต่อประสานงานกับสถาบันวิทยาศาสตร์การบิน รวมทั้งเตรียมความพร้อมทางการแพทย์บนเครื่องบิน และรณรงค์เรื่องการออกกำลังกายของนักบิน ทุกวันนี้ หมอต้วง กรพรหม แสงอร่าม บอกว่าเขามีความสุขใจทั้งการเป็นหมอและนักบิน ในฐานะหมอ สุขเมื่อเห็นคนไข้เดินกลับบ้านอย่างปลอดภัย ในฐานะนักบิน เขาภูมิใจทุกครั้งที่ได้เห็นผู้โดยสารเดินลงจากเครื่อง และถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ...และนี่อาจเป็นบุคคลต้นแบบที่สังคมกำลังถามหาอยู่ก็เป็นได้ เครดิต: kapook.com,thairath.co.th
คุณหมอลูกชายคุณกรรณิกา ธรรมเกษรไม่น่าเชื่อ ผมคงไม่ได้ตามข่าวคุณกรรณิกา เลยไม่ทราบว่ามีลูกชายเก่งมาก เป็นที่น่าภูมิใจเหลือเกิน คำพูดในบทความที่ดีมาก น่าเอาไปใช้ และผมว่าเหมาะกับทุกอาชีพ แล้วนี้ละน่าจะเป็นปฐมบทของการใช้สติ และความสุขุมในการทำงาน หนูอ้อยน่าจะจดได้แล้วติคือ " จะเป็นนักบินที่ดีต้องมีสติ, มีไหวพริบ, ไม่แหกกฎ, มีการตัดสินใจที่ดี ช้าไปก็ไม่ดี เร็วไปก็ไม่ดี ต้องรู้จักประมวลเหตุการณ์อะไรหลายๆอย่างมาตัดสินใจ เพื่อหาทางออกดีที่สุด "