พอดีไปเจอทั้งรูป ทั้งพาดหัวบทความนี้เข้า เขาว่า... ------------------------------------------------------------------------------------------------------- โดยมีเนื้อหาว่า... ------------------------------------------------------------------------------------------------------- ‘เพื่อไทย-นปช.’ต้องสมดุล ‘อำนาจ-มวลชน’ : ขยายปมร้อน โดยอรรถยุทธ บุตรศรีภูมิ ถือว่าไม่เหนือความคาดหมาย ที่พรรคเพื่อไทยและ นปช. ประกาศไม่เข้าร่วมให้ความเห็นต่อกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพราะดูจากท่าทีที่ยื้อไปมาแต่ต้นก็พอจะเดาออกได้เลาๆ แต่เหตุใดที่ทำให้พรรคเพื่อไทยและ นปช. ตัดสินใจเช่นนั้น ประการแรกเราต้องเข้าใจก่อนว่า ทั้ง "เพื่อไทย" และ "นปช." ต่างเป็นแขนขาของกันและกัน แม้จะมีความพยายามปฏิเสธว่าทั้งสองไม่ขึ้นตรงต่อกัน แต่รากเหง้าการเกิด การเติบโต และการดำรงอยู่ ต่างก็อาศัยซึ่งกันและกัน ดังนั้นการตัดสินใจจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะต่างกัน แม้ในวันที่เห็นต่างกันก็ตาม ประการต่อมาคือ จุดแข็งของทั้งสองคือ การใช้ประชาธิปไตยแบบเสียงข้างมากเป็นตัวหนุนหลังความชอบธรรมในการดำเนินการ รวมถึงการประกาศตัวปฏิเสธอำนาจนอกระบบในทุกวิถีทาง พวกเขาจะยังได้รับความนิยมจากมวลชนอยู่ตราบใดที่ยังยึดหลักนี้อยู่ ว่ากันตามจริงแล้ว หลังการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทั้งพรรคเพื่อไทย และ นปช. ถูกตั้งคำถามจากมวลชนอยู่ไม่น้อย ถึงการสยบยอมต่อการยึดอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นการหยุดความเคลื่อนไหว การไม่ต่อสู้ การยอมเข้าไปรายงานตัว และทำตัวเป็นเด็กดีของ คสช.ในหลายๆ ครั้ง ดังจะเห็นได้จากช่วงแรกมีการยอมไปขึ้นเวทีปรองดองที่จัดขึ้น ท่ามกลางสายตาที่เริ่มมองว่าพวกเขากำลังทำเพื่อตัวเองหรือไม่ แม้จะบอกว่า ที่จำต้องทำเพราะถูกบีบบังคับ แต่สายสุดขั้วก็ยังตั้งคำถามอยู่ดีว่าอำนาจที่ประชาชนให้ไปในการเลือกตั้งนั้นย่อมต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบในการพิทักษ์อำนาจ แต่ขณะที่มวลชนโดยมากแม้จะมองอย่างเข้าใจ แต่ก็ใช่ว่าจะสนิทใจเหมือนอย่างที่ผ่านๆ มา ดังนั้นความเคลื่อนไหวในครั้งนี้จึงถูกจับตาเป็นพิเศษว่า"เพื่อไทย-นปช." จะยอมเข้าร่วมกับกระบวนการ "ขอความเห็น" จากกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะหากพวกเขายอมเข้าร่วมก็ยิ่งจะถูกตั้งคำถามหนักกว่าเดิมถึงจุดยืนการไม่เข้าร่วมกระบวนการหลังยึดอำนาจ และอาจจะหมายถึงกระบวนการรับรองความชอบธรรมอีกด้วย ในขณะเดียวกันก็ย่อมต้องรักษาความสมดุล เพราะอำนาจ ณ ปัจจุบันก็กำลังมองพวกเขาอย่างหวาดระแวง แต่ครั้นจะกระโดดเข้าร่วมเลยก็จะยิ่งเสียมวลชนหนักเข้าไปอีก คำถามคือ ทำไมพวกเขายังต้องรักษามวลชนเอาไว้ ทั้งๆที่ผู้มีอำนาจขณะนี้พยายามที่จะสลายมวลชนทางการเมืองทิ้ง คำตอบมีเพียงหนึ่งเดียวคือ วันนี้กลุ่มพวกเขาอยู่ในสถานะ "รอคอย" เพราะเชื่อว่าอำนาจแบบนี้จะไม่อยู่ยั่งยืน และมีความจำเป็นต้องคืนอำนาจโดยการเลือกตั้ง เมื่อถึงวันเลือกตั้งพวกเขาก็ยังมั่นใจว่า อย่างไรเสียถ้าโลกไม่ถล่มดินไม่ทลายพวกเขาก็จะกลับเข้าสู่อำนาจ ดังนั้นวันนี้ทุกองคาพยพในขั้วดังกล่าวจึงอยู่ในภาวะหยุดนิ่ง รอว่า คสช.จะทำตาม "สัญญา" หรือไม่ ถ้าทุกอย่างไม่เป็นไปตามนั้น 1 ปี ผ่านไปแล้วไม่มีเลือกตั้ง คสช.ยังอยู่ในอำนาจ นี่ก็เป็นเวลาที่ต้องใช้มวลชนเข้ากดดัน จริงอยู่ที่หากถึงเวลานั้นแล้วฝ่ายการเมืองเองอาจจะไม่ต้องลงทุนลงแรงปลุกม็อบ เพราะมีความเป็นไปได้สูงว่า คนในสังคมย่อมขยับด้วยตัวของตัวเอง โดยมิต้องรอพรรคการเมือง หรือขั้วอำนาจมาสนับสนุน แต่หากเลือกที่ปล่อยไปเรื่อยๆ ไม่รักษามวลชน และถึงวันที่ว่าขึ้นมาจริงๆ พวกเขาเองต่างหากที่จะเป็นฝ่ายตกขบวน และเมื่อนั้นสิ่งที่แน่ก็อาจจะไม่แน่อีกต่อไป งานนี้พวกเขาจึงต้องรักษาสมดุลให้ดี "อำนาจรัฐก็ต้องเอาใจ มวลชนก็ต้องจัดไปอย่าให้เสีย" นี่คือภาวะที่ "เพื่อไทย-นปช." ต้องรักษาสมดุลไปเรื่อยๆ จนกว่าจะครบ 1 ปี http://www.komchadluek.net/detail/20141126/196648.html ------------------------------------------------------------------------------------------------------- พออ่านๆไปจนจบ ก็เริ่มร้องอ๋อ ขึ้นมาทันที... เพราะเข้าใจ และเชื่อว่า... บทความนี้ เบิกตังค์ได้... ด้วยเหตุที่อย่างน้อย ก็ประโลมใจชาวไพร่-นปช.-สมุน-บริวาร ได้ไม่มากก็น้อยแหล่ะฟร๊ะว่า... พรรคเผาไทยจะยังคงอยู่ยั้งยืนยงต่อไป จนถึงวันเลือกตั้งอันใกล้นี้... หรือเพื่อนๆ คิดเห็นกันเช่นไร เชิญได้ครับ...
สร้างสมดุลเพื่อรอแก้วสามประการครบก่อน ซึ่งมันยังอยู่อีกไกลพู้น พรรค..ก็ถูกเขย่า คนเก่าๆตายไปมั่ง ฝ่อไปมั่ง สมยอมกับคสช.ไปมั่ง จะสร้างพรรคใหม่ต้องรอรธน.ใหม่ มวลชน..ที่ฮาร์ดคอร์กำลังระแวงจุดยืนกันเอง ที่อ่อนแอก็รอเงินจ้างที่ยังไม่เห็นวี่แววว่าใครจะจ่าย กองทัพ..กองทัพทางฝั่งพวกเขาก็เป็นปึกแผ่นไม่ประมาทและวางสายไว้ยาว จึงวันๆได้แต่ละเมอรอทหารสะดุดขาตัวเอง ดังนั้นจึงไม่อาจหวังกองกำลังของฝ่ายตน ที่คุยๆว่าจะไปสร้างพรรค สร้างกองกำลังในดินแดนของประเทศอื่นก็ไม่เห็นมีประเทศไหนเอาด้วย
จะพรรณา ยกเหตุผลต่าง ๆ นานา ถึงการไม่เข้าร่วมให้ความเห็นในการร่างรัฐธรรมนูญ ว่าเป็นการรักษาสมดุล ก็แล้วแต่จะคิดหาเหตุผลมาอธิบายกับบรรดามวลชนของตนเองเท่านั้น แต่ผมมองว่าที่ไม่เข้าร่วมเพราะ ไม่มีกึ๋น มากกว่า เท่าที่ผ่านมาก็ไม่เห็นแสดงความรู้อะไรเกี่ยวกับ รัฐธรรมนูญ การเมืองการปกครอง ได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราวเลย เห็นมีแต่ท่องคำว่า ประชาธิปไตย ประชาธิปไตย แค่นั้น นั่ง ๆ นอน ๆ รักษาสมดุลอยู่อย่างนั้นแหละดีแล้ว จะได้ไม่อายเค้า
ระดับแกนนำของเพื่อไทยและ นปช มองความสมดุลของอำนาจ ก็โดยผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับเท่านั้น เพื่อไทยเป็นรอง นปช ในด้านมวลชน ส่วน นปช เป็นรองเพื่อไทยในด้านอำนาจและบริหาร แต่ทั้งสองส่วนนี้ขึ้นอยู่กับนายทุนคนเดียว ส่วนนายทุนจะต้องเอาสองส่วนนี้มารวมกันให้ได้ เพื่อขับเคลื่อน ผมไม่เชื่อว่าระดับแกนนำของทั้งสองส่วน จะมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่แท้จริง ขึ้นอยู่กับนายทุนคนเดียว ที่สามารถสั่งซ้ายหันขวาหันได้
มวลชนเคยได้เลือกประธาน นปช. มั้ย สมาชิกพรรคเคยได้เลือกหัวหน้าพรรค และคนที่จะเป็นตัวแทนพรรคชิงตำแหน่งนายกฯ มั้ย ควายนับถือศาสนาชินวัตรตอบหน่อย
อือมมม...อ่าาาา...น่ะ... ผมก็ว่า มันจะไป สมดงสมดุล อาร๊าย... ไล่ไป ไล่มา เรื่องของเรื่องมันก็ ขี้ข้านายเดียวกันหมดนั่นแหล่ะ... ลองท่อน้ำเลี้ยงอุดตันเมื่อไหร่ มันก็ตัวใครตัวมันกันทั้งน้าน...ว่ามั๊ย...
แกนนำ นชป. นักการเมือง พท. ได้รับการวิ่งเต้นช่วยเหลือ สู้คดี ประกันตัว ฟายแดงลิ่วล้อ ติดคุกเหมือนหมา สมดุลย์มากครับ
มวลชนเพื่อไทยลดลงอย่างต่อเนื่องมาตลอด เป็นผลเนื่องมาจากเหตุการณ์ปี 52-53 เเกนนำลอยตัวตามสบายทิ้งผู้ชุมนุนให้ติดคุก ติดตาราง แถมยังชดใช้ค่าเสียหายในการเผาสถานที่ราชการอีก ทั้งๆเป็นการสั่งการของเเกนนำทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการรวมมวลชนที่ถนนอักษะ ไม่ประสบผลสำเร็จ
เฮ้อ…นี่ก็เหมือนกัน... ปรองดง ปรองดองอะไรนั่น ส่วนใหญ่ มันก็มาจากลิ่วล้อ ไพร่ ขี้ข้าอย่างพวกมรึงทั้งนั้นแหล่ะ ที่จะรวมเอาเรื่องที่พ่องมรึงต้องหนีคุก ให้ได้กลับมาอย่างเท่ๆนั่นไง ทำเป็นลืม... ************************************************************************************ ************************************************************************************ คดี ปรส. ก็เหมือนกัน... เขาอธิบายกันไปตั้งเยอะแยะ... แถมตอนโคตรพ่องมีอำนาจ ทำไมเสรือกไม่ทำ 5 อะไร ทำเป็นขุดเอามาเล่น เพื่อกลบข่าวข้าวเน่าของแมร่ง... รายามหาที่ติไม่ได้จริงๆ...
หัวโจก และ แกนนำพวกนี้ มีความมั่นใจ ในอำนาจเงิน ซึ่งนายใหญ่ และเหล่าเสนาธิการ ต่างเตรียมไว้พร้อมตลอดเวลาแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นค่าใช้จ่าย ส่วนดำเนินงาน ต่างๆ ส่วนค่าใช้จ่ายหลักซึ่งได้แก่ 7.5 ล้าน มาจากงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งบอกได้เลย เสื้อแดงพร้อมตาย แม้จะไม่ได้ใช้เงินก็ตาม ไม่มีวันจบสิ้นหรอกครับ เมื่ออุดมการณ์+เงินล่อใจ ไม่เหมือนสมัยแดงคอมมิวนิสต์ ซึ่งมีแต่อุดมการณ์ กับการวาดฝันให้สมาชิกลมๆแล้งๆ
ทักษิณหนีคดี 6 ปี แล้ว เห็นขอไปดูโอลิมปิกตั้งแต่ที่จีนเป็นเจ้าภาพ ที่อังกฤษแข่งจบไป 2 ปีแล้วก็ยังไม่กลับ ครั้งต่อไปที่บราซิลคงอยู่ดูอีกมั้ง