รอการแถลงผลสอบ "ไพบูลย์" เตรียมเรียก "สตง." หารือก่อนแถลง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธาน ศอตช. เปิดเผยว่าผลสอบหัวคิวโครงการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ ที่ สตง.ให้ตรวจสอบ 2-3 ประเด็นเสร็จสิ้นแล้ว เตรียมเรียกผู้ว่าฯ สตง. เข้าหารืออีกครั้งก่อนจะแถลงข่าว พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช. เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ ว่า ขณะนี้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. เหลือการตรวจสอบอีกเล็กน้อย ส่วนกรณีที่นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าสตง.ระบุว่าพร้อมที่จะแถลงผลการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวนั้น ตนเพิ่งรับทราบและจะเรียกนายพิศิษฐ์เข้าหารืออีกครั้ง พลเอกไพบูลย์ กล่าวว่า ประเด็นการหักหัวคิว สตง.ได้ทำการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนกรณีที่มีข้อสงสัยว่านายสุชาติ พรมใหม่ และนายคชาชาติ บุญดี คนใกล้ชิดพลเอกอุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยกระทรวงกลาโหม ที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดี มาตรา 112 ตนไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องจริงหรือไม่ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตามตัวทั้ง 2 คนมาดำเนินคดี เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตามในรายละเอียดต่างๆ เช่น ประเด็นที่ต้องการให้ สตง.ตรวจสอบเพิ่มเติมเป็นเรื่องอะไร และบุคคลที่เกี่ยวพันกับการทุจริตเป็นใครนั้น พลเอกไพบูลย์ บอกว่าไม่ขอตอบ "อุดมเดช" เชื่อผลสอบ สตง.ไม่พบทุจริต ด้าน พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายพิศิษฐ์ ผู้ว่าการ สตง. ระบุ ไม่พบทุจริตในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ แต่ทาง ศอตช. ยังมีประเด็นสงสัยอีก 2-3 ประเด็นว่า หากสงสัยอะไรตนก็ยินดีให้ตรวจสอบเพิ่มเติมต่อกันไป แต่จากการให้สัมภาษณ์ของนายพิศิษฎ์ น่าจะชัดเจนแล้วว่าไม่มีปัญหา ทั้งนี้เห็นว่าเป็นเรื่องน่ายินดีเพราะแม้จะมีคนไม่เข้าใจเกี่ยวกับการ ดำเนินการ แต่ประชาชนก็มีความศรัทธา โดยในความรู้สึกของตน คิดว่าในความรู้สึกของสังคมแทบจะจบไปแล้ว เพราะหน่วยงานที่น่าเชื่อถือได้ตรวจสอบแล้ว
ผู้ว่าฯสตง.คาดแถลงผลสอบอุทยานราชภักดิ์สิ้นเดือนนี้ 2016/03/17 6:17 PM สำนักงาน ป.ป.ช. 17 มี.ค. – ผู้ว่าฯ สตง.พร้อมแจงผลสอบการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ รอประธาน ศอตช.นัดวันแถลง คาดไม่เกินสิ้นเดือนมีนาคมนี้ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวถึงการตรวจสอบการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้ทำหนังหนังสือถึงสตง.เพื่อประสานขอเอกสารและรวบรวมข้อเท็จจริง หลักฐานการตรวจสอบบัญชีการเงิน การรับจ่ายเงินและบัญชีทั้งหมด โดยสตง.ตอบกลับไปว่าจะส่งทั้งหมดให้เมื่อแถลงข่าวข้อเท็จจริงการตรวจสอบต่อ สาธารณชนแล้ว คาดว่าไม่เกินสิ้นเดือนมีนาคมนี้ ประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) อาจจะนัดหมายเพื่อจะแถลงข่าว ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวว่า สตง.ได้รับแนวทางที่ภายนอกตั้งข้อสังเกตมาว่าต้องการให้พิจารณาบางประเด็น ให้ครบถ้วน และได้รับไปพิจารณาครบถ้วนแล้ว พร้อมกับรายงานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.)ให้ทราบว่า พร้อมเปิดเผยข้อเท็จจริงที่ได้ตรวจสอบมา ซึ่งตนไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ โดยขอให้รอฟังพร้อมกันในวันแถลงข่าว ทั้งนี้ ถือเป็นการบูรณาการการทำงานขององค์กรอิสระที่ประสานงานกันอย่างมีอิสระในการ ตรวจสอบ ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ( ป.ป.ท.) สตง.และป.ป.ช. ซึ่งในการแถลงข่าวจะนำรายละเอียดพร้อมหลักฐานมาเปิดเผย “ในแง่ข้อเท็จจริงสตง.ได้พิจารณาพยานหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องเงินบริจาค ซึ่งสตง.ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนว่าลงรับเข้าบัญชี ออกหลักฐานการรับบริจาค เงินทุกบาททุกสตางค์ที่อยู่ในระบบ และบัญชีที่อยู่ในธนาคาร รวมถึงหลายๆ บัญชี อาทิ เงินอื่นๆ ของมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ที่รวมเป็นบัญชีเดียวที่รอการใช้จ่ายต่อไป คือ เงินกองทุนสวัสดิการของกองทัพบก ทั้งนี้ ในขณะที่สตง.เข้าตรวจสอบจะมีงานบางส่วนที่ชะลอการดำเนินการเพื่อให้ตรวจสอบ ก่อน ยืนยันว่าได้ตรวจสอบหลักฐานบัญชีรายรับรายจ่าย และการเงินโดยละเอียดตามหลักฐาน ขณะนี้ไม่ปรากฏชัดแจ้งในส่วนที่เป็นเรื่องเลวร้ายแต่อย่างใด และเมื่อแถลงข่าวแล้ว เพื่อความโปร่งใสและทำให้เห็นว่าหลักฐานและข้อเท็จจริงต่างๆที่ปรากฎเป็น สิ่งที่สามารถพิสูจน์และจับต้องได้ สตง.จะส่งต่อไปยังป.ป.ช.ให้พิจารณาว่าจะมีจุดใดที่ป.ป.ช.มีอำนาจหน้าที่ใน การตรวจสอบหรือไม่ ถือได้ว่าเป็นการช่วยกันตรวจสอบอีกชั้นหนึ่ง และสามารถขยายผลได้” นายพิศิษฐ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/426581
กระทรวงยุติธรรมเตรียมแถลงผลการตรวจสอบของศอตช. ในประเด็นหักหัวคิวการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ ในวันที่ 23 มีนาคมนี้ เวลา 16.00น. โดยยืนยันว่าในส่วนของ ป.ป.ท.ที่ได้เข้าไปดูข้อมูลงานหล่อองค์พระรูปบูรพกษัตริย์ทั้ง 7 พระองค์เสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมตอบข้อซักถามทุกประเด็น นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. เปิดเผยว่าในวันที่ 23 มีนาคม นี้เวลา16.00น. พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช. พร้อมด้วยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และป.ป.ท.จะร่วมกันแถลงผลการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์โดย ป.ป.ท.ในฐานะเลขานุการศอตช.ได้เชิญฝ่ายผู้ร้องทุกคนเข้าร่วมรับฟังการแถลง ข่าวที่ห้องรับรองกระทรวงยุติธรรมเพื่อให้ร่วมรับฟังรายละเอียดและซักถามข้อ สงสัยเพิ่มเติม ในส่วนป.ป.ท.ที่เข้าไปตรวจสอบประเด็นหักหัวคิวนั้น ยืนยันว่าได้ทำครบถ้วนแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากการเรียกรับหัวคิวในงานหล่อองค์พระรูปบูรพกษัตริย์ทั้ง 7 พระองค์ คู่ขนานไปกับงานตรวจสอบที่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานตรวจสอบอื่นๆ อาทิ สตง. ที่ดูรายละเอียดเรื่องการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน เป็นหลักนั้น ป.ป.ท. ยังเข้าไปดูข้อมูลงานหล่อองค์พระรูป ทั้งในส่วนของเอกสารการดำเนินงาน และเชิญตัวแทนที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำ ทั้งเจ้าหน้าที่ และตัวแทนเอกชนที่เข้ามารับงาน โดยระบุสาเหตุที่ ป.ป.ท.ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบปัญหาเรื่องหัวคิวเป็นหลักว่าเป็นเรื่อง สำคัญ และถูกระบุถึงเป็นอย่างมาก ตัวเลขหัวคิวปรากฎอยู่ที่ร้อยละ 10 ของราคางานก่อสร้างหลายสิบล้าน จึงจำเป็นต้องทำความจริงเรื่องนี้ให้กระจ่าง ว่ามีกระทำผิดเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ใครเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว พลเอกไพบูลย์ ได้ขอให้นายพิศิษฏ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ตรวจการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน กลับไปตรวจสอบประเด็นหักหัวคิวในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ เพิ่มเติมอีก 2-3 ประเด็น เพราะ ศอตช.ต้องการปิดประเด็นทุกจุด โดยเฉพาะประเด็นการหักหัวคิว เนื่องจากในทางราชการ ค่าหัวคิวเป็นสิ่งผิดกฎหมาย หากมีการหักหัวคิวก็คือทุจริต ป.ป.ช.เผยได้รับผลสอบโครงการราชภักดิ์จาก สตง.และกระทรวงกลาโหมแล้ว แต่ยังมีอีก 2-3 ประเด็นที่ทั้ง2 หน่วยงานยังไม่ได้ตรวจสอบ ซึ่งทาง ป.ป.ช.จะหาข้อเท็จจริงต่อไป โดยเฉพาะการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ของอดีตผู้บัญชาการทหารบก จนทำให้เกิดการหักหัวคิว 10 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ พรุ่งนี้ ศอตช. จะแถลงผลสอบกรณีหักหัวคิว ที่กระทรวงยุติธรรม เวลา 16 นาฬิกา พร้อมทั้งแจ้งให้เชิญ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่ม นปช.มาร่วมฟังคำชี้แจงด้วย นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี ป.ป.ช.ตรวจสอบโครงการก่อก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ว่า ขณะนี้ได้ข้อมูลจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. และคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงกลาโหมแล้ว พบว่า มีข้อมูลบางส่วนตรงกัน แต่ก็มีข้อมูลบางส่วนที่ทั้ง 2 หน่วยงานยังไม่ได้ตรวจสอบ จึงเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ที่จะต้องไปดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมใน 2-3 ประเด็นใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมของคณะทำงานของ ป.ป.ช. นายสรรเสริญ กล่าวอีกว่า ประเด็นหลักที่ ป.ป.ช. จะดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงคือข้อร้องเรียนที่นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ยื่นเรื่องกล่าวหา พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยง่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก และ พลเอกศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากการก่อสร้างดังกล่าวอาจมีการหักหัวคิว 10 เปอร์เซ็นต์ จากเซียนพระชื่อย่อ อ. อีกประเด็นหนึ่งที่ทาง ป.ป.ช. เข้าไปตรวจสอบคือกรณีที่ นายสุชาติ พรหมใหม่ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และ นายคชาชาติ บุญดี อดีตนายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำกองทัพภาคที่ 3 ซึ่งปัจจุบันถูกถอดยศ-เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์แล้ว อาจมีส่วนร่วมในการทุจริตเกี่ยวกับการจัดสร้างอุทยานดังกล่าว นายสรรเสริญ กล่าสถึงข้อมูลในส่วนนี้ว่า ป.ป.ช. กำลังดำเนินการรวบรวมข้อมูล และไม่ถือว่ามีความสลับซับซ้อน เพราะเป็นเรื่องข้อกฎหมาย ที่ต้องพิจารณาว่าบุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้องโครงการดังกล่าวนั้น มีอำนาจหน้าที่โดยตรงหรือไม่ “ไพบูลย์” ขู่ศอตช.ตอบไม่ได้ให้สอบใหม่ ด้าน พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช. กล่าวถึงกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท.จะแถลงผลการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ร่วมกับทางสำนักงาน ตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ในวันพรุ่งนี้ เวลา 16.00น. ว่า ได้เชิญนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วม นปช.รวมถึงทุกคนที่เคยร้องเรียนและมีข้อสงสัยเรื่องดังกล่าวมาร่วมรับฟัง ซึ่งเรื่องที่จะแถลง ซึ่งประกอบด้วย เรื่องหัวคิว การใช้งบประมาณและการจัดซื้อจัดจ้าง พลเอกไพบูลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้หน่วยงานที่เข้าไปตรวจสอบจะเข้ามารายงานให้ตนทราบ แต่ได้ปฏิเสธไป โดยให้เหตุผลว่าต้องการจะฟังผลการตรวจสอบพร้อมกับประชาชน อีกทั้งยังได้บอก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แล้วว่า ถ้ามีอะไรที่ตนตอบไม่ได้ ก็จะสั่งให้สอบใหม่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เผยส่งผลสอบราชภักดิ์ให้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว โดยเย็นนี้จะร่วมรับฟังแถลงผลการสอบโครงการราชภักดิ์ โดยเฉพาะในประเด็นหักหัวคิว พร้อมๆกับประชาชน เชื่อมั่นว่า ศอตช.จะตอบคำถามสังคมได้ แต่ถ้าตอบไม่ได้ก็จะสั่งให้กลับไปสอบใหม่ พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงการแถลงข่าวการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช. ที่มีสำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ร่วมกับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ในช่วงเวลา 16 นาฬิกา วันนี้ พลเอกไพบูลย์ กล่าวว่า ได้รายงานผลสอบอุทยานราชภักดิ์ ให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีทราบแล้ว โดยนายกฯ ยังยินดีที่จะให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เข้าร่วมรับฟัง ซักถามในฐานะผู้ร้องเรียกการทุจริต นอกจากนี้ พลเอกไพบูลย์ ยังกล่าวอีกว่า จะเข้าร่วมฟังการแถลงผลสอบด้วยเช่นกันที่ห้องรับรอง ชั้น 2 หากศอตช. ยังตอบข้อสงสัยสังคมไม่ได้ ก็อาจจะให้สอบสวนเพิ่ม แต่ขณะนี้เชื่อมั่นว่าจะอธิบายได้ 23 มี.ค.2559 | พล.อ.ไพบูลย์ รมว.ยุติธรรม-ป.ป.ท.-สตง.แถลงผลตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ เบื้องต้นไม่พบความผิดปกติ ทั้งค่าหัวคิวและการจัดซื้อจัดจ้างของโครงการ พล.อ.ไพบูลย์ นำทีมแถลงผลสอบราชภักดิ์-ป.ป.ท.ยันไม่พบพิรุธเรียกรับหัวคิว 2016/03/23 5:09 PM กรุงเทพฯ 23 มี.ค.- พล.อ.ไพบูลย์ นำทีมแถลงผลสอบอุทยานราชภักดิ์ ป.ป.ท. ยืนยันจากหลักฐานไม่พบพิรุธเรียกรับหัวคิว เป็นเพียงค่าจ้างทั่วไปที่จ่ายให้กับเอกชน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ร่วมแถลงกับเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. และรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ขณะนี้กำลังแถลงถึงการตรวจสอบหัวคิวทั้งของภาครัฐและเอกชน จากหลักฐานที่ ป.ป.ท. ได้มายังไม่พบพิรุธแต่อย่างใด เป็นเพียงค่าจ้างทั่วไปที่จ่ายให้กับทางเอกชน ส่วนประเด็นเงินบริจาค เลขาฯ สตง.แถลงเบื้องต้นพบว่าเงินบริจาคของประชนที่นำมาใช้ในโครงการนั้นมีหลักฐาน บัญชีของธนาคารชัดเจนทั้ง 6 ธนาคาร พบว่าไม่มีการปะบนกับบัญชีของสวัสดิการกองทัพบก เงินบริจาคทั้งหมดมีกว่า 333 ล้านบาทเศษ ขณะนี้เงินบริจาคเหลือ 140 ล้านบาทเศษ เงินบริจาคนำไปใช้มีหลักฐานชี้แจงอย่างชัดเจนทั้งหมด ทั้งการจัดสร้างเหรียญ และสงสัยเรื่องโรงหล่อที่รับงานจัดสร้างพระรูปของเซียนพระชื่อดังด้วยก็มี หลักฐานชัดเจน.-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/430826 เปิดผลสอบอุทยานราชภักดิ์พบเงินบริจาคมีหลักฐานชัดเจน 2016/03/23 7:15 PM กรุงเทพฯ 23 มี.ค.-เปิดผลสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ไม่พบหัวคิวการจัดสร้าง ส่วนเงินบริจาคมีหลักฐานชัดเจน ไม่ปะปนกับบัญชีกองทัพ รมว.ยุติธรรม ยืนยันใช้งบประมาณและจัดซื้อจัดจ้างถูกต้อง เป็นไปตามราคากลาง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช. แถลงผลตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ร่วมกับผู้แทน 3 หน่วยงาน ทั้งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท., ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง., รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ปรากฏว่าไม่พบปัญหาเรื่องค่าหัวคิว ซึ่งทั้ง สตง. และ ป.ป.ท. ยืนยันว่าเป็นการจ่ายค่าที่ปรึกษาระหว่างบริษัทเอกชนกับเอกชน เป็นเงิน 20 ล้านบาท ในการหล่อพระรูปให้กับเซียนพระ หรือเซียนอุ๊ ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง และหลังจากนั้นเซียนอุ๊ได้บริจาคเงินดังกล่าวเข้าโครงการอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมประธาน ศอตช. ยืนยันว่ามีการสอบถาม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีตผู้บัญชาการทหารบก ประธานผู้ดำเนินโครงการนี้แล้ว ยอมรับว่าเข้าใจผิดกับคำว่าค่าหัวคิว ส่วนประเด็นการใช้จ่ายงบประมาณเงินบริจาค สตง. ได้ตรวจรายรับและรายจ่ายในโครงการนี้ พบว่ามีการแยกเงินบริจาคออกจากบัญชีกองทุนสวัสดิการกองทัพบกเป็นเงินคนละ ก้อนกัน ไม่พบความผิดปกติ ส่วนกรณีคุณภาพของเนื้อโลหะที่ใช้จัดสร้างพระรูป สตง. ได้ขอขมาและตัดเนื้อโลหะของพระรูปที่อุทยานราชภักดิ์จำนวน 2 ชุด ส่งให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตรวจสอบทางเทคนิคแล้ว ยืนยันว่าเป็นเนื้อโลหะจากต่างประเทศตามสเปกที่กำหนด ทั้งนี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ได้สอบถามประเด็นการจ่ายเงินให้กับเซียนพระ ซึ่งเป็นข้าราชการท้องถิ่นเกินกว่า 3,000 บาท เป็นความผิดปกติ ซึ่ง พล.อ.ไพบูลย์ ได้สั่งการให้ ป.ป.ช. รับไปดำเนินการกับเซียนพระในกรณีดังกล่าวที่ถือเป็นคนละประเด็น ยืนยันผลสอบของ ศอตช. ครั้งนี้ตรวจเฉพาะเรื่องค่าหัวคิว การจัดซื้อซื้อจ้าง และการใช้งบประมาณ ไม่พบความผิดปกติ ส่วนข้อท้วงติงเรื่องราคากลางเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ ให้ สตง. รับไปตรวจสอบเพิ่มเติม สำหรับกรณีข้อร้องเรียนถึงความปลอดภัยและคงทนแข็งแรงของพระรูป สตง. ตรวจสอบแล้วพบว่ากองทัพบกได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดตรวจสอบ และมีวิศวกรตรวจสอบแล้ว ส่วนรอยแตกร้าวที่อาจพบบ้างในการก่อสร้างทุกโครงการเป็นเรื่องปกติที่มีการ รับประกันงานซ่อมอยู่แล้ว ขอให้ประชาชนเข้าไปได้ปกติ ส่วนบัญชีรับบริจาคของโครงการอุทยานฯ ยุบรวมเหลือ 1 บัญชี ที่ผ่านมาได้ล็อกบัญชีไว้เพื่อรอผลตรวจสอบก่อน หลังตรวจสอบแล้วประชาชนจะสามารถบริจาคได้เช่นเดิม ขณะนี้มียอดเงินอยู่ที่ 108 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/430913 ข่าว 7 สี - ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ แถลงผลสอบปมอุทยานราชภักดิ์ ยังไม่พบทุจริต พร้อมส่งผลการตรวจสอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบประเด็นใหม่เพิ่ม พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช. พร้อมตัวแทนจาก สตง., ปปท. และปปช. ร่วมกันแถลงผลการตรวจสอบปมอุทยานราชภักดิ์ ตามที่ได้รับการร้องเรียน โดยปมการหักเงินค่าหัวคิว มีการตรวจสอบพบเป็นการจ่ายเงินระหว่างหน่วยงานเอกชนด้วยกัน ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการรับเงินค่าก่อสร้าง เป็นการจ่ายให้กับนายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรือ เซียนอุ๊ เป็นค่าที่นำงานไปให้และเป็นค่าที่ปรึกษาระหว่างการก่อสร้าง ต่อมาถูกนำไปบริจาคเข้ากองทุนฯ ทั้ง 20 ล้านบาท ส่วนปมการจัดซื้อจัดจ้าง และการใช้งบประมาณ มีการตรวจสอบตัวเลขในบัญชี สามารถอธิบายที่มาที่ไปได้ทั้งหมด รวมถึงเรื่องการสั่งซื้อโลหะนำเข้ามาใช้ในการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม มีการสุ่มตัดนำเนื้อโลหะไปให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตรวจสอบ และให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบราคากลาง ยังไม่พบว่าจุดใดมีประเด็นน่าสงสัย
ใครอยากฟังแบบเต็มๆ ก็ราว 2 ชั่วโมง ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ นัดแถลงตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ พร้อมสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และ ป.ป.ท. โดย พล.อ.ไพบูลย์ นำทีมแถลงยืนยัน ผลตรวจสอบในวันนี้ ชัดเจนแล้วว่า ไม่มีการหักค่าหัวคิวก่อสร้างโครงการราชภักดิ์ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา สั่งให้หน่วยงานตรวจสอบที่เกี่ยวข้อง นำข้อมูลมาชี้แจง โดยให้คนไทยได้รับฟังไปพร้อมกัน และยังได้เชิญผู้เกี่ยวข้อง ที่เคยร้องเรียน หรือมีข้อสงสัยมาร่วมรับฟัง โดย พล.อ.ไพบูลย์ บอกว่า เรื่องหลักจะเป็นประเด็นเรื่องค่าหัวคิว การใช้งบประมาณ และการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่ง สตง.และ ปปท.เป็นผู้แถลง และได้ไฟเขียวจากนายกฯ ให้เชิญแกนนำ นปช.จตุพร พรหมพันธุ์ และนายเรืองไกร เรือกิจวัฒนะ มาร่วมฟัง และร่วมซักถามด้วย ด้านผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส บอกว่า การตรวจสอบโครงการนี้ ถือเป็นการบูรณาการการทำงานขององค์กรอิสระ ทั้ง ป.ป.ท. สตง.และ ป.ป.ช. ซึ่งในการแถลงข่าวได้นำรายละเอียดพร้อมหลักฐานมาเปิดเผยทั้งหมด "ไพบูลย์" นำแถลงผลสอบ "ราชภักดิ์" ยันไม่มีค่าหัวคิว! ตอนที่ 2"ไพบูลย์" นำแถลงผลสอบ "ราชภักดิ์" ยันไม่มีค่าหัวคิว! ตอนที่ 2 ที่กระทรวงยุติธรรม - 23 มี.ค. 59 - "ศอตช."สรุปผลสอบราชภักดิ์ ไม่ผิดทุกประเด็น ชี้"หัวคิว"เกิดจากความไม่เข้าใจของพล.อ.อุดมเดช ผลสอบย้ำชัดเป็นการจ่ายระหว่างเอกชนกับเอกชน ระบุค่าตอบแทนที่ชักนำงานมาให้ 6-7 % จากวงเงินค่าจ้าง ขณะที่สตง.พร้อมขยายผลหากมีหลักฐานตั้งราคากลางสูงเกินจริง "ศอตช."สรุปผลสอบราชภักดิ์ ไม่ผิดทุกประเด็น ชี้"หัวคิว"เกิดจากความไม่เข้าใจของพล.อ.อุดมเดช ซึ่ง"เรืองไกร" พยายามซักถามประเด็นหัวคิว ทำให้พล.อ.ไพบูลย์ ถามย้อนกลับว่า ตนไม่ได้โง่ ขอให้ถามตรงประเด็น อย่าใช้คำถามขยายวง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายนายเรืองไกรและนายวรัญชัย โชคชนะ พยายามซักถามประเด็นหัวคิว โดยเปรียบเทียบกับกรณีอื่นๆ ทำให้พล.อ.ไพบูลย์ต้องย้อนกลับว่า ตนไม่ได้โง่ ขอให้ถามตรงประเด็น อย่าใช้คำถามขยายวงไปเรื่อยๆ เพราะตนตรวจสอบใน 5 ประเด็น นอกเหนือจากนี้เป็นเรื่องของหน่วยงานอื่นต้องตรวจสอบต่อ เช่น ป.ป.ช. กรมสรรพากร ส่วนโลหะจากองค์พระที่ตัดมาพิสูจน์โลหะจะส่งเก็บเข้าพิพิธภัณฑ์ให้เป็นประวัติศาสตร์ หากข้องใจเรื่องราคากลางขอให้ส่งหลักฐานมาให้ตรวจสอบ อย่าพูดไปเรื่อยๆ "จตุพร"ซักประเด็นผู้ออกแบบคือกรมศิลปากรแต่คนจัดการกับเป็นเอกชน และเป็นที่มาของคำว่าค่าที่ปรึกษาเกิดขึ้นภายหลังคำว่าหัวคิวใช่หรือไม่ ซึ่งพลเอกไพบูลย์และคณะตอบทุกข้อซักถามนี้แบบจัดเต็ม นายจตุพร พรหมพันธ์ ถามว่าผู้ออกแบบคือกรมศิลปากรแต่คนจัดการกับเป็นเอกชน และเป็นที่ของคำว่าค่าที่ปรึกษาเกิดขึ้นภายหลังคำว่าหัวคิวใช่หรือไม่ และการเข้าพบอดีตผบ.ทบ.เป็นการเข้าไปรายงานผลสอบก่อนที่จะมีการสรุปผลใช่หรือไม่ และตั้งประเด็นถึงการจัดสร้างเหรียญให้เช่าบูชาซึ่งอาจมีราคาจำหน่ายแพงกว่าราคาในท้องตลาดอย่างไร นอกจากนี้ เซียนอุ๊ มีตำแหน่งเป็นนายก อบต. รับค่าตอบแทนเป็นที่ปรึกษาได้อย่างไร ในแวดวงโรงหล่อราคากลาง 70 ล้านบาท ถูกบวกมาแล้ว จึงสามารถ จ่าย 20 ล้านบาท เป็นค่าที่ปรึกษษโดยไม่รู้สึกอะไร ขณะนี้องค์พระรูปอย่างน้อย 2 องค์ จะหล่นลงมาวันไหนก็ได้ 1 องค์ พ่อขุนรามคำแหง กลางคืนสั่น มีเสียงดังชัดเจน และรูปหล่อ ร. 4 ลูกตุ้มถ่วงสั่นตลอด สตง.ได้เข้าไปดูรายละเอียดเรื่องการสั่นไหวหรือไม่ นายพิศิษฐ์ กล่าวชี้แจงว่า การตรวจสอบของสตง.ดูทั้งหลักฐานและข้อเท็จจริง เรื่องราคากลาง สตง.มีวิศวกรประเมินราคากลาง ว่าแพงเกินจริงหรือไม่ ดังนั้นหากมีหลักฐานเรื่องราคาแพงเกินจริงขอให้ส่งเอกสารมาให้ สตง. ในชั้นนี้สตง.ตรวจพบว่าราคากลางมีความสมเหตุสมผล ส่วนที่ระบุว่าองค์พระรูปมีการชำรุดต้องแก้ไข ก็ตรงกับที่โรงหล่อทั้ง 5 แห่ง ให้การมาตั้งแต่ต้นว่ามีปัญหาหน้างานต้องแก้ไขตลอด จึงมีการจ่ายค่าตอบแทน โดยค่าตอบแทนโรงหล่อจ่ายจากเงินของเขา มีการลงบัญชีรายจ่าย ขณะที่ผู้รับก็ลงรายได้ไว้แล้ว โดยสตง.จะตรวจสอบจากการจ่ายภาษีสรรพากรด้วย ส่วนที่ระบุว่าการเข้าพบอดีตผบ.ทบ.เพื่อรายงานผลการตรวจสอบนั้น ยืนยันว่าตนทยอยเปิดเผยความคืบหน้าในการตรวจสอบให้สังคมรับทราบมาเป็นระยะๆ ก่อนเข้าพบอดีตผบ.ทบ. การเข้าพบเพื่อไปสอบถามให้ได้ความจริงถึงความเข้าใจในคำว่าหัวคิว ไม่ได้ไปเล่าให้ฟังว่าผลสอบเป็นอย่างไร ส่วนท่านจะไปสรุปหรือให้สัมภาษณ์เพราะความสบายใจก็เป็นเรื่องของท่าน แต่ในการสอบถามก็มีการบันทึกการให้ข้อมูล ส่วนเรื่องการจัดสร้างเหรียญนั้น ยิ่งการจำหน่ายเหรียญได้กำไรมากก็เป็นทุนให้กับโครงการนี้มากขึ้นด้วย ทั้งนี้ หลังมีข่าวเรื่องอุทยานราชภักดิ์การก่อสร้างบางส่วนชะลอออกไป ตัวเลขการเช่าบูชาเหรียญก็นิ่ง บัญชีบริจาคก็ไม่มีการเคลื่อนไหว
เช้าวันนี้รัฐมนตรีช่วยกลาโหม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ก็ออกมาแถลงยืนยันอีกครั้งว่า การก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ ไม่มีการทุจริตรับหัวคิว เนื่องจากองค์กรอิสระออกมาตรวจสอบทุกประเด็นแล้ว โดยรัฐมนตรีช่วยกลาโหม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร พล.อ.อุดมเดช บอกว่า ที่ผ่านมาไม่เคยพูดว่ามีการหักหัวคิวในการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ แต่จากการตอบคำถามสื่อมวลชน อาจทำให้หลายฝ่ายเข้าใจผิด แต่จนถึงขณะนี้ยืนยันว่าการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ ไม่มีการทุจริตรับหัวคิว เนื่องจากองค์กรอิสระอย่างสตง. ได้เข้ามาตรวจสอบชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องของเงินบริจาคเป็นเรื่องของเอกชนกับเอกชน พล.อ.อุดมเดชยังบอกว่า สตง.เป็นองค์กรอิสระ เชื่อถือได้และไม่มีใครเข้าไปบังคับได้ ซึ่งยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่า โครงการอุทยานราชภักดิ์ไม่มีทุจริต ทำให้ตอนนี้รู้สึกสบายใจหลังมีผลสรุปออกมา ขณะเดียวกันยืนยันว่า ไม่มีความขัดแย้ง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะที่เป็นประธาน ศอ.ตช.ในการทำหน้าที่ตรวจสอบโครงการแต่ที่ผ่านมาไม่เคยพูดคุยส่วนตัวเรื่องตรวจสอบหรือขอให้ช่วยโครงการราชภักดิ์ มีหลายคำถามเกิดขึ้นกับโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ โดยเฉพาะเซียนอุ๊ เกี่ยวข้องอะไรกับบริษัทสยามปุระ ที่รับเงินค่าที่ปรึกษากว่า 20 ล้านบาท ก่อนนำมาบริจาคในชื่อของ 5 โรงหล่อ ทั้งๆ ที่สถานะของบริษัทมีหนี้สินสูงถึง 118 ล้านบาท หลักฐานชิ้นสำคัญ ในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ที่ผู้ว่าสตง.ออกมาแถลงผลการตรวจสอบโครงการนี้ คือ เช็ค 5 ใบ สั่งจ่ายจากบริษัท สยามปุระ จำกัด วงเงินประมาณ 20 ล้านบาท ที่ถูกอ้างจาก "เซียนพระอุ๊ กรุงสยาม" หรือ นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ เซียนพระชื่อดัง ที่ได้รับเงินจากการเป็นที่ปรึกษา หรือ ค่าชักนำให้ได้งาน จาก 5 โรงหล่อ / ที่รวมหล่อองค์พระรูปบูรพกษัตริย์ ที่ผ่านมา "เซียนอุ๊ " เข้าชี้แจงกับ สตง. พร้อมนำเช็คประกอบยืนยัน ว่า ไม่ได้มีพฤติการณ์เรียกรับหัวคิว แต่ประเด็นสำคัญที่ต้องตรวจสอบคือ เช็คนี้ ถูกจ่ายออกจากบริษัท สยามปุระ โดย "เซียนอุ๊" ออกจากการเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทนี้ นับตั้งแต่เกิดปัญหาเมื่อกลางเดือน พ.ย. 2558 แล้ว มีนายปิยนนท์ วิเศษสิงห์ นักธุรกิจ เป็นผู้ถือหุ้นแทน จากการตรวจสอบ รายได้ของบริษัท สยามปุระ ในช่วงปี 2557 มีกำไรเพียง 2.9 แสนบาท ส่วนในปี 2556 ขาดทุนถึง 6.9 ล้านบาท และได้แจ้งงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ในปี 2557 มีรายได้ทั้งหมด 13,007,403 บาท มีรายจ่ายทั้งหมด 12,443,593 บาท กำไรสุทธิ 291,690 บาท มีสินทรัพย์ทั้งสิ้น 151,376,024 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 118,443,061 บาท / มีหนี้สินจากการกู้ยืมกรรมการบางราย ไม่มีการคิดดอกเบี้ย และคืนเมื่อทวงถาม 82.5 ล้าน ส่วนในปี 2556 แจ้งว่า มีรายได้ทั้งหมด 8,259,684 บาท มีรายจ่ายทั้งหมด 14,573,903 บาท ขาดทุนสุทธิ 6,940,655 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 95,262,228 บาท จากสถานะทางการเงินของบริษัท สยามปุระ อยู่ในภาวะ กระท่อนกระแท่น เพราะใน ปี 2556 ขาดทุนเกือบ 7 ล้านบาท ก่อนจะมาฟื้นในปี 2557 ที่มีกำไรบ้าง เกือบ 3 แสนบาท แต่ยังไม่นับหนี้สินที่สูงถึง 118 ล้านบาท ในปี 2557 แต่ปรากฎว่า บริษัท สยามปุระ ได้นำเงิน 20 ล้านบาท มาบริจาคให้กับการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ จากเงินค่าที่ปรึกษาส่วนตัว ที่ "เซียนอุ๊ " ได้มาจาก 5 โรงหล่อ โดยเป็นเชค 5 ฉบับ ซึ่งผู้จ่ายยืนยันว่าเป็นเงินจากการให้คำแนะนำ ที่เซียนอุ๊ เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ จึงบริจาคในชื่อของ 5 โรงหล่อ องค์กรตรวจสอบ ทั้ง ป.ป.ท. และ สตง.ประสานเสียงยืนยันไม่มีการเรียกหัวคิวโรงหล่อ ในโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ขณะที่ยอดเงินบริจาคจากทุกช่องทางอยู่ที่ 733 ล้านบาท คงเหลือ 140 ล้านบาท เมื่อวานนี้มีความเคลื่อนไหวที่ทุกฝ่ายจับตา คือ พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช. เป็นประธานการแถลงผลการตรวจสอบโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ โดยมีตัวแทนกลุ่มการเมืองที่เคยออกมาเคลื่อนไหวให้ตรวจสอบก่อนหน้านี้ เช่น นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. และ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพี่อไทย เข้าร่วมรับฟังด้วย ไฮไลท์ของการแถลงอยู่ที่ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ที่แจกแจงผลการตรวจสอบรวม 5 ประเด็น สรุปว่า ประเด็นแรก เรื่องเงินบริจาคจากประชาชน มีการฝากเข้าบัญชี 6 ธนาคาร รวมถึงการบริจาคผ่านเซเว่น อีเลฟเว่น มีการลงหลักฐานรับเงินถูกต้อง โดยยอดตัวเลขเงินทั้งหมดจากการตัดยอดบัญชีเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2558 มีเงินทั้งสิ้น 733 ล้านบาทเศษ ขณะนี้มีเงินเหลืออยู่ 140 ล้านบาทเศษ เงินที่เบิกจ่ายไปแล้วจำนวน 458 ล้านบาท เป็นค่าหล่อองค์พระประมาณ 318 ล้านบาท // มีเงินยืมที่ยังไม่เป็นค่าใช้จ่าย แต่มีการเบิกจ่ายออกไปเพื่อจัดทำเหรียญพระบูรพกษัตริย์ให้ประชาชนเช่าบูชา 105 ล้านบาท /// นอกจากนั้นยังมีการตั้งงบกลาง 63 ล้านบาท เพื่อจัดทำ 5 โครงการ ดำเนินการแล้ว 4 โครงการ ส่วนอีก 1 โครงการ วงเงิน 9 ล้านบาทถูกชะลอไว้ สำหรับเงินค่าต้นไม้ ที่มีข้อมูลระบุว่ามีการใช้เงิน แต่ไม่ปรากฏการซื้อต้นไม้นั้น ตรวจสอบแล้วพบว่า ต้นไม้ได้รับบริจาคมา ส่วนเงินที่ใช้เป็นค่าแรงในการปลูกและขนย้ายประมาณ 4 ล้านบาท แต่ในทางบัญชีไม่ได้ลงว่าเป็นค่าแรง จึงเข้าใจกันว่าเป็นค่าต้นไม้ ประเด็นที่สอง กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ตรวจสอบแล้วถูกต้อง ซึ่งตรวจสอบรวมไปถึงส่วนที่ใช้งบประมาณของรัฐด้วย เนื้องานทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องการ 95% ประเด็นที่สาม วัสดุใช้ในการหล่อพระบรมรูปบูรพกษัตริย์ 7 พระองค์ เป็นวัสดุที่นำเข้าจากต่างประเทศ มีหลักฐานยืนยันได้ โดยได้ตัดชิ้นโลหะที่ใช้สร้างมาให้ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ ยืนยันว่าเป็นไปตามสเปคที่กำหนด ประเด็นที่สี่ การหักหัวคิวค่าจัดจ้างโรงหล่อ ในการหล่อพระรูปบูรพกษัตริย์ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน บอกว่า จากหลักฐานทางการเงิน และการสอบปากคำจากเจ้าของโรงหล่อ 5 แห่ง มีค่าที่ปรึกษาจากโรงหล่อ มอบให้เซียนอุ๊ จึงได้ไปตรวจสอบประวัติของเซียนอุ๊ ปรากฏว่าประวัติและผลงานสามารถเป็นที่ปรึกษาได้ เพราะเคยก่อสร้างหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ริมถนนสายเอเชีย อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สรุปว่ามีการจ่ายเงินค่าปรึกษาให้เซียนอุ๊จริงในช่วงการสร้างอุทยานราชภัก ดิ์ จำนวน 20 ล้านบาท จากนั้นเซียนอุ๊นำมาคืน โดยวิธีการบริจาคผ่านทางโรงหล่อ 5 แห่ง สำหรับประเด็นสุดท้าย ยอดเงินในมูลนิธิราชภักดิ์ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน บอกว่า จากการตรวจสอบทั้งหมด เชื่อว่าไม่น่ามีการตกแต่งบัญชี มีเงินอยู่ทั้งสิ้น 108 ล้านบาท ส่วนการหักหัวคิว หากมีจริง จะต้องมีราคาแพงกว่านี้ สอดคล้องกับ นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. กล่าวว่า จากการตรวจสอบเงินที่จ่ายให้เซียนอุ๊ ทางโรงหล่อฯยอมรับว่ามีการจ่ายเงินจริง แต่เป็นค่าใช้จ่ายในการชักนำงานมาให้ เป็นวงเงิน 6-7 เปอร์เซ็นต์ของค่าจ้าง และวงเงินที่โรงหล่อแต่ละเจ้าได้รับ ก็เป็นวงเงินปกติ "ไพบูลย์" ฉุน "จตุพร" ถามนอกประเด็น ภายหลังการแถลง ได้เปิดให้มีการซักถามข้อสงสัย ปรากฏว่าบรรยากาศเริ่มตึงเครียด เพราะฝ่ายที่ซักถามเป็นตัวแทนกลุ่มการเมืองอย่าง นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ขณะที่ พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มองว่าเป็นการถามนอกประเด็นที่แถลง และสั่งให้ตัวแทนองค์กรตรวจสอบไม่ต้องตอบในบางคำถาม "จตุพร" เชื่อข้อสอบรั่ว - "อุดมเดช" แถลงวันนี้ ภายหลังปิดการแถลง นายจตุพร ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีการตรวจสอบการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ยังไม่จบสิ้น เพราะเชื่อว่าการให้สัมภาษณ์ของ พลเอกอุดมเดช อาจจะมีการรู้ข้อมูลการสอบสวนมาก่อนล่วงหน้า เหมือนกับข้อสอบรั่วไหล จึงถือว่าการแถลงข่าววันนี้เป็นการแถลงซ้ำเป็นรอบที่สามแล้ว ต่อจากนี้ต้องรอดูว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.จะสอบสวนเพิ่มเติมอย่างไร พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะอดีตผู้บัญชาการทหารบก ที่รับผิดชอบโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ กล่าวเมื่อค่ำวานนี้ หลังจบการแถลงผลการตรวจสอบที่กระทรวงยุติธรรมว่า หลังจากนี้หากมีใครออกมาปรักปรำกล่าวร้ายอีก จะดำเนินการฟ้องร้อง และว่าไม่เคยยอมรับว่าเรื่องนี้มีค่าหัวคิว พร้อมระบุว่าไม่มีปัญหาเรื่องการทำงานกับ พลเอกไพบูลย์ ในคณะรัฐมนตรี มีรายงานด้วยว่า เวลา 08.30 น.เช้าวันนี้ พลเอกอุดมเดช จะเปิดแถลงข่าวชี้แจงทุกประเด็น ที่กระทรวงกลาโหม 1 ในหน่วยงานที่รับปมอุทยานราชภักดิ์ ไปตรวจสอบก็คือศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช.ซึ่งวานนี้ก็มีแถลงผลการตรวจสอบนี้อย่างเป็นทางการแล้ว หลักๆ มี 3 ประเด็น คือ ปมการหักหัวคิว, การจัดซื้อจัดจ้าง และงบประมาณ ส่วนผลการชี้แจงนี้จะเป็นอย่างไร ไปติดตามจากรายงาน จากการจับกุมดำเนินคดีกับผู้แอบอ้างสถาบันเบื้องสูง นำสู่ปมการตรวจสอบเงินบริจาคเข้าสู่โครงการอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งมีหลายฝ่ายตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เช่นเดียวกับศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช.ที่รับเรื่องนี้ไปตรวจสอบด้วยเช่นเดียวกัน และวานนี้เป็นการแถลงข่าวสรุปผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ ประเด็นหลักที่ ศอตช.สรุปชี้แจง มีอยู่ 3 ประเด็น 1 คือ เรื่องปมการหักค่าหัวคิว ที่สังคมให้ความสนใจ ประเด็นที่ 2 คือ ปมการจัดซื้อจัดจ้าง ว่ามีการนำเงินในโครงการนี้ไปใช้จ่ายอย่างไร และประเด็นสุดท้าย คือปมงบประมาณของโครงการ ว่าเงินที่ได้มีที่มาที่ไปอย่างไร โปร่งใสหรือไม่ สรุปแล้วจากการตรวจสอบ ปมการหักเงินค่าหัวคิว พบว่าเป็นการจ่ายเงินระหว่างหน่วยงานเอกชนด้วยกัน ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการรับเงินค่าก่อสร้าง โดยโรงหล่อภาคเอกชนระบุว่า ได้จ่ายเงินประมาณ 6-7% ของรายได้ให้กับ นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรือ เซียนอุ๊ เป็นค่าที่นำงานมาให้ และเป็นค่าที่ปรึกษาระหว่างการก่อสร้าง รวมเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท ต่อมาเงินจำนวนนี้ถูกจ่ายผ่านบัญชี บริษัทสยามปุระ โดยใช้ชื่อของ 5 โรงหล่อ นำไปบริจาคเข้ากองทุนอุทยานราชภักดิ์ ส่วนปมการจัดซื้อจัดจ้าง และการใช้งบประมาณ มีการตรวจสอบตัวเลขในบัญชี สามารถอธิบายที่มาที่ไปได้ทั้งหมด รวมถึงเรื่องการสั่งซื้อโลหะนำเข้าเพื่อนำมาใช้ในการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม ซึ่งมีการสุ่มตัดนำเนื้อโลหะไปให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตรวจสอบ และให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบราคากลาง ส่วนประเด็นที่ฝ่ายผู้ร้องเรียนยังติดใจสงสัย ทั้งปมการนำใบเสร็จเงินบริจาคไปลดหย่อนภาษี และปมสถานะทางราชการของ เซียนอุ๊ ศอตช.ระบุว่าเรื่องนี้จะถูกส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณา ส่วนประเด็นเรื่องผลการตรวจสอบรั่วไหล มีคำชี้แจงว่า เป็นการตีความจากข่าวที่ปรากฎกันไปเอง โดย สตง. ยืนยันว่า ไม่เคยยืนยันผลการตรวจสอบนี้กับผู้ใดมาก่อน ส่วนที่ต้องไปพบอดีตผู้บัญชาการทหารบกนั้น เป็นความจำเป็นที่ต้องไปซักถามถึงเหตุผลที่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน เพื่อให้ตอบคำถามได้ครบถ้วนเท่านั้น
24 มี.ค.| ข่าว 16.00 น. พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา เตรียมส่งข้อมูลผลสอบอุทยานราชภักดิ์ไปยัง ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาต่อไป ขณะที่พลเอกอุดมเดช สีตบุตร ยืนยันพร้อมให้ความร่วมมือ กับ ป.ป.ช. หากมีการตรวจสอบเรื่องนี้เพิ่มเติม ป.ป.ช.เตรียมสอบ "เซียนอุ๊" รับเงิน ขอข้อมูล "จตุพร-เรืองไกร" ค่าที่ปรึกษา 20 ล้านบาท ป.ป.ช. เดินหน้าสอบประเด็น "เซียนอุ๊" รับเงินค่าที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ 20 ล้านบาท เตรียมขอข้อมูล จตุพร กับเรืองไกร หลังออกมาเปิดเผยว่า เซียนอุ๊เป็นสมาชิก อบต.แห่งหนึ่ง ซึ่งอาจจะผิดกฎหมาย ในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐรับเงินเกิน 3,000 บาท นายยงยุทธ มะลิทอง รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างขั้นตอนการแสวงหาข้อเท็จจริงของป.ป.ช. โดยขณะนี้ได้ประสานขอข้อมูลไปยังสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือสตง.แล้ว และสตง.รับปากว่าจะส่งข้อมูลมาให้ป.ป.ช. แต่หากสัปดาห์หน้ายังไม่มีความคืบหน้า จะมีการทวงถามกลับไปอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ที่ทาง ป.ป.ช.ได้รับข้อสรุปจากคณะกรรมการตรวจสอบที่ตั้งขึ้นโดยสำนักงานปลัดกระทรวง กลาโหม มีการเรียกเอกสารเพิ่มเติมรวมถึงเรียกเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้อง มาสอบแล้วจำนวนหนึ่ง และหากใครมีข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมก็สามารถส่งให้ป.ป.ช.ได้โดยตรงเช่นเดียว กัน รองเลขาฯ ป.ป.ช. กล่าวอีกว่า ที่อยากได้ตอนนี้คือข้อมูลของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วม นปช. และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ในประเด็นที่ระบุว่า เซียนอุ๊ รับเงินค่าที่ปรึกษาโครงการดังกล่าวจำนวน 20 ล้านบาทก่อนนำไปบริจาค ทั้งที่ตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่รัฐในองค์การบริหารส่วนตำบล หรือ อบต.แห่งหนึ่ง โดยจะตรวจสอบต่อไปว่าเซียนอุ๊นั้นสังกัดอบต.ใด และหากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจริงอาจมีความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 มาตรา 103 ที่บัญญัติว่า ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลนอก เหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมายหรือตามหลักเกณฑ์ที่ป.ป.ช. กำหนด ความหมายคือประโยชน์ที่เจ้าหน้าที่รัฐได้มา ถ้าไปรับทรัพย์สินจากใครเกินกว่า 3พันบาท ถือว่ามีโทษทางอาญา "อุดมเดช" เผยควรจะพอแล้ว เชื่อไม่มีทุจริต ในขณะที่ พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ทาง ป.ป.ช.จะตรวจสอบเพิ่มอีก 2-3 ประเด็น ว่า พร้อมให้ดำเนินการ แต่โดยส่วนตัวคิดว่าผลการตรวจสอบที่ผ่านมาก็ถือว่าควรจะพอแล้ว และโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ก็ไม่ได้มีการทุจริตใดๆ ปปช.พร้อมเดินหน้าตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ หลังพบว่า "เซียนอุ๊" เป็นนายกอบต.บ้านใหม่ จ.อยุธยา ดาดว่าจะใช้เวลาตรวจาสอบไม่ถึงครึ่งปี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. บอกถึงความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ว่า เมื่อมีผู้ร้องเรียนป.ป.ช.ให้ตรวจสอบ ก็พร้อมจะดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริง หาหลักฐานครบถ้วน ส่วนกรณีที่ระบุว่า เซียนอุ๊ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ในฐานะเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล บ้านใหม่ จ.อยุธยา มีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ เซียนอุ๊ อาจดำเนินการในฐานะส่วนตัว จึงต้องตรวจสอบกฎระเบียบต่างๆ ว่า มีการห้ามทำอาชีพเสริมหรือไม่ ส่วนจะเป็นการผิดเฉพาะตัวบุคคลหรือไม่ ต้องแสวงหาข้อเท็จจริงก่อน พล.ต.อ.วัชรพล บอกว่า เรื่องนี้อยู่ในความสนใจของสังคม จึงต้องปฏิบัติตามกฎหมายทุกเรื่อง เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาเข้ามาชี้แจง ถ้าตรวจสอบแล้วไม่มีมูลก็ให้ข้อกล่าวหาตกไป และต้องเร่งรัดโดยการจัดลำดับความสำคัญ ทำให้เกิดความชัดเจน ส่วนที่หลายฝ่ายยังคาใจผลการตรวจสอบที่ ศอตช. ได้แถลงไป ป.ป.ช. ไม่กดดัน หากใครมีข้อมูลนอกเหนือจากนี้ สามารถส่งมาเพิ่มเติมได้ กระบวนการตรวจสอบไม่น่าจะใช้เวลาถึงครึ่งปี จะกำชับเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา ประเด็นที่ปปช.จะตรวจาสอบคือ "เซียนอุ๊" รับเงินค่าที่ปรึกษาโครงการ 20 ล้านบาทก่อนนำไปบริจาค เพราะหากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจริง อาจมีความผิดตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามทุจริต ที่บัญญัติห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล ไม่เกิน 3,000 บาท ซึ่ง มีโทษทางอาญา ป.ป.ช. ให้เวลา สตง. หนึ่งสัปดาห์ในการส่งเอกสารข้อมูลต่างๆ โครงการราชภักดิ์ พร้อมสอบทุกคนที่มีการพาดพิงถึง ความคืบการแสวงหาข้อเท็จจริงการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ล่าสุดรองเลขาธิการ ป.ป.ช. ยงยุทธ มะลิทอง บอกว่า ทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ยังไม่ได้ส่งเอกสารข้อมูลต่างๆมาให้กับทางป.ป.ช. ต้องให้เวลาดำเนินการจัดการเอกสารให้เรียบร้อยก่อน หากยังไม่ส่งมาภายใน 1 สัปดาห์ คงต้องมีการทวงถาม ส่วนที่มีรายชื่ออดีตทหารถูกกล่าวหาร้องเรียนด้วย ต้องดูสำนวนที่สตง. ส่งมาว่ามีหรือไม่ เพราะจากการแถลง ระบุว่าไม่มีทหารเกี่ยวข้อง แต่ถ้ามีผู้ร้องเรียนก็จะตรวจสอบทุกราย รวมถึงผู้ที่หลบหนี และหากไม่สามสารถติดตามตัวมาให้ข้อมูลได้ ต้องใช้ข้อเท็จจริงจากเอกสารหรือพยานหลักฐานที่พาดพิงถึง
ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน นำแผ่นทองสำริด พระบรมราชานุสาวรีย์บูรพกษัตริย์ ไปคืนมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ หลังตรวจสอบพบเป็นไปตามแบบไม่มีการทุจริต นายพิสิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน นำเจ้าหน้าที่เข้าสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์ ณ อุทยานราชภักดิ์ เพื่อขอขมาและนำเนื้อทองสำริด ที่ตัดชิ้นส่วนไปตรวจสอบองค์ประกอบความหนาไปคืนพร้อมยืนยันความโปร่งใส เพราะเนื้อทองสำริดเป็นไปตามแบบทุกประการ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ระบุว่า ช่วงเวลาใช้ในการเข้าไปตรวจสอบ 3-4 เดือน ทำให้การก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ต้องสะดุดลง ส่งผลต่อยอดเงินบริจาคที่ต้องชะงักลงด้วย ดังนั้นจึงขอเชิญชวนให้ประชาชน ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อสมทบทุนก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ในส่วนที่ยังไม่แล้วเสร็จ เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ที่น่าภาคภูมิใจของคนไทยตลอดไป
มติ "ป.ป.ช." เอกฉันท์ 9ต่อ0 "บิ๊กโด่ง-บิ๊กบี้" รอด ปม ถูกร้อง "ทุจริต สร้างราชภักดิ์" ชี้ ไม่พบความผิดปกติทำถูกต้องตามระเบียบทุกประการ เปิดทาง ผู้ร้อง ถ้าสงสัยถามเข้าได้ เมื่อวันที่ 7 ก.ย.59 เวลา15.30น.ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรายปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.กล่าวถึงความคืบหน้าการไต่สวนกรณีก่อสร้างโครงสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตามคำร้องของนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ที่ขอให้ป.ป.ช.ไต่สวนพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาทหารบก (ผบ.ทบ.) และพล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตว่า คณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงได้สรุปและรายงานเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เสียง เห็นว่าโครงการดังกล่าวเป็นการดำเนินการถูกต้องตามระเบียบปฏิบัติทุกประการ อีกทั้งไม่ว่าทางป.ป.ช.ขอหลักฐานใดๆ ไปยังคณะกรรมการตรวจสอบของกองทัพบกหรือคณะกรรมการตรวจสอบของกระทรวงกลาโหม ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี และเมื่อนำเอกสารหลักฐาน และเชิญพยานมาสอบปากคำทุกอย่างมาพิจารณาแล้วไม่พบว่า มีอะไรผิดปกติ "การแสวงหาข้อเท็จจริงตามที่มีผู้ยื่นคำร้องจึงถือว่าเสร็จสิ้น คณะกรรมการป.ป.ช.จึงมีมติว่าไม่พบความผิดปกติของการดำเนินการโครงการดังกล่าว จากนี้จะได้แจ้งมติของคณะกรรมการป.ป.ช.กลับไปให้ผู้ร้องได้ทราบผลต่อไป ซึ่งหากยังมีข้อสงสัยพร้อมที่จะให้สอบถามรายละเอียดมาได้" พล.ต.อ.วัชรพล กล่าว สร้างอุทยานราชภักดิ์ไร้ทุจริต "อุดมเดช" รอดมติ ป.ป.ช.เอกฉันท์ 9:0 ยันถูกต้องตามระเบียบ ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เสียง ไม่พบทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์