แล้วที่พวกกาสรสีชาดชอบออกมาร้องแรกแหกกระเชอเรื่องว่าตัดตอนการตรวจสอบทุจริตนะ จะบอกว่าเรื่องมีอีกหลายหน่วยเค้าจองกฐินกันเพียบ แต่ว่างๆ พวกที่แหกปากบอกว่าเค้าทุจริตนะ ช่วยเอาหลักฐานเรื่องการทุจริตไปร้องเรียนให้เค้าตรวจสอบด้วย ผู้ตรวจการแผ่นดินกับ ป.ป.ช. เค้าฝากมาบอกว่ารอคนร้องเรียนอยู่นะ จุ๊บุ จุ๊บุ อย่าดีแต่เห่าหอนไปวันๆ **************************************************** รัฐมนตรียุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา บอกถึงการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ว่า ขณะนี้ทุกหน่วยงานกำลังทำตามหน้าที่ ตามอำนาจทางกฎหมาย เพื่อเข้าไปตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ได้ทำหนังสือไปถึงกองทัพบก ขอเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว เพื่อทำงานซ้อนกับคณะกรรมการที่กองทัพบกตั้งขึ้นมาตรวจสอบ ซึ่งเป็นการป้องกันข้อครหาในประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคม *************************************************** ข่าว 7 สี - ป.ป.ช.และผู้ตรวจการแผ่นดิน ยังไม่ตั้งเรื่องสอบกรณีโครงการอุทยานราชภักดิ์หลังกองทัพบกแถลงไม่พบการทุจริต นายศรีราชา วงศารยางกูร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่าผู้ตรวจการแผ่นดินยังไม่ตั้งเรื่องตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์เพราะตามระเบียบต้องมีเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบก่อนอีกทั้งยังมีเงื่อนไข เช่นข้อกล่าวหานั้นเกี่ยวกับเงินงบประมาณหรือเงินบริจาคที่ถูกต้องตามระเบียบหรือไม่เข้าข่ายความโปร่งใสหรือไม่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นข้าราชการหรือมีพฤติการณ์อย่างไรเข้าข่ายผิดจริยธรรมหรือไม่รวมถึงถ้าเกี่ยวข้องกับข้าราชการก็เป็นหน้าที่โดยตรงของ ป.ป.ช. นายศรีราชาบอกว่า หากมีการร้องเรียน ก็จะพิจารณาว่ารับไว้พิจารณาได้หรือไม่เป็นลำดับแรก และขอผลการตรวจสอบของกองทัพบกเพื่อประกอบการพิจารณาและฟังคำชี้แจงของผู้ถูกพาดพิงต่อไป ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวจากแหล่งต่างๆและให้เลขาธิการป.ป.ช.ประสานกองทัพบกเพื่อขอข้อมูลเพื่อประกอบการดำเนินการในขั้นตอนต่อไปหากพบว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายการตรวจสอบของป.ป.ช.ก็ต้องตั้งอนุกรรมการไต่สวนตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม หากมีผู้ร้องเรียนโดยตรง ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบว่าผู้ร้องมีอำนาจหรือไม่และข้อร้องเรียนมีพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่หากพบมีมูลป.ป.ช.ก็มีสิทธิรับเรื่องร้องเรียนพิจารณาได้ทันที
เราจะค้นหาความจริง ด้วยการบิดเบือน สร้างข่าวลือ เอกสารเท็จ และแชร์ต่อไป แบบไม่รับผิดชอบอะไร... เอ้า ตีนตบ รัวๆ ครับ
ของเจ้านี้ สะอาด บริสุทธิ์ ไม่ต้องตรวจสอบ จากคนอื่น สลิ่มรับรองให้ ค่ะ เอ้า ปรบมือ รัว รัว ค่าาาาาาาา
ต้องตรวจสอบด้วยการบิดเบือน สร้างข่าวลือ เอกสารเท็จ และแชร์ต่อไป แบบไม่รับผิดชอบอะไร... เสื้อแดงรับรองให้ เอ้า ตีนตบ รัวๆ ครับ
ของเจ้านี้ สะอาด บริสุทธิ์ ไม่ต้องตรวจสอบ จากคนอื่น HiddenMan รับรองให้ ค่ะ เอ้า ปรบมือ รัว รัว ค่าาาาาาาา
คงต้องเตรียมยาดม ยาลม ยาหม่องกันทั่วประเทศ ถ้าเชื่อคำพูดตุ๊ดตู่ ------------------------------------------------------------------------------ ชี้ผลสอบ"อุทยานราชภักดิ์"ช็อกคนไทย เมื่อวันที่ 20 พ.ย. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) แถลงผลการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ว่าไม่พบมีนายทหารเกี่ยวข้องกับการทุจริตว่า เป็นเรื่องที่ช็อกคนไทยทั้งประเทศเพราะข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ และคำแถลงของพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ที่ยอมรับว่ามีการเรียกเปอร์เซ็นต์กรณีโรงหล่อพระบรมรูป และมีอีกหลายเรื่องซึ่งประชาชนช็อก เพราะคิดว่าฝากความหวังไว้ที่ ผบ.ทบ.คนนี้ได้แต่เริ่มระแคะระคายว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ตั้งแต่ไม่ให้มีการถ่ายทอดสดการแถลง และถึงบางอ้อเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ระบุว่าขอให้ทุกฝ่ายยอมรับผลการสวบสวนที่จะออกมา สนับสนุนโดย Daily News
คนดี ค่ะ สะอาด บริสุทธิ์ ตอนอยู่ ใครถามไม่ถูกใจ ตายง่ายๆ เลยค่ะ สำหรับคนดี ทำอะไรดูดี ดีแน่นอน ตามมาตรฐานสลิ่ม ค่ะ เอ้า ปรบมือ รัว รัว ค่าาาาาาาา
http://www.thaipost.net/?q=รอยร้าวแห่งศรัทธา รอยร้าวแห่งศรัทธา Sunday, November 22, 2015 - 00:01 หลังจากที่ ผบ.ทบ.กล่าวว่า “มีหมด เปิดเผยได้สิ เงินบริจาค มันไม่มีอะไรต้องปิดบัง” นักข่าวก็ถามต่อไปว่า ขอดูรายการใช้จ่ายในโครงการอุทยานราชภักดิ์ ทั้งในส่วนของกองทุนและมูลนิธิได้ที่ไหน คำตอบของ ผบ.ทบ. ก็คือ “ผมไม่ใช่สาธารณะนะ ไม่ต้องเอาให้ตาย จะเอาให้ตายไหม จะเอาขนาดประหารชีวิต 7 ชั่วโคตรไหม ถามอย่างนี้คือ หยุดบ้าง ดูบ้าง ดูเจตนาคนบ้าง มันจะอยู่กันยังไง จะมีความสุขกันยังไง เล่นกันขนาดนี้ เขาไม่มีอะไร ไม่ได้ทำอะไร ก็จะให้เขาผิดให้ได้ เขาอยู่เฉยๆ เขาเจตนาดีก็จะให้เขาผิดให้ได้ สังคมไทยเป็นอะไรกันตอนนี้” นั่นน่ะสิ สังคมไทยเป็นอะไรกันตอนนี้ แต่สังคมไทยก่อนหน้านี้ล่ะ เป็นยังไง? หรือว่า มันก็ไม่ต่างกัน คือ ไม่ว่าคำถามนั้นจะมาจากใจประชาชนหรือไม่ก็ตาม แต่ข้าราชการไทยก็พร้อมที่จะคำรามเข้าใส่สื่อมวลชนที่บังอาจตั้งคำถามให้หงุดหงิด กลายเป็นภาพชินตาที่แทบไม่ปรากฏในประเทศที่พัฒนาแล้ว ทั้งๆ ที่สื่อมวลชนนั้น หากทำหน้าที่อย่างถูกต้องตามจรรยาบรรณ สื่อมวลชนก็คือตัวแทนประชาชน คำตอบที่ให้กับสื่อมวลชน จึงไม่ใช่คำตอบที่ให้กับใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือคำตอบสำหรับประชาชน ใครคิดว่าใหญ่โต ก็ควรดูคนใหญ่โตคนอื่นๆ เป็นตัวอย่าง เช่น โอบามา ปูติน สีจิ้นผิง ฯลฯ ดูว่าเขาตอบคำถามสื่อมวลชนกันอย่างไร เขาเคารพให้เกียรติซึ่งกันและกันอย่างไร เพราะนั่นคือลักษณะของสังคมที่เจริญ ย้อนกลับมาดูที่ “เจตนา” หากเจตนาอยู่เหนือความเสียหาย ไม่ว่าเสียหายเพราะทุจริต หละหลวม หรือประมาทเลินเล่อ “แม่ปู” ที่เจื้อยแจ้ว เอ่ยอ้างเจตนาดีในโครงการรับจำนำข้าวมาตลอดล่ะ เราจะว่ายังไง? ดังนั้น เจตนาดีจึงควรมาพร้อมกับความชัดเจน โปร่งใส และตรวจสอบได้ ผู้คนจึงอาจยอมรับ ไม่อย่างนั้น ต่อให้รูปงามนามเพราะ พูดจาฉอเลาะไปวันๆ ก็ไม่ต่างจากปาหี่ แหล่งข่าวระดับสูงที่เชื่อถือได้ อธิบายมาว่า โรงหล่อ มอบสินน้ำใจให้แก่เซียนอุ๊ ในลักษณะเปอร์เซ็นต์รายได้ โดยที่เซียนอุ๊ไม่จำเป็นและไม่ได้แอบอ้างอะไร เพราะเซียนอุ๊เป็นผู้มีบารมีกว้างขวางในวงการสร้างพระ และการมอบสินน้ำใจให้ในลักษณะนี้ก็เป็นเรื่องปรกติธรรมดาในธุรกิจนี้ ไม่ใช่ว่า เซียนอุ๊แอบอ้างชื่อผู้หลักผู้ใหญ่ในกองทัพไปรีดไถค่าหัวคิวจากโรงหล่อ แต่พวกเขาให้กันเอง เพราะเป็นธรรมเนียมธุรกิจของพวกเขาในวงการสร้างพระ สำหรับ คู่หู “โต-โจ้” ไม่ได้ทำผิดในเรื่องนี้ ไม่มีพฤติกรรมทุจริตรีดไถชักประโยชน์ในโครงการอุทยานราชภักดิ์ แต่ทำผิดในเรื่องอื่น อีกทั้งสำหรับผู้การโตนั้น ยังต้องรีบเร่งทำภารกิจให้เสร็จภายใน 6 เดือนตามที่นายต้องการอีกด้วย เมื่อต้องรีบเร่ง และทั้งประเทศไทยมีโรงหล่อแค่ 7 แห่ง ราคาจึงแพง แต่ก็ต้องว่าจ้างอย่างไม่มีทางเลือก เพราะไม่รู้จะไปจ้างใครได้อีก หากทำไม่สำเร็จก็โดนนายด่า เซียนอุ๊อาสามาช่วยก็ต้องรับ ไม่งั้นก็ไม่ทัน ทหารจะรู้อะไรนักหนากับการสร้างพระบรมรูปขนาดมหึมา แต่ครั้นเมื่อมีข่าวเซียนอุ๊ได้รับเงินค่าตอบแทนจากโรงหล่อ ก็ยังไปตามคืนแล้วให้บริจาคเข้ามูลนิธิเสียอีก ดังนั้น เฉพาะในกรณีนี้ พวกเขาไม่ได้ทำผิดอะไร สำหรับบิ๊กโด่ง เจตนาก็มีแค่ว่า อยากรีบสร้างให้เสร็จก่อนที่ตัวเองจะเกษียณ เพื่อเป็นเกียรติประวัติในฐานะผู้ทำโครงการ เดินตามรอยรุ่นพี่ที่สร้างหอประชุมกองทัพบกแห่งใหม่ และบ้านรับรองเกษะโกมล ไว้เป็นผลงานก่อนเกษียณ แต่เพราะรีบเร่งนี่เองจึงทำให้หละหลวมและต้องใช้เงินมากมาย ทำให้มีการระดมทุนกันหลายครั้ง มีการจัดเลี้ยงโต๊ะจีน ขายป้ายติดต้นไม้ ทำเหรียญขาย ทำรูปจำลองขาย ฯลฯ แต่วิสัยทหาร คือ เป้าหมายต้องบรรลุผล ไม่ว่าจะต้องทุ่มเทกันยังไงก็ตาม หากทำไม่สำเร็จก็เสียหน้า เรื่องราวหลังฉากก็มีเพียงแค่นี้ ไม่มีอะไรในกอไผ่มากกว่านี้ หากจะตำหนิบิ๊กโด่ง ก็อาจมีในลักษณะว่า ควรจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบพัสดุ ซึ่งแม้ใช้งบประมาณแผ่นดินก็ไม่มีใครว่า และหากไม่ทันสำเร็จก่อนเกษียณ แต่บิ๊กโด่งก็ยังเป็นผู้ริเริ่มสร้างอยู่ดี ไม่ต่างอะไรกับจิ๋นซีผู้ริเริ่มสร้างกำแพงเมืองจีน ซึ่งแม้กว่าจะสร้างเสร็จกันก็ต้องสร้างต่อมาเรื่อยๆ อีกสองพันปี แต่ผู้คนก็ยังจดจำแค่จิ๋นซี จริงเท็จแค่ไหนนั้นไม่ทราบ ฟังเขาอธิบายมาก็อย่างนี้ คนที่รู้ดีก็คือบิ๊กโด่ง ผู้การโต และเซียนอุ๊ ซึ่งสองคนหลังนั้นไม่ทราบยังอยู่หรือกลายเป็นปุ๋ยไปแล้ว ประชาชนก็คงหงุดหงิด เพราะไม่เข้าใจในตื้นลึกหนาบาง หากมีใครสักคนอธิบายอย่างหมดเปลือก และขอโทษประชาชนอย่างสมศักดิ์ศรีชายชาติทหารที่ทำให้เกิดเรื่องราวสับสนเสียหาย บรรยากาศก็น่าจะบรรเทาเบาบางลง อย่าปล่อยให้พวกสันดานชั่วสวมรอยเอาไปขยายผล ทั้งเผยแพร่เอกสารราชการปลอม ป้ายสีคนโน้นคนนี้ ยุยงปลุกปั่นให้บานปลาย เพื่อหวังผลทางการเมือง ประเทศยังมีเรื่องใหญ่ที่ต้องทำและยังทำไม่สำเร็จ อย่าปล่อยให้รอยร้าวแห่งศรัทธากลายเป็นระเบิดเวลา อีกไม่กี่วันก็ลอยกระทง คืนความสุขให้คนไทยอีกสักครั้งดีไหม? --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ สู้ด้วยวาทกรรมไม่จบ ต่างฝ่ายต้องสู้ด้วยหลักฐาน แต่หลักฐานปลอมไม่เอานะ
ขอเป็นตัวแทนสมาชิกบางคนในเวปนี้นะครับ(ถ้าไม่ตรงกับความคิดใครก็ขอโทษด้วย) กรณีอุทยานราชภักดิ์นั้น จะมีโกงหรือไม่ ใครโกงผมไม่รู้หรอก แต่การโกงประมาณอยู่ในหลักพันล้าน และถ้ามีการโกงจริง ถึงจะเป็นเงินแค่นั้น สมาชิกหลายคนก็ไม่ได้คิดจะปกป้อง หรือเห็นว่าเป็นเรื่องถูกต้อง แถมเชียร์ให้มีการสอบสวน หาคนผิดเอามาลงโทษอีกด้วย แต่ที่เขาเกลียดพวกขี้ข้าแม้ว ที่มันทำท่าจะเป็นจะตาย ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ เพราะเขาเห็นว่า ทีพวกนายๆของมันโกงกันเป็นหลักหมื่น หลักแสนล้าน ขี้ข้าแต่ละตัว ถ้าไม่เงียบฉี่ ก็ออกมาแก้ตัวแทน ปกป้องแทนนายกันหน้าสลอน สร้างวาทกรรมให้เบี่ยงเบนออกไปจากความจริงเช่น **โดนกลั่นแกล้ง **สองมาตรฐาน **ทำเพื่อคนจน **พวกเผด็จการ พวกอำมาตย์ **คนที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน มาตัดสินคนที่ได้รับเลือกตั้ง ฯลฯ ถ้าคนไทยทั้งหมด เป็นคนแบบเดียวกับขี้ข้าทั้งหลาย สนับสนุนคนโกงให้มีอำนาจ ****เราสิ้นชาติแน่นอนครับ****
หาหลักฐานมายันสิครับ เอ้า รัวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่เอาแบบว่า ชั้นจะเชื่อแบบนี้อ่ะ มีไรป่ะ นะ เพราะนี่มันแนวทางควายแดงโง่
ประธาน ป.ป.ช.ยืนยันยังเดินหน้าตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ที่ถูกกล่าวหาไม่โปร่งใสต่อไป นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.เปิดเผยกับครอบครัวข่าวการเมือง ถึงการออกมายืนยันของผู้บัญชาการทหารบก กรณีไม่พบปัญหาทุจริตการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า เรื่องนี้ ป.ป.ช.ยังคงเดินหน้ารวบรวมข้อมูลเพื่อตรวจสอบต่อไปว่าอยู่ในข่ายถึงขั้นที่ ป.ป.ช.จะต้องไต่สวนหาข้อเท็จจริงหรือไม่ เบื้องต้นทางกองทัพควรรายงานข้อมูลยืนยันความโปร่งใสมาตามที่ ป.ป.ช.ส่งเอกสารสอบถามไป ส่วนหากมีเจ้าหน้าที่รัฐ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นพบข้อมูลหลักฐาน ยังสามารถส่งมาให้ ป.ป.ช.พิจารณาได้ ด้าน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า การแถลงข่าวของผู้บัญชาการทหารบกถือว่ามีความชัดเจนแล้ว แต่หากคณะกรรมการ ปปช. จะลงมาตรวจสอบก็ไม่ติดใจและไม่มีปัญหา และเชื่อว่ากองทัพบกจะส่งข้อมูลให้ ป.ป.ช.เพิ่มเติมได้ ****************************************************** เลขาธิการ ป.ป.ช. นายสรรเสริญ พลเจียก เปิดเผยว่าทางการข่าวของ ป.ป.ช. กำลังรวบรวมข้อมูลในทางลับกรณีปมการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการรวบรวมพยานหลักฐานปัญหาความไม่โปร่งใสในการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ว่า หลังจากที่คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติมอบหมายให้สำนักงานป.ป.ช. ดำเนินการหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมนั้น ขณะนี้การข่าวของป.ป.ช.กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลในทางลับ ทั้งนี้ โดยอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช. จะสามารถดำเนินการสอบสวนได้ ในกรณี ที่มีผู้ร้องเรียน และมีเหตุอันควรสงสัยว่าเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ซึ่งตามหลักการแล้วป.ป.ช.สามารถหยิบยกขึ้นมาพิจารณาได้ ส่วนข้อสงสัยเรื่องการตรวจสอบเงินมูลนิธินั้น ต้องพิจารณาดูว่ามูลนิธิที่จดทะเบียนเกี่ยวข้องกับรัฐหรือไม่ เพราะหากเป็นเอกชนการกระทำความผิดจะถือว่าผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ไม่ใช่การกระทำที่ผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ซึ่งยังไม่สามารถสรุปอะไรได้ในขณะนี้
ไหนใครบอกว่าโกง ว่ามีหลักฐาน ช่วยเอาไปให้ ป.ป.ช. หน่อยนะ ป.ป.ช. เค้าป่าวประกาศออกโทรทัศน์แล้ว รอมาจะ 2 สัปดาห์แล้ว ยังไม่มีใครเอาหลักฐานไปให้อีกเหรอ มีแต่ควันไม่มีไฟหรือไงกัน ************************************************ การสอบสวนกรณีก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ล่าสุด คณะกรรมการ คตง. ได้เข้าไปตรวจสอบ และพบว่า มีการใช้งบประมาณแผ่นดิน ในการก่อสร้าง ซึ่งต้องจับตาในการดำเนินการของคณะกรรมการป.ป.ช.ซึ่งได้มอบหมายเจ้าหน้าที่ติดตามรวบรวมข้อมูลเรื่องนี้แล้ว
สรุปจากที่ พล.อ.อุดมเดช บอก คือการโกงนั้นอยู่ในขั้นตอนของเอกชน ไม่เกี่ยวกับงบประมาณภาครัฐ แต่สงสัยอยู่ว่ากรณีนี้หน่วยงานไหนจะเป็นคนตรวจสอบดี เพราะ ป.ป.ช. หรือ สตง. ก็มีหน้าที่แค่ตรวจสอบภาครัฐอย่างเดียว หรือว่าให้คนบริจาคเข้ามูลนิธิไปฟ้องบริษัทนายหน้าที่โกง ข้อหาฉ้อโกงประชาชนหรือเปล่า ??? ***************************************************************** ตัวแทนภาคประชาชน เข้ายื่นเรื่องต่อองค์กรอิสระให้ตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ขณะที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ยอมรับเป็นครั้งแรกว่ามีการทุจริตจริง พลเอก อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวยอมรับก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีว่า การทุจริตเกิดขึ้นในกระบวนการระหว่างโรงหล่อ และ บริษัทเอกชน ที่มีข้อตกลงร่วมกัน แต่ได้ไม่เกี่ยวข้องกับกองทัพ และเมื่อทราบว่ามีการดำเนินการที่ไม่เหมาะสม ทางคณะกรรมการก็เข้าไปพูดคุยแก้ไขปัญหาทันที ส่วนกระแสข่าวกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งนั้น พลเอก อุดมเดช ระบุว่าตนเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเมื่อมีกระแสเข้ามาก็ต้องคิดอะไรต่าง ๆ พอสมควร แต่ขณะนี้ยังขอไม่กล่าวอะไร เพราะอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ ส่วนแผนผังการส่อทุจริตโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ที่กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่นำมาเผยแพร่ นั้น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกว่าเห็นแล้วแต่ไม่ได้ให้ความสนใจ ถ้าใครอยากเชื่อก็ตามใจ เบื้องต้นจะให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงเรื่องนี้อีกครั้ง ส่วนความคืบหน้ากรณี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ 2 แกนนำ นปช.จะเข้าให้ข้อมูลต่อศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ นั้น พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่าทั้ง 2 คน ได้ตอบรับคำเชิญเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นได้ประสานให้ สตง.และ ปปท.มาเตรียมรับข้อมูลดังกล่าวแล้ว และ ระหว่างการสอบสวนต้องรายงานให้ประชาชนทราบเป็นระยะด้วย ส่วนกลุ่มนักศึกษาที่เคลื่อนไหวเมื่อวานนี้ พลเอก ไพบูลย์ บอกว่าหากต้องการมาให้ข้อมูลก็สามารถเดินทางมาได้ทันที หรือ จะมาพร้อมกับนายณัฐวุฒิ และ นายจตุพร ก็ได้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาคประชาชน ล่าสุด นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้นำข้อมูล และ หลักฐานที่เชื่อว่ามีการทุจริตการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริง และ ดำเนินคดีกับ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีตผู้บัญชาการทหารบก พร้อมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะการนำงบประมาณของรัฐมาใช้ไม่ได้ทำตามระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้าง ที่มีวงเงินเกิน 2 ล้านบาท ขณะที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย ได้เข้ายื่นหนังสือต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือ สตง.เพื่อขอให้เรียกเงินคืนจากโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ กว่า 46 ล้านบาท เนื่องจากมีการใช้งบประมาณผิดวัตถุประสงค์ อีกทั้ง มูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ไม่ได้เป็นหน่วยงานของทางราชการ ******************************************************* ทำเนียบฯ 8 ธ.ค.- พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ยืนยันกองทัพบกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการอุทยานราชภักดิ์ แต่เป็นเรื่องของเอกชนกับโรงหล่อ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ติงสื่อที่ให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาประชาธิปไตย.-สำนักข่าวไทย ************************************************* พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและประธานมูลนิธิราชภักดิ์ยืนยันว่ากองทัพบกไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาโรงหล่อที่รับงานหล่อพระบรมรูปบูรพกษัตริย์ที่อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่พรรคเพื่อไทยยื่นหนังสือถึงสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เรียกร้องให้เรียกเงินคืนจากโครงการอุทยานราชภักดิ์กว่า 46 ล้านบาท
ก็ว่ากันตามหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน ข่าว 7 สี - คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์เปิดผลสอบแล้วระบุการใช้งบประมาณและเงินบริจาคโปร่งใสไม่ขัดระเบียบแต่ไม่ชี้มีทุจริตหรือไม่ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์แถลงผลการตรวจสอบที่เริ่มจากกรอบอำนาจการตรวจอบที่เป็นเพียงแสวงหาข้อเท็จจริงจากบุคคลและเอกสารในด้านกว้างของโครงการเท่านั้นโดยเข้าไปตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐและเงินบริจาคเพื่อจัดสร้างรูปหล่อพระบรมราชานุสาวรีย์7 พระองค์ การติดตั้งหินอ่อนปูพื้นสักการะ การก่อสร้างอาคาร รั้ว สนามหญ้า การปลูกต้นไม้การจัดงานคอนเสิร์ตรวมถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลอุทยานฯโดยเห็นว่าเป็นการใช้งบตามระเบียบและมีหลักฐานใช้จ่ายที่ถูกต้อง ส่วนข้อสงสัยเกี่ยวกับการเรียกรับผลประโยชน์จากโรงหล่อ ในการหล่อพระบรมราชานุสาวรีย์7 พระองค์นั้น คณะกรรมการไม่สามารถติดตามตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำได้รวมถึงไม่สามารถชี้ว่าพลเอกอุดมเดชสีตบุตรรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเกี่ยวข้องหรือไม่โดยขอให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการตามกฎหมายพร้อมปฏิเสธตอบคำถามว่าโครงการนี้มีความโปร่งใสหรือไม่ ************************************ คณะกรรมการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ของกระทรวงกลาโหม แถลงผลสอบอุทยานราชภักดิ์ หลังจากเก็บข้อมูลจากคณะทำงานชุดต่างๆ มาแล้วกว่า 20 คณะ *********************************** พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม แจงเรื่องการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ รวมทั้งผลสอบล่าสุด
หลังจากกระทรวงกลาโหมแถลงผลการตรวจสอบแล้ว ก็ได้ส่งเรื่องมาที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว คงต้องรอดูผลการตรวจสอบต่อไป เลขานุการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช.เปิดเผยว่า เมื่อได้รับเอกสารจากคณะกรรมการตรวจสอบราชภักดิ์ของกระทรงวกลาโหมแล้ว ทาง ศอตช.จะเน้นสอบประเด็นการเรียกหักหัวคิว เพราะพฤติการณ์ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช. กล่าวถึงการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ ว่า ศอตช.จะเน้นการตรวจสอบในประเด็นเรื่องหัวคิว โดยเมื่อได้รับเอกสารจากกระทรวงกลาโหมแล้วจะเร่งดำเนินการ ทั้งนี้จากพฤติการณ์การเรียกหัวคิวมีความผิดตามกฎหมาย ส่วนใครจะผิดอย่างไร ผิดแค่ไหนขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง นายประยงค์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ป.ป.ท. จะเน้นการตรวจสอบลงไปที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากมีเรื่องร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมาก โดยมีการหารือกับกรมบัญชีกลางเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลการลงรายละเอียดการใช้จ่ายงบประมาณของส่วนราชการทุกแห่ง เช่น ได้รับการจัดสรรงบประมาณเท่าไร มีโครงการจัดซื้อจัดจ้างอย่างไร และบริษัทใดเป็นผู้รับเหมา โดยจะนำข้อมูลของกรมบัญชีกลางไปเชื่อมเข้ากับโปรแกรมของสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ให้สามารถนำพิกัดเข้าไปตรวจจับพื้นที่ที่มีการอนุมัติวงเงินก่อสร้างว่า มีการก่อสร้างจริงหรือไม่โดยจะทำให้การตรวจสอบเป็นไปแบบเรียลไทม์ แม้ว่า ป.ป.ท.จะไม่มีหน้าที่ซ่อมถนน หรือขุดบ่อบาดาล แต่สามารถกระตุ้นให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าไปแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่การทุจริตก็ทำได้ยากขึ้นเช่นกัน”เลขาธิการป.ป.ท.กล่าว ทั้งนี้ เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา คณะกรรมการตรวจสอบกรณีอุทยานราชภักดิ์ ของกระทรวงกลาโหม ได้แถลงว่าไม่สามารถชี้ผิดชี้ถูก หรือเจาะจงได้ว่าใครทุจริต แต่พร้อมที่จะให้หน่วยงานอื่นที่มีอำนาจตามกฎหมายเข้ามาตรวจสอบแทน http://www.now26.tv/view/65475
มีหลายหน่วยงานเค้าก็เข้ามาตรวจสอบเรื่อยๆ นะ ไม่ได้ปล่อยให้เรื่องเงียบหายไป เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ประยงค์ ปรียาจิตต์ บอกว่า ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ภายหลังจากได้รับมอบหมายจากที่ประชุมศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติอย่างเป็นทางการไปเมื่อเร็วๆ นี้ โดยประเด็นที่ ป.ป.ท. จะเข้าไปตรวจสอบข้อมูลคือ การเรียกรับหัวคิวในงานหล่อองค์พระรูปบูรพกษัตริย์ทั้ง 7 พระองค์ ทั้งที่เป็นเอกสารการดำเนินงาน และเชิญตัวแทนที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ หรือตัวแทนเอกชนเกี่ยวข้อง เลขาฯ ป.ป.ท. บอกด้วยว่า สาเหตุที่ต้องตรวจสอบปัญหาเรื่องหัวคิวเป็นหลัก เพราะเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญ และถูกอ้างอิงถึงเป็นอย่างมาก จึงจำเป็นต้องทำความจริงเรื่องนี้ให้กระจ่างชัดโดยเร็วที่สุด ว่ามีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และมีใครเกี่ยวข้องบ้าง พร้อมยอมรับว่า การตรวจสอบครั้งนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใด แต่ยืนยันได้ว่า รีบทำงานโดยเร็วที่สุด เพื่อให้สังคมได้ข้อมูลที่ถูกต้อง
ป.ป.ช. ก็ยังติดตามเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ นะครับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. แถลงผลการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนความไม่โปร่งใส ทั้งโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ และโครงการตำบลละ 5 ล้าน นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ว่า ยังอยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริงและประสานขอข้อมูลกับ พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ และข้อมูลจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. รวมถึงต้องให้ นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น เข้ามาให้ข้อมูลตามที่ร้องเรียนด้วย พบ "ตำบลละ 5 ล้าน" ส่อทุจริต นายสรรเสริญ เผยด้วยว่า ขณะนี้สำนักงาน ป.ป.ช.แต่ละจังหวัด กำลังลงพื้นที่ตรวจสอบการใช้งบประมาณตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล หรือที่รู้จักกันในนาม “โครงการตำบลละ 5 ล้านบาท” และพบว่าหลายพื้นที่มีความผิดปกติ ทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอน การดำเนินการไม่ถูกต้อง รวมทั้งมีพฤติกรรมส่อทุจริต โดยในส่วนของการเบิกจ่ายงบประมาณที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนและการดำเนินการไม่ถูกต้องตามกระบวนการ ป.ป.ช.จะแนะนำแนวทางการดำเนินการที่ถูกต้อง และรายงานไปยังกระทรวงมหาดไทยให้รับทราบ ส่วนกรณีที่พบว่ามีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ขณะนี้พบว่าบางพื้นที่มีความผิดปกติ จึงจะรายงานและเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณา และแสวงหาข้อเท็จจริงต่อไป
อีกไม่กี่วัน ผลสอบของ สตง. ก็ออกมาแล้ว ความเคลื่อนไหวการตรวจสอบความโปร่งใสโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ในวันนี้ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก อุดมเดช สีตะบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ขณะนี้การอยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ ส่วนตัวไม่ทราบว่าผลสอบจาก สตง.จะออกมาเป็นอย่างไร แต่มั่นใจว่าที่ผ่านมาคณะกรรมการดำเนินงานด้วยความโปร่งใสมาโดยตลอด และสามารถชี้แจงได้ และจากผลการตรวจสอบความโปร่งใสก่อนหน้าของ 2 หน่วยงาน คือ คณะกรรมการกองทัพบก และกระทรวงกลาโหม ก็ไม่พบการทุจริต การใช้จ่ายงบประมาณเพื่อก่อสร้างก็เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี พลเอกอุดมเดช กล่าวว่า หากผลสอบออกมาว่าไม่พบการผิดปกติ หรือไม่มีการทุจริต คณะกรรมการยืนยันจะต้องเร่งเดินหน้าการก่อสร้างในระยะที่ 2 ซึ่งเป็นการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ต่อไป เนื่องจากยังมีเงินบริจาคเดิมเหลืออยู่ และพร้อมเปิดรับบริจาคจากประชาชนที่มีจิตศรัทธาเพิ่มเติมด้วย เพื่อให้โครงการอุทยานราชภักดิ์เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่ต้องการให้คนไทยได้ระลึกถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
เมื่อวาน สตง. ก็ได้เรียกสอบพยานปากสำคัญแล้ว 28 ม.ค. l ข่าวเที่ยง 12.00 น.นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรือ อุ๊ กรุงสยาม เซียนพระที่ถูกพาดพิงถึง กรณีหักค่าหัวคิวโรงหล่อพระบรมราชานุสาวรีย์ ในโครงการอุทยานราชภักดิ์ เข้าให้ข้อมูลกับ สตง.แล้ว
การตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ใกล้เสร็จสิ้นเหลือเพียงการสอบปากคำพยาน ในส่วนของกองทัพบกอีก 1-3 ปาก เกี่ยวกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง โดยเฉพาะขั้นตอนการจัดจ้างโรงหล่อบุรพกษัตริย์ ก็จะสามารถสรุปผลการตรวจสอบได้ ซึ่งผลการตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์ของ ศอตช.อาจจะไม่ตรงกับผลสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ ป.ป.ช.แต่ข้อมูลจากทั้งหมด ต้องนำมาประมวลผล ก่อนที่จะรายงาน ต่อ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ในฐานะประธาน ศอตช. ก่อนส่ง ปปช. ไต่สวนความผิดทางอาญาต่อไป
ผลสอบ สตง. ออกมาแล้ว บอกว่า "ไม่พบอะไรผิดปกติ" สตง. สรุปผลสอบปมราชภักดิ์ “ไม่พบสิ่งผิดปกติ” ทั้งเรื่องหัวคิว-เงินบริจาค หล่อพระรูปไม่แพงเกินจริง 7 กุมภาพันธ์ 2016 หลังตกเป็นข่าวมากว่า 4 เดือน ในที่สุดการตรวจสอบความโปร่งใสของโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์บนพื้นที่โรงเรียนนายสิบ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่มีมูลค่าในการก่อสร้างกว่า 1 พันล้านบาท และดำเนินการโดยกองทัพบก (ทบ.) สมัยที่ พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร เป็นผู้บัญชาการทหารบก หรือ ผบ.ทบ. (ระหว่างเดือนตุลาคม 2557 – เดือนกันยายน 2558) ก็ใกล้จะได้บทสรุป เมื่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เตรียมสรุปผลการตรวจสอบเสนอต่อศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ที่มี พล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน ในเร็วๆ นี้ หลังมีการเรียกเอกสารจาก ทบ. ไปตรวจสอบ พร้อมกับเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำ รวมถึงเดินทางไปตรวจสอบในพื้นที่เสร็จสิ้นแล้ว ก่อนหน้านี้ ช่วงปลายเดือนมกราคม 2559 แหล่งข่าวระดับสูงใน สตง. เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบรายรับ-รายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด โดยเฉพาะในส่วนของเงินบริจาคกว่า 900 ล้านบาท ทั้งส่วนที่บริจาคผ่านกองทุนสวัสดิการกองทัพบก หรือผ่านมูลนิธิราชภักดิ์ เพราะมีใบเสร็จยืนยันการบริจาคชัดเจน “เหลือเพียงประเด็นเดียวที่ต้องตรวจสอบต่อไป คือการหล่อพระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์แห่งสยามทั้ง 7 พระองค์ ว่ามีการเรียกรับค่าหัวคิวจากโรงหล่อตามที่เป็นข่าว รวมถึงมีการตั้งราคาจัดซื้อจัดจ้างที่สูงผิดปกติหรือไม่” แหล่งข่าวระบุ ตลอดช่วงเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการ สตง. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของ สตง. ได้ลงพื้นที่อุทยานราชภักดิ์ด้วยตัวเอง พร้อมกับเรียกผู้เกี่ยวข้องมาให้ปากคำ โดยเฉพาะ “เซียนพระ อ.” ที่ถูกพาดพิงว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับค่าหัวคิวจากโรงหล่อก็เดินทางมาให้ปากคำเป็นครั้งแรก ก่อนที่ สตง. จะได้ข้อสรุปว่า ไม่พบสิ่งผิดปกติในการหล่อพระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์แห่งสยามทั้ง 7 พระองค์แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม แม้ สตง. จะสรุปว่าโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ไม่มีสิ่งผิดปกติ แต่ยังมีประเด็นที่ต้องตรวจสอบต่อไป นั่นคือ การขอรับบริจาคเงินเพื่อนำมาก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ของ ทบ. สมัย พล.อ. อุดมเดช ที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2544 ซึ่งตามระเบียบฯ นี้ กำหนดว่าผู้ฝ่าฝืนจะต้อง “ถูกลงโทษทางวินัย” ส่วนเงินบริจาคที่ได้มาจากการไม่ปฏิบัติตามระเบียบฯ นี้จะต้อง “ถูกแช่แข็ง” เอาไว้ก่อน ซึ่งคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ (กคร.) จะต้องมาพิจารณาว่าจะทำอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามความคืบหน้ากรณีนี้จาก ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กคร. คนปัจจุบัน ไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ว่าจะทำอย่างไรกับเงินบริจาคกรณีโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ แต่ ม.ล.ปนัดดากลับปฏิเสธหรือบ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามตลอดมา นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน (คปต.) ไปยื่นคำร้องขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้ามาตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องในโครงการนี้ด้วย โดยปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ออกมาจาก ป.ป.ช. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ตกเป็นข้อสงสัยเรื่องความโปร่งใสตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2558 เมื่อมีแหล่งข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ไม่เปิดเผยชื่อ) ออกมาให้ข่าวว่า อาจมีการทุจริตทั้งในส่วนของการรับเงินบริจาคและการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าบางรายการ โดยเฉพาะกรณีเรียกรับค่าหัวคิวจากโรงหล่อในการหล่อพระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์แห่งสยาม รวมเป็นเงิน 20 ล้านบาท โดยอาจมี “เซียนพระ อ.” เข้าไปเกี่ยวข้อง กระทั่ง ทบ. ต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่มี พล.อ. วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก ก่อนจะสรุปว่าไม่มีการทุจริต แต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ยังไม่ลดลง กระทั่ง กห. ต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาอีกชุด โดยมี พล.อ. ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัด กห. เป็นประธาน ที่แม้จะสรุปรายรับ-รายจ่ายในโครงการนี้อย่างละเอียด แต่กลับไม่ได้ตรวจสอบกรณีเรียกรับค่าหัวคิวจากการหล่อพระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์แห่งสยามแต่อย่างใด กระทั่ง ศอตช. ได้มอบหมายให้ สตง. เป็นหน่วยงานหลักในการเข้าไปตรวจสอบ ก่อนจะสรุปว่าไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด http://thaipublica.org/2016/02/rajabhakti-park-7-2-2559/
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินยืนยันผลสอบรายรับรายจ่ายโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ไม่พบสิ่งผิดปกติ โดยเฉพาะบัญชีงบบริจาค เพราะมีใบเสร็จชัดเจน เว็บไซต์ข่าวไทยพลับลิก้ารายงานอ้างอิงแหล่งข่าวระดับสูงของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ระบุว่า จากการตรวจสอบรายรับรายจ่ายโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ไม่พบสิ่งผิดปกติ โดยเฉพาะบัญชีงบบริจาค เพราะมีใบเสร็จชัดเจน โดยก่อนหน้านี้นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตนเอง พร้อมสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเซียนพระอ. ก็ให้ปากคำเป็นครั้งแรก จึงได้ข้อสรุปว่า ไม่พบสิ่งผิดปกติในการหล่อพระบรมรูปแต่อย่างใด เว็บไซต์ไทยพลับลิก้ายังระบุว่า สตง.ยังคงสอบสวนประเด็นอื่นต่อไป อาทิ การขอรับบริจาคอาจขัดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอเรี่ยไร เป็นต้น ก่อนหน้านี้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เปิดเผยกับวอยซ์ ทีวี ยืนยันผลเบื้องต้นเช่นกันว่าไม่พบความผิดปกติของบัญชีงบกลาง 63 ล้านบาท เช่นเดียวกับบัญชีงบประมาณบริจาค ที่รัดกุม และโปร่งใส เหลือเพียงเงินบริจาคโรงหล่อของเซียนพระรายหนึ่ง 20 ล้านบาท ที่ถูกข้อครหาว่าเป็นเงินค่าหัวคิวจากโรงหล่อพระบรมรูป 5 โรง โดย สตง.จะตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อหาความสัมพันธ์ว่า เงินดังกล่าวทำให้ค่าหล่อพระบรมรูปสูงเกินกว่าราคากลาง หรือราคาประเมินจนไม่สมเหตุสมผลหรือไม่ และโรงหล่อทั้ง 5 จ่ายเงินดังกล่าวให้เซียนพระในรูปแบบใด เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ด้านพลเอกอุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมรอผลการตรวจสอบบัญชีของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. เชื่อมั่นว่าจะได้รับความยุติธรรม และเป็นผลสอบที่เชื่อถือได้โดยหากผลสอบเสร็จสิ้น เชื่อว่า จะไม่มีคนพูดถึงข้อกล่าวหาการทุจริตดังกล่าวอีก และพร้อมก่อสร้างขั้นที่ 2 ต่อ คือ ห้องนิทรรศการประวัติศาสตร์ และส่วนอื่นๆ
ยังรอผลสอบของ ศอตช. อีกราย อีกเรื่องหนึ่งที่มีการตรวจสอบความโปร่งใส คือโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยล่าสุดศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช.เตรียมสรุปผลสอบภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ในฐานะเลขานุการ ศอตช. เปิดเผยว่า ภายใน 1- 2 สัปดาห์นี้ ผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีอุทยานราชภักดิ์จะแล้วเสร็จ และจะแถลงสู่สาธารณะอย่างละเอียด โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจประเด็นค่าหัวคิวโรงหล่ออนุสาวีรย์บูรพกษัตริย์ 7 พระองค์ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป และรอประชุมร่วมกับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. และหน่วยงานด้านปราบปรามการทุจริตที่บูรณาการทำงานร่วมกันใน ศอตช.ด้วย เว็บไซต์ไทยพับลิกา รายงานเมื่อวานนี้ว่า สตง.ได้สรุปผลการตรวจสอบโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ โดยเฉพาะประเด็นค่าหัวคิวโรงหล่อ และได้เชิญเซียนพระคนดังที่เคยถูกพาดพิงว่าเกี่ยวข้องกับการเรียกหัวคิวเข้าชี้แจงด้วย โดย สตง.สรุปว่า ไม่พบสิ่งผิดปกติในการหล่อพระบรมรูปบูรพกษัตริย์แห่งสยามทั้ง 7 พระองค์ หนึ่งในกรรมการ ศอตช. กล่าวว่า แม้ สตง.จะสรุปผลการตรวจสอบว่าไม่พบประเด็นผิดปกติในการใช้จ่ายงบประมาณ และการขอรับบริจาคเงินจากประชาชน แต่ผลการตรวจสอบดังกล่าวอาจไม่ตรงกับผลของ ศอตช.ก็เป็นได้
ผู้ว่าฯ สตง. ระบุ สอบสวนกรณีโครงการอุทยานราชภักดิ์เสร็จแล้ว เหลือเพียงการสอบพยานเพิ่มเติมบางส่วนของ ป.ป.ท. ก่อนที่จะนำข้อมูลทั้งหมดมาแถลงในนามของ ศอตช.
ดัน อีกที ------------------------------------------------------ สตง.ยัน'ราชภักดิ์'โปร่งใส หลังเซียนพระอ.เข้าชี้แจง | เดลินิวส์ „เมื่อวันที่ 17 ก.พ. นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ในเรื่องที่มาของเงินบริจาค 20 ล้านบาท ว่า เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา เซียนพระชื่อย่อ "อ." ได้เข้ามาชี้แจงที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ด้วยความสมัครใจ เพราะอยากเปิดเผยความจริง โดยสาระสำคัญคือชี้แจงกิจกรรมที่เกี่ยวพันกับโรงหล่อ 5 แห่ง ซึ่งเซียน "อ." เป็นที่ปรึกษา คือเป็นผู้เสนอแนะ อำนวยความสะดวก และช่วยเหลือการดำเนินงานให้เสร็จภายในเวลาที่เร่งรัด โดยโรงหล่อดังกล่าว จ่ายเงินให้เซียนพระ "อ." ในลักษณะทยอยจ่ายเงิน รวม 20 ล้านบาท ทางเซียนพระ "อ." จึงปรึกษากับทางผู้ใหญ่ว่าจะนำเงิน 20 ล้านบาท ไปสร้างวัด แต่สุดท้ายได้รับคำแนะนำว่า ให้ไปบริจาคให้กองทุนสวัสดิการราชภักดิ์แทน ซึ่งเช็คเงิน 20 ล้านบาทนั้น เป็นของบริษัท สยามปุระ จำกัด โดยเซียน "อ." ให้กองทุนฯ ออกใบเสร็จในนามโรงหล่อทั้ง 5 แห่ง “ "ยืนยันว่าการหล่อองค์จำลองสมเด็จพระบูรพกษัตริย์ทั้ง 7 พระองค์นั้น มาจากเงินบริจาคทั้งหมด และค่าใช้จ่ายต่างๆ อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ซึ่งเราเห็นรูปหล่อเป็นที่ประจักษ์แล้ว เมื่อตรวจสอบบัญชีรับบริจาคแล้วนั้น พบว่ากระบวนการเป็นไปตามระเบียบ อย่างไรก็ตาม ได้เสนอประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ให้มีการชี้แจงต่อสื่อมวลชนเพื่อได้รับทราบข้อเท็จจริง ส่วนจะแถลงเมื่อใดนั้น อยู่ที่ประธานฯจะกำหนด ซึ่งส่วนของสตง.ได้รวบรวมข้อเท็จจริงและรายละเอียดเตรียมพร้อมที่จะชี้แจง ได้ทุกเมื่อ."นายพิศิษฐ์กล่าว“ http://www.dailynews.co.th/politics/380294 ----------------------------------- จะกี่มาตรฐานดี กรณีนี้
รมว.ยธ.สั่งสอบเพิ่ม 4 ประเด็นอุทยานราชภักดิ์ Written by: กอง บก.ข่าวสังคม 2016/02/24 12:26 PM กระทรวงยุติธรรม 24 ก.พ.-“พล.อ.ไพบูลย์” สั่งตรวจสอบเพิ่มอุทยานราชภักดิ์ 3-4 ประเด็นที่ประชาชนสงสัย ยืนยันไม่เคยแทรกแซงการทำงานองค์กรอิสระ พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยเกี่ยวกับผลการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า ขณะนี้ได้รับรายงานการชี้แจงจากศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.)แล้ว ในเบื้องต้น ซึ่งตนยังไม่พึงพอใจในผลการตรวจสอบประมาณ 3-4 ประเด็นที่มีข้อมูลไม่เพียงพอที่ประชาชนมีข้อสงสัย โดยไม่ขอลงละเอียดว่ามีประเด็นใดบ้าง เนื่องจากต้องการให้คณะทำงานได้ไปตรวจสอบเพิ่มเติมแล้วนำกลับมารายงานใหม่ ตนจึงจะสามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ซึ่ง ศอตช.ไม่ได้มีหน้าที่ควบคุมหน่วยงานที่มาตรวจสอบ เป็นเพียงหน่วยงานหลายส่วนมาทำงานร่วมกันเพื่อตรวจสอบ เพื่อให้ชี้แจงข้อสงสัยกับประชาชน อย่างไรก็ตามตนยืนยันในคำพูด ตามเคยที่แถลงไปก่อนหน้านี้ในเรื่องของการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ พร้อมขอชี้แจงว่าตนไม่สามารถไปสั่งการและไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายการทำงานของ องค์กรอิสระ ซึ่งต้องให้เวลาในการทำงานเพื่อหาข้อมูลมาชี้แจงให้กับประชาชน.-สำนักข่าว ไทย http://www.tnamcot.com/content/410428 “พล.อ.ไพบูลย์”ไม่พอใจผลสอบอุทยานราชภักดิ์ ส่งกลับให้สตง.ตรวจสอบเพิ่มเติม3-4ประเด็น วันนี้ (24ก.พ.59) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอ.ตช.) กล่าวถึงความคืบหน้าผลการตรวจสอบการจัดสร้างอุทยาน ราชภักดิ์ ภายหลังที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) รายงานความคืบหน้าต่อคณะกรรมการศอ.ตช. ว่าผลการสอบสวนดังกล่าวยังไม่เป็นที่หน้าพอใจในบางประเด็นที่ประชาชนยังคงเคลือบแคลงสงสัย จึงสั่งการให้กลับไปตรวจสอบเพิ่มเติม ประมาณ 3-4 ประเด็น ส่วนเป็นประเด็นอะไรบ้าง ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด รมว.ยุติธรรม กล่าวยืนยันว่า ศอ.ตช.ไม่ได้มีหน้าที่ควบคุมที่หน่วยงานที่มาตรวจสอบ เป็นเพียงหน่วยงานหลายส่วนมาทำงานร่วมกันเพื่อตรวจสอบเพื่อชี้แจงข้อสงสัยให้กับประชาชน และตนก็ไม่เคยเข้าไปก้าวกายการทำงานขององค์กรอิสระ ในการตรวจสอบเรื่องนี้ ส่วนผลการสอบสวนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ท.) ยังเหลือเพียงการตอบกลับจากหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ว่าผลการสอบสวน จะเป็นอย่างไร ก่อน หน้านี้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) ในฐานะประธานมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ได้เปิดเผย ผลการตรวจสอบการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ของสตง. ว่า ทุกอย่างเป็นไปด้วยความถูกต้องทุกขั้นตอน กรุงเทพฯ 24 ก.พ.-EXCLUSIVE TALK วันนี้ติดตามหลายประเด็นที่สังคมสงสัย ทั้งเรื่องรถหรูของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ว่าจะมีผลต่อการเสนอแต่งตั้งสังฆราชหรือไม่ อย่างไร รวมถึงโครงการอุทยานราชภักดิ์ การทำงานของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช. ที่มี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เป็นประธาน ศอตช. ข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างไร พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทย ใน EXCLUSIVE TALK ระบุมีการทำหนังสือเรียนเชิญสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เข้าให้ข้อมูลกรณีรถหรูแล้ว โดยอยู่ระหว่างประสานกำหนดวัน โดยทำไปตามขั้นตอน ไม่ได้เร่งรัด และไม่กดดัน เนื่องจากตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ ตนเองเพียงตรวจสอบ แต่หากผู้รับผิดชอบต้องการนำผลตรวจสอบไปใช้ ก็แล้วแต่ แต่ยืนยันการตรวจสอบจะเสร็จในรัฐบาลชุดนี้ ส่วนคดีอุทยานราชภักดิ์ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ไม่จำเป็นต้องคุยกับ ศอชต. แต่หากเกี่ยวข้อง ก็ต้องเชิญมา ย้ำใครเกี่ยวข้องก็ต้องเรียกมาสอบทั้งหมด ยืนยันไม่มีการช่วยเหลือคนสีเดียวกัน หากช่วยก็อยู่ไม่ได้ ตนทำตามกฎหมาย จะใช้ความรู้สึกส่วนตัวตัดสินไม่ได้ ต้องยอมรับระบบการสอบสวน ระบบกฎหมาย ยืนยันว่าตนก่อนหน้านี้เคยพูดอะไรไป ก็พูดเหมือนเดิม ไม่มีการถอนคำพูด ทำเต็มที่ ขอประชาชนอย่าเพิ่งด่วนตัดสิน ย้ำถ้าเราทำทุกอย่างบนพื้นฐานกฎหมายข้อเท็จจริง ไม่มีอะไรที่น่ากลัว ผลที่ออกมาจะตอบข้อสงสัยได้ทุกเรื่อง ฉะนั้นจะตอบประชาชนไม่ได้ และ ศอตช.จะอยู่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย
25 ก.พ.| ข่าว 16.00 น. ผู้ว่าการ สตง.ยืนยัน ผลการตรวจสอบโครงการราชภักดิ์ เป็นไปตามกระบวนการและมีมาตรฐานเดียวกับหน่วยงานอื่นซึ่งผลสรุปได้ออกมาว่า ไม่พบการทุจริต สตง. ยันไม่พบหลักฐานทุจริตหัวคิวโครงการอุทยานราชภักดิ์ ระบุเตรียมส่งผลสอบสวนให้ รมว.ยุติธรรม ******************************************* ป.ป.ช. ยังตามเรื่องอยู่เลย ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก พลเรือเอกพะจุณณ์ ตามประทีป อดีตหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ และสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เนื่องจากส่งข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ระบุถึงนายทหารยศ พลเอกพัวพันซื้อขายตำแหน่งแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ซึ่งพลเอกประวิตร บอกว่าเป็นเรื่องขององค์กรและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะต้องดำเนินการ เมื่อถูกพาดพิงเช่นนี้ โดยเฉพาะขณะนี้อยู่ระหว่างการเดินหน้าปฏิรูปองค์กรด้วย ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ นั้นนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช.เปิดเผยว่ามีความคืบหน้าไปมาก หลังประสานข้อมูลกับศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติและ สตง.แล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด หรือพบการทุจริตหรือไม่ในตอนนี้ ขณะที่โครงการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย หรือโครงการตำบลละ 5 ล้านบาท ทางป.ป.ช.กับกระทรวงมหาดไทย ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างใกล้ชิด หลังพบโครงการที่สุ่มเสี่ยง หรือมีข้อมูลว่าอาจไม่โปร่งใส เพื่อทำการตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป หากพื้นที่ใดสามารถแก้ไขได้ จะประสานกระทรวงมหาดไทยดูแลเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริต ด้านโฆษกกระทรวงมหาดไทย บอกได้ติดตามตรวจสอบโครงการของบตำบลละ 5,000,000 อย่างต่อเนื่อง โดยกำชับทุกจังหวัดเบิกจ่ายงบประมาณ และกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า โปร่งใส และเสร็จทันกำหนดที่วางไว้ ซึ่งส่วนใหญ่มีผลเป็นที่น่าพอใจ