ศาลอาญากรุงเทพใต้ ชี้สาเหตุการเสียชีวิตของช่างภาพชาวญี่ปุ่นช่วงชุมนุมทางการเมืองปี 53 มาจากกระสุนปืนความเร็วสูง ไม่ทราบชนิด แต่ไม่รู้ทิศทางว่าใครยิง ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดอ่านคำสั่งชันสูตรพลิกศพของ นายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ ช่างภาพชาวญี่ปุ่น ประจำสำนักข่าวรอยเตอร์ พร้อมด้วย นายวสันต์ ภู่ทอง และ นายทศชัย เมฆงามฟ้า ผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ซึ่งทั้งหมดถูกยิงเสียชีวิตหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ระหว่างเหตุสลายการชุมนุม ในคืนวันที่ 10 เมษายน 2553 โดยศาลชี้ว่าจากพยานหลักฐานทั้งหมด ประกอบไปด้วยผลชันสูตรพลิกศพจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รายงานการตรวจสถานที่เกิดเหตุ และ ปากคำจากพยานในสถานที่เกิดเหตุ แม้จะยืนยันตรงกันว่าวิถีกระสุนปืนทั้งหมดมากกว่า 100 รอยในที่เกิดเหตุ ล้วนถูกยิงมาจากแนวของเจ้าหน้าที่เพียงทิศทางเดียว แต่ปรากฏว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ได้รับบาดเจ็บจากอาวุธสงครามเช่นเดียวกัน และ ไม่มีพยานหลักฐานใดระบุได้ว่าสุดท้ายก่อนผู้ตายทั้ง 3 คน จะถูกยิงอยู่ในลักษณะใด และ ถูกยิงมาจากทิศทางใด ศาลพิเคราะห์แล้วมีคำสั่งชี้ว่า ผู้ตายทั้ง 3 คน เสียชีวิตจากกระสุนปืนความเร็วสูง ไม่ทราบชนิดและขนาด โดยไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ยิง และ ไม่ทราบว่ากระสุนมาจากทิศทางใด ด้านนายเจษฎา จันทร์ดี ทนายความ กล่าวว่าหลังจากนี้จะขอศึกษาคำสั่งศาล ก่อนจะกลับไปหารือกับญาติผู้เสียชีวิตว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่เบื้องต้นยอมรับคำสั่งของศาล
น่าจะยังสรุปไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น " โดยศาลชี้ว่าจากพยานหลักฐานทั้งหมด ประกอบไปด้วยผลชันสูตรพลิกศพจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รายงานการตรวจสถานที่เกิดเหตุ และ ปากคำจากพยานในสถานที่เกิดเหตุ แม้จะยืนยันตรงกันว่าวิถีกระสุนปืนทั้งหมดมากกว่า 100 รอยในที่เกิดเหตุ ล้วนถูกยิงมาจากแนวของเจ้าหน้าที่เพียงทิศทางเดียว แต่ปรากฏว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ได้รับบาดเจ็บจากอาวุธสงครามเช่นเดียวกัน และ ไม่มีพยานหลักฐานใดระบุได้ว่าสุดท้ายก่อนผู้ตายทั้ง 3 คน จะถูกยิงอยู่ในลักษณะใด และ ถูกยิงมาจากทิศทางใด " คงเป็นเพียงการสรุปผลการชันสูตรพลิกศพนายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ ช่างภาพชาวญี่ปุ่น ประจำสำนักข่าวรอยเตอร์ พร้อมด้วย นายวสันต์ ภู่ทอง และ นายทศชัย เมฆงามฟ้า
รายงานการตรวจสถานที่เกิดเหตุ และ ปากคำจากพยานในสถานที่เกิดเหตุ แม้จะยืนยั่นรงกันว่าวิถีกระสุนปืนทั้งหมดมากกว่า 100 รอยในที่เกิดเหตุ ล้วนถูกยิงมาจากแนวของเจ้าหน้าที่เพียงทิศทางเดียว บทสรุปแปลว่า เจ้าหน้าที่ ยิงที่เกิดเหตุ(ไ่ม่ทราบแ่น่ชัดว่าเป็นแตงโมหรือฟักทอง)เป็นรอยโดยไม่บาดเจ็บล้มตาย และแปลว่าอีกฝ่ายเจาะจงไม่ยิงที่เกิดเหตุเลย(กระทั่งกำแพงถนน) ยิงอะไรสืบสวนเมื่อไรจะได้รู้กัน ใครสรุปเป็นอื่นก็แล้ว แต่จะแถกันไปไปฝรั่งเศสดิ แถได้ถนัดดีนักแร
ปากคำจากพยานในสถานที่เกิดเหตุ แม้จะยืนยันตรงกันว่าวิถีกระสุนปืนทั้งหมดมากกว่า 100 รอยในที่เกิดเหตุ ล้วนถูกยิงมาจากแนวของเจ้าหน้าที่เพียงทิศทางเดียว แต่ปรากฏว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ได้รับบาดเจ็บจากอาวุธสงครามเช่นเดียวกัน อ่านแล้วงงไหม ผมบอกได้เลยว่า ถ้าพยาน คนไหน สามารถระบุได้ ว่าลูกกระสุนทั้งหมด มาจากที่ไหนได้ แสดงว่าพยานคนนั้น ต้องเป็น flashman กลับชาติมาเกิด กระสุนความเร็วสูง ตาคนมองทันหรือ นี่ไง อคติคน บางครั้งก็ทำให้คิดไปได้ ว่ากระสุนมาจากฝั่งเจ้าหน้าที่ เพียงฝ่ายเดียว ก็ประโยคต่อมา ก็บอกแล้ว ว่าเจ้าหน้าที่ ก็ได้รับบาดเจ็บ ยิงกันเอง งั้นสิ ไม่ต้องนับ ท่านพลเอก ร่มเกล้า ด้วย เอาผมท้ากันซื่อ ๆ นี่ล่ะ ใครกันสามารถบอกได้ ว่า ลูกปืนทั้งหมด ระเบิดทั้งหมด นั้น ยิงมาจากทิศใดบ้าง หรือแม้แต่เห็นจะ ๆ แค่ครั้งเดียว ก็เหอะ ถ้า " กล้า " ยืนยันได้ ผมขอปวารณาตน เป็นลูกศิษย์สักคน เผื่ออนาคต ผมจะไปสมัครเป็นนักข่าว แล้วจะได้เขียนข่าว เป็นคนแรก ว่าใครเป็นคนยิง แล้วยิงมาจากไหน มุมกี่องศา
แหม่ แล้วพยานในสถานที่เกิดเหตุนี่พวกไหนบ้างล่ะ แล้วพยานไม่ได้บอกรึว่าเจ้าหน้าที่ยิงใคร ถึงได้เกิดรอยมากกว่า ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่โดนยิงด้วยอาวุธสงครามเช่นเดียวกันคงเข้าแผนของคนบางคน
เขาอาจมองที่เจ้าหน้าที่ยิงก็ได้ครับ ส่วนจะยิงไปที่ใดก็อาจทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นตามที่มีคนประกาศก็ได้ครับ
ผมนี่มึนกะระบบศาลไทยเลย 555555555 ล้วนถูกยิงมาจากแนวของเจ้าหน้าที่เพียงทิศทางเดียว แต่ปรากฏว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ได้รับบาดเจ็บจากอาวุธสงครามเช่นเดียวกัน ยิงยังไงครัชชชชช แค่เริ่มแบบนี้ก็ศรีธนนชัยแระ แต่เคยเห็นในคลิปยิงกันไปกันมาระเบิดลงตูมทหารล้มกลิ้งเลยยยย บ้านผมเขาเรียกยิงกันทั้งสองทิศทาง คลิปก็มี เห็นกันจะจะ แปลเป็นอื่นไม่ได้ ปัญหาหมักหมมเพราะทำกันแบบนี้แหละ
ศาลตัดสินตามหลักฐานที่โจทก์กับจำเลยแสดงครับ ถ้าฝ่ายจำเลยไม่ได้เอาคลิปนั้นไปให้ศาล ศาลก็ตัดสินมากกว่าหลักฐานที่แสดงในศาลไม่ได้หรอกครับ ส่วนสาเหตุที่ไม่แสดงก็เดาได้ไม่ยากหรอกมั้ง ก่อนรัฐประหารนี่รัฐบาลเป็นพวกไหน
เห็นใจศาลครับเหตุการณ์ชุลมุนพิสูจน์ชี้ชัดยาก แต่มีข้อเท็จจริงอย่างนึงคือมีชายชุดดำใช้อาวุธสงครามและคนเสื้อแดงทำร้ายเจ้าหน้าที่แล้วขโมยปืนไปเยอะมาก
ปี 2552 ไม่มีคนตายสักคน ไม่เป็นที่พอใจของบางกลุ่มบางฝ่าย ปี 2553 มันจะทนอดทนกลั้นได้อีกสักกี่น้ำ แผนต้องซับซ้อนเข้าไปอีก ต้องใส่แรงเพิ่มขึ้นไปอีก แหย่มันเข้าไป รุกคืบมันเข้าไป จนได้ศพไปแห่จนได้ แค่นั้น อย่างอื่น..ช่าง
ถ้าสำนวนหลักฐานฟ้องปัญญาอ่อนนี้ออกมาในยุคพวกจัญไร อย่าง ปะชา ทาริด เป็ดเหลิม คุม ก.ยุติ-ทำ ก็อย่าได้แปลกใจเลย แต่ถ้ารื้อคดีสอบใหม่ รวมทั้งสอบประวัติ ไอ้พยานในสถานที่เกิดเหตุ นั่นทุกตัวด้วย รับรองว่าข้อเท็จจริงจะกลายเป็นหนังคนละม้วน
อันนี้ยิ่งเศร้าใหญ่ น่าจะให้ญาติผู้เสียชีวิตที่ติดใจฟ้องรื้อฟื้นสำนวนหรือฟ้องแย้งว่าหลักฐานชี้แจงไม่ครบถ้วน พร้อมทั้งเอาฝ่ายอัยการหรือตำรวจที่ทำสำนวนอ่อนหลักฐานอ่อนเข้าคุกซะบ้าง
ผมมองแบบนี้ครับ คือจากหลักฐานปากคำพยานบอกว่า กระสุนมีทิศทางมาจากฝั่งทหาร ซึ่งพยานจะเป็นใครนั้นก็ไม่ทราบได้ แต่หลักฐานที่ประจักษ์คือทหารก็มีบาดเจ็บจากกระสุนด้วยเช่นกัน อันนี้เรื่องเกิดขึ้นจริง ผลการตรวจก็ยืนยันแน่นอน แถมเมื่อตรวจจากสภาพศพผู้ตาย ก็ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าผู้ตายอยู่ในท่าทางใดที่ถูกยิง แผลกระสุนเข้าก็เลยยืนยันไม่ได้ว่ามาจากทิศทางใด เมื่อหลักฐานทั้ง 2 ขัดกันเอง ทำให้ศาลไม่สามารถสรุปได้ว่าทิศทางกระสุนมาจากฝั่งไหนกันแน่ครับ