ประเทศไทยกำลังจะเข้ารับตำแหน่งประธานกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา หรือกลุ่มจี 77 อย่างเป็นทางการสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะทำให้ไทย ก้าวไปสู่การเข้าร่วมเป็นประเทศสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแบบไม่ถาวรที่คาดว่าไทยจะได้รับการยกมือสนับสนุนช่วงกลางปีนี้ นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงความสำคัญของการเข้ารับหน้าที่ประธานกลุ่ม จี 77 ที่ไทยได้รับความเชื่อมั่นจากสมาชิกประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก ทั้ง 133 ประเทศ ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ นายดอน ปรมัตถ์วินัย จะเดินทางไปรับมอบตำแหน่งประธานกลุ่ม ในวันที่ 12-14 มกราคมนี้ ที่สำนักงานใหญ่ สหประชาชาติ สหรัฐ อเมริกา ซึ่งไทยรับตำแหน่งต่อจากแอฟริกาใต้ ในวาระปี 2559 นี้ โดยนานาประเทศ ต่างชื่นชมที่ไทยประสบความสำเร็จในการพลิกฟื้นประเทศในอดีตซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ก็ได้น้อมนำเอาแนวคิดพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนาอย่างยั่งยืน และโครงการหลวงต่าง ๆ ทำให้ไทยกลายเป็นแบบอย่าง ที่สหประชาชาติได้ยกย่อง และนำไปเป็นโมเดลปรับใช้กับหลายประเทศแล้ว อาทิ ฟิจิ และประเทศในทวีปแอฟริกา สำหรับบทบาทของไทยในการทำหน้าที่หลัก ๆ คือการเป็นสะพานเชื่อมฝ่ายต่าง ๆ ประสานภายในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาด้วยกัน และกับภายนอก ประเทศที่พัฒนาแล้ว ตามหัวข้อหลักคือความเป็นหุ้นส่วนที่ครอบคลุมทุกฝ่าย เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามเป้าหมาย 17 ข้อ บทบาทของไทยเวทีนี้ อาจนำไปสู่การได้รับความเชื่อมั่น และได้เสียงสนับสนุนในการเป็นตัวแทน 1 ใน 2 ของทวีปเอเชีย เข้าร่วมเป็นประเทศสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแบบไม่ถาวร ที่จะมีการลงคะแนนเสียงช่วงกลางปีนี้ ทำให้ไทย มีสิทธิมีเสียง ในเวทีโลกมากขึ้น ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศยังได้ออกแถลงการณ์ตำหนิ กรณีเกาหลีเหนือทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งทำให้คาบสมุทรเกาหลีระอุขึ้น พร้อมเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติโครงการดังกล่าวทันที ส่วนสถานการณ์การประท้วงของประชาชนชาวเมียนมาร์ ต่อกรณีการตัดสินคดีเกาะเต่า อธิบดีกรมสารนิเทศยืนยันว่าไม่มีเหตุวุ่นวายใด ๆ ณ สถามทูตไทยในกรุงย่างกุ้ง หรือเมืองอื่นแล้ว พร้อมกันนี้ ได้ปฏิเสธกระแสข่าวที่มีรายงานว่าสถานเอกอัครราชทูตไทยในย่างกุ้งปิดทำการ โดยยืนยันว่าให้บริการตามปกติ แต่เฉพาะในส่วนสถานกงสุลเท่านั้นที่ปิดบริการชั่วคราวจนถึงวันนี้ แต่คนไทยสามารถติดต่อทางสายตรงฮ็อตไลน์ได้
วันนี้ เวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา (G-77) ในหัวข้อการประชุมใหญ่ว่าด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงหนทางสู่การพัฒนาที่ ยั่งยืน ที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้กรุงเทพฯเพื่อเผยแพร่แนวทางการพัฒนาตามหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy) ซึ่งประเทศไทยน้อมนำมาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศมากว่า 40 ปีแก่ประเทศสมาชิกกลุ่ม 77 ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 134 ประเทศในสหประชาชาติในฐานะแนวทางหนึ่งที่สามารถสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการ พัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติได้ การประชุมครั้งนี้นอกจากจะเป็นการประชุมครั้งแรกของกลุ่มประเทศ 77 ในประเทศไทยนับตั้งแต่ไทยรับตำแหน่งประธานกลุ่มประจำนครนิวยอร์กเมื่อเดือน มกราคม 2559 แล้วซึ่งเป็นโอกาสสำหรับประเทศไทยในการนำเสนอให้ประเทศสมาชิกกลุ่ม 77 เข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงรวมถึงความ เชื่อมโยงกับวาระที่สหประชาชาติและประเทศต่างๆทั่วโลกให้ความสำคัญในระยะ 15 ปีข้างหน้าให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ตามบริบทของประเทศตนเอง 29 ก.พ. l ข่าว 12.00 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดการประชุมกลุ่มจี 77 นัดแรก ย้ำถึงความร่วมมือของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาพร้อมชูปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ต้นเดือนหน้า ไทยจะได้รับบทบาทสำคัญในเวทีนานาชาติอีกครั้ง กับการจัดการประชุมความร่วมมือ 33 ชาติในเอเชีย ที่จะมีรัฐมนตรีต่างประเทศ เข้าร่วมหารือในประเด็นท้าทายต่างๆ ของทวีป ความน่าสนใจ และความสำคัญของเวที ACD นี้ เป็นอีกก้าวของไทยในเวทีโลก หลังจากที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมความร่วมมือ 33 ชาติ ในเอเชีย เวที เอเชีย คอร์ปอเรชั่น ไดอาล็อก หรือ ACD ในสัปดาห์หน้า ซึ่งนอกจากจะมีความสำคัญ ให้ไทยมีภาพลักษณ์ที่ดี ในฐานะตัวกลางผู้ประสานความร่วมมือ นำไปสู่บทบาทสำคัญของไทยเวทีโลกแล้ว ยังจะมีประเด็นสำคัญ คือหลายประเทศในเอเชีย ที่มีกรณีไม่ลงรอยกันอยู่บ้าง อาจจะใช้เวทีนี้ พูดคุยนอกรอบ นำไปสู่ความร่วมมือกันได้
ช่วงเช้าวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุม ผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงของกลุ่มประเทศ 77 High-level Panel of Eminent Personalities of the South ว่าด้วยความร่วมมือ ระหว่างประเทศกำลังพัฒนา เพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมและการรวมตัวของประเทศเข้ากับระบบเศรษฐกิจโลกยุค โลกาภิวัตน์ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประธานกลุ่ม 77 (G77) พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การประชุมวันนี้มีความสำคัญมากสำหรับอนาคตของกลุ่ม 77 และขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่ประเทศกำลังพัฒนาจะร่วมมือกันในรูปแบบของเรา เพื่อวางอนาคตร่วมกัน โดยไม่รอพึ่งพาความช่วยเหลือจากประเทศพัฒนาแล้ว ทั้งนี้ ปัจจุบันเรามีกลไกความร่วมมือใต้-ใต้ โดยเฉพาะสำนักงาน UN สำหรับความร่วมมือใต้-ใต้ (UN office for South-South Cooperation) และกองทุนเปเรซ เกอร์เรโร ทรัสต์ ฟันด์ Perez-Guerrero Trust Fund (PGTF) ซึ่งไทยให้ความสำคัญกับกองทุนนี้ และประกาศบริจาคเงิน 520,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้กองทุนในปีนี้ เพื่อฉลองวาระการก่อตั้งกลุ่ม 77 ครบ 52 ปี และเชิญชวนสมาชิกบริจาคเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการพัฒนา ของประเทศกำลังพัฒนา นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าแผนพัฒนาจะดีเพียงใด แต่ถ้าขาดแหล่งเงินทุนก็ไม่เกิดการพัฒนา จึงควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ไทยจึงจะเป็นเจ้าภาพประชุมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ใน พ.ค.นี้ เพื่อทำข้อเสนอแนะการพัฒนาความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการลงทุนระหว่างประเทศ โดยไทยพร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลการดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้าน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ยก แนวทาง เศรษฐกิจพอเพียงขึ้นมา เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาที่ยั่งยืนให้กับกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา
พวกแดงเขาบอกว่า เป็นแค่เวทีกระจอกๆ ไม่มีความหมายอะไร เป็นเวทียิ่งใหญ่ระดับโลก ไทยได้รับเลือกเป็นประธานตั้งแต่สมัยปูกี้เป็นนายกฯแล้ว ลุงตู่มาได้รับอานิสงค์ภายหลัง ฟังดูขัดๆกันเลยถามเสื้อแดงว่าเอาไงแน่ ตกลงเรื่องนี้เป็นข้อ 1 หรือ 2 เสื้อแดงไม่ตอบ แต่บอกว่าทูตอเมริกาต้องการให้ไทยเข้าสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดการประชุมผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงของกลุ่มประเทศ 77 ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งคณะผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นอดีตรัฐมนตรี ผู้บริหารองค์การระหว่างประเทศ เช่น UNCTAD และ ESCAP เอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรจากนครนิวยอร์ก และประธานกลุ่ม 77 ซึ่งเป็นเวทีระดมสมองในการออกแบบสถาปัตยกรรม ของความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา เพื่อรองรับบริบทและความท้าทายใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังที่สหประชาชาติได้รับรองวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 สำหรับหัวข้อหลักของการประชุม ประกอบด้วยการกำหนดยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา เพื่อการอนุวัติวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 บทบาทของกลุ่ม 77 ในการเสริมสร้างสถาปัตยกรรมความร่วมมือพหุภาคี และความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา และแนวทางและวิธีการในการระดมทุนและการดำเนินการ เพื่อการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา โดยวันพรุ่งนี้ผู้เข้าร่วมการประชุมจะเดินทางไปศึกษาดูงานที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งคณะผู้เข้าร่วมประชุมจะมีโอกาสศึกษาการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไปประยุกต์ใช้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป ข่าว 7 สี - รัฐมนตรีและผู้แทนระดับสูงจาก 34 ชาติในเอเชีย เดินทางมาร่วมการประชุม"เอซีดี"ที่ประเทศไทย ติดตามรายละเอียดได้จากคุณวรลักษณ์ ศรีทอง วันนี้และวันพรุ่งนี้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชียจุดเด่นของเวทีการประชุมนี้ ก็คือการหารือและอัพเดทสถานการณ์ในเอเชียกันแบบเป็นกันเองไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และในวันพรุ่งนี้พลเอก"ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเปิดการประชุมด้วยตนเอง การประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย หรือ"เอซีดี"เป็นการประชุมที่เน้นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อนำศักยภาพของแต่ละประเทศมาเชื่อมโยงกันและนำไปพัฒนาภูมิภาค นอกจากนี้ ยังเน้นหารือถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่กำลังเผชิญ และหาแนวทางรับมือ ทั้งภัยพิบัติทางธรรมชาติ ,โรคระบาด ,การท่องเที่ยว ,ความผันผวนทางเศรษฐกิจ ,อาชญากรรมข้ามชาติและสิ่งที่กระทบต่อภูมิภาค ที่สำคัญไม่เน้นการพูดคุยด้านการเมือง โดยไทยรับหน้าที่เป็นประธานการประชุม ซึ่งในวันนี้ นาย"ดอน ปรมัตถ์วินัย" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมท่ามกลางรัฐมนตรีและผู้แทนระดับสูงจาก 33 ประเทศสมาชิกเข้าร่วม รวมถึงเนปาลที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกลำดับที่ 34 ของ"เอซีดี"อย่างเป็นทางการ ซึ่งไทยจะใช้โอกาสนี้ เสนอแนวคิดเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อให้ประเทศสมาชิกได้ไปศึกษาและประยุกต์ใช้ ตลอดจนนำไปปฏิบัติ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติในอีก 15 ปีข้างหน้า ซึ่งแนวคิดที่หารือกันในวันนี้จะถูกนำเข้าสู่ที่ประชุมในระดับรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ โดยจะมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางมากล่าวต้อนรับและเปิดการประชุมด้วยตัวเอง ข่าว 7 สี - ไปติดตามการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย หรือ เอซีดี ซึ่งในวันนี้นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเป็นประธานในการเปิดงานด้วย ติดตามรายงานจากผู้สื่อข่าวของเรา คุณวรลักษณ์ ศรีทอง บรรดารัฐมนตรีและผู้แทนระดับสูง 34 ประเทศ ได้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย กันอย่างพร้อมเพรียง โดยไทยได้หยิบยกหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นตัวอย่างแก่ประเทศสมาชิกด้วย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.เป็นประธานและกล่าวเปิดการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย หรือ เอซีดี ครั้งที่ 14 โดยมีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงรัฐมนตรีและผู้แทนระดับสูงของประเทศสมาชิก 34 ประเทศ เข้าร่วมการประชุม โดยนายกรัฐมนตรี ชี้ให้เห็นว่าสิ่งที่สำคัญของสมาชิกเอซีดี คือการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกันลดความหวาดระแวง การได้ผลประโยชน์เท่าเทียมและพร้อมช่วยกันพัฒนาภูมิภาค พร้อมกันนี้ยังได้ยกตัวอย่างประเทศไทยที่วางโรดแมปยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนา 15 ปีของสหประชาชาติ ขณะที่ในที่ประชุมได้หยิบยกข้อเสนอของไทยที่จะร่วมกันสร้างวิสัยทัศน์ความร่วมมือเอเชียในทุกมิติเข้าหารือ รวมถึงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อนำไปประยุกต์ใช้และร่วมมือกันส่งเสริมศักยภาพของ เอซีดี ให้มีความสำคัญและแข็งแกร่งมากขึ้นในเวทีโลก นอกจากนี้ไทยในฐานะประธานการประชุมยังหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการประชุมระดับรัฐมนตรีในครั้งนี้ จะได้แนวทางที่ดีเพื่อนำไปสู่การจัดประชุมสุดยอดผู้นำ เอซีดีในปลายปีนี้ด้วย นายกรัฐมนตรี ยังได้สร้างรอยยิ้มให้กับผู้เข้าร่วมการประชุม ในระหว่างการกล่าวต้อนรับ ว่ามาพร้อมกับสภาพอากาศที่อบอุ่น และเพิ่งผ่านพ้นจากปรากฏการณ์สุริยุปราคา เมื่อวานนี้นอกจากนั้นหลังกล่าวเปิดประชุมนายกรัฐมนตรียังได้ทดลองขี่รถ"เซกเวย์"หรือ รถยืนไฟฟ้า ของตำรวจท่องเที่ยว เพื่อทดสอบถึงประสิทธิภาพของอุปกรณ์และเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวด้วย ชาติสมาชิกเอเชีย เชื่อมั่นอนาคตเวทีประชุม ACD ขยายความร่วมมือเข้มแข็ง และสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน นายกรัฐมนตรี ให้ความเชื่อมั่นในเวทีนานาชาติ โดยไทยเป็นต้นแบบสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
ประเทศไทย ในฐานะประธานกลุ่มจี 77 เดินหน้านำเสนอการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามแนวทางของสหประชาชาติ โดยเพื่อให้เห็นภาพที่แท้จริง จึงได้พาเจ้าหน้าที่ระดับสูง อาทิ ผู้แทนถาวร สหประชาชาติ และเจ้าหน้าที่ทูตในกลุ่ม ไปดูพื้นที่จริงตามแนวทางการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในเวทีประชุม จี 77 หัวข้อ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสำหรับภาคธุรกิจ เป็นสิ่งที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากทั่วโลกว่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นำพาหลายองค์กรไทยสู่ความสำเร็จ และจะนำพาให้ประเทศแข็งแกร่งตาม เป็นบทบาทที่ไทยในฐานะประธานกลุ่มจี 77 สร้างความเชื่อมั่นต่อยอดในการทำหน้าที่ พร้อมเป็นพี่เลี้ยงประเทศต่างๆ สู้วิกฤตเศรษฐกิจโลก
อาจไม่ได้มีการลงนามอะไรที่เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน แต่การเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำ เอเชีย-ยุโรป หรือ อาเซ็ม ที่ผ่านมา แต่ไทยได้รับการยอมรับ จาก 53 ชาติไม่น้อย ในฐานะไทย เป็นผู้ริเริ่มเวทีนี้เมื่อปี 2539 และการประชุมปีนี้ที่มองโกเลีย ครบรอบ 20 ปีพอดี ไทยยังมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตานานาชาติ ติดตามในพีเพิลส์ ฟอเรจ์น แอฟแฟร์ส ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทย โดยนายกรัฐมนตรี เดินหน้าพบปะหารือทั้งผู้นำระดับโลก และบุคคลสำคัญมากมาย จาก 2 เวทีสำคัญ จี 20 และ อาเซียน ซัมมิท สิ่งที่ไทยได้รับจาก 2 เวที มีความคืบหน้า การพัฒนา ความร่วมมือที่สำคัญกับจีน ไปจนถึงวิสัยทัศน์ประเทศไทย อีกประมาณ 3 สัปดาห์ ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำ ACD ครั้งที่ 2 ซึ่งมีความสำคัญ จะสร้างความเชื่อมโยงทั้งทวีป สู่ประชาชนทุกคนแล้ว ยังเป็นก้าวสำคัญสู่การวางรากฐานเพื่อสถาปนาประชาคมเอเชียในอนาคต เมื่อวานนี้ (20 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น สหรัฐอเมริกา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่วมกล่าวถ้อยแถลง ในการประชุมสุดยอดระดับผู้นำด้านผู้ลี้ภัยของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยขอให้ทุกประเทศร่วมมือกัน ดูแลผู้ลี้ภัยทั้งประเทศต้นทาง กลางทางและปลายทาง และย้ำว่าตลอด 40 ปี ไทยดูแลผู้หนีภัยด้วยมนุษยธรรม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกวันนี้คนกว่า 65 ล้านต้องพลัดถิ่น ในจำนวนนี้ กว่า 21 ล้านคน เป็นผู้หนีภัยเข้าสู่ยุโรปและภูมิภาคอื่นๆ กลายเป็นภาระหนักของประเทศแรกรับ ซึ่งไทยก็ตกอยู่ในสภาวะนั้นเช่นกัน เพราะตลอด 4 ทศวรรษที่ผ่านมา ไทยให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ผู้หนีภัยจากประเทศเพื่อนบ้านแล้วกว่าล้านคน และปัจจุบัน ไทยให้ที่พักพิงผู้หนีภัยการสู้รบจากชายแดนด้านตะวันตก 100,000 คน ซึ่งยังไม่รวมผู้โยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติอีก 3 ล้านคนทั่วประเทศ โดยไทยจัดงบปีละ 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 0.05 ของ GDP เพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาล การศึกษา และให้ความช่วยเหลือหากเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา ทั้งนี้ นานาประเทศต้องร่วมกันรับผิดชอบแก้ไขปัญหานี้ และควรร่วมกันแก้ปัญหาทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง โดยประเทศปลายทางควรสนับสนุนเงินทุน พัฒนาสภาพความเป็นอยู่ และขีดความสามารถ และร่วมกับสหประชาชาติ เร่งรัดกระบวนการการคัดกรองและการส่งต่อให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อบรรเทาความทุกข์ยาก และย้ายไปประเทศที่ 3 ได้โดยรวดเร็ว ซึ่งยังช่วยลดภาระของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอีกด้วย สำหรับการประชุมในวันพุธที่ 21 ก.ย.นายกรัฐมนตรี จะเข้าร่วมกิจกรรมระดับสูงเกี่ยวกับการใช้บังคับของความตกลงปารีส รวมทั้ง ร่วมการประชุมระดับสูงการประชุมระดับสูงเรื่องการดื้อยาต้านจุลชีพ และกล่าวถ้อยแถลง ในการอภิปรายประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 71 สหรัฐ 21 ก.ย. – นายกรัฐมนตรีเสนอต่อที่ประชุมสุดยอดระดับผู้นำด้านผู้ลี้ภัยให้ทุกประเทศร่วมมือแก้ปัญหาและยินดีที่ประชาคมโลกรับรองแถลงการณ์นิวยอร์กสำหรับผู้ลี้ภัยและผู้โยกย้ายถิ่นฐาน ติดตามจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมพิธีเปิด การประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ 71 ณ สำนักงานใหญ่ สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก โดยนายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวเปิดการประชุม ซึ่งปีนี้สหประชาชาติได้ประกาศเป้าหมายเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในปี 2030 จากนั้นนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดระดับผู้นำด้านผู้ลี้ภัย ตามคำเชิญของประธานาธิบดีสหรัฐ และกล่าวถ้อยแถลงว่า ปัจจุบันมีคนผลัดถิ่นกว่า 65 ล้านคน และกว่า 21 ล้านคน เป็นผู้หนีภัยเข้าสู่ยุโรปและภูมิภาคอื่นๆ กลายเป็นภาระหนักของประเทศแรกรับ ซึ่งประเทศไทยก็ตกอยู่ในสภาวะนั้นตลอด 4 ทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ผู้หนีภัยการสู้รบจากประเทศเพื่อนบ้านกว่า 100,000 คน การโยกย้ายถิ่นแบบไม่ปกติและแรงงานต่างด้าวกว่า 3 ล้านคน จัดงบประมาณ 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี สำหรับการดูแล ประเทศไทยมุ่งแก้ปัญหาอย่างจริงจังด้วยการปรับปรุงและบังคับใช้กฎหมาย และกำลังพิจารณาจัดทำระบบคัดกรองให้เป็นมาตรฐานสากล เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ นายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้ทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ร่วมกันรับผิดชอบแก้ไขปัญหา และเสนอให้ประเทศปลายทางสนับสนุนเงินทุน พัฒนาสภาพความเป็นอยู่และขีดความสามารถ และร่วมกับ UNHCR เร่งรัดกระบวนการการคัดกรอง การส่งต่อไปยังประเทศที่สามให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อช่วยลดภาระของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยินดีที่ประชาคมโลกร่วมกันรับรองแถลงการณ์นิวยอร์ก สำหรับผู้ลี้ภัยและผู้โยกย้ายถิ่นฐาน นายกรัฐมนตรีได้เข้าเฝ้าและหารือทวิภาคีกับสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งจอร์แดน กล่าวชื่นชมบทบาทจอร์แดนในการรักษาสันติภาพภายในประเทศ การให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์และชาวซีเรีย พร้อมยกระดับความสัมพันธ์ของสองประเทศที่จะเฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 50 ปี ในเดือนพฤศจิกายน และเห็นชอบเปิดสถานทูตจอร์แดนประจำประเทศไทย ในโอกาสนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน ได้กล่าวถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยังได้ติดตามความคืบหน้าความร่วมมือไทย-จอร์แดน ในด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านอุตสาหกรรม การศึกษาและการทำฝนหลวง. – สำนักข่าวไทย
หน้าตัวเมียทักษิณคงนอนร้องไห้กัดหมอนตาปูดเส้นเลือดโปนอยู่ เหล่าควายแดงรอท่อน้ำเลี้ยงได้แต่มองตาปริบๆ เคี้ยวเอื้องรอโพยโลกประชาธิปไตยในกะลาล้อมประเทศไทยต่อไป
เวทีประชุมเอซีดี เป็นเวทีความร่วมมือทวีปเอเชีย ที่จะได้เห็นการลงนาม ปฏิญญากรุงเทพ ในเดือนหน้า ติดตามในพีเพิลส์ ฟอเรจ์น แอฟแฟร์ส ไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานวันท่องเที่ยวโลก ระหว่างวันนี้จนถึงวันพฤหัสบดี เนื่องจากไทยได้รับคัดเลือกจากองค์การการท่องเที่ยวโลก แห่งสหประชาชาติ หรือ UNWTO รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร กล่าวถึงการจัดงานวันท่องเที่ยวโลกว่า ตั้งแต่วันนี้จะมีผู้นำในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จาก 157 ประเทศทั่วโลก เดินทางมาประชุมและเฉลิมฉลองวันท่องเที่ยวโลกในไทย สถานที่จัดงานนอกจากกรุงเทพมหานครแล้ว ยังจัดที่จังหวัดขอนแก่นด้วย เพราะต้องการโปรโมทการท่องเที่ยวในภาคอีสาน ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญจำนวนมาก และเป็นแหล่งวัฒนธรรมและอารยธรรมเก่าแก่ของไทย เน้นส่งเสริมให้จังหวัดขอนแก่นเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักแห่งใหม่ ตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจากปีละ 3,400,000 คน เ็น 5,000,000 คน ในปีหน้า ช่วงเช้าของวันนี้คณะผู้นำจะเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลป์ แผ่นดินที่พระที่นั่งอนันตสมาคม และในช่วงบ่ายจะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องการท่องเที่ยวกับสื่อมวลชน ในการร่วมรณรงค์เพื่อการเข้าถึงอย่างเท่าเทียมซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ของ UNWTO ต้องการส่งเสริมให้เข้าถึงการท่องเที่ยวของคนทั้งมวลอย่างเท่าเทียบและยั่งยืนส่วนในวันพรุ่งนี้จะเป็นพิธีเฉลิมฉลองงานวันท่องเที่ยวโลก โดยมีผู้แผนจาก UNWTO และองค์กรที่เกี่ยวข้องปาฐกถา และจะมีการประกาศปฏิญญา วันท่องเที่ยวโลกในปีนี้ ที่สำคัญนายกรัฐมนตรีของไทยจะมีปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อเรื่อง "การท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลของประเทศไทยในบริบทของเวทีโลก" สำหรับวันที่ 28-29 กันยายนนี้ จะไปศึกษาดูงานที่จังหวัดขอนแก่น เริ่มในช่วงบ่ายนอกจากเดินทางไปสู่หมู่บ้านผ้าไหม อำเภอชนบทแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการเยี่ยมชมวัดสระทองบ้านบัว ของอำเภอมัญจาคีรี อายุกว่า 200 ปี เป็นสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นอีสาน ได้รับรางวัล อาคารทรงคุณค่าด้านการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมแห่งเอเชีย และแปซิฟิก จากองค์การยูเนสโก้ เมื่อปี 2545 ภายในโบสถ์ ซึ่งคนอีสานเรียกว่า"สิม"มีตกแต่งด้วยงานปูนปั้นแบบนูนต่ำทั้ง 4 ด้าน ถือว่าสมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่งของภาคอีสาน สื่อถึงขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมประจำถิ่นของชาวชุมชนบ้านบัว ซึ่งถูกนำมาถ่ายทอดเรื่องราวของคนมัญจาคีรี เมื่อ 200 ปีที่ผ่านมา ข่าว 7 สี - ไทยเป็นเจ้าภาพวันท่องเที่ยวโลก มี 157 ประเทศ บินมาเข้าร่วมประกาศปฏิญญา ส่งเสริมศักยภาพการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลหรือ Tourism for All พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดประธานเปิดงานวันท่องเที่ยวโลก และเป็นตัวแทนประเทศไทย ในการประกาศปฏิญญาวันท่องเที่ยวโลก 2559 ร่วมกับ 157 ประเทศ โดยมีการแสดงบนเวที เพื่อต้อนรับผู้นำการท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ ที่มาร่วมงานอย่างยิ่งใหญ่ วันท่องเที่ยวโลก ปีนี้ ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลเข้าถึงอย่างเท่าเทียม อำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และครอบครัวที่มากับเด็กเล็ก โดยไทยจะดูแลประชากร กลุ่มที่มีความต้องการพิเศษ ให้เข้าถึงการท่องเที่ยว และขอความร่วมมือผู้ประกอบการ จัดการท่องเที่ยวให้คนทุกกลุ่มทุกวัยไม่ทำลายมรดกทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวในไทยเติบโตต่อเนื่องและเป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อันดับ 1 ในอาเซียน มีนักท่องเที่ยวมาเยือนในปีที่แล้วกว่า 30 ล้านคน ในช่วงวันที่ 8 - 10 ตุลาคมนี้ รัฐบาลไทย และ ประเทศไทยจะมีโอกาสได้เป็นเจ้าภาพการประชุมใหญ่ระดับภูมิภาคอีกครั้งหนึ่งนั้นก็คือการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 2 การประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 2 / 2nd Asia Cooperation Dialogue (2nd ACD Summit) จะจัดขึ้นที่ที่กรุงเทพมหานคร โดยกรอบความร่วมมือเอเชียเป็นความร่วมมือของประเทศในภูมิภาคเอเชียที่ประเทศไทยได้ริเริ่มขึ้นเมื่อปี 2545 หรือ 14 ปีมาแล้วโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงประเทศในภูมิภาคเอเชียเข้าด้วยกัน เพื่อเป็นเวทีในการหารือระดับนโยบายและความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียในทุกๆ ด้าน การประชุมจะจัดขึ้นในหัวข้อ เอเชียหนึ่งเดียว: หลากหลายในพลัง โดยไทยจะผลักดัน 6 เสาหลักของ ACD ที่นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ได้แก่ 1.ความเชื่อมโยง 2.วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม 3.การศึกษาและการพัฒนาทรัพยากร 4. ความเชื่อมโยงระหว่างความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน และน้ำ 5. วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว และ 6. การส่งเสริมแนวทางสู่การพัฒนาที่ทั่วถึงและยั่งยืน เดิม ACD มีประเทศสมาชิกก่อตั้งจำนวน 18 ประเทศ และได้ขยายจำนวนประเทศสมาชิกจนครอบคลุมทุกอนุภูมิภาคเอเชียเป็นจำนวนทั้งสิ้น 34 ประเทศในปัจจุบัน และในการประชุมครั้งนี้ ACD มีปฏิสัมพันธ์กับภาคเอกชนมากขึ้น โดยในวันที่ 9 ตุลาคม จะมีการประชุมภาคธุรกิจ "ACD Connect Business Forum 2016" ภายใต้แนวคิด "ปลุกพลังเชื่อมโยงนวัตกรรมการเงินเพื่อเอเชียที่ยั่งยืน (Innovative Financial Connectivity for a Sustainable Asia)" ซึ่งจะมีนักธุรกิจชั้นแนวหน้าของเอเชียและผู้แทนภาคธุรกิจจาก ๓๔ ประเทศสมาชิก ACD เข้าร่วมการประชุมด้วย ซึ่งในการประชุมภาคธุรกิจ ก็จะมี แจ๊ค หม่า ผู้ก่อตั้ง alibaba เว็ปไซต์ซื้อขายยักษ์ใหญ่ของจีนมาร่วมด้วยค่ะ นายกฯแถลงปิดประชุม ACD ครั้งที่ 2 ปลื้มประเทศสมาชิกชมไทย
