ก๊อปตามลิ้งค์มาลง ไม่รู้ว่าใช่แบบที่ต้องการหรือเปล่าครับ มองคนผ่านงานเขียน ดร.วิรไท เขียนบทความชื่อ "กำลังเกิดอะไรขึ้นกับ เศรษฐกิจไทย?" ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เอาไว้ดังนี้ครับ "....ผมเชื่อว่าระบบเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างหลายจุด ถ้าจะเปรียบกับร่างกายคน เศรษฐกิจไทยเวลานี้เหมือนกับคนอ้วนที่เคยปล่อยเนื้อปล่อยตัวกินตามใจปากมานาน มีอาการทั้งโรคเบาหวาน ความดัน หัวใจ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ข้อเข่าเริ่มเสื่อม กระดูกหลายชิ้นเริ่มทรุด ทางเดียวที่จะทำให้กลับมาแข็งแรงได้อย่างแท้จริง คือต้องปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ลดการกินตามใจปาก หันมาออกกำลังกายรีดไขมัน สร้างกล้ามเนื้อ รวมทั้งยอมเจ็บผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าและชิ้นกระดูกที่เป็นปัญหา ใครก็ตามที่โดนหมอวินิจฉัยโรคแบบนี้ย่อมทำใจยาก การเลิกกินตามใจปากและหันมาออกกำลังกายทำให้เกิดผลข้างเคียงหลายอย่าง ทั้งหน้ามืด อ่อนแรง หงุดหงิด จนหลายคนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ คนไข้ที่ใจอ่อนมักหันกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม และหวังว่าจะเจอหมอคนใหม่ที่ชอบเอาใจ วินิจฉัยโรคว่าไม่ได้เป็นอะไรรุนแรง ทุกคนรู้ดีว่าคนไข้ที่หลอกตัวเอง มีแต่จะสะสมโรคร้ายมากขึ้น เสี่ยงที่จะหัวใจวาย หรือเส้นเลือดในสมองแตกได้แบบฉับพลัน ถ้าเราปล่อยให้สุขภาพเสื่อมลงถึงจุดนั้นแล้ว การรักษาให้กลับมาปกติใหม่จะยากขึ้น และต้นทุนค่ารักษาพยาบาลก็จะสูงขึ้นมาก (จนอาจจะทำให้คนไข้และญาติพี่น้องหมดเนื้อหมดตัว) สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจไทยเหมือนกับคนอ้วนที่เคยกินตามใจปากจนเกินพอดี เป็นเพราะนโยบายภาครัฐในอดีตหลายเรื่องที่สร้างรายได้เทียมให้แก่ประชาชน ส่งเสริมให้คนนำเงินในอนาคตมาใช้ล่วงหน้า และสร้างวัฒนธรรมรอรัฐอุปถัมภ์ หมอที่ชอบเอาใจคนไข้มักเร่งให้คนไข้ดูดี ด้วยการเร่งการบริโภคและการลงทุน เพื่อทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเร็วในช่วงสั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถคันแรก (ที่หลายคนกู้เงินซื้อรถเพื่อรักษาสิทธิ์เอาภาษีคืนจากรัฐบาล) โครงการรับจำนำข้าวในราคาที่สูงเกินจริง (ที่สร้างผลขาดทุนกว่าครึ่งล้านล้านบาท สร้างหนี้สาธารณะ และทำให้เกษตรกรถูกหลอกว่าจะมีรายได้ดีต่อเนื่อง จนใช้จ่ายจนเกินตัว) การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ (ทำให้แรงงานเชื่อว่าจะมีรายได้สูงขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับทำให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กไปไม่รอด และราคาสินค้ากระโดดขึ้นเร็ว ) และการขึ้นเงินเดือนข้าราชการแบบก้าวกระโดดโดยไม่เพิ่มประสิทธิภาพ (ได้สร้างข้อจำกัดทางงบประมาณ โดยเฉพาะงบลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ) ทั้งนี้ยังไม่รวมโครงการขยายสินเชื่อของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และโครงการเร่งลงทุนผ่านรัฐวิสาหกิจที่ไม่คุ้มค่าอีกหลายสิบโครงการ เมื่อนโยบายเหล่านี้เริ่มอ่อนฤทธิ์ และร่างกายเริ่มแสดงอาการที่แท้จริง จึงพบสัญญาณหลายอย่างว่าการกินเกินพอดีที่ผ่านมาได้ทำให้โครงสร้างของเศรษฐกิจไทยอ่อนแอลงมาก ตัวบ่งชี้โรคร้ายหลายตัวกระโดดขึ้นเกินค่ามาตรฐานมาก ไม่ว่าจะเป็นสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ประชาชาติ สัดส่วนรายจ่ายประจำของรัฐบาล อัตราหนี้เสียของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ผลขาดทุนของรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง หนี้สาธารณะของรัฐบาล ตลอดจนการคอร์รัปชันในหลายรูปแบบ ที่เป็นพยาธิคอยสูบเลือดจากทุกอวัยวะของระบบเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ เรากำลังเผชิญกับปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรง ข้อเข่าเสื่อม และกระดูกทรุดอีกมากมาย จากการอ่อนประสิทธิภาพของระบบราชการ การด้อยคุณภาพของระบบการศึกษาไทย ความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทยที่ถดถอยลง โดยเฉพาะการส่งออก การขาดแคลนแรงงานอาชีวะและแรงงานมีฝีมือ รวมไปถึงความแตกแยกในสังคมที่ส่วนหนึ่งเกิดจากระบบเศรษฐกิจที่มีความเหลื่อมล้ำสูง คนมือยาวสาวได้สาวเอา การที่เราเพลินกับการกินตามใจปาก ไม่รักษาสุขภาพ และขาดวินัย ได้สร้างปัญหาให้กับเราแล้วในวันนี้ และจะเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นในอนาคตถ้าเราไม่แก้ไข..." นั่นคือความคิดของคนรุ่นใหม่ ที่สามารถฝากผีฝากไข้ได้ ............................................................................... มุมมองจากผู้ว่าการธปท.คนใหม่ ครับ และเปรียบเทียบกับกรณี นักศึกษา เรามีคนรุ่นใหม่อีกกลุ่มนั่นคือนักศึกษาที่ใช้ชื่อกลุ่มว่า "ประชาธิปไตยใหม่" ที่ศาลทหารกรุงเทพ สั่งให้ปล่อยตัวในวันนี้ (๘ กรกฎาคม) โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ เอาล่ะ...เมื่อศาลท่านปล่อยมาแล้ว ใครจะไปไหน ทำอะไร เป็นเสรีภาพ ก็ใช้กันให้เต็มที่ แต่คดียังเดินต่อ พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและสำนวนส่งฟ้องต่ออัยการศาลทหาร นำตัวนักศึกษาทั้งหมดฟ้องต่อศาลทหาร กระบวนการยุติธรรมเดินไปตามนั้น แต่มีบางคนอารมณ์ค้าง! ไฟยังไม่ทันมอด "สุณัย ผาสุข" ที่ปรึกษาองค์การฮิวแมนไรต์วอตช์ ประจำประเทศไทย ตั้งท่าจะจุดขึ้นมาใหม่ บอกว่าการปล่อยตัว ๑๔ นักศึกษานั้น ฮิวแมนไรต์วอตช์ ถือว่าเป็นแค่การสร้างภาพเท่านั้น เพื่อเป็นการลดแรงกดดันภายในประเทศและภายนอกประเทศ “ท่าทีของรัฐบาลนั้นยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเนื้อแท้ และยังมองว่าความเห็นที่แตกต่างคืออาชญากรรม และการแสดงออกทางการเมืองเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ สิ่งที่ฮิวแมนไรต์วอตช์ยังเรียกร้องคือ ต้องการให้ข้อกล่าวหาในการดำเนินคดีทั้งหมดของนักศึกษาเหล่านี้และการดำเนินคดีต่อบุคคลอื่นๆ ที่เห็นต่างจากรัฐบาลนั้นยุติลงโดยไม่มีเงื่อนไขในทันที จึงจะเป็นการบรรลุผลอย่างแท้จริงในการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ”
"สุณัย ผาสุข" ที่ปรึกษาองค์การฮิวแมนไรต์วอตช์ ประจำประเทศไทย มันห่วงแต่รัฐบาล"ปู" มันห่วงแต่พวกต่อต้านรัฐบาล"บิ๊กตู่" ก่อนโน้นมันก็บอกว่า กปปส ละเมิดสิทธิ์ของผู้ที่อยากให้มรการเลือกตั้ง ผู้ชุมนุม กปปส โดนระเบิด บางครั้งเสียชีวิต พอทหารยึดอำนาจ มันบอกว่า สุณัย ผาสุก จาก “Human Rights Watch” บอกกับ CNN ชัดเจนว่า “สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศยังไม่เป็นเหตุอันชอบธรรมให้ทหารเข้ามาแทรกแซง”