พอดีเป็นความเห็นที่ตะแกย้ำตลอดว่า เดาเอาเอง ผมขอคัดเอามาแค่บางส่วนนะครับ -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อการต่อรองในสังคมวงกว้างผ่านการเลือกตั้งมีความเข้มข้นขึ้น "พวก" ของคนใต้ขยายมาสู่องค์กรทางการเมือง และพรรค ปชป.ถูกเลือกให้เป็นเครื่องมือการต่อรองหรือเป็น "พวก" ทางการเมือง และคงประสบความสำเร็จตามความมุ่งหวังอยู่พอสมควร โดยไม่เกี่ยวกับราคายาง เพราะการที่เขายืนยันจะเลือก ปชป.มากว่า 4 ทศวรรษ ย่อมเกิดขึ้นจากความงมงายเพียงอย่างเดียวไม่ได้แน่ แต่รัฐธรรมนูญใหม่ที่กำลังร่างอยู่นี้ ได้ตัดอำนาจต่อรองของพรรคการเมืองไปจนเกือบหมดสิ้น ไม่ว่าพรรค ปชป.หรือพรรคอะไรๆ ก็เป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมืองที่ไร้ประสิทธิภาพทั้งนั้น อัตลักษณ์ของคนใต้จึงไม่จำเป็นต้องมีพรรค ปชป.อยู่ในนั้นก็ได้ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1424084952 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ท่านเห็นด้วยกะ คุณนิธิ ไหมครับ?
ไม่แปลกใจ สลิ่มไม่เคยเป็นกองเชียร์ที่ภักดีต่อแกนนำหน้าไหนอยู่แล้ว พร้อมจะตีจากได้ทุกเมื่อถ้าหากแกนนำทำตัวไม่ได้ดั่งใจ
อิ...อิ...ในบทความมี การมโน ติดมาด้วย เลยไม่แน่ใจข้อมูลการฟันธงของตะแก ตัวอย่างบางตอนที่สารภาพว่ามโน ****แต่คำนินทาเรื่องคนใต้ "ถือพวก" นั้นได้ยินมาแต่เด็ก จนมาในภายหลังก็ยังได้ยินอยู่ จริงหรือเท็จก็ไม่เคยไปสืบสวนดู ****ผมคาดเดาโดยไม่เคยลงไปศึกษาจริง (มากกว่าฟังที่เขาเล่าๆ กัน) ว่า ในการชุมนุมหนุน กปปส.ของคนใต้ กลุ่มคนที่พากันยกเข้ากรุงเทพฯนั้น มีแกนกลางที่เครือข่ายของผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ในท้องถิ่น
ใครเดือดร้อน ก็เป็นปัญหาของ ปชป.เค้า ส่วนตัวผมไม่ใช่ขี้ข้าใครเพียงแต่รู้ว่าใครชั่วแล้วก็ช่วยสกัดเท่านั้นเอง แต่ผมก็ไม่เชื่อว่าคนใต้จะเลือกพรรคของทักษิณน่ะ
คนเลือก ปชป ไม่ได้เลือกที่ผลประโยชน์ เหมือนที่คนไปเลือกเพื่อไทย ถ้าอ้างว่าคนใต้เลือก ปชป เพราะความงมงาย กับผลประโยชน์ ไอ้นิธิ ก็แค่นักวิชาเกินกากๆ กับบทความกากๆ ที่รับจ้างเขียนตามค่าจ้างที่เขาสั่ง ไม่ต้องใช้สติปัญญาอะไรมากเลย
นิธิหน้าแตกหลายครั้งกับการพยายามใช้ตรรกะบิดเบือน อาศัยว่าเคยมีบุญเก่าทางผลงานวิชาการ แต่ผมว่าแกเริ่มเป๋ ๆ ช่วงท้าย ๆ ยุคป๋าเปรม ซึ่งช่วงนั้นพวก สส เริ่มเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยดังๆ มากขึ้นเพื่อชุบตัว เพราะกฏหมายบังคับให้ คนเป็น สส ต้องจบปริญญาตรีขึ้นไป สายสนกลในเหล่านี้ ทำให้ภาพที่เห็นในช่วงนั้นคือ พวกอาจารย์ดัง ๆ หลายท่านเริ่มติดใจในลาภวาสนา ที่พวกนี้ป้อนให้ เชื้อร้ายนี้ลามลึกเข้าไปจนทุกวันนี้เลยปรากฏภาพ ไอ้กี้ตะกายตึกบังคับให้ สจล ให้ปริญญาเอกมัน
การเลือกสส. พรรคยังมีส่วนสำคัญมาก ในการตัดสินใจ แต่การเลือกตั้งท้องถิ่นในภาคใต้ ช่วงหลังเนี๊ยะ การซื้อเสียงเริ่มมาแรงแล้วอะครับ...น่าเศร้าใจ
การเลือกตั้งระดับประเทศ พรรคยังเป็นปัจจัยสำคัญอยู่ แต่การเลือกตั้งท้องถิ่น อันนี้แล้วกลุ่มย่อยในท้องถิ่นครับ ยกตัวอย่างที่กระบี่ ระดับประเทศ กลุ่ม A และ B จับมืออยู่พรรคเดียวกัน กลุ่ม C อยู่พรรคหนึ่ง ระดับจังหวัด กลุ่ม A จับมือกับกลุ่ม C ให้กลุ่ม B เป็นอีกฝ่าย
การเลือกผู้แทน พรรคการเมืองมากุมอำนาจการปกครอง ยังไงคนเลือกก็ต้องเลือกโดยผลประโยชน์เป็นที่ตั้งเสมอ ไม่ใช่เลือกแบบขอไปที ทีนี้มันอยู่ที่ว่าคุณเลือกเขาเพราะ ผลประโยชน์ส่วนตัว ต่างตอบแทน เกรงใจ กลัวอิทธิพล หรือ เลือกเพราะผลประโยชน์ที่ดีที่สุดต่อตนเอง ต่อคนอื่นในสังคม ต่อชาติบ้านเมือง ต่ออุดมคติของตนเอง ก็สุดแท้แต่ แต่บริบทที่สรุปออกมาโดยนิธิ เข้าขั้นแย่ ถึงแย่ที่สุด ไม่น่าเชื่อว่าเป็นนักวิชาการ แต่เต็มไปด้วยอวิชชาและตัณหาราคะ ในบทความผมเห็นด้วยในบางจุด เช่น คนใต้ตอบรับการศึกษาแผนใหม่ได้อย่างรวดเร็วและก่อนคนอื่น เพราะการศึกษาแผนใหม่คือความรู้ที่จะทำให้ตอบสนองต่อตลาดทุนนิยมได้ดี ในขณะที่ชาวนาทั้งในภาคกลาง, เหนือ, อีสาน อาจไม่เห็นความจำเป็นในการรับการศึกษาแผนใหม่มากนัก (จึงขอแก้ไขบทความของนิธิให้เป็นข้อสรุปของผมดังนี้) คนใต้จึงมีลักษณะปัจเจกสูงกว่าคนภาคอื่น เมื่อต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของสังคมสมัยใหม่ จึงฉับไวที่จะ "เข้าใจ" สภาพสังคมแบบใหม่ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยสมัยใหม่ ทั้งในเรื่องกฎหมาย, เงินตรา, หรือความยุติธรรมเสมอหน้า เพราะการศึกษาแผนใหม่คือความรู้ที่จะทำให้ตอบสนองต่อพลวัตรการเปลี่ยนแปลงของสังคมสมัยใหม่ได้ดี พูดสั้นๆคือ คนใต้ส่วนมากได้รับการศึกษามากพอ ที่จะแยกแยะ เข้าใจถึงวิถีประชาธิปไตย กระบวนการและผลที่ได้จากการเลือกตั้ง ไม่เกี่ยวกับ "พวก" หรอก ถ้าเป็นนิธิ คงจะคิดถึงแต่ "พวก" เพราะถูกเชิดชูโดยกลุ่มคนตุลาใต้เงาทักษิณ เลยลำพอง พองโตด้วย "พวก" ไม่สน ว่าจะละเมิดกฎหมายและศีลธรรมอย่างไร แล้วมโนว่าคนอื่นก็เหมือนกับตน
สำหรับผม เลือก เพราะพรรคนี้ไม่เป็นของนายทุนคนไหนเลย(เลือกทั้งๆที่รู้ว่ามีคนเลวปะปนอยู่ไม่น้อย) และปชป.เป็นพรรคที่เป็นประชาธิปไตย มากกว่าพรรคอื่นๆที่มีอยู่ทั้งหมดในประเทศไทย
"ในการชุมนุมหนุน กปปส ของคนใต้ กลุ่มคนที่พากันยกเข้ากรุงเทพฯ นั้น มีแกนกลางที่เครือข่ายของผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ในท้องถิ่น แต่บังเอิญผู้อุปถัมภ์รายใหญ่เหล่านี้ล้วนเป็นหัวคะแนนหรือผู้สนับสนุน ปชป ทั้งสิ้น จึงไม่อาจกล่าวได้ว่าคนใต้ที่ยกพลเข้ากรุงตามคำเรียกร้องของ กปปส นั้นคือผู้สนับสนุนประชาธิปัตย์ ผมไม่ได้ปฏิเสธว่า เขาสนับสนุนประชาธิปัตย์ แต่เขาสู้ลำบากเดินทางเข้ากรุงเทพฯ นั้น เป็นเพราะได้รับการ "เชิญชวน" จากเครือข่ายอุปถัมภ์รายใหญ่ในท้องถิ่นต่างหาก" นี่ลุงจะเขียนให้มัน ย้อนแย้งกันเองทำไมวะครับ ก็ลุงบอกเองว่า เครือข่ายผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ของลุงน่ะ ล้วนเป็นหัวคะแนน หรือผู้สนับสนุน ปชป ทั้งสิ้น แต่วรรคต่อมากลับบอกว่า จึงไม่อาจกล่าวได้ว่าคนใต้ที่ยกพลเข้ากรุงตามคำเรียกร้องของ กปปส นั้นคือผู้สนับสนุนประชาธิปัตย์ แถมย่อหน้าต่อมา กลับบอกว่า ไม่ได้ปฏิเสธว่าเขาสนับสนุนประชาธิปัตย์ แต่เขาเข้ากรุงเทพฯ เพราะได้รับการเชิญชวนจากเครือข่ายอุปถัมภ์รายใหญ่ในท้องถิ่นต่างหาก สรุปแล้ว ลุงจะเอายังไงกันแน่ จะให้เขาสนับสนุน ปชป หรือไม่ให้สนับสนุน ถ้าลุงจะเขียนเพื่อ ปั่น หัวคะแนน ปชป ให้เขารู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับ ปชป ตามที่ลุงบอกว่า รธน ใหม่ มันเป็นอย่างนั้นแล้วละก็ ผมว่าไม่ได้ผลหรอก เพราะเขาไม่ได้โง่อย่างที่ลุงคิด ลุงอาจคุ้นเคยกับการ ปั่นหัวคนให้มาชุมนุมเพื่อคน ๆ เดียว แต่ไม่ได้หมายถึงว่าคนทั้งประเทศเขาจะเป็นอย่างที่ลุง ปั่น ทั้งหมด เพราะมีคนเป็นล้าน ๆ คน เขามาชุมนุมเพื่อไล่คนโกงชาติครับ ไม่ต้องมีใครปั่น ลุงอยู่ภาคเหนือ ไปวิเคราะห์คนภาคใต้กับพรรคการเมืองที่ได้คะแนนอันดับสอง แค่นี้เขาก็มองลุงออกแล้วว่าต้องการอะไร เพราะมันผิดวิสัย แทนที่จะวิเคราะห์คนภาคเหนือบ้านลุง กับพรรคการเมืองที่ได้คะแนนอันดับหนึ่ง ดันไปวิเคราะห์ข้ามภาคกับพรรคการเมืองที่ได้คะแนนอันดับสอง มันน่าสนใจตรงไหนครับ
มโนน้ำแตกแบบนี้ก็เป็นคอลัมนิสต์ได้เหรอครับ แถวบ้านเรียกเขียนย้อนศรครับคือเขียนจากล่างขึ้นบนเขียนคำตอบที่ตัวเองพอใจก่อนแล้วมโนเหตุผลสนับสนุนเอา
มโนฟันธง ว่า คสช. จะเป็นเผด็จการเต็มรูปแบบ กำจัดพรรคการเมืองทุกพรรคทิ้งจนหมดสิ้น ครองอำนาจยาวนาน และ ปชป.เป็นแค่ขี้ข้าอำมาตย์ที่ไม่มีปากไม่มีเสียง และทั้งอำมาตย์และปชป. ไม่ได้ทำเพื่อประชาชนเลย เป็นตัวร้ายเต็มรูปแบบ มันจะเป็นแบบนั้นแน่ หร๊อ..................... แนวคิด มโนมาเต็ม อคติจัดเต็มอีกต่างหาก
ไอ้นิถิด หิดลงไข่ จัญไรขึ้นหัว เชื้อชั่วขึ้นสมอง ครองแชมป์นักวิชากินอัปรีย์ ... ไม่มีค่าพอที่จะให้ใส่ใจคำพล่ามของมันหรอกครับ โครงการอัปรีย์ที่มันชะเลียหนักหนาอย่างจำนำข้าว ที่ประจักษ์ว่ามีการโกงกินมโหฬารแล้วผลประโยชน์ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ตกสู่ชาวนาจริง ๆ อย่างที่มันสำรากน้ำลายเหมือนตอนเชียร์แรก ๆ ถ้ามันเป็นนักวิชาการที่ดีจริง มันต้องออกมาวิพากษ์ วิเคราะห์ ชี้จุดบอด จุดบกพร่องของโครงการนี้ตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เงียบนั่งอมหัวแม่ตีน เป็นไอ้แก่เพราะกินข้าวเฒ่าเพราะอยู่นานแบบที่มันทำ จริยธรรมต่ำ ศีลธรรมทราม แบบนี้ ถือเป็นโมฆะบุรุษที่ไร้เครดิตใด ๆ แล้ว เมื่อวานไอ้สุดจิด วันนี้ไอ้นิถิด เดี๋ยวพรุ่งนี้ ไอ้กะเสียน ไอ้ชานวืด ... คงค่อย ๆ ทะยอยออกมาเห่าหอนกันจนครบแก๊งจัญไรถ้วนหน้า
ทุกวันนี้มันยังหลงตัวเองไม่เลิก คิดว่ามีความรู้มากมายมหาศาลสามารถช่วยเหลือสังคมได้ ถรุยส์ .... เก็บกระดาษที่เรียกว่าเกียรติคุณเอาไว้เผาตัวเองเหอะ มันไร้ค่ากับวาทกรรมที่ทำลายสังคม แต่จริง ๆ เคยคิดไหมว่า คนเขาเอือมวาทกรรมบิดเบือน ล่าสุดมาส่งเสียงในรูว่าโดนปิดปาก
ส่วนนึง คนใต้เลือก ปชป ก็เพราะเป็น ปชป การเลือกเพราะเป็น ปชป ก็ประกอบด้วย การเป็นพรรคของคนใต้ มีชาวใต้อยู่เยอะ ก็ส่วนนึง การมีนักการเมืองที่คนใต้ให้ความรัก เคารพ เช่นท่านชวน ก็ส่วนนึง แต่ผมก็เชื่อว่า มีบางส่วน ที่คนใต้เลือก ปชป ก็อาจจะเพราะเพื่อกันเพื่อไทยเข้ามา ก็น่าจะมีไม่น้อย นั่นคือสิ่งที่ ปชป ต้องแก้โจทย์ให้ตัวเอง เพื่อไม่ให้ความสำคัญเป็นได้แต่เพียงไม้กันหมา อะไรบ้าง ที่ทำให้คนเริ่มเบื่อ ปชป อะไรบ้าง ทีทำให้คนบางกลุ่ม หันไปเชื่อลมปากเจ๊กลิ้ม กาโหวตโน อะไรบ้าง ที่ทำให้พรรคที่อุดมไปด้วยองค์ปรระกอบน่าชิงชังอย่างเพื่อไทย ยังพอมีคะแนนอยู่บ้าง นั่นคือโจทย์ที่สำคัญ ที่ ปชป จะต้องนำไปแก้ให้แตกเสียที จริงอยู่ ที่เวลานี้ ปชป จะยังเป็นตัวเลือกหลัก และคงไม่เปลี่ยนแปลงไปได้ง่ายนัก หากคู่แข่งขันจะยังเป็นกลุ่มเศษๆ จากเพื่อไทย หรือเพื่อไทยเอง ทางเดียวที่จะสลายการยึดมั่นในพรร ปชป ของคนใต้ในเวลานี้ คือการล้างพรรคเพื่อไทยและเศษเดนออกไปจากสารบบการเมืองไทยเสียก่อน พรรคไหนที่จะเข้ามาในพื้นที่ใหม่ ต้องไม่มีภาพพวกนี้อยู่ในพรรคเลย นั่นจึงจะทำให้คนใต้อาจเปลี่ยนท่าทีการยึดมั่นถือมั่นต่อ ปชป ไปได้ ดังนั้น วิธีการเดียวที่เพื่อไทยและทักษิณจะสลาย ปชป ในภาคใต้ คือทักษิณจะต้องสลายตัวเองไปเสียก่อนเท่านั้น แต่ความจริงอีกด้าน (แม้จะยังไม่ใช่ในเวลานี้ก็เถอะ) หาก ปชป ยังไม่เปลี่ยนแปลงอะไรไปมากกว่านี้ และฝั่งทักษิณสลายไปแล้ว ปชป ก็น่าจะเริ่มคิดกลัวๆ ไว้บ้างก็ดีนะครับ
ลิเบอร่านมันก็คิดเพ้อเจ้อเพ้อพกไปตามจริตตัวเองไปเรื่อย เพื่อปลอบใจตัวเองไปวัน ๆ ทำไม คนใต้ถึงเลือก ปชป. มันก็เหมือนกะว่าทำไมคนกรุงเลือก ปชป. นั่นแล
คิดถึงเรื้อนหน้าทราม ป่านนี้ไม่รู้หนีหัวซุกหัวซุนไปไหนแล้ว แค่การเปลี่ยนชื่อสมัครใหม่ใช่ว่าจะรอดคุกรอดตะราง
นิธิ บอกว่า"...พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อการต่อรองในสังคมวงกว้างผ่านการเลือกตั้งมีความเข้มข้นขึ้น "พวก" ของคนใต้ขยายมาสู่องค์กรทางการเมือง และพรรค ปชป.ถูกเลือกให้เป็นเครื่องมือการต่อรองหรือเป็น "พวก" ทางการเมือง และคงประสบความสำเร็จตามความมุ่งหวังอยู่พอสมควร โดยไม่เกี่ยวกับราคายาง เพราะการที่เขายืนยันจะเลือก ปชป.มากว่า 4 ทศวรรษ ย่อมเกิดขึ้นจากความงมงายเพียงอย่างเดียวไม่ได้แน่..." คิดเอง เออเอง ผมคิดว่า"คนใต้" ที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่เพราะ"งมงาย"นะครับ แต่ถ้าคิดว่า"งมงาย" ก็คงต้องย้อนกลับไปมองคนที่เลือก"เพื่อไทย" น่าจะเหมาะสมกว่า "...แต่รัฐธรรมนูญใหม่ที่กำลังร่างอยู่นี้ ได้ตัดอำนาจต่อรองของพรรคการเมืองไปจนเกือบหมดสิ้น ไม่ว่าพรรค ปชป.หรือพรรคอะไรๆ ก็เป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมืองที่ไร้ประสิทธิภาพทั้งนั้น อัตลักษณ์ของคนใต้จึงไม่จำเป็นต้องมีพรรค ปชป.อยู่ในนั้นก็ได้..." ถ้ารัฐธรรมนูญใหม่มีจุดประสงค์เช่นนั้นจริง ไอ้พรรคที่จะได้รับผลกระทบเต็มๆน่าจะเป็นพรรคของ"เตี้ย ณ บรรหารบุรี" เพราะพรรคไอ้นี่ชอบต่อรอง รอเสียบ
แพ้แล้วหนักกระบาลใครด้วย ดีจัง เรื่องผู้นำดีๆไม่มีประโยชน์มั้งเพราะประเทศนี้มีคนชอบผู้นำชั่วๆอยู่เยอะเลย
ปชป.แพ้ก็ไม่เคยโทษใครว่าผิด แต่ว่าคนที่ทำอะไรทั้งที่คนอื่นเตือนว่าจะไม่ประสบความสำเร็จหรือเกิดปัญหาแล้ว ก็ยังดื้อรั้นทำ จนเกิดความเสียหาย สุดท้ายกลับมาย้อนว่าคนเตือนและผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยผิดต่างหากที่เป็นขี้แพ้โดยสมบูรณ์
เห็นชนะเลือกตั้งมา โดนคดีให้ติดคุกเพราะโกงชาติ ไม่รู้กี่ตัว ทั้งไอ้แม้ว สมัคร อีปู ผมยอมเลือกคนแพ้ แต่ไม่โกง ดีกว่าที่จะเลือกเหมือนคุณ คนชนะแต่โกงชาติ
มีนักวิชาการที่ผมเคยเคารพคนนึง พูดถึงสาเหตุว่าทำไมนักวิชาการเก่งๆมากมาย ไม่เคยสร้างประโยชน์จริงๆจังให้แก่คนไทย ท่านให้ความคิดที่แหลมคมว่า นักวิชาการไทยส่วนใหญ่ชอบอวดรู้ คืออาจจะเชี่ยวชาญในสาขาวิชาตัวเอง แต่สะแหลนไปมั่วนิ่มให้ความเห็นในเรื่องที่ตนไม่รู้ ไม่เชี่ยวชาญ แถมอีโก้สูงเสียหน้าไม่ได้ ไม่ยอมรับว่าตนเองผิด หนักไปอีกคือแม้แต่เรื่องในสาขาของตัวเอง ทฎษฎีที่ตัวเองตั้งบางที่ก็อาจจะผิดก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของแวดวงวิชาการ แต่ก็ไม่อาจยอมรับได้ ยิ่งในแวดวงวิชาการด้านสังคม ที่พิสูจน์ได้ยากยิ่งแล้ว แต่ละคนจะเชื่อในทฤษฎีที่ตนเองถูกใจเท่านั้น และทำทุกอย่างราวกับเหมือนมันจะเป็นความจริงหนึ่งเดียวไปเลย ใครมาแย้งก็ไม่รับฟัง ไปหาว่าเค้ารู้ไม่จริง หรือรู้ไม่เท่าตัวเองอีกต่างหาก ปัญหาอีกข้อนึง บรรดาทฤษฎีหรือผลงานต่างๆ ที่นักวิชาการเหล่านั้นผลิตขึ้นมา ล้วนแต่ใช้ไม่ได้ในชีวิตจริง ใช้ไม่ได้ในทางปฎิบัติจริง หรือไม่สามารถรวมเข้ากับแขนงความรู้ด้านอื่นๆได้ แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้มีการประยุกต์ให้เข้ากับแขนงวิชาอื่่่นๆได้ ไม่การปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ในความเป็นจริงได้ ได้แต่กองไว้บนหิ้ง ฝุ่นจับหนาเตอะ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ สิ่งนักวิชาการท่านนั้นพูด ประทับตราตรึงในใจผมเสมอมา ผมคิดว่ามันเป็นจริงอย่างที่สุดในสังคมนักวิชาการบ้านเรา แต่ทุกท่านรู้ไหมครับว่านักวิชาการ ท่านนั้นคือใคร.................. เงิบครับ และผมก็ตาสว่างวาบ ประโยคข้างต้น มันเป็นจริงกันทุกคนจริงๆ ทั้งวงการ??? เป็นกันหมด ทุกฝ่าย แม้แต่ตัวคนพูดเองก็ตาม(อาการหนักเข้าขั้นโคม่ากว่าชาวบ้านเค้าด้วย) ต้นแบบการด่าคนอื่น แต่ไม่ย้อนดูตัวเอง สุดๆกันเลยทีเดียว
จะสำเร็จได้ไงครับ พอประชาชนจะลืมตาอ้าปากได้ พวกมารก็ยึดอำนาจ กลัวประชาชนอยู่ดีกินดี ดูสิตอนนี้ประชาชนได้อะไร ข้าวของแพงบรรลัย พวกมารจับอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน โหลยโท่ยพอๆกับปชป.น่ะแหละ
เอาตอนคนลืมตาอ้าปากได้มาลงปลากรอบครัช ฝีมือรัฐบาลปูแดง แล้วคุณเชื่อไหม คนเสื้อแดงก็ร่วมชุมนุมประท้วงรัฐบาลปูเน่า
จำได้ว่า ตอนนั้นผมก็เปลี่ยนชื่อไปแล้วนะ เอ็งจำไม่ได้หรอกรึ รึมัวแต่สาละวนเปลี่ยนชื่อ รึช่วงนั้น โดนแบนบ่อยซะจนไม่ทันสังเกตุคนอื่น อันนี้ มันบอร์ดใหม่แล้วนะเฮ้ย
อ่อ คุณกูลี ที่ว่า ตอนนี้ ข้าวของแพงบรรลัย ลองยกตัวอย่างดูได้มั๊ย ว่าจากรัฐบาลแม่ปู มาจนถึงรัฐบาลนี้ มีอะไรแพงขึ้นบ้าง
อันนี้ตรงใจผมเลยครับ พรรคการเมืองอื่น(ขอยกเว้นพลังธรรมสมัยคุณจำลอง แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน) พรรคอื่นๆมันก็คือบริษัทที่มาทำงาน หากำไร จากการเล่นการเมือง ****มีหัวหน้าหรือนอมินีของหัวหน้าเท่านั้น ที่มีสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรค ****มีนายทุนใหญ่เป็นเจ้าของ สั่งลูกพรรคซ้ายหัน-ขวาหันได้ ตามที่ต้องการ ****คนที่ได้กำไรสูงสุดคือนายทุนใหญ่ ส่วนนักลงทุนที่แห่ตามช่วยออกทุน ก็ได้มาก-น้อยไปตามลำดับการลงทุน ****มีการโฆษณาชวนเชื่อ ตามสื่อต่างๆ ออกทุนเองบ้าง เบียดบังใช้งบประมาณแผ่นดินบ้าง ฯลฯ ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ดังนั้นจึงขอบอกนักวิชาการแบบคุณนิธิว่า ผมต้องการเลือกสส. มิใช่เลือกพนักงานบริษัท โปรดเข้าใจตามนี้ด้วย
อ่านย่อหน้านี้แล้ว ทำให้ผมรู้สึกว่า การปฏิรูปการศึกษาที่เราทำกันมา 10 กว่าปีนี้ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการศึกษาไทยได้อย่างแท้จริง เพราะมุ่งเน้นไปที่หลักสูตร มุ่งเน้นไปที่คนเรียน แต่เราไม่เคยมุ่งแก้ไข คนสอน เลย เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะคนสอนที่มีปัญหานั่นดันมาเป็นคณะกรรมการปฏิรูป+ประเมินผลการศึกษา เราเอาคนที่มีแนวคิดมีปัญหามานั่งแก้ปัญหา.....ชาติหน้าก็แก้ไขปัญหานี้ไม่สำเร็จ ก็เพราะเรามี ศจ. อย่างไอ้นิถิด ไอ้ชานวืด ไอ้กระเสียดเสนียด มี รศ. อย่างไอ้วอ-ระ-เจก มี ผศ. อย่างไอ้พิด นังนกเขาสวัสดีจุ๊กกรู๊ ฯลฯ เมื่อมีคนรับสอนจัญไรเหล่านี้แทรกซึมอยู่ในแวดวงการศึกษาไม่ใช่น้อย เอาพวกที่มีจริยธรรมต่ำ ศีลธรรมทรามมาเป็นผู้สอน แล้วจะหวังให้พวกเหล่านี้ผลิตบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ มีคุณธรรม จริยธรรม ออกมารับใช้สังคมทำความเจริญให้กับบ้านเมืองได้อย่างไร??? ลงว่าถ้ายังมีพวกจัญไรเป็นถึง ศจ รศ ผศ เกลื่อนประเทศแบบนี้ อีกร้อยปีก็ไม่สามารถปฏิรูปการศึกษาไทยได้สำเร็จ ปฏิรูปการศึกษา ต้องเริ่มต้นที่การสังคายนาผู้สอน ไม่ใช่ผู้เรียน ขอฟันธง!!!
ก่อนอื่นเลย พวกดร.ที่สุมหัวปฏิรูปการศึกษากันอยู่นั้น ให้ เลิกตามก้นประเทศอื่น รู้จักคิดเอง หาแนวทางที่เหมาะสมกับประเทศไทยจริงๆสักทีเหอะ เห็นเด็กไทยแล้วอนาถ ***หอบตำราไปเรียน บ่าแทบหัก ***เรียนพิเศษกันตั้งแต่อนุบาลยันมหาลัย