“สรรเสริญ” เผย “นายกฯ” พอใจอันดับต่อต้านคอร์รัปชั่นไทยดีขึ้น ยันเดินหน้าต่อสู้ทุจริตเต็มที่ มั่นใจ ร่างรัฐธรรมนูญ มีกลไกช่วยปราบโกง พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้รับทราบผลการจัดอันดับดัชนีชี้วัดคอร์รัปชันโลก ปี 2558 โดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) แล้ว โดยประเทศไทยได้ 38 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 เป็นอันดับที่ 3 ในกลุ่มประเทศอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย และอันดับที่ 76 จากประเทศทั่วโลก ขยับขึ้นมาจากเดิม 9 อันดับ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยอมรับกับผลการจัดอันดับดังกล่าว และเห็นว่าประเทศไทยควรจะต้องใสสะอาดมากขึ้นเรื่อย ๆ จากความตั้งใจจริงในการทำงานอย่างหนักและต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ขับเคลื่อนมาตรการต่าง ๆ เพื่อต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งนอกจากรัฐบาลได้กำหนดให้การปราบปรามการทุจริตเป็น “วาระแห่งชาติ” และปฏิบัติการอย่างเข้มแข็งแล้ว ยังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วนที่ตื่นตัวต่อปัญหาและต่อต้านการทุจริต รวมทั้งในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็มีกลไกพิเศษหลายประการที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันในระยะยาวอีกด้วย อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันจะต้องไม่เน้นเพียงการปราบปรามเพียงอย่างเดียว แต่ต้องปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีแก่ประชาชนโดยเฉพาะในระดับเยาวชน ซึ่งถือเป็นการป้องกันก่อนเกิดปัญหาที่ดีที่สุดด้วย เช่น การสร้างสำนึกไทย ไม่โกง แก่ประชาชนทุกกลุ่มอาชีพ การใช้หลักสูตร “โตไปไม่โกง” ในโรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อให้สำนึกรักความซื่อสัตย์หยั่งรากลึกลงในจิตใจของเยาวชนไทย เป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้เร่งรัดให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ผลักดันบริการใหม่ภายใต้ GovChannel หรือศูนย์กลางบริการภาครัฐสำหรับประชาชน ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะระบบภาษีไปไหน เพื่อรายงานข้อมูลการใช้จ่ายภาครัฐ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน G-News แอพลิเคชั่นแจ้งข้อมูลข่าวสารภาครัฐ ทั้งข่าวสารประจำวันทั่วไป ข่าวภาครัฐ ข่าวการลงทุน และข่าวเด่น การเตือนภัยแล้ง ภัยหนาว น้ำท่วม ฝนตก หรือสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมไปถึงการแจ้งเตือนรายบุคคล เช่น การชำระค่าน้ำค่าไฟ การต่อภาษีรถยนต์ บัตรประชาชน ใบขับขี่ หรือการเสียภาษี ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานเปิดตัวระบบภาษีไปไหนในเร็ว ๆ นี้ จึงขอให้พี่น้องประชาชนได้ติดตาม เพราะจะเป็นมิติใหม่ของประเทศไทยในการให้ข้อมูลภาครัฐที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล มติ คตช. และภาคีสมาชิกความร่วมมือเพื่อการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ (OGP) ในการสร้างความโปร่งใส ให้อำนาจประชาชน ต่อต้านการทุจริต และนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ข้อมูล INN ที่มา http://news.mthai.com/hot-news/politics-news/478753.html ------------------------------------------------------------------------------------------ ทำไมหนอ รัฐบาลเผด็จการ จึงมีอันดับการคอรัปชั่นที่ดีกว่า รบ. ประชาทืบตาย ของไอ้ตระกูลโกงที่วัดหนอ หรือว่า ที่แท้มันเป็นตระกูลขี้โกงทั้งโคตร ไอ้ตระกูลอั้งยี่กลับชาติมาเกิด ไอ้ตระกูลทรราช
เอาจริงๆ ข่าวเรื่องนี้มันมีการจัดอันดับอยู่ 2 สถาบันปนกันอยู่ สถาบันแรก คือ องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ขององค์กรนี้ เรื่องคะแนนนั้น ประเทศไทยได้คะแนนเท่าเดิม คือ 38 คะแนน ทั้งปี 2557 และปี 2558 แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ อันดับ อันดับดีขึ้นมาจาก อันดับ 85 ในปี 2557 มาอยู่ที่อันดับ 76 ในปี 2558 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจำนวนประเทศที่เข้าร่วมประเมินในทั้ง 2 ปี ก็ไม่ได้เท่ากันด้วย โดยในปี 2557 มีประเทศที่เข้าร่วมจัดอันดับทั้งหมด 175 ประเทศ แต่ในปี 2558 มีประเทศที่เข้าร่วมจัดอันดับทั้งหมด 168 ประเทศ ดังนั้นเมื่อคิดสาระตะทั้งหมดแล้ว ประเทศไทยมีอันดับความโปร่งใสดีขึ้นมาเพียง 2 อันดับเท่านั้น โดยที่คะแนนเท่าเดิม คือ 38 คะแนน (ในปี 2558 ประเทศเข้าร่วมจัดอันดับลดลง 7 ประเทศ อันดับดีขึ้น 9 อันดับ) ถามว่ามันดีขึ้นไหมก็ต้องตอบว่าดีขึ้น แต่มันยังไม่ดีเท่าที่ใจหวังอยากให้เป็นเท่านั้นเอง อันนี้ข่าวจัดอันดับปี 2557 http://thaipublica.org/2014/12/cpi-2014-1/ อันนี้ข่าวจัดอันดับปี 2558 http://thaipublica.org/2016/01/corruption-perceptions-index-2015-thailand/ *************************************************** ต่อมาสถาบันที่สองคือ ดัชนีสถานการณ์คอรัปชั่น ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีคะแนนดีขึ้นจาก 49 คะแนนเป็น 55 คะแนน ในปี 2558 ท่ามกลางกระแสรณรงค์ให้ลดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทย ถึงขั้นที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ยังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นลำดับแรก ล่าสุดในการสัมมนาขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน นักวิชาการได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขดัชนีคอร์รัปชันของประเทศไทย ปรากฏว่าสถานการณ์โดยรวมดีขึ้น การแถลงดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชัน เกิดขึ้นในการเสวนาหัวข้อ "ชนะแน่ หรือแพ้แท้จริง กับการโกงชาติ" โดย รองศาสตราจารย์ ดร.จุรี วิจิตรวาทการ เลขาธิการองค์กรเพื่อความโปร่งใส กล่าวว่า ดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์ของประเทศไทย หรือ CPI ในปี2558 ประเทศไทยได้คะแนน 38 คะแนนจาก 100 คะแนน อยู่ที่อันดับ 76 จากทั้งหมดร้อยกว่าประเทศ เปรียบเทียบกับปี 2557 อยู่อันดับ 85 ก็ถือว่าดีขึ้น ขณะที่ รองศาสตราจารย์ เสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทยในปี 2558 มีค่าอยู่ที่ 55 เปรียบเทียบกับปี 2557 อยู่ที่ 49 สะท้อนว่าสถานการณ์ดีขึ้นเช่นกัน เพราะค่าดัชนีเข้าใกล้ 100 แสดงว่าสถานการณ์การคอรัปชันมีปัญหาลดน้อยลง โดยวัดจากปัจจัย 3 ประการ คือ ความรุนแรงของปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน // ทัศนคติและจิตสำนึกของประชาชนต่อการคอร์รัปชัน // และประสิทธิภาพของการต่อต้านการคอร์รัปชัน นักวิชาการทั้งสองคนมองว่า สาเหตุที่สถานการณ์การคอร์รัปชันในไทยดีขึ้น เกิดจากจิตสำนึกของประชาชนที่ไม่ยอมรับการทุจริต และการที่รัฐบาลเอาจริงเอาจังในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น โดยเฉพาะการใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวดำเนินการผู้ถูกกล่าวหาว่าทุจริต ทำให้คนกลัว และมีมาตรการป้องกันโดยการตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ กตช. ขึ้นมา ************************************************ ส่วนว่าปี 2559 อันดับจะดีขึ้นหรือไม่ คิดว่าอันดับน่าจะดีขึ้นมากกว่านี้ จากการจัดตั้งศาลคดีทุจริตที่แยกออกมาจากศาลปกติ ทำให้การตัดสินคดีต่างๆ น่าจะรวดเร็วยิ่งขึ้น ในข่าว นาทีที่ 1.15 องค์กรเพื่อความโปร่งใสสากล เผยอันดับดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นปี 2015 ไทยได้คะแนน 38 คะแนน จาก 100 คะแนน อยู่อันดับที่ 76 จากการจัดอันดับทั้งหมด 168 ประเทศทั่วโลก โดยการจัดอันดับดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น ประเทศที่ได้คะแนนสูงสุดในปีนี้ คือ เดนมาร์ก ตามมาด้วยฟินแลนด์ และสวีเดน ส่วนไทยได้ 38 คะแนนเท่าเดิม แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ถือว่าอยู่ในอันดับโลกที่ดีขึ้น จากเดิมอันดับ 85 ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 76 ทั้งนี้ เมื่อดูอันดับของประเทศอาเซียน ไทยถือเป็นที่ 3 รองจากสิงคโปร์ ได้ 85 คะแนน และมาเลเซีย ได้ 50 คะแนน ส่วนอันดับต่อจากไทย คือ อินโดนีเซีย ได้ 36 คะแนน ซึ่ง นายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ กรรมการพัฒนาระบบราชการ หรือ ก.พ.ร. แสดงความผิดหวังต่อการจัดดันดับดังกล่าว ที่มุ่งเน้นเจาะจงไปที่การทุจริตในภาครัฐ ที่ไทยกำลังมีปัญหา ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าไทยยังมีข้อเสียในเรื่องกระบวนการยุติธรรม ที่มีความล้าช้า ไม่เด็ดขาด จึงทำให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ โครงการในการปฏิรูปการปราบปรามการทุจริตให้เป็นรูปธรรม คือการจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบ ซึ่งศาลนี้จะทำให้กระบวนการพิจารณาคดีเร็วขึ้น
แต่จากข่าวดูเหมือนนายกฯ จะเน้นดัชนีสถานการณ์คอรัปชั่น ของมหาวิทยาลัยหอการค้า เป็นหลักนะ รัฐบาลปลื้มสถานการณ์คอร์รัปชันไทย ดีที่สุดในรอบ 6 ปี ขยับขึ้น 9 อันดับ ขณะนายกรัฐมนตรีหวังให้ทุกภาคส่วนร่วมต้านทุจริต ปลูกฝังจิตสำนึกอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีรับทราบผลการจัดอันดับดัชนีชี้วัดคอร์รัปชันโลกปี2558 จากองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติแล้วโดยประเทศไทยได้38 คะแนนจาก 100 คะแนน เป็นอันดับ3 ในกลุ่มประเทศอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย และอันดับ 76 ของโลก ขยับขึ้นมา 9 อันดับ ซึ่งสอดคล้องกับผลการสำรวจสถานการณ์คอร์รัปชันไทยของมหาวิทยาลัยหอการค้าที่ระบุว่าดีที่สุดในรอบ6 ปีด้วย เรื่องนี้เป็นผลจากรัฐบาลกำหนดให้การป้องกันและปรามปรามการทุจริตเป็นวาระแห่งชาติปฏิบัติการอย่างเข้มแข็ง และได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมนายกรัฐมนตรีจึงเห็นว่าต้องทำงานอย่างหนักและต่อเนื่องโดยภาครัฐเอกชนภาคประชาชนรวมถึงร่างรัฐธรรมนูญใหม่ต้องมีกลไกพิเศษเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันในระยะยาว พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีแก่ประชาชน โดยเฉพาะเยาวชน เช่นโครงการสำนึกไทยไม่โกง, โตไปไม่โกง เพื่อให้สำนึกความซื่อสัตย์หยั่งรากลึกลงในจิตใจเป็นรากฐานช่วยให้บ้านเมืองเดินหน้าได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป ****************************************** ส่วนอันนี้ข่าวเรื่อง "Govchannel" รัฐบาลเตรียมยกระดับ "Govchannel" และแอปพลิเคชัน G-news ให้เป็นศูนย์กลางข้อมูลและการบริการอิเล็กทรอนิกส์ของภาครัฐ สร้างภาพลักษณ์ใหม่ประเทศไทยทันสมัยเป็นสากล โดยนายกรัฐมนตรี เร่งให้ผลักดันโครงการ GovChannel หรือศูนย์กลางบริการภาครัฐสำหรับประชาชนผ่าน 3 ช่องทางหลักคือ เว็บไซต์, แอปพลิเคชันบนมือถือและอุปกรณ์ตามจุดบริการเอนกประสงค์ของรัฐเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและบริการได้ง่ายสะดวกให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เช่นข้อมูล "ระบบภาษีไปไหน" ซึ่งจะรายงานการใช้จ่ายภาครัฐทั้งภาพรวมและลงละเอียดรายโครงการเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งเป็นมิติใหม่ให้ประชาชนมั่นใจว่าได้นำภาษีไปใช้พัฒนาประเทศอย่างเหมาะสมโปร่งใสตรวจสอบได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมให้เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน G-News หรือแอปพลิเคชันใหม่บนสมาร์ทโฟนเพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารภาครัฐโดยตรงทั้งข่าวสารประจำวันทั่วไป สถานการณ์ฉุกเฉินรวมถึงแจ้งเตือนรายบุคคลและลดปัญหาข่าวลือผ่านโซเชียลมีเดียโดยกำชับหน่วยงานรัฐตรวจสอบและบรรจุข้อมูลข่าวสารที่สำคัญทันสมัยลงในG-News ให้สม่ำเสมอ และเปิดช่องทางให้ประชาชนสอบถาม ให้ข้อเสนอแนะได้โดยตรง แอปฯ G-News จุดเด่นอยู่ที่ผู้ใช้เลือกรับข้อมูลข่าวสาร และบริการที่สนใจเฉพาะทางตรงความต้องการเพราะมีหลายหมวดหมู่หลายหน่วยงานให้เลือกภายใต้รูปแบบที่ง่ายสะดวกที่สำคัญแม่นยำและเชื่อถือได้ ส่วนติดตั้งทำได้ง่ายๆ โดยโหลดแอปฯและลงทะเบียนด้วยหมายเลขบัตรประชาชนและหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ซึ่งขณะนี้ให้บริการในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์แล้ว
------------------------------------------------------------------------------------------ ทำไมหนอ รัฐบาลเผด็จการ จึงมีอันดับการคอรัปชั่นที่ดีกว่า รบ. ประชาทืบตาย ของไอ้ตระกูลโกงที่วัดหนอ หรือว่า ที่แท้มันเป็นตระกูลขี้โกงทั้งโคตร ไอ้ตระกูลอั้งยี่กลับชาติมาเกิด ไอ้ตระกูลทรราช -------------------------------------------------------------------------------------------- บรมโง่แล้วยังอวดฉลาดอีก! ได้อันดับการคอรัปชั่นดีขึ้น ได้อันดับดีกว่า รบ. ที่ประชาชาชนเลือกมา ไม่ได้เเปลว่าปัญหาการคอรัปชั่นดีขึ้น และไม่ได้ต่างจากรัฐบาลก่อนเลยนะ ..... เพราะคะเเนนที่ได้ยัง 38 เท่าเดิม ...... ......ซึ้งก็เเปลว่า ที่อันดับดีขึ้นเพราะประเทศอื่นๆแย่ลง ไทยยังทรงตัว และปี58 ประเทศที่เข้าร่วมจัดอันดับน้อยลงกว่าเดิมด้วย....... ทำไมหนอ ที่กล่าวหาปูโกง นักการเมืองโกง ตอนนี้ก็ไม่มีปู ไม่มีนักการเมืองแล้ว แต่ทำไมคะเเนนยังเท่ากับ รัฐบาลที่กล่าวหาว่าเค้าโกง?
เรื้อนก็ยังคงเป็นเรื้อนวันยังค่ำ คิดโง่ ๆ + มโนจัญไรไม่มีใครเกินเรื้อน ทำไมถึงไม่คิดว่า ทุกประเทศแก้ปัญหาคอรัปชั่นดีขึ้นหมด เพียงแต่ไทยมีแก้ได้ดีกว่าคะแนนจึงขยับสูงกว่าประเทศอื่น
เอาครับเอา..... ผมมโนยกให้เราเป็นอันดับหนึ่งในโลกเลยครับ.... แล้วได้อะไร.... ได้คุย ได้ถ้วย ได้โลห์ สินะ จะไปแก้อะไรดีกว่าเค้า ก็คะเเนนเรายังเท่าเดิม หมายถึงอะไร? มันแปลได้ว่า ประเทศอื่นแย่ลง เราไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย
สันดานขี้โกงมันฝังรากลึกลงไปในระบบราชการ ตั้งแต่ไอ้หม๋าแม๋วมันทำให้ดูแล้วบอกบกพร่องโดยสุริต หลุดรอดคดีได้ แก้ไขยากครับ ถ้ากลุ่มข้าราชเลือกที่จะรอทรราชย์กลับมา แล้วไม่ทำงาน ก็ต้องใช้เวลาครับ แต่ผมยังเชื่อว่า คนเลวๆอย่างไอ้ตระกูลนี้ ตายโหงครับ ไม่ตายดีแน่ คนที่ทำร้ายประเทศชาติอย่างไอ้เฮี้ยทรราชย์ตระกูลนี้ อายุไม่ยืนครับ
เอาเข้าจริงๆผมยังรู้สึกว่าไทยยังมีคอรัปชั่นอยู่เหมือนเดิม แต่นโยบายระดับรัฐดีขึ้น โครงการรัฐเห็นได้ชัดว่าโปร่งใสแต่ไม่ได้หมายความว่ามีหรือไม่มีทุจริต จะให้ผมเชื่อต้องเร่งคดีโกงเก่าๆทุกคดี แล้วคดีใหม่ๆจะลดลงเอง ม.44ฟันไปหนักๆถือว่าใช้อำนาจเป็น
ไม่คิดจัญไร ให้ชาติล่มจม ก็ไม่ใช่พญาควายแดงขี้แพ้ สิครับ เป็นโรคความจริงเสียดแทงใจ รับไม่ได้ ดิ้นพราดๆๆๆ
" ผมรวยแล้ว ผมพอแล้ว ผมไม่โกงหรอก " "เสนาะ"ถกหนัง"ทักษิณ" บนเวทีพันธมิตรมันหยด "เสนาะ" ขึ้นเวทีปราศรัยย้อนอดีตถึงบรรพบุรุษ ถกหนัง "ทักษิณ" มันหยด นึกไม่ถึงคนจบปริญญาเอกกล้าเผาบ้านเมืองเอาเงินประกัน ผลักดันลอยเงินบาทเพื่อรวยคนเดียว ขณะที่ผู้ปราศรัยย้ำเสมอนายกฯขาดจริยธรรม การชุมนุมที่ท้องสนามหลวงของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อกดดันให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี วันที่ 27 ก.พ.เป็นวันที่ 2 ยังคงมีประชาชนปักหลักชุมนุมหนาแน่น เวลา 21.20 น.นายเสนาะ เทียนทอง แกนนำกลุ่มวังน้ำเย็น พร้อมนายประมวล รุจนเสรี และนายบุญถึง ผลพาณิชย์ อดีต ส.ส.พรรคไทยรักทไย กลุ่มวังน้ำเย็น พรรคไทยักไทย ได้ขึ้นเวทีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายเสนาะ กล่าวว่า นี่เป็นประวัติศาสตร์ของชีวิตของตน ไม่เคยคิดว่าจะต้องมายืนท่ามกลางคนที่มีวิญญาณเหมือนกัน คือจิตวิญญาณของบรรพบุรุษที่อุตส่าห์สร้างบ้านสร้างเมือง จนเรามีแผ่นดินอยู่ตั้งแต่นราธิวาสถึงเชียงราย เราต้องมองว่าคนที่สร้างแผ่นดินให้เราเกิดเพื่อช่วยกันสร้างบ้าน สร้างเมืองจนเป็นสมบัติของเราทุกคน กว่าจะได้เป็นแผ่นนี้ขึ้นมาต้องเสียเลือด ชีวิต ของบรรพบุรุษออกดาบเหล็กแหลมทิ่มแทงเพื่อให้ได้มาซึ่งแผ่นดินให้ลูกหลาน "ผมชื่อเสนาะวันนี้จนเหมือนพี่น้องที่นี้ ที่มาทวงสัญญา 19 ล้านเสียงกับคนที่ชื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผมขอกราบอภัยพี่น้องประชาชนที่เคยขึ้นเวทีปราศรัยบอกประชาชนว่าจะหาคนดีมีอำนาจมาปกครองบ้านเมืองตามพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และช่วยกันป้องกันขจัดคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ และทุกคนที่นี้มีจิตสำนักร่วมกันว่าใครก็ตามที่ทำให้บ้านนี้เมืองนี้เสื่อมเสียชื่อเสียง เสียอธิปไตย เราต้องพลีชีพตัวเองเพื่อรักษาธิปไตย และวันนี้เราต้องมาสกัดคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจปกครองบ้านเมืองต่อไป ผมมาในฐานะนักการเมืองอาวุโสที่มีฉายาว่าเจ้าพ่อวังน้ำเย็น ต่อมาเรียกว่าป๋าเหนาะ ช่วงหนึ่งผมเคยต่อสู้กับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่ทำให้คนที่มีวัยวุฒิ คุณวุฒิ แต่ขาดภาวะความเป็นผู้นำมาบิดเบือนเจตนารมณ์ของกฎหมายทั้งหมดทั้งสิ้น ผมขอกราบอภัยอีกครั้งที่เมื่อปี 2543 ไปหลงกับคำพูดของคนๆ หนึ่ง ที่บอกว่าพี่เหนาะผมพร้อมแล้ว เงินส่วนหนึ่งเก็บไว้ให้ลูก 3 คน เงินส่วนหนึ่ง 2 ตายาย ชาตินี้กินยังไงก็ไม่หมด และเงินส่วนที่เหลือผมจะใช้หนี้แผ่นดิน น้องทักษิณยังจำได้หรือไม่กับคำๆ นี้ ผมคิดว่าคนๆ นี้เมื่อเลวร้ายแล้วจะกลับใจ แต่ตอนนี้พอรู้แล้วเลยร้องอ๋อ ว่าที่เลวมาจากโกงชาติโกงแผ่นดินนั่นเอง มันกล้าทำถึงขนาดเผาบ้านเมืองเอาเงินประกัน หมอนี่คิดอะไรเป็นชั้นๆ ไตร่ตรองทุกขั้นทุกตอน สมัยที่ผมเป็นผู้จัดการรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ตอนนั้นมีปัญหาการเงินการคลัง ไม่มีใครมาเป็นรัฐมนตรี เพราะว่านายอำนวย วีรวรรณ ลาออกกระทันหัน เรามาทีนี้ต้องรู้ที่มาที่ไปของคนๆ นี้ พ.ต.ท.ทักษิณส่งคนเข้ามาทำงานแล้วลอยค่าเงินบาท โดยเสวยสุขอยู่คนเดียว ขณะที่คนเป็นเอ็นพีแอลทั้งประเทศ แล้วยังมาลอยหน้าลอยตากลับมาเป็นผู้นำประเทศ" นายเสนาะ กล่าวและว่า วันนั้นพ.ต.ท.ทักษิณกับประธานรัฐสภาที่เพิ่งหมดวาระไปไปหาพล.อ.ชวลิต คุยกุ๊กกิ๊กอะไรไม่รู้ แล้วในที่สุดให้นายทนง พิทยะ มาเป็นรัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลัง เข้ามาไม่กี่วันก็ลอยตัวค่าเงินบาท จาก 26 บาท ขึ้นเป็น 50 บาท พี่น้องคนไทยเจ๊งเป็นเอ็นพีแอลทั้งประเทศ พอเสร็จภารกิจก็ลาออกเลย มาจัดตั้งรัฐบาลใหม่ นายเสนาะ กล่าวต่อว่า ตนภูมิใจที่ได้บอกกับพี่น้องประชาชน ถือเป็นการเปิดหูเปิดตาให้รู้ว่าถูกโจรครองเมือง และตนก็เป็นคนหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการสร้างโจรคนนี้ขึ้นมา แต่ตนมีความสำนึกในบาปบุญคุณโทษ แต่ก่อนเขาให้ตนเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย ตนก็ไม่เอา บอกว่าพี่จะดู ประธานให้เป็นประธานวิปรัฐบาล และได้ตีกลับกฎหมายหลับฉบับ ในที่สุดก็
ยังไงรอดูข้อมูลทรัพย์สิน ตอนหมดอำนาจจะได้เห็นชัด ความโปร่งใส ความขาวสะอาด มีคุณธรรม จริยธรรม แต่ละคนทำเพื่อชาติ ทำเพื่อประเทศทั้งนั้น แพล็บ แพล็บ ๆ เปิดถุงเงิน "สฤษดิ์ -ถนอม -บิ๊กจ๊อด-บิ๊กบัง" เรียกพวกเขาว่า คณะ ... ประชาชาติฯ ตามไปดู เศรษฐีใหม่ ที่ร่ำรวยหลังยึดอำนาจ จากยุค จอมพลผ้าขาวม้าแดง ถึง ยุค บิ๊กบัง ทรัพย์สินและความมั่งคั่ง ท่านได้แต่ใดมา ? พลเอกสนธิ เบาะ ๆ แค่ 90 ล้าน บิ๊กจ๊อดและเมีย เรียบโร้ยระดับ พันล้าน 3 จอมพลกิตติขจร-จารุเสถียร รวมกันพันล้าน สุดยอดต้องยกให้ จอมพลสฤษดิ์ ทะลุ 2,800 ล้าน
ข่าว 7 สี - การรณรงค์ต่อต้านการคอร์รัปชันที่ผ่านมา ได้ส่งผล และเริ่มฟื้นความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ติดตามรายงานจาก คุณจุฬารัตน์ ม่วงแก้ว ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเดินหน้าต่อต้านการคอร์รัปชันอย่างจริงจัง จากทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน จนเริ่มสัมฤทธิ์ผล อันดับภาพลักษณ์คอร์รัปชันของไทยขยับดีขึ้น จากอันดับที่ 85 มาอยู่ที่อันดับ 76 อัตราการจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ลดลงจาก 35% เหลือ 15% ช่วยลดการสูญเสียเงินงบประมาณจากการโกงไปได้ปีละไม่ต่ำกว่า 150,000 ล้านบาท หลายคดีดังในอดีตที่คนไทยเคยเพิกเฉย ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาพิจารณาตัดสินชี้มูลความผิดหลายเรื่อง ทั้งกรณีทุจริตขายข้าวจีทูจี สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ และคดีรับจำนำข้าว ปีนี้จึงนับเป็นปีแห่ง "กรรมสนองโกง" จะเห็นว่าคนที่กระทำผิด ทุจริตต่อประเทศ หนีไม่พ้นจะต้องรับผลกรรม บทลงโทษได้สร้างบรรทัดฐานความมั่นใจให้ต่างชาติประจักษ์ว่า ไทยเอาจริงกับการกำจัดคอร์รัปชัน การเอาผิดกับคนโกงชาติ ไม่เพียงแค่จับคนผิดมาลงโทษเท่านั้น แต่กระบวนการยุติธรรม ยังได้ร่างยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการปราบปรามการทุจริต เล็งผลระยะยาว ที่หลังจากนี้ไป ไม่ว่าใครทุจริต กรรมหรือบทลงโทษจะเห็นผลรวดเร็วทันที เป็นบรรทัดฐานใหม่ สังคมไทยต้องไร้การโกงภายใน 5 ปี รวมทั้ง 1 ตุลาคมนี้ จะมีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่พิจารณาคดีสำหรับคนโกงโดยเฉพาะ ความร่วมมือจากทั้งรัฐบาล เอกชน และสังคม ที่จะทำให้สังคมไทยไม่เพิกเฉยทนทานต่อการทุจริต แม้จะช่วยให้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น แต่การจะขจัดการคอร์รัปชันให้หมดไป และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศและสังคมไทยได้นั้น ยังต้องใช้จิตสำนึกของคนไทยทุกคน ที่ไม่รับ ไม่ทนต่อการคอร์รัปชันอีกต่อไป
