ขึ้นมาเป็นผู้นำ พอดีกับสงครามราคาน้ำมันซาอุ-สหรัฐเริ่มขึ้น ------------------------------------ ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ระบุว่า ซาอุดีอาระเบียเต็มใจที่จะปล่อยให้ราคาน้ำมันดิบ ดิ่งลงสู่ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นเวลา 1-2 ปี ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์ที่ตั้งเป้าไปยังบริษัทผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐ ทางด้านคูเวตและอิหร่านระบุว่า ทั้งสองประเทศนี้ไม่มีแผนการจะปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันลง http://bit.ly/1sYN2mL ------------------------------------- ดวงท่านเสริมกับประเทศไทย เคยได้ยินมาว่าดวงเมืองของไทยต้องให้ทหารเป็นผู้นำ
ซาอุเองก็เริ่มหวั่นใจในเรื่องเปโตรดอลล่าห์เหมือนกัน อีกทั้งพวกกลุ่ม BRICS เองก็แซะเมกา เปโตรหยวนก็เริ่มมีบทบาทเพราะใครก็รู้ว่าทองไปอยู่ไหน ทางรัสเซียก็ผูกขาด EU ซะม่อยกระรอกขยับตัวลำบากเพราะกลัวโดนตัดแก๊ส ท่อแก๊สของ UAE ก็มาติดอยู่ซีเรียอีกซาอุฯเองก็พยายามจะเป็นกลับมาเป็นผู้นำด้านน้ำมันให้ได้เพราะเงิน(ที่ใช้ทองค้ำ)ทางจีนมีไม่อั้นจริงๆ งานนี้เมกาถูกเลื่อยขาเก้าอี้ผู้นำโลกรัวๆเลย
หิหิ แต่ยังมี บางกลุ่มยังทวงคืนพลังงานโดยถือว่า ความเห็นตัวเองถูกต้องที่สุดอยู่นะครับ 555 ซาอุจะคงน้ำมันไม่ลดกำลังการผลิตจะกลัวอะไร ไทยเรา มีน้ำมันอยู่ใต้ดินมหาศาล ใครก็ไม่รู้บอกมา
ผมว่า พวกนี้ ก็เป็นพลังงานทางเลือกที่ดี แต่ว่า ยังไงก็อย่าค้านถ่านหินเลยครับ ยังจำเป็นมากสำหรับไทย พวก แสงอาทิตย์ ลม ฯลฯ ต้องถามว่าคนไทยพร้อมจ่ายกับราคาที่แพงกว่าเดิมอีกเยอะหรือไม่
ประเทศที่ต้องพึ่งพาพลังงานฟอสซิลเป็นสินค้าส่งออกหลัก น่ากลัวนะครับเพราะถ้าวันไหนหมดไป ก็จะลำบากค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกลุ่มอาหรับ ที่ภูมิประเทศไม่เหมาะสมกับการเพาะปลูกอยู่แล้ว
ไม่ต้องกลัวครับ เพราะตอนนี้แขกทั้งหลายก็เตรียมทางหนีทีไล่ไว้พร้อมแล้ว ด้วยการเข้ามาตั้งบริษัทบังหน้า กว้านซื้อที่ดิน ทำนา ทำสวนยาง ปลูกมันสำปะหลัง ปลูกอ้อย แล้วจ้างคนไทยเป็นลูกจ้าง กว่าน้ำมันจะหมดประเทศ ตอนนั้นแขกก็เป็นเจ้าของที่ดินรายใหญ่ในประเทศไทยแล้วครับ อ่ะ แต่อย่าถามหาหลักฐานนะ เพราะไอ้ทาริดได้ แถ-ลงเรียบร้อยแล้วว่า ไม่พบต่างชาติกว้านซื้อที่ดินในเมืองไทย
อนาคต renewable energy จะมีบทบาทต่อชีวิตมนุษย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความมั่นคงด้านอาหาร ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่ประชาคมโลกต้องหาหนทางเตรียมรับมือไว้ด้วยเช่นกัน
พวกเจ้า! เห่ย............ อย่ากลั๊ว! อย่าวิต๊ก! พวกเราไม่แพ้ใคร พวกเราใช้พลังงานหญ้า พลังงานหญ้าเหมาะสมที่สุด พวกเจ้าคอยดูต่อไปเท๊อะ เอ๊อะๆ เอ๊อะๆ
ขณะนี้ มีหน่วยงาน และองค์กรธุรกิจหลายแห่งดำเนินการผลิตพลังงานทดแทนจากหญ้าเนเปียร์เป็นผลสำเร็จแล้วหลายรูปแบบ เช่น บริษัทเชียงใหม่เฟรชมิลค์ จำกัด จ.ลำพูน ปลูกหญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1 เพื่อเป็นอาหารโคนม 3,000 ตัว แล้วนำมูลโคมาหมักเป็นก๊าซชีวภาพ ใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้าในฟาร์ม สามารถลดค่าไฟฟ้าได้ถึงเดือนละ 315,000 บาท ทั้งยังสามารถนำกากจากบ่อหมักไปทำปุ๋ยอินทรีย์ใช้ในไร่หญ้าได้อีกด้วย บริษัท ยูเอซี จำกัด (มหาชน) จ.เชียงใหม่ ผลิตก๊าซชีวภาพอัด โดยใช้มูลสุกร ร่วมกับน้ำล้างคอก และหญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1 หมักเป็นก๊าซชีวภาพ นำไปผ่านเครื่องทำความสะอาดและอัดเป็นก๊าซ CBG จำหน่ายเป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ เป็นต้น
ด้วยเล็งเห็นถึงศักยภาพในฐานะพืชพลังงานทดแทน การผลิตไฟฟ้าจากหญ้าเนเปียร์ จึงกลายเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของกระทรวงพลังงานโดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้จัดตั้งคณะกรรมการ เพื่อศึกษาโครงการวิสาหกิจชุมชนพลังงานสีเขียวจากพืชพลังงาน ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คัดเลือกพื้นที่นำร่องปลูกหญ้าเนเปียร์ 10 แห่ง พร้อมตั้งโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพจากหญ้าเนเปียร์ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 10 เมกะวัตต์ด้วยกัน ในส่วนของ ปตท. มีการศึกษาศักยภาพพลังงานทดแทนจากหญ้าเนเปียร์เช่นกัน โดยคัดเลือกพื้นที่ศึกษาวิจัยร่วมกับชุมชน 3 แห่ง คือ ตำบลนาโบสถ์ จังหวัดตาก ตำบลป่าเด็ง จังหวัดเพชรบุรี และตำบลสะตอน จังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีการปลูกหญ้าเนเปียร์ เพื่อใช้เลี้ยงสัตว์อยู่แล้วโดยวิจัยร่วมกับชุมชน และขยายผลสู่พื้นที่จุดเรียนรู้พลังงานชุมชนต่อไป ด้วยนโยบายของกระทรวงพลังงาน ที่มีเป้าหมายการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนให้ได้ถึง 10,000 เมกะวัตต์ ภาใน 10 ปี รวมทั้งคุณสมบัติที่สามารถนำมาผลิตพลังงานได้หลากหลาย ทั้งไฟฟ้า ก๊าซชีวภาพ และก๊าซ CBG ทำให้หญ้าเนเปียร์มีแนวโน้มที่จะถูกพัฒนาในฐานะพืชพลังงานได้อย่างน่าจับตามอง
ผมไม่แน่นข้อมูลนะ แต่ถ้าจำไม่ผิด ก่อนหน้านี้เคยจำได้ว่า ตอนที่น้ำมันขึนไปสูงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ มันทำให้น้ำมันไทยสูงสุดอยู่ประมาณ 45 บาทขึ้นไป และดอลล่าต่อบาเรลเกินร้อยไปเยอะ แต่ทำไมตอนนี้ราคามันแปลกๆ และอีกอย่าง แต่ก่อนเวลาฟังข่าววิทยุ จะมีการบอกว่าวันนี้น้ำมันที่สิงคโปร์ราคาเท่าไหร่ต่อบาเรล แต่... เหมือนจะหายไปนานแล้วนะครับ หรือว่ามีแล้วผมพลาด ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับกระทู้หรือไม่ ยังไงก็ขออภัยครับ
แนวคิดของโนเบลเศรษฐศาสตร์คนล่าสุดน่าสนใจนะครับ คือ ให้รัฐกำหนดราคาสาธารณูปโภคพื้นฐานรวมทั้งราคาน้ำมัน แล้วให้หน่วยงานไปลดต้นทุนการบริหารให้มีกำไรเอาเอง ไม่ใช่มากำหนดราคาโดนอ้างต้นทุนโน่นนี่นั่นเอาเอง แล้วมาบวกเป็นราคาสินค้า