กลัวอะไรเล่า ลูกใครก็ไม่รู้ ข้ามห้วยจาก "ทหาร" เป็น "ตำรวจ" ก็ทำมาแล้ว อีกทั้ง "มิสเตอร์แฮปปี้ทอยเล็ต" และ "มิสเตอร์แอร์พอร์ตลิงก์" นี้ ท่านได้แต่ใดมา วานบอก ??? “ดวง อยู่บำรุง”มึงรู้ไหมกูลูกใคร?เมื่ออดีตผู้ต้องหาฆ่า'ดาบยิ้ม' ขึ้นเป็นครูฝึกตำรวจ! http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000095532 มิสเตอร์แฮปปี้ทอยเล็ต “วัน” ฝากคนไทยดูแลความสะอาด “ส้วม” http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000042063 งานใหม่ของ วัน อยู่บำรุง “มิสเตอร์แอร์พอร์ตลิงก์” เชิญชวนให้ใช้บริการ – ปราบมาเฟีย http://www.siamintelligence.com/mr-airportlink-one/
"วีระ สมความคิด" โพสต์โซเชียล ซัดคสช.ทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง ยัดลูกพล.อ.ปรีชา ติดยศว่าที่ร้อยตรี ส่อเข้าข่ายงุบงิบ ทั้งที่เรื่องดังกล่าวควรผ่านรมว.กลาโหมมากกว่าปลัดกลาโหม -เชื่อไม่โปร่งใสเหมือนหักหัวคิวอุทยานราชภักดิ์ อัดแล้วอย่างงี้ปฏิรูปไหวได้หรอ ?? วันนี้ ( 16 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระ สมความคิด อดีตแกนนำเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "Veera Somkwamkid" กรณีคำสั่งลับ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม บรรจุลูกชายตัวเอง เข้ารับราชการทหาร ได้ยศว่าที่ร้อยตรี โดยได้รับเงินเดือน 15,000 บาท ว่า "เอาอีกแล้วเรื่องที่ควรทำกลับไม่ทำ เรื่องที่ไม่ควรทำกลับรีบ(แอบ)ทำ อย่างนี้เสียหายไปถึงนายกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะนายปฏิพัทธ์นามสกุลเดียวกับประยุทธ์และน่าจะเป็นหลานชาย เรื่องที่เข้าข่ายเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน และน่าจะเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เป็นการเอื้อผลประโยชน์โดยมิชอบให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ทำให้รัฐและประชาชนเสียหาย กรณีนี้พวกคุณทำกันเองแท้ๆ ไม่มีใครเข้าไปกลั่นแกล้งใส่ความนะ หากกรณีนี้ใครๆ ก็สามารถทำได้อย่างถูกต้องโปร่งใสเท่าเทียมกัน หนังสือฉบับนี้ทำไมต้องเป็นเรื่องลับ ถ้าทำกันอย่างถูกต้องโปร่งใสต้องไม่ปกปิด ไม่ต้องกลัวใครรู้ไม่ต้องกลัวการตรวจสอบจากสังคม การเสนอเรื่องนี้เป็นอำนาจของรมว.กห.(พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) แต่ให้ปล.กห.ดำเนินการแทน คงไม่ต่างจากความไม่โปร่งใสกรณีการเรียกเงินหัวคิวและการจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษของโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ที่ยังไม่ทันจางหาย ก็มาเกิดกรณีนี้ขึ้นอีก เด็กเพิ่งจบบรรจุในอัตรารรก.นายทหารปฏิบัติการกิจการพลเรือน (อัตรา พ.ต.) แต่ให้แต่งตั้งยศว่าที่ร้อยตรี ตั้งแต่วันออกคำสั่ง แบบนี้ลูกหลานชาวบ้านทั่วไปที่เขามีคุณสมบัติตามนี้หรือดีกว่านี้ เขาก็อยากให้รมว.กห.ออกคำสั่งบรรจุพวกเขาอย่างนี้บ้าง ทำให้พวกเขาเหมือนกรณีนี้ได้ไหมครับ? ความถูกต้องความชอบธรรมอยู่ตรงไหนครับ? สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เฉลิม อยู่บำรุง เคยยัดลูกชายเข้าไปเป็นตำรวจ คนยังด่ากันทั้งประเทศ ประยุทธ์-ประวิตร ยึดอำนาจบอกจะมาปฏิรูปประเทศ แต่ไม่เห็นจะปฏิรูปอะไรสักเรื่อง ที่เห็นชัดๆก็คือเมื่อมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดล้นฟ้าล้นแผ่นดินแล้ว ก็ยัดลูกยัดหลานเข้าไปเป็นนายทหาร ลูกหลานชาวบ้านที่ไม่มีเส้นไม่มีอำนาจต้องแย่งกันสอบเข้าไปเป็นนายสิบ บรรดานายสิบนายจ่าแก่ๆเป็นทหารมาจนจะเกษียณอายุราชการแล้ว ยังไม่มีโอกาสติดดาวเป็นนายร้อย แต่นี่หลานนายกฯประยุทธ์อายุแค่ 25 ปี ไม่ได้จบสายทหารด้วย แต่สามารถบรรจุเข้าไปเป็นนายร้อยได้ทันทีนับแต่วันออกคำสั่งของรมว.กห. การทำอย่างนี้มันเอาเปรียบลูกหลานชาวบ้านทั้งประเทศ การทำเรื่องเลวๆอย่างนี้เหมือนพวกนักการเมืองชั่วทั้งหลาย มันคือการปฏิรูปบ้านเมืองของรัฐบาลคสช.แล้วหรือครับ?"
ทายาทบิ๊กกองทัพติดดาว เปิด 3 วิธีบรรจุพลเรือนเข้ารับราชการทหาร ปม "ลูกปรีชา" บานปลาย "ศรีสุวรรณ" ลุยร้อง ป.ป.ช.-ผู้ตรวจฯ 17 เม.ย.| ข่าว 19.00 น. การลงนามอนุมัติรับบุตรชายเข้ารับราชการเป็นทหารของพลเอกปรีชา จันทร์โอชา ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจจะขัดต่อประมวลจริยธรรม กระทรวงกลาโหมชี้แจงเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติ ขออย่ามองทุกเรื่องเป็นการเมือง หลังจาก นายศรีสุวรรณ จรรยา ในฐานะเลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.และผู้ตรวจการแผ่นดิน ตรวจสอบการบรรจุ นายปฏิพัทธ์ จันทร์โอชา ลูกชายของ พลเอกปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม เข้ารับราชการทหารยศร้อยตรี โดยเชื่อว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เพราะเป็นการใช้อำนาจของพ่อ สั่งบรรจุลูกชายเป็นทหารนั้น จากการตรวจสอบของทีมพิกัดข่าว NOW26 พบว่า ประเด็นนี้ยังมีมุมมองทางกฎหมายที่แตกต่างกันอยู่ แม้ว่า นายศรีสุวรรณ จะยืนยันว่าได้ตรวจสอบแล้วพบว่า คำสั่งบรรจุข้าราชการทหาร เป็นคำสั่งทางปกครองที่เข้าข่ายตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พุทธศักราช 2539 อย่างแน่นอนก็ตาม ฝ่ายที่เห็นตรงกับนายศรีสุวรรณ อ้างบทบัญญัติมาตรา 13 ของพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ ที่ห้ามเจ้าหน้าที่ทำการพิจารณาทางปกครองหากเป็นญาติ เป็นบุพการี หรือผู้สืบสันดานไม่ว่าชั้นใดๆ ของคู่กรณี ซึ่งสถานะการเป็น “บุตร” นั้น ถือเป็นผู้สืบสันดานตามกฎหมาย ดังนั้นการกระทำของ พลเอกปรีชา ในการออกคำสั่งดังกล่าว อาจเข้าข่ายขัดต่อบทบัญญัติกฎหมายฉบับนี้ ขณะที่อีกด้านหนึ่ง มีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายทหาร และแหล่งช่าวในกรมพระธรรมนูญ ระบุว่า การออกคำสั่งใดๆ ในทางทหาร ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ซึ่งในกฎหมายก็ระบุไว้ในมาตรา 4 วงเล็บ 7 ว่า “การดำเนินงานเกี่ยวกับราชการทหารหรือเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ทาง ยุทธการร่วมกับทหารในการป้องกันและรักษาความมั่นคงของราชอาณาจักรจากภัยคุก คามทั้งภายนอกและภายในประเทศ” ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายฉบับนี้ นอกจากนั้น การลงนามในคำสั่งบรรจุ นายปฏิพัทธ์ เข้ารับราชการทหาร แม้ พลเอกปรีชา จะเป็นผู้ลงนามเอง แต่ก็เป็นการลงนามในฐานะที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงไม่ใช่การใช้อำนาจของตน ทั้งนี้เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวง กลาโหม พุทธศักราช 2551 มาตรา 24 “ประวิตร”ลั่นเป็นอำนาจบรรจุใครก็ได้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวก่อนเข้าร่วมประชุมสภากลาโหม ช่วงเช้าวันนี้ว่า การตั้งนายปฏิพัทธ์เป็นเรื่องธรรมดา เป็นอำนาจของตนที่จะรับใครได้เลยทันทีทันใด โดยเฉพาะสาขาพิเศษ ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอบ ขอแค่คุณสมบัติครบเท่านั้น ปลัดกลาโหมสั่งสอบมือปล่อยเอกสาร ขณะที่ พลเอกปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ทุกอย่างได้ปฏิบัติไปตามขั้นตอน ตามกฎระเบียบข้อบังคับ และมีคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือก มีคุณสมบัติครบ รวมถึงมีหลักฐานสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งตนเป็นผู้ลงนามอนุมัติบรรจุเองทุกเหล่าทัพ ถึงแม้จะเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็ตาม แต่ด้วยภาระหน้าที่ที่มาก จึงได้มีการมอบหมายให้ตนอนุมัติแทน ส่วนที่เกิดกระแสวิจารณ์ในสังคมนั้น ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับว่าตนเป็นน้องชายของนายกรัฐมนตรี เพราะลูกชายก็เติบโตมาในครอบครัวทหาร ก็อยากเป็นทหารเหมือนตน และเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีทราบแล้วและไม่ได้ว่าอะไร สำหรับทางออกหลังจากนี้ เมื่อมีการอนุมัติบรรจุไปแล้วก็จะต้องไปรายงานตัวยังหน่วยที่บรรจุ ส่วนคนปล่อยเอกสารลับนั้นไม่ทราบ แต่ก็จะต้องมีการตรวจสอบและหาตัวคนปล่อย ที่มีการไปยื่นเรื่องให้มีการตรวจสอบกับผู้ตรวจการแผ่นดินและคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ตนก็พร้อมชี้แจง นายกรัฐมนตรี ยืนยันการแต่งตั้งหลานชาย บรรจุเข้ารับราชการทหาร เป็นไปตามระเบียบและขั้นตอนของกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีทั้งสอบคัดเลือก และแต่งตั้งทดแทน แต่มีคนจงใจปล่อยชื่อ เพราะนามสกุลจันทร์โอชา ก่อนตัดพ้อหรือต้องให้เปลี่ยนนามสกุล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ยืนยันการแต่งตั้ง บุตรชายของ พล.อปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหมซึ่งเป็นหลานชายของตนเป็นไปตามขั้นตอนและระเบียบของกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีการดำเนินการทุกปีที่จะมีทั้งการสอบแข่งขัน และการเปิดตำแหน่งคัดเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมเข้าบรรจุเป็นกำลังพลของกระทรวงกลาโหม รวมถึงการรคัดเลือกบุตรหลานของกำลังพลที่ถือว่ามีความเข้าใจระเบียบของทหารอยู่แล้ว โดยได้มีคณะกรรมพิจารณาตามขั้นตอนและกระบวนการแต่งตั้ง พร้อมยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฏหมายและไม่เกี่ยวข้องกับ พรบ.การปกครองเพราะเป็นคนละส่วนกัน แต่เมื่อมีกรณีดังกล่าวก็จะต้องทำให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรียอมรับว่า พล.อ.ปรีชา รายงานเป็นการส่วนตัวถึงการบรรจุบุตรชายเป็นทหารแล้ว และขอว่าอย่ามองว่า เป็นเรื่องของนามสกุลจันทร์โอชา เพราะข้อเท็จจริงมีผู้ได้รับการบรรจุหลายคน แต่คนที่เผยแพร่เอกสารจงใจตัดแล้วเสนอแค่ชื่อนายปฎิพัทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น พร้อมตัดพ้อว่าถ้าเป็นปัญหามากก็จะเปลี่ยนไปใช้นามกุลอื่นแทน พร้อมให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.จะตรวจสอบเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงบุตรสาว ว่าไม่สนใจที่จะเข้ารับราชการเป็นทหาร เพราะปัจจุบันทำอาชีพอิสระ ขายเสื้อปั่นจักรยานในเว็บไชต์ และกิจการเป็นไปด้วยดี
นานๆ จะมีประเด็นให้เล่นงานรัฐบาลนี้สักที นัดกันเข้ามาตั้งกระทู้แข่งกันน่าดู ระวังเข้าตัวเจ้านายตัวเองนะครับ
ความจริงก็ต้องด่าปูด้วยซิ มาจากไหนก็ไม่รู้ ผลงานก็ไม่มี อยู่ๆก็ได้สมัครนายกเลย รู้แค่เป็นน้องทักกี้ ในพรรคมีคนเก่าคนแก่เคยทำงานมาก่อนมากมายไม่เลือก เด็กฝากเด็กเส้นชัดๆ
'ชัย ราชวัตร'ชี้ฝากลูกเข้าทหารทำดิ้น ทีฝากน้องสาวเป็นนายกฯพาสรรเสริญ 19 เม.ย. 59 นายสมชัย กตัญญุตานันท์ หรือ ชัย ราชวัตร นักเขียนการ์ตูนล้อเลียนการเมืองชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Chai Rachawat" ระบุว่า "ฝากลูกเข้าทหารทั้ง ๆ ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทำเป็นดิ้นพล่านจะเป็นจะตาย พ่องฝากน้องสาวเป็นนายกฯ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีคุณสมบัติซักข้อ พากันสรรเสริญกันอื้ออึง แปลกใจตัวเองกันบ้างไหม" ก๊ากๆๆๆๆ ตอบสังคมด้วย
เรื่องแบบนี้ สาระมันอยู่ที่ว่า คนที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้ง มีคุณสมบัติตามที่หน่วยงานต้องการหรือเปล่า มันไม่ต้องไปตีความระเบียบกฎหมายอะไร หรือไม่ต้องไปดูหรอกว่านามสกุลอะไร เพราะตามระเบียบกฎหมายนั้น เขารับได้ตามที่เขาพูดนั่นแหละ เพียงแต่พูดแล้วมันไม่ถูกใจสังคม ทำให้คนที่ไม่ชอบอยู่แล้วก็ฉวยโอกาสเอากระแสสังคมมาเป็นแบ็คในการยื่นฟ้องบ้าง ผสมโรงโจมตีบ้าง อันนี้แหละเรื่องปกติธรรมดาของมนุษย์ การชี้แจงเพื่อให้สังคมมองว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา โดยบอกว่าใคร ๆ เขาก็ทำกัน หรือทำเพราะมีอำนาจให้ทำได้ มันเป็นการชี้แจงที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของสังคม เพราะสังคมโดยภาพรวมนั้น เขาไม่เข้าใจหรอกว่ามีระเบียบมีกฎหมาย มีอำนาจทำได้ แต่เขาสนใจว่านามสกุลเหมือนกัน เพราะฉะนั้นการชี้แจงมันต้องชัดเจนว่าเพราะอะไรถึงเป็นคนนี้ อย่างกรณีลูกสารวัตรเหลิม เขาชี้แจงค่อนข้างชัดในคุณสมบัติ ว่าลูกเขาแม่นปืน จะเอาไปสอนการยิงปืนให้ตำรวจ แบบนี้ ศรีสุวรรณ หรือ วีระ ข้องใจต้องการตรวจสอบไหม ถ้าสังคมตรวจสอบโดยมองว่านามสกุลเหมือนกันอย่างเดียว แล้วสมมุติว่ากรณีนี้ ถ้าเขารับแล้วส่งไปประจำอยู่สามจังหวัดชายแดนใต้ แล้วสังคมจะมองอย่างไร หรือเปลี่ยนเป็นชื่นชมว่าเขาเสียสละ ทั้ง ๆ ที่มีการรับเข้ามาแบบเดียวกันนี้แหละ ผมมองว่า ถ้าสังคมจะตรวจสอบเรื่องแบบนี้ อย่าไปดูแค่ว่า นามสกุลอะไร ลูกหลานใคร เพราะถ้าไม่ใช่นามสกุลนี้ มันก็ต้องเป็นนามสกุลคนอื่นอยู่ดี ไม่ใช่ลูกคนนี้ มันก็ต้องเป็นลูกคนอื่นอยู่ดี ไม่ใช่หลานคนนี้มันก็เป็นหลานคนอื่นอยู่ดี แล้วแบบนี้จะเรียกร้องหาความเท่าเทียมกันในสังคมได้ไหม ทำไมไม่ตรวจสอบว่าเขามีคุณสมบัติที่สามารถเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่ เข้าไปแล้วไปนั่ง ๆ นอน ๆ กินเงินเดือนไปเดือนหนึ่ง ๆ หรือไม่ เพราะนี่แหละคือปัญหาระบบอุปถัมภ์ตัวจริง ไม่ใช่นามสกุลเหมือนกันหรือเป็นลูกหลานใครก็เป็นระบบอุปถัมภ์ไปหมด
หรือบางรายระดับนายพันตำรวจ กินเงินเดือนหลวงแล้วไปเดินหิ้วกระเป๋าเป็นบอดีการ์ด นักการเมืองที่พ้นจากอำนาจหน้าที่แล้ว ทำไมไม่ไปตรวจสอบ
เสื้อแดงในเฟซบุ๊กดริฟท์ว่าคนเลือกตั้งเข้ามาจึงชอบธรรม งั้นแปลว่า ส่งหมา เสาไฟฟ้า ต้นไม้ หลักกิโล ฯลฯ ลงเลือกตั้งได้เลยใช่มั้ย ไม่ต้องคัดเลือกตรวจสอบคุณสมบัติก่อน
จริง ๆ แล้วสมัย พท ครองเมืองการเล่นเส้นเอาลูกหลานเข้าเรียน เอาพรรคพวกเข้างานมีเยอะ ดังในอดีตก็เพียบ ไม่ว่า กรณี ดร.อริสมันต์ กรณี ก้านธูป เยอะแยะ ไม่ต้องโวยกรณีลูกเหลิม เรื่องเอาพรรคพวกตัวเองเข้าตำแหน่งระดับสูง ทำกระทั่งเอาเสี่ยเปี๋ยงมาควบคุมผู้บริหารระดับ สูงของกระทรวง เช่นกรณีทุจริตโครงการข้าว จะว่าไปคนมันจ้องจับผิดเรื่องหยุมหยิมเนอะ
อันการปกครองและการทหารนั้น ควรรู้ให้แจ้งซึ่งพิชัยสงคราม รู้ทั้งตัวเองรู้ทั้งสิ่งแวดล้อมและศัตรู ร้อยรบไม่เคยพ่าย เหตุการณ์นี้ ถ้าเราเป็นนายกประยุทธ์ รับรองไม่เกิดหรอก เรื่องขี้ปะติ๋ว ไม่ต้องเรียนทหารมา ไม่ต้องสอบ ไอคิวไม่สูง ยังแก้ปัญหาได้เลย นี่อายุก็มาก เรียนมาก็เยอะ ทำงานมาก็มากมายกว่าจะขึ้นมาถึงตรงนี้ แค่เอาหลานเข้าทหาร ยังทำให้มันดีๆไม่ได้ ไม่รู้เลยหรือ ข้างหน้าเป็นใคร ข้างหลังเป็นใคร บนมีอะไร ล่างมีอะไร ทำยังกะเด็กอมมือเล่นขายของ นี่เราชักกลัวแล้ว ถ้าเกิดสงครามขึ้น พวกท่านจะนำชัยชนะมาได้ไหม ยังจะมาเถียงเรื่อง กฎหมาย เรื่องระเบียบ เขาว่าท่านเรื่อง จริยธรรม ไม่ใช่เรื่องระเบียบ เพราะท่านเป็นผู้ปกครองสูงสุด และท่านมีศัตรู เพราะท่านมาเพื่อเช็ดล้างทำความสะอาด คนเสียผลประโยชน์มันเยอะ แม้แต่ทหารในหน่วยงานเดียวกันของท่านเองด้วยซ้ำ สิ่งที่จะทำให้ท่านอยู่รอดได้คือ "คุณธรรม" เท่านั้น ปกครองด้วยธรรม ปกครองด้วยความสัตย์ ตรงไปตรงมา เท่านั้นแหละที่จะช่วยท่านได้ คนดีๆจะออกมาอยู่ข้างท่าน แต่นี่ ท่านไปล้างเขา ไปว่าเขาทุจริต เขาก็ต้องเคียดแค้นท่าน ซางยางแห่งแคว้นฉิน ปฏิรูปจนแคว้นฉินแข็งแกร่ง แต่ไปขัดผลประโยชน์คนจำนวนมาก สุดท้ายโดน 5 ม้าแยกร่างตายอย่างอนาถ นี่คือของจริง คนที่ทำเพื่อบ้านเมืองอย่างจริงจังเช่นการปฏิรูป มันไม่ง่าย เพราะเราเป็นทุนนิยมที่เงินเป็นใหญ่ เงินเป็นเจ้าพ่อ มันยาก และ คนรอคิดบัญชีเยอะ ดังนั้น ท่านต้องให้ ธรรมเป็นสิ่งคุ้มครองท่าน ให้คนเห็นว่าท่านเป็นคนซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ไม่บ้าเหลิงอำนาจ จริงอยู่ กฎหมายเขาให้ท่านใช้เส้น เอาลูกเข้าทำงานได้ แต่ถ้าท่านไม่ใช้ มีแต่คนเขายกย่อง เขาว่าท่านเป็นผู้ยิ่งใหญ่ แต่ถ้าท่านใช้คนเขาก็ว่าท่านมันก็แค่กระจอก เห็นแก่ตัว ไม่นึกถึงคนอื่นที่ฐานะเขาด้อยกว่าแต่หมดสิทธิจะได้ทำงาน แล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่า ท่านจะไม่ใช้เส้น ทำเรื่องอื่นๆ ที่เป็นเรื่องลับอีกล่ะ ในเมื่อท่านมันคือ คนเห็นแก่ตัวไปแล้ว ถ้าไม่ยึดความดี ไม่ยึดคุณธรรม ท่านไม่มีวันที่จะยืนตรงนี้ได้ เพราะท่านคือคนทำความสะอาด ถ้ามือสกปรกใจสกปรก ใครจะเชื่อว่าท่านจะทำให้สะอาดได้วะครับ
เห็นด้วยกับท่านจูกัดขงเบ้ง เรื่องนี้ จะว่ากันตรงๆ มันมีมาตั้งนานแล้ว ทุกส่วนราชการเลย ทหาร ตำรวจ เวลาสอบนายร้อย มีการให้คะแนนพิเศษ กรณีมีญาติพ่อแม่เป็นทหาร ตำรวจ ผมว่ามันไม่แฟร์สำหรับคนที่สอบแข่งกัน ยิ่งรัฐวิสาหกิจ พวก ไฟฟ้า รถไฟ ฯลฯ ก็พวกลูกท่านหลานเธอ ทั้งนั้น คนนอกไม่ใช่จะได้เข้าไปทำงานได้ง่ายๆ แม้ผมจะชอบนายกตู่ แต่กรณีนี้ ผมว่าแกเสียหายนะ ไม่ควรทำ มันจะกลายเป็นว่าว่าแต่คนอื่นแต่ตัวเองก็ทำเหมือนกัน ผมว่ามันต้องรื้อระบบการสอบเข้ารับราชการ รัฐวิสาหกิจ กันใหม่ทุกหน่วยงานเลลย เอาให้ยุติธรรมสำหรับทุกคน ใครสอบได้ มีคุณสมบัติถึง ก็ได้ไป ไม่เลือกยากดีมีจน ไม่เลือกว่าใครเป็นญาติใคร
ช่วงนี้มีข่าวเสียๆเกี่ยวกับทหารแยะ นี่ก็คนหนึ่ง พอนักข่าวถาม ทำเสียงอ้อมแอ้มในคอ ลึกๆแล้วก็รู้ว่าผิดแต่ก็ยังทำ ผมเห็นควรว่าท่านควรลาออกแสดงความรับผิดชอบครับ อายุราชการ ก็เหลือไม่มากแล้ว ไม่เห็นมีอะไรจะต้องเสียดายเลย แต่เชื่อเถอะ ทำซะขนาดนี้ ก็คงทำหน้ามึนๆไปจนเกีษยณนั่นฮะ ท่านผู้ชม
พลโทวิจักขฐ์ แม่ทัพภาคที่ 3 ปฏิเสธไม่ทราบเรื่อง ป.ป.ช. เข้ามาในค่าย ตรวจสอบ ห้างหุ้นส่วนจำกัด คอนเทมโพลารี ของบุตรชาย "บิ๊กติ๊ก" พลเอกปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกลาโหม บอกว่าบริษัทฯยังคงทำงานตามปกติ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน กรณีที่มีข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่จะการตรวจสอบ ห้างหุ้นส่วนจำกัด คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ที่มีนายปฐมพล จันทร์โอชา บุตรชาย พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และเป็นหลานของ นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งอดีตแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นคู่สัญญารับงานกับภาครัฐหลายแห่งวงเงินกว่า 155 ล้านบาท โดยพบข้อมูลเบื้องต้นว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด คอนเทมโพรารีฯ อาจเข้าข่ายไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปรับงาน เนื่องจากไม่มีความชำนาญการในการก่อสร้างนั้น พลโทวิจักขฐ์ สิริบรรพ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ไม่ทราบในรายละเอียดในเรื่องนี้ เพราะเพิ่งมารับตำแหน่งที่หลัง แต่ที่เห็นก็เป็นบริษัทเดิม ช่วงหลังมานี้ทางบริษัทนี้ยังไม่เห็นได้รับงานอะไรต่อ คงแต่เพียงทำงานที่ประมูลมาให้แล้วเสร็จ ซึ่งงานที่ทำอยู่ขณะนี้ก็ไม่ได้สะดุดหรือหยุดชะงักอะไร ทางบริษัทก็ยังทำงานต่อ ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 3 ก็มีคณะกรรมการตรวจรับงานอยู่แล้ว ซึ่งทางบริษัท ก็ได้จัดสร้างตามแบบและมาตราฐานที่กำหนดไว้ทุกขั้นตอนให้เป็นไปตามมาตราฐานทางการช่าง ทางคณะกรรมการทุกคนได้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่แล้วในเรื่องนี้ ขณะที่มีรายงานจาก คณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า คณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงได้ส่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ไปตรวจสอบที่ตั้งของห้างหุ้นส่วนคอนเทมโพรารีฯ ที่ตั้งอยู่ในค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ จ.พิษณุโลก แล้ว โดยเป็นการลงพื้นที่ตรวจสอบในเรื่องของส่วนราชการที่ไปจ้างบริษัทที่ไม่เคยมีผลงาน ไม่มีเครื่องมืออุปกรณ์เพียงพอมารับงาน แต่ยังไม่สามารถเจาะจงว่าเรื่องดังกล่าวเกี่ยวโยงกับอดีตข้าราชการหรือบุตรหรือไม่ โดยจะต้องไปตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดของห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวก่อน อย่างไรก็ตามต้องย้ำว่ากรณีนี้ยังอยู่ในชั้นแสวงหาข้อเท็จจริงเท่านั้น ยังไม่ถึงชั้นของการตั้งอนุกรรมการไต่สวนแต่อย่างใด
บันทึกจากในใจพ่อถึงลูกชายที่รัก ลูกพ่อ..พ่อทำงานรับใช้ชาติศาสน์กษัตริย์มานาน จนในที่สุดได้ดำรงตำแหน่งใหญ่ในราชการ ใจจริงของพ่อก็ย่อมอยากให้ลูกได้เจริญรอยตามพ่อ แต่ทว่า ..เพื่อความยุติธรรมถูกต้องตามมโนสำนึกของผู้คนทั่วไป และเพื่อป้องกันข้อครหาของผู้ที่ตั้งตนเป็นศัตรูของพ่อ ลูกเอ๋ย..ดังนั้นถ้าเจ้าต้องการเข้ารับราชการ พ่อขอให้เจ้าจงสมัครและเข้าสอบบรรจุเป็นข้าราชการกับหน่วยงานด้วยตนเอง ผ่านการสอบข้อเขียน สอบภาคปฏิบัติและผ่านการสัมภาษณ์ ตามครรลอง โดยควรเปลี่ยนนามสกุลเป็นการชั่วคราวเสีย เมื่อได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการแล้วจึงค่อยเปลี่ยนกลับมาใช้นามสกุลพ่อเหมือนเดิม ลูกรัก..หากเจ้าสอบไม่ผ่าน ก็ควรหันไปหางานอาชีพอื่น เช่น ค้าขายผ่านอินเตอร์เน็ท รับเหมาก่อสร้าง ทำงานสื่อสารมวลชน ทำบริษัทขนส่งฯ ไปเป็นนักบินบริษัทเอกชน เปิดร้านคาราโอเกะ ทำร้านเกมส์ เปิดร้านขายส้มตำ-ต้มแซ่บ-จิ้มจุ่ม ทำค่ายมวย ขายหวยรัฐ รับอัดกรอบพระ ฯลฯ ลูกน้อย..พ่ออยากให้เจ้าโปรดเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของพ่อ ให้ผู้คนสรรเสริญว่า เป็นพ่อที่ไม่ต้องการให้ลูกได้ดีด้วยตำแหน่งงานของพ่อ เป็นคนในอุดมคติ ไม่ทำในสิ่งผู้คนทั่วไปเขาทำกัน ทั้งนี้เพื่อให้สังคมของเราเป็นสังคมพระศรีอารย์ สังคมในความฝันของผู้คน ด้วยเถิดนะลูกรักของพ่อ ........ -------------------- ............................................... บ๊ะแล่ว ... ตื่นจากหลับซะแร้วอ่ะเรา ...............................
คือว่า ยังรู้สึก in mood กับเรื่องนี้อยู่ครับ เลยขออนุญาตต่ออีกนิด ... ที ปธน.โดนัล ทรัมป์ ตั้งลูกสาวเป็นเลขาฯ ตั้งลูกเขยเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ให้มาช่วยงาน ไม่เห็นกลุ่มที่ว่าเชิดชูความถูกต้องยุติธรรม เคารพประชาธิปไตย ติฉินนินทาทรัมป์กันเท่าไรเลยครับ ... ทั้งๆที่ ทรัมป์ ตั้งญาติใกล้ชิดตนเองมาดำรงตำแหน่งอย่างออกหน้าออกตา ไม่ทำเงียบๆให้กระทบใจคนเสียด้วยซ้ำ ... กรุณาอย่ามาอ้างแถไปว่า อเมริกากับไทยต่างกัน ทีเวลาจะหาเรื่องด่าว่าคน ทำไมชอบยกเมืองนอกมาเปรียบเทียบกัน แล้วทำไมกรณีย์ที่เมืองนอกทำแทบจะเหมือนกันเด๊ะๆอย่างนี้ กลับทำเงียบเฉย หรือว่าชอบทรัมป์ถึงไม่ว่า แต่ไม่ชอบท่านนายกฯ เลยหาเรื่องมาว่ากัน ... บอกตรงๆว่า งง นะครับ ..ลูกใคร ใครก็รัก..