28 ก.ย. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เต๊ะ-ศตวรรษ เศรษฐกร นักร้องนักแสดง ได้โพสต์รูปภาพ พร้อมข้อความ ลงยังเฟซบุ๊กส่วนตัวทีใช้ชื่อว่า "Suttawat Settakorn"
ภาพดังกล่าว เป็นภาพจากแฟนเพจ "ตัน ภาสกรนที" ที่ได้โพสต์ไว้เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยเชิญชวนให้ผู้คนในโลกออนไลน์มากดไลค์ และแชร์ภาพดังกล่าว ซึ่งหากเกิดล้านคน จะนำเงินสด 123 ล้านบาท ไปซื้อรถเบนซ์ เพื่อมาแจกผู้โชคดี ในแคมเปญ อิชิตัน รหัสรวยเปรี้ยง ภาค 4 แจกเบนซ์ทุกวัน 50 คัน 50 วัน ซึ่งแคมเปญดังกล่าวได้หมดเขตลงไปแล้ว http://www.naewna.com/local/181201
ตันมันก็พูดได้นี่ครับ ตันเป็นใบ้เหรอครับ จะหยุดหรือไม่อันนี้แล้วแต่ครับ แต่เล่นออกสื่อซะขนาดนั้นถึงกับแก้ตัวไม่ทันเชียว ผมเกลียดตันตั้งแต่มันล่อให้คนเป็นเบาหวานด้วยการชิงโชคตั้งนานแล้วครับ ป่ะ ไปตอบกระทู้ผม
ในอดีตกาลนานมาแล้ว(ถ้าใครเกิดทัน ตอนนี้คงเป็นหนุ่มน้อย-สาวน้อยแล้วละครับ) มีผงซักฟอกยี่ห้อหนึ่งแจกมอไชค์หรือรถยนต์ ผมจำไม่ได้แล้ว วิธีการคือแบ่งเป็นส่วนๆใส่ใว้ในถุงบรรจุผงซักฟอกเช่นล้อ ตัวถัง พวงมาลัย ใครสะสมได้ครบทุกส่วน รับรางวัลไปเลย จำได้ว่าแถวบ้านผมซื้อผงซักฟอก แล้วฉีกซองเพื่อดูชิ้นส่วนข้างใน แต่ฉีกกี่ซองๆ ก็ไม่ครบสักที ต้องขาดอยู่หนึ่งส่วน บางบ้านเลยมีผงซักฟอกเยอะจัด จนต้องใส่โอ่งเอาไว้(ใช้ไม่ทัน) คิดถึงเรื่องนี้ทีไรอดขำไม่ได้ซักที.....เฮ้อ.....โดนหลอกกันทั่วประเทศ "แต่ก่อนๆคนเรายังโง่ ปัจจุบันก็ยังโง่เหมือนเดิม"
ลูกชายของลูกน้องผม ก็ชอบซื้อ เขาบอกผมว่า เสียเงิน 15 บาท ได้ลุันเงินล้าน ดีกว่าซื้อหวยรัฐ เพราะราคาแพงกว่า แถมกินก็ไม่ได้ เออ......มรึงฉลาด
รู้ได้อย่างไรครับ ว่าตัน จะพูดอะไร?????? คำพูดส่อเสียด เป็นวจีทุจริต พูดสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ก็เป็นคำพูดที่เพ้อเจ้อ พูดถึงบุคคลอื่นในทางที่ไม่มีประโยชน์ ก็เป็นตัวอย่างที่พอเห็นได้ในชีวิตประจำวัน
ภาพนี้น่าจะรีทัชนะครับ ธนบัตรดูใหญ่เกินไปเมื่อเทียบกับคนครับ ลองสังเกตดูอีกที่ตรงขอบปึกธนบัตรช่วงที่ทับซ้อนกับกระเป๋า มันคมเกินไปครับ เรียกว่าเป็นการแหกตาหรือโฆษณาชวนเชื่อรูปแบบหนึ่ง ส่วนเรื่องพฤติกรรมเอาเงินมาล่อแบบนี้ มันเป็นพฤติกรรมดูถูกคนอยู่ในตัวอยู่แล้วครับ ดังตัวอย่าง "ทำยังไงก็ได้ให้ได้เงิน" ยิ่งคิดแบบนี้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ก็ลดลงครับ ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้หรอกครับ แต่เงินก็ซื้อมันไม่ได้เหมือนกัน ศักดิ์ศรีสำคัญกับเราหรือไม่ เราต้องเลือกเอง ต้องทำเอง และต้องสร้างเองครับ ขอบคุณครับ
ถ้าหากประชาธิปไตยกินได้ ศักดิ์ศรี ก็ย่อมกินได้เหมือนกัน เพราะศักดิ์ศรีมนุษย์เท่าเทียมกัน ภายใต้ระบอบ ประชาธิปไตย
ถ้าเราสังเกตุดูประวัติ คนที่สร้างคุณประโยชน์ให้ชาวโลก หรือประเทศตัวเอง จนเป็นที่ยอมรับและยกย่อง มักรวยเกียรติ มากกว่าร่ำรวยทรัพย์สินเงินทอง
ของผมนี่อคติล้วนๆครับ ปกติผมไม่ค่อยอยากรู้เรื่องชาวบ้าน และไม่รู้รายละเอียดความดีหรือไม่ดีของนายตันและนายโนส แต่ทุกครั้งที่ผมเห็นหน้าพ่อสองคนนี่ในทีวี ผมจะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีโดยไม่มีเหตุผล พาลนึกต่อไปอีกว่าสินค้าที่เอาพรีเซนเตอร์หน้าตาแปลกๆเพี้ยนๆมาโฆษณาจะขายได้อย่างไรกัน อันนี้ผมคิดผิด เพราะดูนายตันกับนายโนสเป็นที่ชื่นชอบของคนไทยจำนวนไม่น้อยและสินค้าที่นายสองคนนี้เกี่ยวข้องอยู่ก็ขายได้ดีทีเดียว ถ้าการที่คนไทยชื่นชอบนายตันนายโนสเป็นสิ่งที่ถูก ผมจะยอมอยู่กับอคติและจะไม่ชอบขี้หน้านายตันนายโนสต่อไป
ผมไม่ชอบตันมานานแล้ว เพราะเอาเรื่องชิงโชคมาหลอกล่อให้คนซื้อน้ำหวาน ผมไม่อยากเรียกชาเขียว เพราะเคยลองแล้ว มันมีแต่กลิ่น รสชาติหายหมด ไม่เหลือแล้ว เหลือแต่น้ำหวานที่ทำให้คนไทยเป็นเบาหวานมากขึ้น
ผมกำลังนั่งแว้นอยู่ในเพจโพสต์ทูเดย์ ที่นำข่าวจากหัวกระทู้นี้มาเล่น ได้ความเห็นแบบนี้มาครับ (ขอไม่เปิดเผยชื่อผู้โพสต์ และขอปรับแก้คำหยาบคายแรงๆ และภาษาสะดวก นะครับ) คอมเมนท์นี้ยอดไลค์สูงมาก.... แล้วก็มีความเห็นสุดฮิต ใครบังคับให้ซื้อ เพื่อนของเพื่อนผมก็มีคอมเมนท์ในเฟซบุ๊คส่วนตัวของเขาอยู่ บอกว่า คนที่ซื้อเป็นบ้าเป็นหลังเพื่ออยากได้รางวัล เคยมานั่งคิดไหมว่า ถ้าไม่มีแจกแบบนี้ คุณจะยังซื้อกินอีกหรือเปล่า ? แล้วถ้าเจ้าของบริษัทไม่จัดรายการชิงโชค จะขายของได้มากเท่านี้ไหม ?
อึ้ง!คนไทยป่วย'เบาหวาน'3.5 ล้านคน สธ.เผยคนไทยป่วยเบาหวาน 3.5 ล้านคน ส่วนใหญ่คุมระดับน้ำตาลไม่ได้ อีก 1.2 ล้านคนไม่รู้ตัวว่าป่วย ค่ารักษาพุ่งสูงถึง 47,596 ล้านบาทต่อปี http://www.komchadluek.net/detail/20131030/171670.html "อิชิตัน" ใน "มุมมองของคุณ" เป็นอย่างไร http://pantip.com/topic/31522778
ตะลึง! คนไทยเสียชีวิตเพราะโรคเบาหวานวันละ 22 คน ในส่วนของประเทศไทยผลการสำรวจสุขภาพของคนไทยที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปทั่วประเทศครั้งล่าสุดเมื่อปี พ.ศ. 2552 พบคนไทยป่วยเป็นโรคเบาหวาน 3.5 ล้านคน และเสียชีวิตจากโรคเบาหวานเฉลี่ยปีละเกือบ8,000 คน และในปี พ.ศ. 2554 มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคเบาหวาน 21 คนต่อวัน แนวโน้มพบในเด็กมากขึ้น เนื่องจากในขณะนี้เด็กเผชิญความอ้วนกินหวานมากขึ้น หากไม่มีการควบคุมโรคที่ดีพอ คาดว่าในอีก 8 ปีข้างหน้าจะพบคนไทยเป็นผู้ป่วยเบาหวานถึง 4.7 ล้านคน เป็นตัวเลขที่น่าตกตลึงมาก http://www.phw999.com/home/index.php/2014-11-03-04-17-49/15-22
อาจารย์ที่โรงเรียนเคยพูดไว้นานแล้ว พูดหน้าแถวตอนเช้าด้วย บอกว่า อยากกินชา ซื้อผงชา ใบชามาต้มน้ำชงกินเองก็ได้ ที่ใส่ขวดขายตามท้องตลาดน่ะ น้ำตาลทั้งนั้น แกเป็นอาจารย์ที่ดูแลงานอนามัยโรงเรียน เลยต้องพูดเตือนซะหน่อย อาจารย์ก็คิดแบบของแก จะกินชามันต้องได้กลิ่นชา รสชาจริงๆ
อยากรู้จัง"นานแล้ว"ของคุณอู๋ กี่ปีแล้วครับ เพราะถ้ายังต้องฟังอ.พูดหน้าแถวเนี๊ยะ อย่างมากก็มัธยมปลาย อิ.....อิ......หรือว่าคุณอู๋ อายุยังไม่ถึง 18 ปี
ผมว่า เราคุยเรื่องอย่างนี้กันมาหลายกระทู้แล้วนะ ที่เพิ่งผ่านไปเร็วๆนี้ ก็ 7-11 ชาติหน้า ถ้าได้เกิดเป็นคนแล้วมาเจอกันใหม่ เราก็คงได้คุย เรื่องทำนองนี้กันอีกแน่ ผมภาวนาว่า ชาติหน้า อย่าได้เจอ อิชิตันอีกเลย ชาตินี้ชาติเดียว ก็เบื่อพอแล้ว
หนึ่งในทรรศนะคติต่อระบบ"ทุนนิยมเสรี" -------------------------------------------------------------- คุณเคยไปกินบุฟเฟ่ต์ไหม? ผมเคยไปกินหลายครั้ง และทุกครั้งก็กลับออกมาด้วยความรู้สึกเดียวกันคือ "คำถามที่ว่าไปกินทำไม" ทั้งๆ ที่ท้องอิ่มจนจะแตกตายด้วยความตะกละ ในทางการเมือง บุฟเฟ่ต์คือระบอบประชาธิปไตย แบบทุนนิยมเสรีโดยแท้จริง เพราะมันเอื้อให้เราทานอาหารแบบมือใครยาว (ท้องใครกว้าง) ก็สาวได้สาวเอา(ลงพุง) ว่าไปแล้ว การกินบุฟเฟ่ต์ มันก็เหมือนระบอบประชาธิปไตย คือ “กินเพื่อกู กินของกู และกินโดยกู” อย่างอื่นกูไม่สนใจ! พูดให้หยาบอีกนิด คือ ตะกละได้อย่างอารยะธรรม http://www.isranews.org/isranews-article/item/41667-open_41667.html
29 ก.ย. 58 ในโลกออนไลน์ขณะนี้ได้มีการแชร์ข้อความจากพยาบาลสาวรายหนึ่ง จากโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ที่ได้โพสต์ข้อความลงยังเฟซบุ๊กส่วนตัว "Thippawan Thongsai" เรียกร้องไปยัง "ตัน ภาสกรนที" เจ้าของเครื่องดื่มชาเขียวชื่อดัง "#กราบเรียน...คุณตัน อิชิตัน ตามที่ท่านได้แจกรถยุโรปหลายคันแล้ว ถ้าท่านเปลี่ยนมาเป็นรถพยาบาล. #เครื่องตัดถ่าง #รถดับเพลิง #รถส่องแสงสว่างบ้างก็ดีนะคะเพราะจะได้ใช้ในการช่วยชีวิตคนได้อีกเป็นร้อยเป็นพันคน #ส่วนรถยุโรบขับคนเดียว รวยคนเดียว สบายแค่ครอบครัวเดียว...#แจกให้กู้ภัยที่ไหนก็ได้ได้ทุกหน่วย..#เพราะทุกที่มีเป้าหมายเดียวกันคือช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์#ขอบคุณค่ะ" http://www.naewna.com/local/181315 ตัวอย่างคอมเม้นท์ต่อโพสต์นี้ ************************************************************************** 29 ก.ย. 58 จากกรณีโลกออนไลน์แชร์ข้อความของนางพยาบาลสาวรายหนึ่งจากโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ที่โพสต์เฟซบุ๊กชื่อ "Thippawan Thongsai" ล่าสุด นพ.อิราวัต อารีกิจ หรือ หมออั้ม อดีตนักร้องค่ายอาร์เอส และเจ้าของร้านพราว คลินิกเวชกรรม โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "อั้ม อิราวัต อารีกิจ" แสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าวโดยระบุว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าวนั้น เป็นสิ่งที่ต้องขับเคลื่อนระดับภาครัฐไม่ใช่ระดับองค์กรเอกชน แล้วคุณตันเองก็เคยร่วมพัฒนาสังคมเมื่อช่วงน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา นอกจากนี้ หมออั้ม ยังระบุอีกว่า การแสดงความคิดเห็นของพยาบาลสาวเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ย้อนแย้งกับบทบาทหน้าที่ที่เธอควรมอบให้กับสังคม และการที่เธอเคยออกมาคาดธงชาติ เป่านกหวีด ก็เป็นการทำร้ายหัวใจคนส่วนใหญ่ของประเทศ http://www.naewna.com/local/181371 ตัวอย่างคอมเม้นท์ต่อโพสต์นี้
เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สธ. เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนไทยรับประทานน้ำตาลสูงเฉลี่ยปีละ 30 กิโลกรัมต่อคนหรือมากกว่าวันละ 20 ช้อนชา สูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกแนะนำถึง 3 เท่า ทำให้เกิด โรคอ้วน โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง รวมถึงโรคหัวใจ .... อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/social/health/390981
หมออั้มนี่กะจะโพสต์ตอบโต้ แต่ทำหางโผล่ขึ้นมาซะงั้น กระทิงแดงยังบริจาคเงินซื้อรถพยาบาลให้มูลนิธิกู้ภัยในราชบุรีเลย
มช. สั่งลื้อลูกโป่งอิชิตัน งานรับพระราชทานปริญญาบัตร หากินกับความละโมบ กับกระแสของข่าว สร้างอะไรก็ได้ให้เป็นข่าว เสร็จแล้วเอาไปให้ไอ้หน้าตี๋เล่าข่าวจังไรตอนเช้า ปิดท้ายด้วยเอามาสัมภาษณ์ ตอนเย็นรายการเรื่องจังไรเย็นนี้ โฆษณาทั้งวันแบบเนียน ๆ
ผมเคยเห็นอิชิตัน แล้วต่อมาได้ดื่มชาเขียวแท้ที่คนญี่ปุ่นชงให้ ถ้าชงอ่อนก็เขียวใส ถ้าใส่เยอะหน่อยก็เขียวเข้มไม่มาก ผมนี้ตกใจเลย แล้วทำไหมของอิชิตันมันสีน้ำตาลแกมดำฟะ
เอสโคล่าก็จัดโปรโมชั่นรหัสใต้ฝาชิงรถเบนซ์กะเขาด้วยแล้วตอนนี้ แต่ผมไม่ได้สนใจชิงโชคอะไรหรอก น้ำพวกนี้กินแก้กระหายได้ แต่กินแทนน้ำเปล่าไม่ได้อยู่ดี
มองในแง่ธุรกิจ กรณีเป๊ปซี่กะเอสโคล่า ผมเห็นใจเอสโคล่า และสมน้ำหน้าที่เป๊ปซี่หาเรื่องเอง จากศึกน้ำดำ เป๊ปซี่มีคู่แข่งแค่รายเดียว ตอนนี้เลยเจอคู่แข่งเพิ่ม
จริงๆ การชิงโชค ผมก็ไม่ได้ว่านะครับ เพราะมันเป็นการประกาศให้คนมาสนใจหรือลองใช้สินค้า แต่ถ้าจัดบ่อยแถมโฆษณาแบบบ้าคลั่งแบบตัน นี้ก็ไม่ไหว แถมสินค้าก็ไร้ค่า เจ้าของก็ไร้คุณธรรม
http://www.naewna.com/politic/columnist/20861 กวนน้ำให้ใส สารส้ม นักบุญ หรือนักค้าลาภลอย ยิ่งแจก ตัวเองยิ่งรวย พ่อค้าชาเขียวบางยี่ห้อ อาศัยกลวิธีชิงโชค ลุ้นรางวัล มอมเมาผู้บริโภคอย่างหนัก จัดกิจกรรมแจกรถหรู แจกทอง แจกไอโฟนเป็นรายวัน ไม่มีทีท่าว่าจะเพลามือลงเลย มีแต่จะหนักข้อขึ้น ถึงขนาดเล่นเอาเงินสดมากองพะเนินเทินทึก แล้วถ่ายภาพเผยแพร่ ล่อตา ล่อใจคน ยิ่งแจก คนแจกกลับยิ่งรวย แถมยังมีขบวนการสร้างภาพว่าเป็นคนใจบุญ เป็นนักบุญ ผู้มีจิตใจเอื้อเฟื้อเจือจานแก่คนไทยผู้ด้อยโอกาส (แต่จะต้องซื้อชาเขียวที่อุดมด้วยน้ำตาล เพื่อให้ได้ลุ้นโอกาสนั้น) 1. ดูรูปการแล้ว ลักษณะแทบไม่ต่างจากการออกหวย แต่เป็นหวยเถื่อน เพราะไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายการพนัน คนส่วนน้อยที่จะได้รางวัล คนส่วนมากเสียเงินซื้อชาเขียว ใช้กลวิธีล่อผู้คนให้ติดกับ ด้วยราคาที่ถูกกว่าลอตเตอรี่ แถมได้ชาเขียวไปกิน และได้ลุ้นรางวัลใหญ่ 2.ลอตเตอรี่ของรัฐบาลยังมีความโปร่งใสกว่า เพราะผู้เล่นทราบถึงความน่าจะเป็น หรือโอกาสที่จะถูกรางวัลเพราะมีจำนวนเลขหมายชัดเจน กล่าวคือ โอกาสจะถูกรางวัลที่ 1 ก็มี 1 ในล้าน (ตัวเลข 6 หลัก) แต่ชาเขียวที่ว่า ผู้บริโภคไม่ได้รู้ข้อมูลจริงๆ ว่าในแต่ละวัน ขายไปกี่ขวด ถ้ายอดขายมาก ผู้ซื้อก็มีโอกาสที่จะถูกรางวัลน้อยลงไป สวนทางกัน แถมการออกรางวัลก็ไม่มีความโปร่งใสเท่าลอตเตอรี่ 3. น่าสนใจข้อมูลและการวิเคราะห์ของผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ “Somsak Pratomsrimek” ทำการวิเคราะห์ทางการเงินว่าใครได้-ใครเสียอย่างไรจากโปรโมชั่นชาเขียวแจกเบนซ์ คุณ Somsakนำเสนอตารางนี้ประกอบการวิเคราะห์ (หน่วยเป็นล้านบาท) แม้ข้อมูลตัวเลขจะเป็นการประมาณการ ไม่ยืนยันตรงเป๊ะ เพราะข้อมูลบางตัวเป็นตัวเลขทางการค้า ซึ่งคนที่จะรู้แน่ชัดก็มีแต่ตัวผู้ประกอบการนั่นเอง แต่แนวทางการวิเคราะห์ก็น่าสนใจมาก ขออนุญาตเรียบเรียงลำดับเรื่องให้เป็นข้อๆ ดังนี้ (1) ราคาขายที่เซเว่นฯอยู่ที่ขวดละ11-16 บาท สมมุติเฉลี่ยประมาณ 13 บาท โดย7-11 คิดอัตรากำไรขั้นต้น เท่ากับ 21.7% ดังนั้นราคาขายส่งต่อขวด คือ 10.17 บาทครับ ชาเขียวเจ้านี้ มียอดขายไตรมาส 2 เป็นเงิน 2,106 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 256 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นผลโดยตรงจากโปรโมชั่นเบนซ์ที่จัดในไตรมาส 2ที่ผ่านมา ซึ่งถ้าเอายอดขายไตรมาส 2 หารด้วยราคาขายส่งต่อขวดก็หมายความว่า ไตรมาส 2 ชาเขียวเจ้านี้ขายได้เท่ากับ 207 ล้านขวด บริษัทมีกำลังการผลิตปีละ 600 ล้านขวด + 200 ล้านกล่อง การโปรโมชั่นแรงๆ ย่อมสร้างผลดีกับบริษัทเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะทำให้ใช้กำลังการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อดูจากยอดขาย 207 ล้านขวดในไตรมาส 2 แปลว่าบริษัทน่าจะเข้าใกล้กำลังการผลิตสูงสุด ต้นทุนต่อหน่วยจึงต่ำลง (อัตราต้นทุนไตรมาส 2 เหลือ 61% เทียบกับ 64% ในไตรมาส 1) (2)ประเด็นที่เกี่ยวกับผู้บริโภค ที่หลายๆ ท่านอาจสงสัยว่าบริษัทเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าเบนซ์? ถ้าเอา “ยอดขายส่วนเพิ่ม”ของไตรมาส 2 ประมาณ 250 ล้านบาท หักกับต้นทุนขาย 117 ล้านบาท ก็ยังเหลือตั้ง 133 ล้านบาท ที่สามารถเอาไปใช้จ่ายทางการตลาด โดยบริษัทนำไปจ่ายค่าใช้จ่ายในการขาย 115 ล้านบาท ซึ่งก็น่าจะเป็นค่าเบนซ์ จึงพอสรุปได้ว่าบริษัทเอาเงินยอดขายชาเขียวที่เพิ่มขึ้นมาซื้อเบนซ์จับฉลาก ไม่ได้ชักเนื้อตัวเองครับ… แต่ได้ผลประโยชน์ที่สามารถรักษายอดขาย และรักษากำไรจำนวน 316 ล้านบาท ไว้ไม่ให้ลดลงครับ ถ้ามองในมุมผู้ถือหุ้น เมื่อเห็นการโปรโมชั่นแรงๆ ไม่ได้สร้างผลกำไรให้มากขึ้นจะมีประเด็นให้เราคิดต่อไปไหม? ประเด็นสำคัญน่าจะอยู่ที่ว่า ธุรกิจของบริษัทยั่งยืนหรือไม่? ถ้าไม่มีโปรโมชั่นแรงๆ แล้วยอดขายของบริษัทจะเป็นอย่างไร? (3)ถ้ามองในมุมคนกินชาเขียว ถ้าเราจ่ายซื้อ 1 ขวด 13 บาท แล้วใครจะได้อะไรไปเท่าไร? คำตอบคือ ทาง 7-11 ได้กำไร 3 บาท คนกินได้กินน้ำหวานต้นทุน 5 บาท เป็นค่าการตลาด (สมทบทุนซื้อเบนซ์ ค่าโฆษณา ค่า SMS ฯลฯ) 4 บาท เจ้าของชาเขียวเหมือนจะใจดีนะครับ แต่ก็เอาเงินของคนกินชาเขียวไปซื้อรถมาจับฉลากให้คนกินชาเขียว คนที่ได้เนื้อๆ ก็คงเป็นร้านค้าปลีก กับเจ้าของชาเขียวที่ได้กำไรไปเต็มๆ ส่วนคนกินก็ได้กินน้ำตาล ผสมกลิ่น ผสมเบาหวาน ที่มีต้นทุนผันแปรขวดละ 5 บาทครับ โดยจ่ายเงินไป 13 บาทครับ (4)ถ้าหวังเสี่ยงโชคแล้วคุ้มหรือไม่? อัตราการเสี่ยงโชคอยู่ที่เท่าไร? ยอดขายของไตรมาส 2 มูลค่า 2,106ล้านบาท คิดเป็นจำนวนขวดที่ขายได้ 207 ล้านขวด โดยมีจำนวนรางวัล 50 รางวัล ดังนั้น อัตราการถูกรางวัลคือ 1 รางวัล : 4.14 ล้านขวดครับ!!!!… ถ้าซื้อทุกวัน วันละ 10 ขวดไปจนตายโอกาสถูกรางวัลก็ยังไม่ถึง ร้อยละ 1 ครับ ถ้าหวังเสี่ยงโชคขอเรียนว่าเอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า ซื้อหวยรัฐก็ได้ตอนนี้ลดมาเหลือใบละ 80 บาทเท่านั้น (แต่ถ้าให้ดีเอาไปลงทุนทางอื่นดีกว่าการพนันไม่ได้ให้ประโยชน์แก่ใครเลยนอกจากเจ้ามือครับ) สรุป การวิเคราะห์ข้างต้นจะบอกว่า การที่เราจ่ายเงินไป 13 บาทเราจะได้อะไร ถ้ากระหายน้ำ นานๆ กินทีก็ OK นะครับ แต่ถ้ากินเพื่อหวังเสี่ยงโชคก็น่าจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีพอ และถ้าไม่ระวังก็อาจได้โรคภัยไข้เจ็บมาเป็นของแถมด้วยครับผม ปล. นี่เป็นการวิเคราะห์จากข้อมูลที่เผยแพร่สาธารณะล้วนๆ ไม่มีโอกาสรู้ตัวเลขภายใน ผลวิเคราะห์อาจคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริงได้ หากอ่านแล้วรู้สึกขัดแย้งก็ต้องขออภัยนะครับ... 4.บทวิเคราะห์ของคุณ “SomsakPratomsrimek”ข้างต้น ช่างฉลาดคิด รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของพ่อค้าชาเขียวแท้ๆ เชียว ในขณะที่คนจำนวนไม่น้อย ยังถูกมอมเมา หลงสรรเสริญเยินยอ เห็นพ่อค้าที่ใช้กลอุบายเยี่ยงนี้เป็นเสมือน “นักบุญ” คนใจดี หรือเป็นไอดอลในสังคมบางกลุ่มอยู่ ถ้าสังคมไทยยอมรับ หรือเชื่อว่าการทำแบบนี้ ไม่ได้มีผลเสียอะไรจริงๆ มีแต่ผลดี หากมีคนยุให้รัฐบาลปัจจุบันเล่นไม้นี้บ้าง จะเป็นอย่างไร แจกเงินล้านกันทุกวัน แลกกับการให้ประชาชนลงทุนทำอะไร หรือซื้ออะไรสักอย่างหนึ่ง แล้วตั้งชื่อว่าเป็นกิจกรรมสร้างโอกาสให้คนไทย 60 ล้านคน 60 ล้านเศรษฐี (ยกตัวอย่าง) ถ้าแจกทุกวัน ใช้เงินทุนจริงๆ แค่ไม่ถึง 400 ล้านบาท แต่ได้ทำให้คนมอมเมา หลงใหลได้ปลื้ม แต่เชื่อว่า ที่รัฐบาลชุดนี้ยังไม่ทำ และนักธุรกิจคนอื่นๆ ที่เขาไม่ทำอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ยากเห็นคนไทยรวย หรือไม่มีความฉลาดปราดเปรื่อง แต่น่าจะเป็นเพราะเขาพอจะมีจิตสำนึกและความละอายแก่ใจตนเองมากกว่า สารส้ม