ขณะประชุมที่UNเรื่องคุณภาพชีวิตคนพิการ ท่านปลัดกระทรวงเชิญคุณเจนจิราลุกขึ้นพูด ด้วยคำว่า "Please, stand up" (คุณเจนจิราเป็นคนแคระ) แล้วคณะผู้แทนไทยก็หัวเราะ วันต่อมาคณะของไทยโดนตำหนิกลางที่ประชุมUN ถ้าเป็นประเทศที่เจริญแล้ว ปลัดกระทรวงต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกครับ
ถ้าตั้งใจให้เป็นการล้อเลียนต่อหน้าผู้ร่วมประชุมก็ถือเป็นการแสดงออกที่ไม่เหมาะสมอย่างมากในงานระดับนี้ครับ อีกด้านหนึ่งทางเจนจิราเองก็ออกมาชี้แจงแล้วครับ http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9590000034226 “สวัสดีค่ะ หนูชื่อเจนจีรา บุญสมบัติ ชื่อเล่น กาวา ค่ะ หนูทำงานอยู่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทำงานมาที่นี่ประมาณสี่ปีกว่า และเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการรายงานอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิพิการ ซึ่งเป็นงานที่มีความสำคัญมากต่อประเทศไทยเรา ในการทำงานครั้งนี้เราต้องทำงานกันเป็นทีมงานร่วมกันกับผู้แทนที่เกี่ยวข้อง และทางผู้ใหญ่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยเฉพาะท่านปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ท่านได้มองเห็นความสำคัญในประเด็นเรื่องคนพิการ และการทำรายงานครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่การเตรียมการและการเดินทางเข้าร่วมการรายงานต่อคณะกรรมการอนุสัญญาอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ ทุกท่านในคณะทำงานได้ร่วมกันทำงานกันอย่างหนักตลอดทั้งกระบวนการจนทำให้การทำงานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี อย่างไรก็ตาม หนูได้รับข่าวสารที่กระจายอย่างรวดเร็วเรื่องการล้อเลียนคนพิการในที่ประชุม หนูจะขอเรียนให้ทราบว่า ข่าวนี้ได้บิดเบือนความจริงที่สุด และทำให้ผู้ใหญ่ที่หนูเคารพที่สุดเหมือนคุณพ่อของหนูอีกท่าน ที่คอยดูแล และเอาใจใส่เราตลอดเวลาที่เดินทางด้วยกัน ได้รับความเสื่อมเสียเป็นอย่างมาก และไม่สบายใจเลยกับการกระทำของตัวท่านเอง เพราะท่านเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ ท่านมีความตั้งใจที่จะให้โอกาสข้าราชการเด็กรุ่นใหม่อย่างเรา ดังนั้นท่านจึงมีความตั้งใจที่จะแสดงศักยภาพของเราให้ผู้อื่นได้เห็นว่าเราประสบความสำเร็จแค่ไหนถึงแม้ว่าเราตัวเล็ก และทุกคนท่านในคณะผู้แทนได้มีการยิ้มรับเพราะว่าทุกคนเห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านพูด เนื่องจากหนูเป็นเด็กที่สุดและมีบุคลิกขี้เล่นในคณะผู้แทน ทุกท่านจึงให้ความรัก ความเอ็นดู และให้ความสนิทเป็นพิเศษค่ะ ขออย่าให้ในสิ่งที่เห็นเป็นเครื่องตัดสินใจและทำลายความตั้งใจของท่านผู้ใหญ่ที่พร้อมให้โอกาสเด็กรุ่นใหม่อย่างหนู ในโอกาสนี้ หนูขอขอบคุณท่านปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะผู้แทนไทยทุกท่านที่ได้ร่วมกันทำงานจนลุล่วงไปได้ด้วยดีค่ะ ทั้งนี้ หนูขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความเป็นห่วงในเรื่องนี้ และขอยืนยันว่า หนูไม่ได้ถูกทำให้เป็นตัวตลกเหมือนอย่างที่มีการปล่อยข่าวแต่อย่างใดค่ะ” ทางปลัด เช่นเดียวกับ นายสมชาย เจริญอำนวยสุข อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ได้ชี้แจงสั้นๆ ผ่านแอปพลิเคชันไลน์เช่นกันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องความเข้าใจที่แตกต่างกัน เราตั้งใจจะยกย่องให้ความสำคัญ แต่การเข้าใจของคนอื่น กลับการเข้าใจว่าเป็นการดูถูก แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ล้ำค่าที่เราจะได้ระมัดระวังมากขึ้น และทำความเข้าใจกับผู้คนทั่วไปเรื่องการแสดงออกต่อคนพิการ
ผมก็ไม่ทราบว่าอะไรร้ายกว่ากันระหว่าง เอาสังขารร่างการคนอื่นมาทำเป็นเรื่องตลก กับ พออยู่ในสังคนดังว่ามากๆผู้พิการต้องปรับใจให้รับกับเรื่องเหล่านั้นได้ แต่บางท่านก็ไม่พอใจครับ
คงไม่ได้เป็นการล้อเล่นอะไรหรอก เพราะการแนะนำตัวนี่ มันต้องมีการเตี้ยมกันมาก่อนแล้วว่าจะมีการแนะนำตัว แต่ปัญหามันน่าจะอยู่ตรงที่ตัวแกเล็ก เมื่อยืนขึ้นตามคำแนะนำมันก็อาจทำให้คนอื่นคิดได้ว่า จะไปบอกให้เขายืนเพื่ออะไร ก็รู้อยู่แล้วว่าตัวเขาเล็ก ถ้าจะมองว่าเป็นความผิดพลาด ก็มองได้ แต่คงไม่ถึงอย่างที่นางดีกาน่า พูดหรอกเพราะแกพูดเหมือนมีอคติ พูดไปถึงเรื่องการดูหมิ่นดูแคลนคนพิการไปโน่น นางนี่ก็พูดเวอร์เกิน ไอ้คนแปลมาก็ดูเหมือนไม่ค่อยชอบ เพราะ แปลคำว่า Please stand up ว่า ยืนสิครับ มันก็บ่งบอกได้ว่าพยายามให้น้ำหนักไปในทางออกคำสั่งให้ยืน ผมมองว่า การแนะนำตัวแล้วยืนนี่ ฝรั่งมันไม่ค่อยนิยม เพราะฝรั่งเวลาแนะนำตัว อย่างมากคนถูกแนะนำตัวก็นั่งยิ้ม พะยักหน้า หรือโบกมือให้ แต่ของเรามันต้องมีการยืนขึ้น โค้งให้คนดู หรือไหว้รอบทิศ (เหมือนนักการเมือง) เอาแค่ยืนมันก็อาจดูแปลกในสายตาฝรั่งแล้ว ยิ่งเป็นคนที่ตัวเล็กยืน มันก็อาจกลายเป็นความอึดอัดไปเลย ก็เลยถูกมองว่าไปแค่นให้เขายืนนั่นแหละ
ดูรายการตลกๆ ต้องหาคนรูปร่างหน้าตาประหลาดๆมาล้อเล่น แล้วชาวบ้านหัวเราะ ชาวบ้านก็เลยต้องล้อกันเล่นเพราะคิดว่าเป็นเรื่องตลก คิดถึงใจคนโดนล้อบ้าง เขาหัวเราะด้วยหรือใจร้องไห้
ผมเชื่อว่าท่านปลัดกระทรวงไม่มีเจตนา ในประเทศไทยเราก็ไม่ค่อยถือสา แต่เวลาออกเวทีโลกต้องระวังตัว เราไปเวทีเขาก็ต้องยอมรับว่าเขาอ่อนไหวกว่าเราในเรื่องนี้ และต้องไม่กระทำหรือพูดอะไรที่ไปละเมิดความรู้สึกอ่อนไหวนั้น ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีเจตนาใดๆเลยก็ตาม ที่บริษัทผมมีฝรั่งหลายคน มีชื่อซ้ำกันสองคน สมมติว่าชื่อโจ คนไทยโดยเฉพาะพนักงานระดับล่างก็เรียกตามลักษณะของคนว่าโจอ้วนกับโจสิว ฝรั่งสองคนนั้นพอรู้เข้าก็โกรธมาก มิไยที่ผมพยายามอธิบายว่าคนไทยไม่ได้มีเจตนาละเมิดล่วงเกินอะไรเขาเลยแม้แต่น้อย เวลาอธิบายไอ้ผมก็ดันหัวเราะอีก พ่อฝรั่งสองคนนั่นเลยพาลโกรธผมไปด้วย
เอาคลิปที่ตัดต่อมาลงให้ชมครับ หลุดมาคำว่า please standup แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมาก แต่คนที่จ้องคงเห็นว่าเป็นประเด็น ดูจากหน้าตาก็ไม่ได้มีอะไรมาก น่าจะแสดงถึงความ จริงใจในการนำเสนอด้วยซ้ำ แต่ผู้ที่ขยายความเล่นซะมึน
โปรดยืนขึ้นมันไม่น่ามีอะไร ถ้ายืนไม่ได้ ไม่มีขาก็ว่าไปอย่าง ไอ้คนขำนั่นแหละผิด จะขำทำห่านอะไร เป็นเรื่องของการใช้ภาษาและธรรมเนียมปฏิบัติ ที่อาจไม่เป๊ะ
อ.วิริยะ ซึ่งไปด้วยได้ให้ความเห็นไว้ว่าเป็นความเข้าใจผิดกัน เมื่อเรื่องดังกล่าวแพร่สะพัดไปไม่นานนัก ศ.วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ เลขาธิการสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นคณะผู้แทนไทยในนามคนพิการที่ไปประชุมที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ด้วยเช่นกัน ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Wiriya Namsiripongpun” พร้อมขอโทษ ปลัด พม.ที่ทำให้ถูกเข้าใจผิด “กาวา (เจนจีรา) ได้รับทุนไปเรียนต่อที่อเมริกา และกลับมาทำงานที่ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวง พม. ได้รับการชื่นชมจากท่านอธิบดี และท่านปลัดกระทรวง พม. หน้าตาก็สวย มีน้ำใจ พาผมเดิน ผมต้องขอโทษท่านปลัด ที่พยายามให้ กาวา ได้มีโอกาสแสดงความสามารถในการตอบคำถามในที่ประชุม กรรมการ CRPD และเพื่อให้ กรรมการ ทราบว่า กาวา แม้จะเป็นคนตัวเล็ก แต่ก็มีความสามารถ กลับทำให้คนอื่น เข้าใจผิดว่าท่าน ทำให้กาวา เป็นตัวตลก ไม่เหมาะสม ผมต้องขอโทษท่านปลัดอีกครั้งหนึ่ง ที่พยายามให้เกียรติคนพิการ แต่ก็ถูกเข้าใจผิด และถูกตำหนิ การที่ผมเอารูปกาวา มาออกครั้งนี้ คงไม่เข้าใจผิดว่า ผมเอา กาวา มาเป็นตัวตลก นะครับ ผมเพียงต้องการบอกว่า แม้กาวาตัวเล็ก ก็มีน้ำใจ ช่วยพาคนตาบอดเดิน ขอให้ คนอื่น ได้ดูเป็นเยี่ยงอย่างด้วยนะครับ พบคนตาบอดที่ไหน ช่วยนำทางด้วยนะครับ ขอบคุณกาวา มากๆ นะครับ (ช่วยกันแชร์ด้วยนะครับ)” เหยื่อโดนล้อไม่ถือสา! ยันซี้ปลัด พม. ท่านหยอกเพราะเอ็นดู! ลองมาฟังอีกมุมจาก เจนจีรา บุญสมบัติ หรือ กาวา ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจากประเด็นถูกล้อเลียนดังกล่าว เธอได้โพสต์ข้อความและรูปภาพลงเฟซบุ๊กส่วนตัว Jenjeera Boonsombat ชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวว่า เป็นการบิดเบือนความจริงอย่างที่สุด ยืนยันสนิทกันมาก เคารพปลัด พม.เสมือนพ่อ “สวัสดีค่ะ หนูชื่อเจนจีรา บุญสมบัติ ชื่อเล่น กาวา ค่ะ หนูทำงานอยู่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทำงานมาที่นี่ประมาณสี่ปีกว่า และเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการรายงานอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิพิการ ซึ่งเป็นงานที่มีความสำคัญมากต่อประเทศไทยเรา ในการทำงานครั้งนี้เราต้องทำงานกันเป็นทีมงานร่วมกันกับผู้แทนที่เกี่ยวข้อง และทางผู้ใหญ่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยเฉพาะท่านปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ท่านได้มองเห็นความสำคัญในประเด็นเรื่องคนพิการ และการทำรายงานครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่การเตรียมการและการเดินทางเข้าร่วมการรายงานต่อคณะกรรมการอนุสัญญาอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ ทุกท่านในคณะทำงานได้ร่วมกันทำงานกันอย่างหนักตลอดทั้งกระบวนการจนทำให้การทำงานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี อย่างไรก็ตาม หนูได้รับข่าวสารที่กระจายอย่างรวดเร็วเรื่องการล้อเลียนคนพิการในที่ประชุม หนูจะขอเรียนให้ทราบว่า ข่าวนี้ได้บิดเบือนความจริงที่สุด และทำให้ผู้ใหญ่ที่หนูเคารพที่สุดเหมือนคุณพ่อของหนูอีกท่าน ที่คอยดูแล และเอาใจใส่เราตลอดเวลาที่เดินทางด้วยกัน ได้รับความเสื่อมเสียเป็นอย่างมาก และไม่สบายใจเลยกับการกระทำของตัวท่านเอง เพราะท่านเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ ท่านมีความตั้งใจที่จะให้โอกาสข้าราชการเด็กรุ่นใหม่อย่างเรา ดังนั้นท่านจึงมีความตั้งใจที่จะแสดงศักยภาพของเราให้ผู้อื่นได้เห็นว่าเราประสบความสำเร็จแค่ไหนถึงแม้ว่าเราตัวเล็ก และทุกคนท่านในคณะผู้แทนได้มีการยิ้มรับเพราะว่าทุกคนเห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านพูด เนื่องจากหนูเป็นเด็กที่สุดและมีบุคลิกขี้เล่นในคณะผู้แทน ทุกท่านจึงให้ความรัก ความเอ็นดู และให้ความสนิทเป็นพิเศษค่ะ ขออย่าให้ในสิ่งที่เห็นเป็นเครื่องตัดสินใจและทำลายความตั้งใจของท่านผู้ใหญ่ที่พร้อมให้โอกาสเด็กรุ่นใหม่อย่างหนู ในโอกาสนี้ หนูขอขอบคุณท่านปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะผู้แทนไทยทุกท่านที่ได้ร่วมกันทำงานจนลุล่วงไปได้ด้วยดีค่ะ ทั้งนี้ หนูขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความเป็นห่วงในเรื่องนี้ และขอยืนยันว่า หนูไม่ได้ถูกทำให้เป็นตัวตลกเหมือนอย่างที่มีการปล่อยข่าวแต่อย่างใดค่ะ” เจนจีรา ชี้แจง จำเลยสังคมอ้าง! ไม่ได้ล้อจนน่าเกลียด ล่าสุด นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ทนกระแสสังคมไม่ไหวชี้แจงเหตุผลสั้นๆ ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ว่า ไม่ใช่ความจริง ไม่ได้หยอกล้อผู้พิการจนน่าเกลียดตามที่ถูกกล่าวหา สามารถตอบข้อซักถามของต่างชาติได้ และไทยได้รับคำชื่นชมที่สามารถดูแลสวัสดิภาพผู้พิการได้อย่างดี เช่นเดียวกับ นายสมชาย เจริญอำนวยสุข อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ได้ชี้แจงสั้นๆ ผ่านแอปพลิเคชันไลน์เช่นกันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องความเข้าใจที่แตกต่างกัน เราตั้งใจจะยกย่องให้ความสำคัญ แต่การเข้าใจของคนอื่น กลับการเข้าใจว่าเป็นการดูถูก แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ล้ำค่าที่เราจะได้ระมัดระวังมากขึ้น และทำความเข้าใจกับผู้คนทั่วไปเรื่องการแสดงออกต่อคนพิการ ขอขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก Wiriya Namsiripongpun และ Jenjeera Boonsombat ที่มา http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9590000034226
ถ้ามีใครว่าผมเป็นผู้ชาย ใครจะแซวเรื่องความเป็นชายของผม ผมควรโกรธเขาหรือเปล่าครับ ไม่ควรใช่ไหมครับ เพราะผมเป็นผู้ชายจริงๆนี่ ถ้าคนพิการ แซวไม่ได้ พูดนิดเดียวหาว่าดูถูก แบบนี้เราก็ไม่ได้ปฎิบัติกับผู้พิการอย่างเท่าเทียม เราให้เขาไปอยู่ในฐานะที่สูงกว่าคนธรรมดาใช่หรือไม่ ผู้พิการเขาก็ไม่ได้ต้องการแบบนั้นหรอกครับ เขาแค่ต้องการเป็นคนธรรมดา ที่ใช้ชีวิตได้เหมือนคนธรรมดา และคนที่คิดว่า การแซวเรื่องความพิการนั้น เป็นการดูถูกศักดิ์ศรีีความเป็นมนุษย์ ผมคิดว่าคนพวกนั้น ก็ยังไม่ก้าวพ้นกรอบโลกทัศน์อันคับแคบของตัวเองเลย ยังมองความพิการเป็นความเลวร้าย อ่อนด้อยเสียด้วยซํ้า ฉะนั้นเราต้องสร้างความเท่าเทียม เท่าเทียมที่เท่ากันจริงๆ ปฎิบัติกับคนปกติอย่างไร ก็ปฎิบัติกับคนพิการอย่างนั้น ไม่ใช่ให้สิทธิพิเศษ ถ้าปลัดตอกหน้าฝรั่งไปแบบนี้นะ มีฝรั่งเงิบกันบ้างหล่ะ
ถ้ามองมุมเดียว ก็แบบนั้นหละครับ แต่ถ้ามองอีกด้าน ศักยภาพ ความสามารถ และที่สำคัญ โอกาศ ที่ได้รับ ผมว่าคนปรกติ ยังต้องอาย และ อิจฉา มีหน้าที่การงานรองรับ ราชการช่วยเหลือ มีการงานที่มีเกียรติ ต่างจากคนปรกติ บางคนเก็บของเก่าขาย บางคนทำงานเป็นโสเภณี บางคนปรกติก็ค้ายา บางคนปรกติ โกงบ้านกินเมือง ที่กล่าวมา ไม่ได้ดูถูก แต่เย้ยหยัน ธรรมชาติของมนุษย์
ตาสี ตาสา (ร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง) ทำนาทั้งปี ยังไม่มีรายได้ เท่าคุณเจนจิรา (ซึ่งบกพร่องทางกาย) ทำงาน 1-2 เดือนเลย
ถ้าชวนคนพิการขาที่นั่งรถเข็นอยู่ให้มาเตะบอลด้วยกัน ถือว่าหยาบคายกับคนพิการมั้ย ? ของแบบนี้อยู่ที่เจตนา
สำหรับผมว่าเฉยๆนะ ผมก็เคยสังเกตเวลาร่วมประชุมต่างๆ เวลาหัวหน้าจะแนะนำตัวใครสักคนในที่ประชุมรู้จักแม้เป็นคนปกติ บ่อยครั้งจะบอกให้ยืนขึ้นเพื่อให้คนในที่ประชุมเห็นได้ชัดเจน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ตัวเล็ก) และเมื่อบอกให้ยืนก็มักมีเสียงหัวเราะคิกคักจากเพื่อนร่วมงานระดับเดียวกันเป็นประจำ (โดยเฉพาะถ้ายิ่งสนิทกัน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไม) มันเหมือนเป็นลักษณะปกติของพฤติกรรมคนไทยยังไงไม่รู้
