เห็นด้วยครับ ที่ควรนำเรื่องขึ้นมาเป่าฝุ่นใหม่... หลักฐาน พยาน น่าจะมี และยังอยู่เพียบ... -------------------------------------- -------------------------------------- “วัชระ” จี้ “บิ๊กต๊อก” เอาผิด “ธาริต” สั่งไม่ฟ้องหลายคดี “วัชระ เพชรทอง” อดีต ส.ส.ปชป.ยื่นหนังสือ “บิ๊กต๊อก” รมว.ยุติธรรม ให้รื้อคดีและตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง “ธาริต เพ็งดิษฐ์” อดีตอธิบดีดีเอสไอสั่งไม่ฟ้องเสื้อแดงหลายคดี เมื่อเวลา11.00 น. วันนี้ (14 พ.ค.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าพบ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เพื่อยื่นหนังสือขอให้รื้อคดีและตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงตามประมวลจริยธรรมต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายวัชระกล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ไพบูลย์เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่ายินดีรื้อคดีพิเศษทุกคดี เพื่อการปรับปรุงกระบวนการยุติธรรม ตนเองจึงนำเอกสารมายื่นให้ พล.อ.ไพบูลย์ พิจารณาดำเนินการรื้อคดี 2 เรื่อง เรื่องแรกขอให้ดีเอสไอรื้อคดีพิเศษ 4 คดี ได้แก่ 1. คดีพิเศษที่ 51/2553 นายธาริต ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งเลขาฯ ศอฉ. ได้แถลงข่าวว่า พ.ต.ท.ศุภชัย ผุยคำแก้ว เป็นผู้จ้างวานคดียิงวัดพระแก้ว แต่ภายหลังมีพฤติกรรมสั่งไม่ดำเนินคดี พ.ต.ท.ศุภชัย 2. คดีพิเศษที่ 8/2554 นายธาริตสั่งไม่ฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ข้อหาทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จให้เจ้าพนักงาน กรณีนายจตุพรได้นำเอกสารลับในสำนวนสรุปผลชันสูตร 5 ศพที่ถูกยิงในวัดปทุมวนารามฯ ว่าเป็นฝีมือทหาร มาเผยแพร่ 3. คดีพิเศษ ที่ 242/2553 และ 243/2553 นายธาริตสั่งไม่ฟ้องนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ข้อหายุยงคนเสื้อแดงให้เผาอาคาร และ 4 คดีพิเศษที่ 357/2553 กรณี จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ถูกทหารจับกุมและตรวจค้นรถ พบเสื้อเกราะ และหมวกปราบจราจบอยู่ในรถ แต่นายธาริตดองสำนวนจนขณะนี้ยังไม่สรุปสำนวน ส่วนเรื่องที่ 2 ขอให้เร่งรัดตรวจสอบและดำเนินการกับรีสอร์ตฟีออเร่ปาร์ค ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ของนายธาริต และนางวรรษล เพ็งดิษฐ์ ภรรยา ว่าเป็นการบุกรุกที่ป่าสงวนหรือไม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเข้าพบเพื่อยื่นหนังสือร้องเรียน พล.อ.ไพบูลย์ได้เรียกนางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอมาร่วมรับฟัง ก่อนมอบหมายให้นางสุวณารับเอกสารไปดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000054993 -------------------------------------- -------------------------------------- เห็นชื่อว่าที่ผู้ต้องหาแต่ละรายแล้ว... บ่องตง...น่าทำความจริงให้กระจ่างยิ่งนัก... หรือเพื่อนๆ ว่าไง... ฟื้นขึ้นมาได้ผู้ต้องหา หรือศาลรับฟ้องสักคดีนึง... ไอ้ริตก็น่าจะเตรียมตัว เข้าไปร่วมอยู่ในนั้นด้วยเลยทีเดียว … ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว เห็นๆ...
เอามาแปะไว้ในกระทู้นี้ ว่าน้องชายธาริตโดนศาลพิพากษาแล้ว ..น้ำลดตอผุดขนานใหญ่ ใครที่สมควรโดน แต่ธาริตช่วยเป่าคดี ก็น่าช่วยกันขุดขึ้นมา พี่กับน้องชอบยุ่งเกี่ยวกับที่ดินมีปัญหา ที่แท้น้องชายนายธาริตที่ชื่อ "เสฏฐวุฒิ เพ็งดิษฐ์" มีอาชีพนายหน้าค้าที่ดินนี่เอง http://www.krobkruakao.com/ข่าวอาชญากรรม/125775/ศาลสั่งจำคุก--เสฎฐวุฒิ-เพ็งดิษฐ์--5-ปี.html http://www.thairath.co.th/content/482414 ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 5 ปี นายเสฏฐวุฒิ เพ็งดิษฐ์ ในคดีแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง ขอออกโฉนดที่ดินเขาหนองเชื่อม โดยวันนี้ (14 พ.ค.58) ศาลอาญานัดสอบคำให้การนายเสฏฐวุฒิ เพ็งดิษฐ์ และนายบุญธรรม บุญเทพประทาน หรือ ป๋าชื่น นักธุรกิจค้าที่ดิน จำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยศาลได้บรรยายคำฟ้องระบุว่ากรณีเมื่อปี 2550-2551 ทั้งสองได้ร่วมกันดำเนินการขอออกโฉนดที่ดินบริเวณเขาหนองเชื่อม ตำบลขนงพระ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีสภาพภูมิประเทศเป็นเขาสูงชัน ที่ไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ แต่จำเลยอ้างว่ามีความสนิทสนมกับ พลตำรวจโทพงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ และพลตำรวจตรีโกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รวมทั้งแอบอ้างสถาบัน เพื่อขอออกโฉนดที่ดินจำนวนหลายร้อยไร่ ซึ่งนายเสฏฐวุฒิ (น้องชายนายธาริต) รับสารภาพว่ากระทำผิดจริงตามฟ้อง ศาลจึงได้พิพากษาจำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน ส่วนนายบุญธรรมให้การปฏิเสธขอต่อสู้คดี ศาลจึงได้จำหน่ายคดีออกจากสารบบชั่วคราว เพื่อให้อัยการยื่นฟ้องเข้ามาใหม่ภายใน 7 วันตามกฎหมาย
ต้องทำตามคำสั่ง โดยที่เลือกไม่ได้ จริงหรือ ------------------------------------------------------------ “ธาริต เพ็งดิษฐ์” เคยเปรียบเปรยชะตากรรมชีวิตตัวเองในขณะนี้ว่า เหมือนกำลังมีคนเขียนเรื่องราวชีวิตของตน ให้มีบทสุดท้ายคือการถูกเชือด เพื่อเป็นตัวอย่างไม่ให้ข้าราชการคนอื่นๆ “ทำแบบธาริตมัน” “ข้าราชการพลเรือนมีหน้าที่ปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล หากไม่ปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลจะมีความผิดทางวินัย นี่เป็นกฎหมายของประเทศที่ผมต้องเคารพและปฏิบัติตาม “ช่วงรัฐบาล ปชป. บริหารประเทศ ปชป. เลือกนโยบายการบังคับใช้กฎหมายแบบเด็ดขาด ซึ่งส่วนตัวผมเห็นว่าถูกต้อง เพราะความขัดแย้งขณะนั้น ถ้าไม่เด็ดขาดเกมก็ไม่จบ ก็จะเกิดการรบกันมากมาย ความสูญเสียอาจจะมากกว่าที่เห็นพันเท่า แต่เมื่อ พท. เข้ามาจัดตั้งรัฐบาล แล้ว พท. เลือกนโยบายการปรองดอง ผมก็เห็นด้วยอีกเช่นกันว่านโยบายของรัฐบาลชุดนี้ถูกต้อง ผมในฐานะผู้นำองค์กรก็ต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ในสถานการณ์ที่ต่างกัน “นี่คือความจริงที่ต้องยอมรับ เพราะประเทศนี้วางกติกาว่า ฝ่ายการเมืองเป็นฝ่ายบริหาร ฝ่ายข้าราชการประจำเป็นฝ่ายปฏิบัติ ข้าราชการประจำคือเครื่องมือของฝ่ายการเมือง เมื่อกติกาของบ้านเมืองเราและกฎหมายเป็นเช่นนี้ เราก็ต้องปฏิบัติตามนี้“ http://thaipublica.org/2015/04/tarit-pengdit/
ไอ้สัดริดจัญไร .....ยังตอแหลไม่หมดนะครับ 1. นโยบายรัฐบาล ไม่ใช่กฏหมาย 2. มติ ครม. ถือว่าเป็นกฏหมาย แต่จะต้องไม่ขัดแย้งกับ รธน. พรบ. พรก. พรฎ. ไม่ยังงั้นรัฐบาลต้องออกเป็น พรก. พรฎ. หรือขอแก้ไข พรบ. โดยผ่านที่ประชุมรัฐสภา 3. มูลความผิดทางวินัยก็มี กฏหมายกำกับควบคุมไว้ เช่น ระเบียบข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ ไม่ใช่แถว่าต้องปฏิบัติตามนโยบายรัฐท่าเดียว แถแบบนี้ สงสัยคงต้องให้ผู้ใหญ่ที่บ้านรวมถึงครูบาอาจารย์ที่เคยอบรมสั่งสอนมา เรียกไปเคาะกระหม่อมล้างความจัญไรให้ออกไปจากสมองบ้างล่ะมั๊ง