ตัวเลขราคาและค่าเช่าที่ดินหอชมเมืองมีการเผยแพร่ การนำเสนอ และการตีความผิดๆ ผิดเพี้ยนไปมากมาย ดร.โสภณ มาแจงความจริงให้ทราบ อธิบดีกรมธนารักษ์ (http://bit.ly/2tbsGvI) ให้ตัวเลขว่า 1. ที่ดินแปลงนี้ตามราคาประเมินราชการคือ 178 ล้านบาท 4 ไร่ 2 งาน 34 ตารางวา หรือตกเป็นเงินตารางวาละ 97,056 บาทเท่านั้น 2. ราคาตลาดที่ท่านแถลงคือ 198 ล้านบาท หรือตารางวาละ 107,961 บาท อย่างไรก็ตามราคาที่ดินติดถนนใหญ่และติดแม่น้ำในย่านนี้ควรเป็นเงินตารางวาละ 600,000 บาท ที่ดินแปลงนี้ตาบอดควรเป็นเงิน 360,000 บาท หรืออาจคิดเพียง 300,000 บาท ก็จะเป็นเงินสูงถึง 550.2 ล้านบาทแล้ว แต่หากเป็น 360,000 หรืออาจสูงได้ถึง 400,000 บาท ก็จะเป็นเงินถึง 660.24 ล้านบาท หรือถึง 733.6 ล้านบาทเข้าไปแล้ว นี่แสดงว่าเราคิดราคาต่ำกว่าความเป็นจริงไปเป็นอย่างมาก ปกติในการที่ภาครัฐร่วมทุนกับเอกชน ก็ต้องใช้ราคาตลาด ไม่ใช่ราคาประเมินราชการ หรือไม่ใช่ราคาตลาดที่ต่ำกว่าความเป็นจริงจนขัดสายตาประชาชนแบบนี้ การใช้ราคาประเมินราชการหรือราคาที่อ้างว่าเป็นราคาตลาด แต่แทบไม่ต่างจากราคาประเมินราชการที่เขาใช้เพื่อการเสียภาษีนี้จึงทำให้ประชาชนเจ้าของประเทศเสียหาย และเสียเปรียบเป็นอย่างยิ่ง การอ้างว่างานนี้ทำเพื่อการกุศล เป็นการอ้างที่ฟังไม่ขึ้น เพราะหากมีการหารายได้ ก็จะอ้างเป็นการกุศลไม่ได้ หรือแม้สมาคม มูลนิธิที่หารายได้มาทำการกุศล ส่วนมากกรมสรรพากร ก็ไม่รับจดทะเบียนเป็นองค์กรการกุศลที่ผู้บริจาคสามารถนำเงินบริจาคไปหักลดหย่อนภาษีได้ ถ้าจะเป็นการกุศลจริง ต้องไม่เก็บค่าเข้าดูใด ๆ จึงจะถือเป็นการกุศลที่แท้ ในด้านการให้เช่า อธิบดีกรมธนารักษ์ ให้ตัวเลขว่า ผู้เช่าต้องจ่า 1. 60 ล้านบาท เพื่อย้าย "ตำรวจน้ำ" ที่เคยครอบครองที่ดินแปลงนี้ 2. ค่าเช่าที่ดินปีละ 400,000 บาท โดยปรับขึ้น 15% ทุก 5 ปี ซึ่งก็รวมเป็นเงิน 17,507,477 บาท แต่ถ้าทอนเป็นเงินปัจจุบันสุทธิ ณ อัตราดอกเบี้ยสมมติที่ 5% ก็จะเป็นเงินเพียง 8,135,370 บาทในวันนี้ ดังนั้นเมื่อนำเงิน 8.1 ล้านบาทที่เป็นมูลคาปัจจุบันสุทธิรวมกับเงิน 60 ล้านบาทที่ต้องจ่ายแต่แรกเช่นกัน ก็เท่ากับเอกชนรายนี้จ่ายค่าเช่าเพียง 68.1 ล้านบาท หรืออย่างไร สำหรับการทำโครงการที่มีมูลค่า 4,621 ล้านบาท เสมือนการได้เปล่าหรืออย่างไร ที่มา: http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement2000.htm
เป็นอะไรไปครับ อ้างว่าเป็นนักวิชาการ เป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่ตอบอะไรใครไม่ได้เลย ซื้อปริญญามาหรือครับ หรือว่าที่อ้างมาตลอดแค่หลอกเด็ก หรือเป็นแค่เด็กน้อยที่กลัวความพ่ายแพ้เลยตั้งกฎเองว่าถ้าไม่ตอบก็จะไม่แพ้
เขียนยังไงก็ได้ครับ อย่างไรก็ตามราคาที่ดินติดถนนใหญ่และติดแม่น้ำในย่านนี้ควรเป็นเงินตารางวาละ 600,000 บาท ที่ดินแปลงนี้ตาบอดควรเป็นเงิน 360,000 บาท หรืออาจคิดเพียง 300,000 บาท หลักฐานครับ เขียนเองเออเองนี่ควายเสื้อแดงที่ไหนก็ทำได้
ยังมีคนกล้าจ้าง Dog ตัวนี้เป็นที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์อีกเหรอวะเนี่ย ยกตัวเลขมั่วๆ ขึ้นมา แล้วมโนเป็นตุเป็นตะ ค่าเช่าที่ดินราชพัสดุมันกำหนดไว้ในราชกิจจานุเบกษาอยู่แล้วต่างหาก ที่ดินแบบไหนค่าเช่าเท่าไหร่เค้าก็เขียนอยู่ มโนโง่ๆ แบบนี้มันบ่งบอกถึงระดับสติปัญญาของพวกที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชัดๆ หลักเกณฑ์การกําหนดอัตราค่าเช่า ค่าทดแทน และค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดหาประโยชน์ในที่ราชพัสดุ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/E/061/26.PDF ให้คิดราคาตามที่ Dog ต้องการตารางวาละ 300,000 บาท ทำเลขั้น 3 ค่าเช่า 56 บาท/ตารางวา/เดือน ที่ดินจำนวน 4 ไร่ 2 งาน 34 ตารางวา คิดเป็น 1,834 ตารางวา ค่าเช่าที่ดินรายเดือนเท่ากับ 102,704 บาท ค่าเช่ารายปีเท่ากับ 1,232,448 บาท รวมค่าเช่า 30 ปีเท่ากับ 36,973,440 บาท อันนี้ในกรณีกิจการไม่ค้ากำไร ต่อมาถ้าคิดอัตราเช่าที่เพื่อการพาณิชย์ตามกฏหมายคือ ร้อยละ 1 ของมูลค่าทรัพย์สิน (ตารางวาละ 300,000 บาท X 1,834 ตารางวา) ระยะเวลาเช่า 30 ปี เท่ากับ 165.06 ล้านบาท เอาจริงๆ ถ้าผมเป็นที่ปรึกษาโครงการ ผมคงแนะนำให้มูลนิธิฯ ฟ้องกระทรวงการคลังหรือรัฐบาลลุงตู่ด้วยซ้ำ มีอย่างที่ไหน เขียนให้โครงการหอชมเมืองเป็นโครงการไม่หวังผลกำไร แต่มาเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุแบบเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งจริงๆ มูลนิธิฯ ควรจ่ายค่าเช่าแค่ 36 ล้านบาทด้วยซ้ำ ไม่ใช่ 165 ล้านบาทตามค่าเช่าแบบเพื่อการพาณิชย์
ขอบคุณครับ สำหรับหลักฐานที่ชัดเจน ทำให้ได้ข้อมูลเรื่องหอชมเมืองเพิ่มขึ้นประดับความรู้ครับ และเห็นใจ คุณ Ricebeanoil ครับ ที่ต้องสละเวลาไปสืบค้นมาตีแผ่ให้ทราบกัน แต่อยากจะบอกว่า ความเห็นของ จขกท.ที่ใช้การนั่งมโนนึก แล้วทึกทักนู่นนี่ บรรยายไปเรื่อยๆ ใช้การในความเป็นจริงไม่ได้ แค่ได้มาระบายอะไรๆของเขา เขาก็พอใจแล้วครับ ...สังเกตุดูว่า "ไม่เคย" มาตอบโต้กับผู้ที่เห็นแย้งข้อคิดเห็นเขาเลย พฤติกรรมไม่ให้เกียรติกับผู้ที่เข้ามาอ่านเรื่องของเขา นี่มันควรให้เราเลิกสนใจกับกระทู้ต่างๆ ของคนๆนี้ได้แล้วครับ อย่าเสียเวลาและความคิดกับคนประเภทนี้อีกต่อไป ..เขาจะโพสท์จะพูดอะไร ปล่อยเขาไปเถอะครับ