อาจสิ้นยุค “เสนพงศ์” ที่นครฯ! อัยการฟ้องอาญาต่อจากคดีเลือกตั้งนายก อบจ.กราวรูดไม่เว้น “เทพไท-มาโนช” โดย MGR Online 4 พฤศจิกายน 2559 14:09 น. (แก้ไขล่าสุด 4 พฤศจิกายน 2559 14:25 น.) นครศรีธรรมราช - วิบากกรรมใบแดงคดีเลือกตั้ง “มาโนช เสนพงศ์” ที่ต้องพ้นเก้าอี้นายก อบจ.นครฯ เริ่มส่งผลแล้ว ล่าสุด อัยการสั่งฟ้องในคดีอาญาต่อเนื่องผู้เกี่ยวข้องกราวรูด แถมพ่วง “เทพไท เสนพงศ์” จ่อคิวเตรียมตกเป็นจำเลยตาม วันนี้ (4 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ในคดีทุจริตในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช ล่วงเลยมาแล้วร่วมปี ซึ่งได้ส่งผลให้ นายมาโนช เสนพงศ์ ต้องพ้นจากตำแหน่งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร อบจ.นครศรีธรรมราช ถูกพ่วงไปด้วย อีกทั้งยังมีอันต้องถูกเว้นวรรคทางการเมืองเบื้องต้นเป็นเวลา 1 ปี ตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวในเวลานั้น อย่างไรก็ตาม โทษในคดีดังกล่าวเป็นเพียงเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งในขณะเดียวกัน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังต้องฟ้องเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อผู้ที่ถูกศาลพิพากษาให้มีความผิดทางการเลือกตั้ง และมีอันต้องพ้นจากตำแหน่งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช รวมถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย ซึ่งที่ผ่านมา นายวีระ ยี่แพร ผอ.การเลือกตั้งนครศรีธรรมราช ก็ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ในคดีอาญานี้ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ไว้แล้ว โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มผู้กระทำความผิดตามพฤติการณ์ โดยชุดแรกนั้น พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้สอบสวน และแจ้งข้อกล่าวหาในฐานความผิดร่วมกันจัดทำ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ 4 ผู้ต้องหาคือ นายสรพงศ์ คงสำราญ อายุ 38 ปี นายธีระวัฒน์ คงสำราญ อายุ 55 ปี และนายอาวุธ สุขันทอง อายุ 49 ปี ซึ่งทั้ง 3 ราย เป็นสมาชิกสภาเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เขตเลือกตั้งที่ 4 และรายที่ 4 คือ นายปิยะวัฒน์ เกตุแก้ว อายุ 50 ปี ประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ นครศรีธรรมราช ซึ่งทั้ง 4 คนให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน และพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนส่งต่อให้พนักงานอัยการพิจารณาแล้ว โดยความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา พนักงานอัยการนครศรีธรรมราช ได้สรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา ทั้ง 4 รายจึงตกเป็นจำเลยทันที โดยพนักงานอัยการนครศรีธรรมราช เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสรพงศ์ คงสำราญ กับพวกรวม 4 ราย ตามรายชื่อข้างต้น ต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ตามคดีดำที่ 3542/2559 ลงวันที่ 2 พ.ย.2559 โดยมีใจความสำคัญบรรยายฟ้องตามคำฟ้องในข้อ 2.ความว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ.2557 เวลากลางวัน จำเลยทั้ง 4 เป็นผู้สนับสนุน (หัวคะแนน) ของ นายมาโนช เสนพงศ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง นายก อบจ.นครศรีธรรมราช ได้บังอาจร่วมกันมอบเงินให้แก่คณะกรรมการ และประชาชนในเขตชุมชนการเคหะเอื้ออาทร เทศบาลนครนครศรีธรรมราช เพื่อแจกจ่ายให้แก่ประชาชนโดยทั่วไป ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งอันเป็นการจัดให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินให้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งแก่ นายมาโนช เสนพงศ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง นายก อบจ.นครศรีธรรมราช อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ชั้นสอบสวนจำเลยทั้ง 4 ให้การปฏิเสธ ซึ่งพนักอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นโจทก์ได้ยื่นคำขอท้ายคำฟ้องอาญาความว่า การที่จำเลยได้กระทำตามข้อความที่กล่าวมาในคำฟ้องนั้น ข้าพเจ้าถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย และบทมาตราดังนี้คือ พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสภาส่วนท้องถิ่น และผู้บริหารส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 4, 5, 8, 57, 118 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 โดยขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมาย และขอให้ศาลได้สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยทั้ง 4 มีกำหนด 10 ปี ซึ่งต่อมา มีรายงานว่า จำเลยทั้ง 4 ได้รับความปรานีจากศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว นอกจากนั้น ในคดีทุจริตเลือกตั้ง กรณีเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช โดยพนักงานสอบสวน สภ.เขาพังไกร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ได้คุมตัว นายสุรินทร์ อ๋องเซ่ง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ กกต.นครศรีธรรมราช ได้แจ้งความดำเนินคดีอาญา จากพฤติการณ์ในการแจกเสื้อประชาธิปัตย์สร้างสรรค์ โดยล่าสุดนั้นพนักงานสอบสวนได้นำตัวส่งพนักงานอัยการศาลจังหวัดปากพนังแล้ว โดยมีความเห็นเสนอเห็นควรสั่งฟ้อง ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของอัยการศาลจังหวัดปากพนัง นอกจากนั้น กกต.นครศรีธรรมราช ได้แจ้งความดำเนินคดีต่อ นายเทพไท เสนพงศ์ และนายมาโนช เสนพงศ์ แล้วเช่นเดียวกัน โดยนายเทพไท นั้นได้ถูกดำเนินคดีฐานจัดเลี้ยงเพื่อจูงใจ เหตุเกิดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านถนนเทิดพระเกียรติ ต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ส่วนนายมาโนช เสนพงศ์ ที่ถูกศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิจารณาให้ใบแดง ตามคำร้องของ กกต.ได้ถูกดำเนินคดีอาญาในประเด็นจัดเลี้ยง และแอบอ้างพรรคการเมือง ซึ่งทั้ง 2 รายหลังนี้ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนแล้ว อยู่ในระหว่างสรุปสำนวนเพื่อส่งอัยการพิจารณาคำสั่งฟ้อง หรือไม่ฟ้องต่อไป โดยที่ กกต.นครศรีธรรมราช ผู้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ได้นำเอาสำนวนการพิจารณา และคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 ซึ่งถือเป็นที่สุดแล้ว เป็นหลักฐานประกอบการร้องทุกข์ด้วย ขณะเดียวกัน กกต.นครศรีธรรมราช กำลังเตรียมดำเนินการในขั้นตอนต่อไปคือ การฟ้องบังคับทางแพ่งให้ นายมาโนช เสนพงศ์ ชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ กกต.นครศรีธรรมราช ใช้จ่ายไปในการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2557 วงเงิน 61 ล้านบาท ซึ่งนายมาโนช และพวกจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบตามกฎหมาย http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9590000110411
ถึงตอนนี้จะเชียร์"พรรค"ปชป.(ทั้งที่ไม่เคยชอบมาก่อน) แต่ถ้าคนในพรรคทำอะไรงี่เง่าๆก็ไม่เคยออกมาป้อง (เช่นหม่อมหมู) ไม่ใช่ประเภท นายขี้ออกมายังบอกว่าหอม เหมือนขี้ข้าบางพรรค หมายเหตุ >>เมื่อก่อนสมัยที่ยังเรียนอยู่ ยังไม่เข้าใจบริบทของคนทำงาน ก็เคยหมั่นไส้คุณชวนมาบ้างเหมือนกัน ที่บทบาทการทำงานของแกดูเชื่องช้า ไม่กล้าตัดสินใจ แต่พอเรามีประสบการณ์ทำงานนานๆเข้า ก็เข้าใจแกเต็มๆ เพราะเมื่อเจอกับผู้บริหารบางคนที่"โง่แต่ขยัน" ชอบทำในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ มันฉิบหายยิ่งกว่าพวกเชื่องช้าเสียอีก เพราะอย่างน้อยพวกแรก ยังไม่เอางบมาผลาญทิ้งเล่นๆแบบไร้ค่า เพียงเพื่อโชว์พาวว่ากุเจ๋ง ทั้งที่ทิ้งปัญหาไว้เบื้องหลังมากมาย (เหตุการณ์หลังที่ผมยกมา ไม่เกี่ยวกับพรรคการเมืองไหน แต่เกี่ยวกับงานจริงๆที่ผมเคยเจอมา)
รบ. ปูมาจากการเลือกตั้งก็ยอมรับ ให้โอกาสทำงานไม่ได้มาประท้วงอะไร แล้วก็ทำประเทศชาติฉิบหายออกกฎหมายนิรโทษกรรมถึงออกมาไล่ไง ถ้าทำตัวดี ๆ จะมาไล่ไหมล่ะ
พรรค ปชป. มีลักษณะนิสัยคนไทยอยู่น่ะครับ ครือว้า .. เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตามสถานการณ์ อีกทั้งยังพูดเก่ง.ปากหวาน พวกทหารตั้งกะอ้ายเณร จนถึงนายพัน ..นายพล เค้าชอบอ่ะครับ