ผมเป็นชาวพุทธ แต่ก็ไม่ได้เลื่อมใสศรัทธาแบบงมงาย แต่ก็ไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ยึดแค่หลักว่า"ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" "ละเว้นการกระทำที่ผิดกฏหมายและศีลธรรม" รู้จัก"ทำมะกาย" ตอนเรียนรามคำแหงฯ ช่วงปี ๒๕๒๗ ขณะนั้นก็มีเพื่อนหลายคนชวนไปบวชสามเณร"ภาคฤดูร้อน" ก็ไม่ได้สนใจซักเท่าไหร่ แต่ก็คิดอยู่ในใจว่าวัดนี้มีกิจกรรมแปลกๆไม่น่าเชื่อถือ ทำไมเข้าร่วมกิจกรรมกับวัดนี้แล้วต้องนุ่งขาวห่มขาว ฯลฯ จบมาเริ่มทำงานก็ติดตามข่าวสารบ้านเมืองอย่างสนใจ และก็มีข่าวใหญ่และดังมากช่วงนั้น คือ "ความขัดแย้งระหว่างชาวนา กับเจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี กรณีแย่งที่ดินข้างวัดพระธรรมกาย ถึงขั้นใช้อาวุธมีดไม้เข้าห้ำหั่นกัน, 9 กรกฎาคม 2531" ทำให้คิดได้ว่านี่หรือวัด นี่หรือพระ? ถึงขนาดแย่งชิงที่ดินกับชาวบ้านเพื่อสร้างวัดสร้างบารมี จากนั้นก็เห็นพฤติกรรมแปลกประหลาด ซึ่งมิใช่แนวทางของ"พุทธ" ตามมาอีกมากมาย
ถ่ายรูป โชว์ตัวเมื่อไหร่ถึงจะโกนมั้งครับ ลง"กีวี" ซักหน่อยให้มันดำเข้ม พอกหน้าขาว ทาปากแดง จีวรกลีบเรียบ ช่วยขับลำแสงออร่าให้เปล่งประกาย
จากภาพลักษ์ไฉไลไฮโซกว่าพระสงค์องค์อื่นๆ ธัมมี่ยังเป็นพระที่น่าจะรวยที่สุดในประเทศก็ว่าได้ "คณะทำงานฯ เชื่อว่ารายได้และผลประโยชน์ของพระธัมมชโย รวมแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน ทรัพย์สินส่วนใหญ่จะอยู่ในลักษณะปกปิด ส่วนเงินสดจะปรากฏอยู่ในบัญชีลับๆ ซึ่งทางวัดพระธรรมกายได้มีหนังสือแจ้งไปยังสาขาของธนาคารที่ฝากเงินว่า ห้ามเปิดเผยบัญชีของพระธัมมชโยและบุคคลรอบข้างเด็ดขาด ถ้าเปิดเผยทางวัดฯ จะถอนเงินฝากทั้งหมดซึ่งก็สร้างความหวาดกลัวให้กับธนาคารผู้รับฝากเป็นอย่างมากเพราะเกรงว่ายอดเงินก้อนมหึมาจะโยกย้ายไปฝากธนาคารอื่น ด้วยเหตุผลข้อนี้ คณะทำงานฯ จึงตรวจสอบอีกครั้งจึงพบว่า ปัจจุบันพระธัมมชโยน่าจะมีเงินสดหลายพันล้านบาท ใกล้เคียงกับเงินสดของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" เรื่องย่อหนังสือ "แฟ้มคดีธรรมกาย "
คณะทำงาน : ได้ข่าวว่าการเข้าหาคนร่ำรวยมากๆ เป้าหมายสำคัญๆ จะสืบประวัติก่อนใช่หรือเปล่า? พยาน 1 : ใช่ สมมติว่าคุณเป็นเพื่อนเรา เรารู้ว่าคุณเป็นคนมีเงิน มีฐานะดี แต่ไม่เคยทำบุญ เราก็นำประวัติเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของคุณ แม้แต่โรคประจำตัว ความชอบและไม่ชอบ วันเดือนปีเกิด เวลาตกฟาก เขียนเป็น paper ส่งไปให้ธัมมชโยก่อน ให้ศึกษาก่อน เขาจะให้สีกาอี๊ดนำไปให้หมอดูเพื่อผูกดวงและทำนายทายทัก “เหยื่อ” แล้วธัมมชโยจะนำมาท่องจำไว้ พอเราล็อบบี้ “เหยื่อ” ไปหาเขาแล้ว เขาจะทำท่านั่งสมาธิเหมือนมองเห็นทางในงั้นแหละ ทำนายทายทักได้เกือบหมด แล้วก็บอกว่ามีกรรมบางประการบดบังไว้อยู่ ทำให้มีความทุกข์ถึงแม้จะมีเงิน แล้วพูดหว่านล้อมให้ช่วยกันสร้างศาสนสถานของเขาเหมือนเล่าให้ฟังตอนแรก บางคนครั้งแรกก็ไม่บริจาค ไม่กล้าควัก เราก็หาวิธีการใหม่อีก พาเขามาอีกครั้งหนึ่ง มานั่งสมาธิในห้อง มีพระธัมมชโยนำนั่งสมาธิ พอนั่งเสร็จเราก็จะมีหน้าม้าทำเป็นซาบซึ้งอยากช่วยหลวงพ่อ บางคนน้ำตาไหลซาบซึ้งในเจตนาของหลวงพ่อ ถวายเงินสองสามแสน บางคนถวายเป็นล้าน หน้าม้าบางคนก็ทำทีจะจ่ายเช็ค แต่ไม่ได้นำเช็คมาด้วย ทำเป็นขอยืมเช็คเพื่อนเขียนถวายหลวงพ่อก่อน แล้วจะเอาเงินเข้าให้ แต่จริงๆ หน้าม้าไม่ได้เอาเข้าหรอกนะ คนที่เป็นเหยื่อ เห็นคนถวายก็รู้สึกว่าจะน้อยหน้า ต้องถวายกะเขาไปด้วย แม้แต่คนป่วยที่ร่ำรวย ธัมมชโยจะบอกให้ไปสืบประวัติก่อนว่าเป็นโรคอะไร นอนอยู่โรงพยาบาลไหน เราก็ไปสืบทำรายงานให้ธัมมชโยอ่านก่อน เสร็จแล้วธัมมชโยเข้าไปเยี่ยมถึงโรงพยาบาลเลย ไปบอกว่าเขาป่วยแบบนี้เพราะทำกรรมชนิดนั้นไว้ พูดจนเขาเชื่อว่าบาปกรรมไถ่ถอนได้ด้วยการทำทานบารมี มีอยู่รายหนึ่งก่อนตายบริจาค 30 ล้าน ทุกวันนี้เรายังได้ข่าวว่ามีการส่งพระไปตามโรงพยาบาลเอกชนสำคัญๆ เพื่อไปสืบหาคนป่วยที่ใกล้ตายแต่ร่ำรวย เขาจะทำพิธีพาขึ้นสวรรค์ให้ด้วยการทำบุญหลักล้านขึ้นไป" จาก "แฟ้มคดีธรรมกาย" เล่มที่ 1
อีกหนึ่งกำลังหลักของธรรมกายที่จะขาดไม่ได้เด็ดขาดก็คือพนักงานวาดการ์ตูนที่มีอาชีพรับจ้างสร้าง Propaganda หรือภาพโฆษณาเกินจริงตามสื่อของธรรมกาย เช่นซีรี่ย์ที่ใช้ชื่อว่าอนุบาลฝันในฝัน แหม แค่ชื่อยังพยามยามทำให้คนฟังมึนขนาดนี้ ไอ้ที่น่าคิดก็คือที่ผ่านมามีพระนั่งสมาธิมากมายมาเป็นร้อยปีพันปีแต่ไม่เห็นมีพระรูปไหนเห็นนิมิตรสวรรค์แบบนี้เลยซักรูปเดียว ทำไมพระวัดธรรมกายถึงเห็นเป็นที่แรกได้ฟระ แถมยังกล้าเอามาทำหนังแอนิเมชั่้นเป็นจริงเป็นจังให้ญาติโยมได้ีัรับชมกัน? แม้ทางวัดจะบอกว่าภาพการ์ตูนเหล่านี้ช่วยให้ผู้มาปฎิบัติธรรมเห็นภาพได้กระจ่างขึ้น แต่ส่วนตัวรู้สึกว่ามันคือการมอมเมาให้งมงายซะมากกว่า รวมถึงเครื่องประดับชาวสวรรค์ที่บอกว่านี่คือ Accessories ของนางฟ้าเทวดาที่คุณจะได้รับเมื่อทำุบุญกับธรรมกาย และนี่คือสาเหตุที่ทำไมสาวกธรรมกายจึงอยากได้อยากมีเครื่องประดับเหล่่่านี้ไปใส่โชว์กันบนสวรรค์ "หลวงพ่อท่านว่า ทิพยสมบัติ เป็น ผลของบุญเพียงส่วนหนึ่ง....หลวงพ่อเปรียบเปรยไว้ว่า กำลังบุญข้างบนนั้น วัดกันได้ก็ด้วยทิพยสมบัติเหล่านี้ ทีนี้ใครมีสมบัติน้อย บริวาร น้อย ก็จะรู้สึกอ๊าย อาย...เวลาราชรถสวนทางกันที่ถนน ใครบุญน้อยก็ต้องหลบหลีก ถอยกันออกไป เวลาฟังธรรมก็ได้นั่งอยู่ปลายๆแถว...ไกลลิบๆ หลวงพ่อบอกว่า ตอนนี้เราอาจจะรู้สึกว่า ไม่เห็นเป็นไร แต่พอภพมันเปลี่ยน มันจะอ๊าย อายไปเอง หลวงพ่อย้ำแล้วย้ำอีก ว่าเขาอายกันจริงๆนะ" คอมเม้นท์ จาก follower ธรรมโกย
ยศช้างขุนนางพระ ยศช้างขุนนางพระ เป็นสำนวน หมายความถึง เกียรติยศชื่อเสียงซึ่งผู้รับมิได้รู้สึกว่าเป็นประโยชน์แก่ตน. ในประเทศไทยช้างเป็นสัตว์ที่ได้รับการดูแลและยกย่องมากกว่าสัตว์อื่น ๆ เพราะเป็นสัตว์สำคัญที่เคยใช้เป็นพาหนะในการทำศึกสงครามในสมัยโบราณ จึงได้รับการยกย่องแต่งตั้งให้มีบรรดาศักดิ์ เป็น พระ พระยา เช่น เจ้าพระยาไชยานุภาพ พระเศวตอดุลยเดชพาหน. ส่วนพระภิกษุ แม้จะถือว่าเป็นผู้สืบทอดศาสนา เป็นผู้ปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นจากกิเลสแต่ก็มักทำคุณให้แก่ประเทศ จึงมีการถวายบรรดาศักดิ์แด่พระภิกษุราวกับเป็นขุนนาง. แต่ยศของช้างก็ไม่ได้ทำให้ช้างเปลี่ยนไปอย่างไร หรือพระภิกษุผู้มั่นอยู่ในพระธรรมของพระพุทธเจ้า แม้จะยกย่องอย่างไรก็มิได้หวั่นไหว ยังคงยึดมั่นในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดอยู่นั่นเอง. ยศช้างขุนนางพระ จึงถือว่าเป็นยศที่ไม่ได้ทำให้ผู้รับมีอำนาจเหมือนยศของทหารหรือของขุนนาง. ผู้เขียน ศ. ดร.กาญจนา นาคสกุล ราชบัณฑิต สำนักศิลปกรรม ราชบัณฑิตยสถาน
เพราะไม่ค่อยได้สนใจ หรือตามข่าวพวกอลัชชี ไม่นึกเลยว่าเขาไปไกลกันขนาดนี้แล้ว....เฮ้อ......พูดไม่ออกเลย
ผมเคยบอกแล้วว่า วัดนี้มันจะทำหนังสือมาถึงทุกวัดให้ส่งพระไปชุมนุมจานบินของมัน จะได้รางวัลเงินสด5พัน+พัดขนนกเอี้ยง1ด้าม+ย่ามสารพัดนึก1ถุง มันสกปรกมานานแล้ว
หลวงพ่อธรรมไชโยท่านบำเพ็ญเพียรรักษาศีลจนมีออร่าแสดงว่าเข้าใกล่อรหันต์แล้วจึงมีผิวพรรณผ่องใส มันแปลกตรงไหน
มส. ไม่รู้เลยเหรอว่า กรรมกาย นั้นโกงบุญมอมเมาพุธสิกชน รึ มส. มีผลประโยชน์ด้วย หรือ??? เท่ากับผิดธรรมวินัยด้วยกัน
Ton Unruan Ton - นายไชยบูลย์ สุทธิผล ผมเห็นด้วยกับทัศนะของ อ. ปรีชา เกี่ยวกับความปาราชิกที่มีเเต่เดิม จึงเห็นว่า การอวดอุตริในภายหลัง ก็เป็นเเค่การอวดอ้างของคนธรรมดาไปเเล้ว ทั้ง กรณีอ้างปัดระเบิด เดินทางไปถวายข้าวพระพุทธเจ้า หรือเเม้เเต่กรณีเจอสตีฟ จอบส์ ดังนั้น ต่อไปผมจะเรียกตาลุงคนนี้ว่า "นายไชยบูลย์"