ท่านเป็นอดีตนายทหาร กินภาษีประชาชน เป็นหนี้บุญคุญประชาชน แต่เวลาท่านปล้นอำนาจประชาชน ก็ผิด1 ไม่คืนอำนาจให้ประชาชนก็ผิด1 อยู่ในอำนาจต่อไปแบบกำหนดเอาเอง ไม่มีขื่อมีแป โดยไม่ถามประชาชนก็ไม่เห็นหัวประชาชน1 ทั้งๆที่ตลอดชีวิตท่านอยู่ได้ด้วยประชาชน ประชาชนเหมือน มารดาท่าน เลี้ยงดูท่าน แต่ท่านจะทำอะไรไม่เห็นหัวมารดา อย่างนี้เรียกอะไร ....... แล้วที่ท่านจะอยู่ต่อ ท่านบอกประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับท่าน แต่ท่านไม่กล้าถามประชาชน หรือท่าน เป็นคน โกหกตอแหล เป็นคนที่อ้างเป็นคนดี แต่ชอบโกหกหลอกตัวเองว่าเป็นคนดี ด้วยคำพูดตอแหล ไปวันๆ
มันแน่นอก (•_•) <) )╯ / \ ต้องยกออก ( •_•) \( (> / \ ให้แบกเอาไว้นานไปเดี๋ยวใจถลอก (•_•) (•_•) (•_•) <) ) <) ) <) )╯ / \ / \ / \ ไม่มีอก (•_•) <) )> / \ ไม่แน่นหลอก (•_•) ~) (~ / \ ไม่ใส่เสื้อในเดินไปก็ดูไม่ออก (•~•) >) (< / \ (haha) ขอบคุณ คนที่ส่งมาให้ในเฟสบุ๊ค ไม่รู้ที่มาแต่ขอขอบคุณ
เพราะสลิ่มหยุมหยิมมั้งครับ กิน"ก๊วยเตี๋ยว" ไม่เส้นโพสต์ลงเฟสบุ๊ค "สลิ่ม" ตาดีดันเห็น"เส้น"ในช้อนอีก ทำให้ทีมงานต้องเสียเวลาเปลี่ยนรูป สื่อทาสต้องแก้ข่าวพัลวัน
ต้องการพบจิตแพทย์ไหมครับ อย่าลืมชวนเลอคูไปพร้อมกันนะครับ อาการพอๆกัน ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ การเตรียมตัวก่อนตัดสินใจไปพบจิตแพทย์ อ.พ.ญ.กมลเนตร วรรณเสวก ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ Faculty of Medicine Siriraj Hospital คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เมื่อไหร่จึงควรไปพบจิตแพทย์ โดยทั่วไปคงไม่มีใครอยากไปพบจิตแพทย์ถ้าไม่จำเป็นด้วยภาพลักษณ์ในอดีตของการไปพบจิตแพทย์ถูกผูกกับคำว่าป่วยทางจิต ส่วนใหญ่จึงพยายามหลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุด แต่เมื่อถึงเวลาจำเป็นแล้วก็ควรต้องไป เพราะถ้าไม่ไปก็เหมือนเวลาเราไม่สบายแล้วไม่ยอมรักษาโรคก็อาจลุกลามหรือหายช้าหายยากกว่าที่ควรจะเป็น และปัจจุบัน การไปพบยอมรับกันมากขึ้นแล้วว่า ผู้ที่ไปพบจิตแพทย์ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนโรคจิตเท่านั้น แต่อาจไปเพื่อขอคำปรึกษาในการดำเนินชีวิตก็เป็นได้ ฉะนั้นเแล้วเมื่อไหร่จึงจะเป็นเวลาที่ควรไปล่ะ ตอบง่ายๆก็คือเมื่อตัวเราเองรู้สึกแย่จนมีผลกับการใช้ชีวิตประจำวันเป็นเวลานานเกินทน เช่นกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ไม่อยากเรียนไม่อยากทำงาน ไม่อยากมีชีวิตอยู่ วิตกกังวลมากเกินเหตุจนมีผลต่อการตัดสินใจหรือการกระทำหลายๆอย่าง หรือ เมื่อเราสังเกตว่าคนใกล้ตัวเรามีความคิดอารมณ์หรือพฤติกรรมที่ผิดปกติไปจากเดิม หรือผิดไปจากคนอื่นในสังคมอย่างเห็นได้ชัด เช่น พูดคนเดียว มีความเชื่อบางอย่างที่ไม่สมเหตุสมผล หงุดหงิดเกรี้ยวกราดง่ายผิดปกติ จนส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตของเขาเองหรือคนรอบข้าง หรือใช้สารเสพติดที่ผิดกฎหมาย หรือถูกกฎหมายแต่ใช้มากเกินควร หรือบางคนที่มีปัญหาการเรียน การปรับตัวกับความเครียด การทำงาน การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ก็สามารถตัดสินใจไปพบจิตแพทย์ได้ จะไปพบจิตแพทย์ได้อย่างไร ก่อนอื่นต้องหาก่อนว่าจิตแพทย์อยู่ที่ไหนบ้าง เนื่องจากจิตแพทย์ยังคงเป็นแพทย์สาขาขาดแคลน จึงไม่ได้หาพบง่ายนักตามคลินิกทั่วไปหรือโรงพยาบาลประจำอำเภอหรือโรงพยาบาลประจำตำบล โดยทั่วไปท่านต้องสอบถามตามสถานพยาบาลดังต่อไปนี้ว่ามีจิตแพทย์ประจำอยู่หรือไม่ในวันที่ท่านจะไปพบ - โรงพยาบาลทั่วไปหรือโรงพยาบาลศูนย์ประจำจังหวัด - โรงพยาบาลในสังกัดกรมสุขภาพจิตทุกโรงพยาบาล ซึ่งมีอยู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เช่น โรงพยาบาลศรีธัญญา สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ โรงพยาบาล โรงพยาบาลจิตเวชสระแก้วราชนครินทร์ เป็นต้น - โรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์กรุงเทพมหานคร เช่น โรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลวชิรพยาบาล - โรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เช่น โรงพยาบาลราชวิถี สถาบันประสาทวิทยา เป็นต้น - โรงพยาบาลในสังกัดโรงเรียนแพทย์ เช่น โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลศรีนครินทร์(ม.ขอนแก่น) โรงพยาบาลสงขลานครินทร์(มอ.) โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เป็นต้น - โรงพยาบาลอำเภอบางโรงพยาบาลเท่านั้นที่จะมีจิตแพทย์ประจำ(หายากมาก) - โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง ต้องโทรศัพท์สอบถามหรือตรวจสอบทางอินเตอร์เน็ท - โรงพยาบาลมนารมย์ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางด้านจิตเวชแห่งเดียวในประเทศไทยในปัจจุบัน - โรงพยาบาลในสังกัดอื่นๆ เช่น โรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมการแพทย์ทหารเรือ เป็นต้น - คลินิกส่วนตัวของจิตแพทย์ แนะนำว่าควรเป็นโรงพยาบาลที่ท่านสามารถไปได้สะดวก เพราะท่านอาจต้องไปพบแพทย์มากกว่า 1 ครั้ง และหากท่านไม่สามารถไปรับบริการยังสถานพยาบาลที่มีจิตแพทย์ได้ ท่านก็สามารถไปปรึกษาในเบื้องต้นกับแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปใกล้บ้านท่านหรือแพทย์ประจำตัวของท่านก่อนได้ และหากจำเป็นต้องพบผู้เชี่ยวชาญ แพทย์จะพิจารณาส่งท่านพบจิตแพทย์เอง ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนไปพบจิตแพทย์ 1. เตรียมใจ หลายๆคนเกรงว่าการไปพบจิตแพทย์จะทำให้ภาพลักษณ์ตนเองดูไม่ดี กลัวที่ทำงานรู้ กลัวพบคนรู้จัก ท่านก็คงต้องชั่งน้ำหนักความทุกข์ที่เกิดอยู่แล้วและจะเป็นต่อไปหากไม่ได้รับการดูแลเยียวยารักษาที่เหมาะสม และสิ่งที่ท่านคิดว่าอาจเกิดขึ้นหากไปพบจิตแพทย์ แต่ปัจจุบันภาพลักษณ์ของการมาพบจิตแพทย์ค่อยๆเปลี่ยนไปในแนวทางที่ดีขึ้นตามประเทศตะวันตกซึ่งการไปพบจิตแพทย์เป็นเรื่องปกติ และทุกสถานพยาบาลจะต้องมีนโยบายรักษาความลับของผู้ไปขอรับการปรึกษาเสมอ จะไม่เปิดเผยข้อมูลของท่านหากท่านไม่ยินยอม 2. เตรียมตัว แต่งตัวสุภาพตามปกติ บางท่านอาจนำผ้าพันคอหรือเสื้อหนาวติดไปหากแอร์เย็น หรือนำพัดเล็กๆไปเผื่ออากาศร้อน 3. เตรียมของ - เอกสารสำคัญ เช่นข้อมูลประวัติการรักษาที่เดิมถ้ามี บัตรประชาชน บัตรแสดงสิทธิ์การรักษากรณีท่านต้องการใช้สิทธิ์เบิกจ่ายของประกันสังคมหรือบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือใบส่งตัวจากโรงพยาบาลต้นสังกัด มิเช่นนั้นท่านจะต้องชำระค่ารักษาเอง เพราะโรงพยาบาลรัฐที่มีจิตแพทย์มักเป็นโรงพยาบาลในระดับทุติยภูมิหรือตติยภูมิ ซึ่งตามหลักจะให้บริการเฉพาะผู้ป่วยที่ได้รับการส่งต่อมาจากสถานพยาบาลในระดับปฐมภูมิ หากท่านไปรับบริการด้วยเองโดยไม่ผ่านต้นสังกัดมักต้องชำระค่าบริการด้วยตนเอง ยกเว้นกรณีฉุกเฉินหรือท่านที่ใช้สิทธิ์ข้าราชการอาจไปเบิกในภายหลังได้ - เตรียมยา ที่ท่านรับประทานประจำทั้งยาทางกายหรือยาทางจิตเวชเดิม เพราะกายและใจมีความเกี่ยวข้องกัน แพทย์จะได้มีข้อมูลในการวางแผนช่วยเหลือท่านได้อย่างรอบด้านและต่อเนื่อง - น้ำดื่ม ขนมนมเนย หนังสือ โทรศัพท์ เพื่อสันทนาการและแก้หิวกระหายระหว่างรอ เพราะอาจมีผู้รอรับบริการเช่นเดียวกับท่านเป็นจำนวนมากเมื่อเทียบกับจำนวนจิตแพทย์ที่ให้การดูแล 4. เตรียมญาติ หรือเพื่อน คนรู้จัก คนใกล้ชิดที่ท่านไว้ใจ ไปเป็นเพื่อนท่านหากท่านต้องการ และจะมีประโยชน์กับจิตแพทย์ผู้รักษาท่านมากหากสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวท่าน ที่ท่านอาจไม่เคยสังเกตมาก่อน เพื่อให้แพทย์มีข้อมูลใช้ดูแลท่านอย่างครบถ้วน และจะได้ช่วยรับฟังคำแนะนำจากแพทย์ว่าท่านควรปฏิบัติตัวอย่างไร และคนใกล้ชิดจะมีส่วนช่วยดูแลท่านอย่างไร 5. เตรียมพาหนะ สำรวจเส้นทางก่อนไป กรณีไกลมากๆหรือข้ามจังหวัดจะได้ไปทันเพราะส่วนใหญ่มักเปิดรับบัตรเฉพาะช่วงเช้า(แล้วแต่โรงพยาบาล) เพื่อให้สามารถตรวจผู้ป่วยได้หมดทันในเวลาราชการ แต่ถ้าฉุกเฉินอาจอนุโลมให้พบได้เมื่อไปถึง กรณีผู้ที่เราอยากพาไปพบจิตแพทย์แต่เขาไม่ต้องการให้เราพาไปพบจะทำอย่างไร อาจเป็นได้จากหลายปัจจัยทั้งที่รู้ว่าตนผิดปกติแต่ไม่กล้าไปด้วยเหตุผลต่างๆ หรือมีความเข้าใจที่ผิดๆกับการไปพบจิตแพทย์ หรืออาจเป็นเพราะเขาไม่รู้ตัวว่าตนเองผิดปกติจึงไม่เห็นความจำเป็นว่าทำไมต้องไป มีคำแนะนำที่พอใช้ได้ดังนี้ 1. คุยกันด้วยเหตุด้วยผล โดยคนที่เขาไว้ใจ ไม่ตำหนิ แต่พยายามเข้าใจเขาแล้วค่อยโน้มน้าว ชักจูง ให้เขายอมไปด้วยความเต็มใจ เช่นบางรายอาจมีปัญหาการนอน หรือหงุดหงิดเครียดง่าย ซึ่งเขาเองต้องการหายจากอาการดังกล่าวอยู่แล้ว ก็ใช้เหตุผลว่าเพื่อให้หายจากอาการดังกล่าว ซึ่งน่าจะยอมรับได้ง่ายกว่าการบอกว่าเขาป่วย หรือผิดปกติ แต่บางรายอาจต้องใช้วิธีติดสินบนหรือจ้างให้เขาไปพบแพทย์ก่อนในครั้งแรก 2. หลอกว่าไปเที่ยวแล้วเลี้ยวเข้าโรงพยาบาล ก็ใช้ได้ผล แต่มักได้แค่ครั้งเดียว 3. ชักชวนว่าเป็นการไปตรวจสุขภาพ แต่สุดท้ายเขาก็จะต้องรู้ว่าแพทย์ที่เขาคุยด้วยเป็นจิตแพทย์ แล้วค่อยให้จิตแพทย์เกลี้ยกล่อม 4. บังคับควบคุมตัวมาโดยญาติหลายๆคน หรือตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ประจำรถของหน่วยบรรเทาสาธารณภัย(บางจังหวัด) กรณีเขาทำพฤติกรรมที่เสี่ยงอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่น 5. มาปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อขอยานอนหลับ แล้วไปผสมน้ำหรืออาหารให้เขารับประทานแล้วค่อยแอบอุ้มขึ้นรถมา ซึ่งวิธีที่ 4 และ 5 ควรใช้เฉพาะเมื่อไม่สามารถใช้วิธี 1-3 ได้แล้ว มิเช่นนั้นท่านอาจเสียสัมพันธภาพกันได้ แต่หากกระทำด้วยเจตนาดีและพิจารณาถึงความจำเป็น ว่าหากไม่ได้พบจิตแพทย์แล้วจะเกิดผลเสียมากกว่าก็ควรกระทำ http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=941
*** 1 พย. แดงเฉพาะขี้ข้าไม่กี่ตัว ทั้งๆที่นายใหญ่ที่อุตส่าห์ใส่แดงนำร่องเอง ขายขี้หน้าสุดๆ ***คดีจำนำข้าว ครอบครัวนายมีโอกาสถูกยึดทรัพย์ชดใช้แผ่นดิน นายโมโหสุดๆ แค่สองข้อนี้ก็ทำให้เหล่าขี้ข้า ต้องรีบเร่งทำงานแล้วละครับ
เผด็จการๆๆๆๆ สงสารแดงประชาธิปไตยจอมปลอม กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ชวนคนออกมาก็มาเท่า...มด น้อยกว่านักข่าวทุกนัด หันไปดูชาวบ้าน ชาวบ้านก็นิยมลุงตู่ซะงั้น บ่นๆๆๆๆๆๆๆ #พลังเงียบชิบหายเลย
ท่านไม่ก็เคยปฏิเสธนะว่า รัฐประหารมา การที่ท่านกำหนดเวลา 2560 ว่าจะเลือกตั้งนั่นแปลว่า ท่านคิดจะคืนอำนาจให้ ประชาชนอย่าอ้างบุญคุณทหารเลยครับ เพราะทหารก็จ่ายภาษี เงินที่รัฐบาลเอามาใช้จ่ายให้คุณ เอามารับจำนำข้าว เอามาสร้างเขื่อนห่วยๆ เอามาแจกรถคันแรก ก็ภาษีประชาชน ดังนั้น อย่าอ้างบุญคุณเรื่องภาษีประชาชน เพราะคุณจ่ายภาษีคุณก็ได้เองด้วยเหมือนกัน ประชาชนไม่ใช่มารดา แต่เป็นลูกบ้าน ทหารคือกำแพงป้องกันภัย ปกป้องพวกคุณ เวลาเกิดเหตุภัยพิบัติ ทหารก็ออกมาช่วยเหลือประชาชน ท่านไม่ใช่นักการเมือง ท่านจึงไม่สนใจคะแนนเสียง รู้ไว้ซะด้วย ผมว่าคุณเลิกโกหกตอแหลไปวันๆเหอะ ไปเคลียร์รูปตอแหลคุณก่อนดีกว่า อย่าดีแต่แปะแล้วชิ่ง
เพราะเขาคือพลังเงียบไงคับ แต่ถ้าเศรษฐกิจทรุด บ้านเมืองไม่ปลอดภัย หรือ ทหารลุแก่อำนาจของตัวเองเมื่อไร อย่าว่าแต่เป่านกหวีดเลย ดีดนิ้วทีเดียวคนก็ยืนเต็มทุกถนนแล้วคับ
อ่อ แสดงว่าตอนนี้ไม่มีเหตุว่างั้น เศรษฐกิจไม่ได้ทรุดอย่างที่คิด บ้านเมืองปลอดภัยกว่า ทหารไม่ได้ลุแก่อำนาจ พลังเงียบเลยไม่ออกมา
ก็อย่าป่วนดิ ถ้าไม่ป่วน ดีไม่ดี เลือกตั้งก่อน ก.ค. 60 นะเออออออ ไม่อยากเลือกตั้งเร็ว ๆ หรือไงงงงงงง ไหน "ประชาธิปไตย" บอกให้ "แกล้งตาย" ไงงงงงงงงง