"รัฐที่ตั้งเป้าหมายบังคับให้ปชช.ทุกคนต้องคิดและปฏิบัติเหมือนกัน คือรัฐที่ฝืนธรรมชาติและทำลายศักภาพของมนุษย์ และรัฐไทยเดินอยู่บนเส้นทางนั้น" 1 เม.ย. 2559 สำนักข่าวปฏิรูปที่ดินภาคอีสานลงพื้นที่ติดตามกรณี เจ้าหน้าที่ทหารเข้าตัดฟันต้นยางของชาวบ้าน ที่บ้านจัดระเบียบ ต.หลุบเลา อ.ภูพาน จ.สกลนคร ทราบข้อมูลว่าเมื่อวานนี้ (31 มี.ค.59) เจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าไปติดตามตัวนางสาวจันทร โพธิ์จันทร์ สมาชิกเครือข่ายไทบ้านผู้ไร้สิทธิสกลนครที่บ้านใน ต.ค้อเขียว อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร คาดว่าจากสาเหตุที่ได้เข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านจัดระเบียบในกรณีปัญหาเรื่องที่ดิน ผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าไปสอบถามนายสอน โพธิ์จันทร์ อายุ 82 ปี เจ้าของบ้านซึ่งเป็นพ่อนางสาวจันทร ทราบข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ทหารแต่งชุดลายพราง พร้อมกับผู้ใหญ่บ้านค้อเขียว รวม 3 คน เข้ามาเพื่อถามหาและขอพบตัวลูกสาว ซึ่งตนเองก็บอกว่าลูกสาวไม่อยู่ แต่เจ้าหน้าที่พยายามจะเจอตัวให้ได้ โดยได้ไต่ถามตนและขอเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งตนตอบไปว่าไม่มีเบอร์เพราะไม่เคยใช้โทรศัพท์ นายสอน บอกด้วยว่า รู้สึกกังวลใจมาก เพราะเจ้าหน้าที่พยายามจะเจอตัวลูกสาวให้ได้ โดยใช้เวลารอลูกสาวอยู่ที่บ้านประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมง กว่าจะเดินทางกลับไป นายสอน ให้ความเห็นว่า การที่ทหารบุกเข้ามาในบ้าน เหตุเพราะลูกสาวตนเองทำงานเกี่ยวกับการช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากกรณีความเดือดร้อนเรื่องป่าไม้และที่ดินทำกิน โดยเฉพาะเรื่องที่เจ้าหน้าที่เข้ามาตัดสวนยางชาวบ้าน แม้ตนจะเป็นห่วงลูกสาว เกรงจะถูกทำร้าย หรือถูกจับกุม แต่ส่วนลึกกรู้สึกภูมิใจในตัวลูกสาว ที่ได้ทำงานช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะกับชาวบ้านที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถือเป็นสิทธิความชอบธรรมที่ลูกสาวตนได้อุทิศเพื่อสังคมที่ดีงาม ด้านนางสาวจันทร โพธิ์จันทร์ สมาชิกเครือข่ายไทบ้านผู้ไร้สิทธิสกลนคร กล่าวว่า ตนเองกลับมาถึงบ้านเมื่อประมาณ 19.00 น. ภายหลังจากไปตามเรื่องยื่นหนังสือต่อหน่วยงานภาครัฐ กรณีเมื่อวันที่ 29 มี.ค.59 เจ้าหน้าที่ป่าไม้และทหารได้เข้าไปตัดยางชาวบ้านจัดระเบียบ ต.หลุบเลา จ.สกลนคร กลับมาถึงบ้านพ่อบอกว่าทหารเข้ามาที่บ้าน จึงรู้สึกเป็นห่วงมาก เพราะพ่ออายุมากแล้วและอยู่บ้านกับหลานเพียงเท่านั้น อีกทั้งพ่อบอกว่าทหารได้ถามถึงตนและพยายามจะให้คนไปตามหาตนมาพบให้ได้ รวมทั้งได้ถ่ายรูปพ่อ และถ่ายบริเวณบ้านทั้งหมดไว้ด้วย นางสาวจันทร บอกอีกว่า รู้สึกกังวลมาก การที่ทหารเข้ามาถึงในบ้าน เท่ากับเป็นการข่มขู่ คุกคาม แม้ไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงตัวเองมากเท่าไร เพราะเข้าใจในสิ่งที่ตนทำงานอยู่ แต่ก็เป็นห่วงพ่อ เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ต้องเข้ามาหาที่บ้านอีกแน่นอน และพ่อก็คงกังวลและเพิ่มความรู้สึกที่เป็นห่วงตนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภ่าพของพ่อซึ่งไม่ค่อยสบายและอาจเกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นมาอีก ภาพ: เมื่อวันที่ 29 มี.ค.59 เจ้าหน้าที่ป่าไม้และทหารได้เข้าตัดยางชาวบ้านจัดระเบียบ ต.หลุบเลา จ.สกลนคร
คงยังไม่ถึงกับโดนอุ้มแบบ ทนายสมชาย ชิปปิ้งหมู หรือ เอกยุทธ มั้งครับ ถ้าแบบนั้น คงตายแบบท่าพิศดาร ตามความต้องการของนายใหญ่
ผมไม่รู้เรื่องจริงเป็นอย่างไร แต่ใครไม่มีที่ดิน ก็ไม่ต้องรุกป่าก็ได้ครับ ทำมาหากินอย่างอื่นก็มีนะ ประเทศไทยไม่มีใช่ดินแดนสิ้นไร้โอกาสขนาดนั้น มันมีคนตั้งมาก ที่ไม่มีที่ดินทำกิน ไม่มีการศึกษาเยอะแยะอะไร บางคนไม่มีสัญชาติไทยเสียด้วยซํ้าไป แต่เขาก็สู้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ไม่ได้เอาเปรียบคนอื่น จ้องแต่จะเอาที่หลวงมาครอบครองทำประโยชน์ ผมเบื่อคนที่ใช้คำสวยหรูว่า ปฎิรูปที่ดิน แต่ไม่ได้เป็นอะไรเกินกว่า ที่หลวง ที่ดินของส่วนรวม มาแบ่งกัน
กลับกันหากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปพบจะเรียกว่า คุกคามไหม ? ตำรวจหรือทหาร ต่างก็เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ กระทำไปตามกฎหมาย ตามหน้าที่ ต้องดูว่าคุณจันทร ทำผิดกฎหมายหรือเปล่าครับ
เปิดการ์ดคนจนรัวๆ เหมือนแบบนี้เลย จัดระเบียบปากคลองตลาด-ผู้ค้ายังไม่ร่วมมือ 2016/04/01 7:33 PM กรุงเทพฯ 1 เม.ย.-หลังจาก กทม.เดินหน้าจัดระเบียบพื้นที่รุกล้ำทางสาธารณะหลายจุดจนประสบความสำเร็จ วันนี้เป็นคิวของปากคลองตลาด ตลาดดอกไม้ในตำนานของกรุงเทพฯ ซึ่งการดำเนินการปรากฏว่า ไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ค้า หลังยื้อยุด เจรจา พูดคุยกับผู้ค้านานกว่า 3 เดือนจนตกลงวันย้ายแผงค้าดอกไม้ปากคลองตลาดได้ คือ เช้าวันนี้ แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตร ผู้ค้าดอกไม้และสินค้าการเกษตรเกือบ 2,000 แผง ยังคงปักหลักค้าขายกันตามปกติ ประชาชน นักท่องเที่ยวยังเดินทางมาถามหาสินค้า เก็บภาพดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ราวกับไม่มีปมปัญหาใดๆ เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่เทศกิจกว่า 60 นายในเต็นท์ที่ กทม.ตั้งขึ้นเพื่อดูแลความเรียบร้อยตลอด 24 ชั่วโมง ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่ากระจายกำลังไปพูดคุยกับผู้ค้าถึงกฎระเบียบ ผู้ค้าในช่วงกลางวันต้องย้ายออกตั้งแต่วันนี้ ผู้ค้าเองยอมรับว่า ทำผิด และพร้อมย้ายออก แต่พื้นที่ใหม่ที่ กทม.เตรียมไว้อย่างตลิ่งชันก็ไกล ขณะที่ใกล้ๆ อย่างตลาดยอดพิมาน หรือตลาดข้างวัดเลียบ ถูกจองเต็มตั้งแต่วันแรก แถมรองรับได้แค่ไม่กี่ร้อยคน จึงอยากให้ กทม.เห็นใจ และพัฒนาปากคลองตลาดเป็นตลาดดอกไม้แหล่งท่องเที่ยวที่ทรงสเน่ห์ของกรุงเทพ ต่อไป ขณะที่ประชาชนไม่เห็นด้วยที่ย้ายตลาดดอกไม้ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก และเป็นตลาดดอกไม้ที่ใหญ่และคึกคักที่สุดของเมืองไทยไปที่อื่น เพราะบทเรียนจากการจัดระเบียบในหลายๆ สถานที่ที่ผ่านมาก็ไม่ประสบความสำเร็จ ขณะที่ กทม.รับทราบปัญหา แต่ต้องยอมปล่อยตามเลย ป้องกันการประจันหน้านำมาสู่ความรุนแรง แต่ยืนยันปัญหาผู้ค้าปากคลองช่วงกลางวันต้องเสร็จสิ้นในวันจันทร์นี้ โดยอาศัยจังหวะที่ผุ้ค้าหยุดขายทุกจันทร์ ให้เจ้าหน้าที่เข้าตรึงกำลังในพื้นที่ห้ามขายเด็ดขาด ขณะที่ผู้ค้ากลางคืน กทม.ยังอนุโลมให้ขายตั้งแต่ 20.00-04.00 น.จนถึง 30 มิถุนายน ก่อนที่เช้า 1 กรกฎาคม ปากคลองตลาดจะต้องปราศจากผู้ค้าทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/437957
มีใครเห็นข่าว คำว่านักปกป้องสิทธิบ้าง ทำไมผมไม่เห็น การบุกรุกป่าเอามาเป็นของตนเอง จขกท. คิดว่ามีความผิดหรือเปล่า
ตัวอย่างแถวบ้านพ่อแม่ผม มีของจริงให้ดูครับ มีผัวเมียคู่หนึ่ง อพยบมาจากต่างอำเภอ เพราะที่อำเภอของตัวเองนั้น หากินลำบาก หน้าฝนก็มีน้ำเยอะเกินไปจนน้ำท่วม หน้าแล้งก็แล้งจนอย่าว่าแต่ทำเกษตรเลย แค่น้ำกินน้ำใช้ยังหายาก ตะแกจึงออกจากบ้านเกิด มาอยู่แถวหมู่บ้านที่พ่อแม่ผมอยู่ (ผัวชื่อชำนาญ แต่เมียชื่ออะไรไม่ทราบ เพราะไม่ค่อยสุงสิงกะใคร) มาใหม่ๆขอปลูกเพิงพักในสวนยางอ่อน(อายุไม่เกิน 3 ปี) และขอปลูกผัก ปลูกแตงโมในร่องอกของสวนยาง แลกกับการช่วยดูแลหญ้าอย่าให้คลุมต้นยาง ชาวบ้านก็อนุญาต เพราะเขาได้ประโยชน์ด้วย ตะแกหาที่แบบนี้ทำอยู่หลายปี จนมีเงินเก็บพอซื้อที่ดินเป็นของตัวเอง ประมาณ 5 ไร่ ในที่ของตะแกปลูกผลไม้ และก็ยังขอที่ชาวบ้านปลูกผักเหมือนเดิม(ขยันมาก) ตะแกดูแลสวนผลไม้ตัวเองอย่างดี จนมันได้อายุออกผลผลิต ปีแรกๆได้ไม่มากเท่าไหร่ แต่ปีหลังๆต้นไม้อายุมากขึ้น ออกผลดกและเป็นช่อสวยงาม มีคนมาเหมาตั้งแต่เริ่มออกดอก เพราะดูว่าผลไม้ตะแกมีคุณภาพ ที 5 ไร่มีคนมาเหมาปีละ 4-5 แสนบาท ปัจจุบันมีที่กว่า 10ไร่แล้ว มีบ้านอยู่ในสวนของตัวเอง ถ้าไปถามความรู้เกี่ยวกับการเกษตร ตะแกรู้อะไรยินดีจะบอกให้หมด นี่คือคนที่มาตัวเปล่า และไม่ไปรุกป่าด้วย แต่ก็สร้างตัวเองได้ เพราะความขยัน
การตกปลาเพื่อหาปลาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเอง เหลือก็เอาไปขาย ก็ไม่ได้ผิดอะไร อย่าตกในที่ๆ ห้ามจับสัตว์น้ำ หรือเขตอภัยทานละกัน นี่ผมออกความเห็นเชิงเปรียบเทียบนะครับ ยังอยู่ในเรื่องรุกที่ป่า