ถ้าเด็ก ๆ สมัยนี้ยังเล่นเป่ากบอยู่ ราคายางไม่ตกแน่นอน เด็กไทยมีเป็นสิบ ๆ ล้าน เป็นตัวแปรสำคัญเลยนะครับที่จะช่วยพยุงราคายางโดยการซื้อหนังสติ๊กวงมาเล่นเป่ากบ
รัฐบาลปูเน่า มันกำหนดหมดอายุของนโยบายมันเองไม่ใช่หรือ พวกควายแดงนี่มันเก่งนะ มันสามารถหลอกตัวเอง ว่าโครงการนี้ถูกยกเลิกโดยรัฐบาลอื่นก็ได้ด้วย
แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่ต้องการอำนาจรัฐหวังล้มรัฐบาลอย่างเดียว พูดป่าวประกาศบองแต่ข้อเสียของโครงการรถคันแรก แล้วก็มี คนเชื่อออกมาร่วมล้มรัฐบาล แถมคนเชื่อส่วนใหญ่ที่ให้การสนับสนุน เป็นเจ้าของสวนยางทางใต้ด้วย แล้วจะไม่ให้สมน้ำหน้าพวกท่านได้อย่างไร วิเคราะห์สถานการณ์ได้ เฉียบขาด เห็นภาพเลย อำนาจ + ข้อเสียของโครงการรถคันแรก + เจ้าของสวนยางภาคใต้ = ล้มรัฐบาล + สมน้ำหน้า ถ้าไม่ใช่ระดับ คีย์แมน ของพรรค หรือไม่ใช่ เซลแมนขายรถ วิเคราะห์แบบนี้ไม่ได้นะเนี่ยะ
ทำไมรัฐบาล ไม่ให้ออกกฎหมาย ให้รถเปลี่ยนยางเป็นยางใหญ่ๆแบบภาพข้างล่างนี่หล่ะครับ จะได้ใช้ยางกันเยอะๆ แถมแก้ปัญหาอะไรต่อมีอะไรได้ อีกตั้งหลายอย่าง เปลี่ยนยางที ก็ต้องเรียกมากันทั้งหมู่บ้าน ได้เพิ่มสมัครสมานสามาคีในชุมชนไปด้วย จะขับไปไหน คนไทย ก็มีวินัย ไม่ปาดซ๊าย ปาดขวากัน เพราะปาดกันไม่ได้ แค่ล้อมันแดร๊กไปสองเลนแล้ว แล้วไหนจะอดีตนายกฯปูคนสวย จะรีเทริน์กับมาเป็นนายกฯ แล้วต้องทำนํ้าแตก นํ้าทะลัก นํ้านอง อีกรอบนึง ขี่รถสูงๆอย่างงี้ สบายไม่ต้องพึ่งรถตะหานแล้ว ทำไมรัฐบาลนี้ ต้องให้เสื้อแดงอย่างผ๊ม ต้องแสดงฉลาดด้วยหล่ะครับ เกิดใช้เยอะๆแล้วมันหมดไปทำไง ต้องเด็กๆ ก็ใช้เยอะไปเยอะแล้ว โตมามันเลยเหลืออยู่นิดเดียว
เพราะผมค้าขายอยู่กับโรงงานยาง ช่วงนี้โรงงานกะลังมีการเร่งผลิตยาง ลงบรรจุภัณฑ์ไม้กันอยู่ ซึ่งมองได้ 2 แง่(เพราะผมไม่รู้ข้อมูลภายใน) ***เริ่มมีออเดอร์ จากจีน (ยุโรป อเมริกา หันไปใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นเหล็กและพลาสติกแทนกันเกือบหมดแล้ว) ***โรงงานคาดว่าจะมีออเดอร์จากจีนแน่ๆ เลยผลิตตั้งใว้ล่วงหน้า ผมจึงคาดว่าอีกไม่นาน ราคายางต้องขึ้นแน่นอน ตามธรรมชาติช่วงนี้ราคายางควรจะขึ้นไปแล้ว เพราะมีผลผลิตน้อย แต่พ่อค้าคนกลางรายใหญ่(ที่เขาเรียก 5 เสือ) ยังกดราคาอยู่
ข่าวนี้ใช่ไหมครับ โวย5เสือชิงปาดหน้ารัฐบาลขายยางจีน วันพุธที่ 03 กันยายน 2014 เวลา 14:14 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ ข่าวหน้า1 - คอลัมน์ : ข่าวหน้า1 ปิดฉากดีลซื้อยางสต๊อกรัฐบาลล็อตแรก 1 แสนตัน "ยี่ฟังเหลียน"จากเกาะสิงคโปร์เข้าวิน บิ๊ก อ.ส.ย.ระบุพร้อมส่งมอบสัปดาห์นี้ ชู 2 ออพชันป้องกันเบี้ยวรับมอบ ขณะดีลกับไชน่า ไห่หนาน รับเบอร์ยักษ์ใหญ่จากจีนยังอึมครึม วงการแฉ 5 บิ๊กส่งออกยางชิงตัดหน้าเสนอราคาแข่ง ส่วนล็อตที่เหลืออีก 1.1 แสนตัน ตั้งเงื่อนไขใครชนะประมูลต้องซื้อพ่วงยางจากสถาบันเกษตรกร "ปีติพงศ์" ลั่นพร้อมแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ กรณีที่รัฐบาลจะขายยางในสต๊อก 2.1 แสนตัน โดยล็อตแรกจะขาย 1 แสนตัน ปรากฏชื่อบริษัท ยี่ฟังเหลียน จำกัด (บจก.)บริษัทคนไทยจดทะเบียนในสิงคโปร์เสนอซื้อยกล็อตและให้ราคาสูงสุด ซึ่งที่ผ่านมาดีลดังกล่าว ยังคลุมเครือว่ารัฐบาลได้ตัดสินใจขายไปแล้วหรือไม่ เพราะมีกระแสบริษัทไม่มีเงินวางค้ำประกันซื้อสินค้า ขณะที่ปรากฏชื่อ บริษัท ไชน่า ไห่หนาน รับเบอร์ อินดัสทรี กรุ๊ปฯ ยักษ์ใหญ่บริษัทใช้ยางอันดับหนึ่งจากจีนได้ติดต่อขอซื้อในราคาสูงกว่ารายแรก ตามที่ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้เกาะติดมาอย่างต่อเนื่องนั้น แหล่งข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงความคืบหน้าล่าสุดว่านายชนะชัย เปล่งศิริวัธน์ ผู้อำนวยการองค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) ได้เซ็นสัญญาขายยางในสต๊อกแบบลับล็อตแรกจำนวน 1 แสนตันให้กับ บจก.ยี่ฟังเหลียน เรียบร้อยแล้ว โดยระบุขายเป็นเงินสด ไม่ต้องวางเงินมัดจำหรือค้ำประกันใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้จะใช้รูปแบบในการเสนอราคาซื้อ ณ หน้าคลังสินค้า ส่วนอีก 1.1 แสนตันที่เหลือ ตั้งเงื่อนไขว่าจะต้องรับซื้อยางแผ่นจากสถาบันเกษตรกรเพิ่มอีก 1.1 แสนตัน เพื่อดันราคายางในประเทศที่ตกต่ำให้ขยับขึ้น สอดรับกับคำยืนยันจากนายชนะชัย เปล่งศิริวัธน์ ผู้อำนวยการ อ.ส.ย. ที่ระบุว่าภายในสัปดาห์นี้จะเริ่มส่งมอบยาง 1 แสนตันให้กับยี่ฟังเหลียน โดยได้เตรียมความพร้อมการรับมอบสินค้าใน 2 รูปแบบ คือ 1.ในรูปของการขายแบบราคา ณ ท่าเรือ (เอฟโอบี) จะส่งมอบของที่ท่าเรือ ทั้งนี้ผู้ซื้อต้องเปิดแอล/ซี ชำระค่าสินค้าก่อน หรือรูปแบบที่ 2. หากเสนอราคาหน้าโกดัง จะต้องโอนเงินจ่ายสินค้ามาก่อนจึงจะส่งมอบสินค้าให้ ทั้งนี้ผู้ซื้อจะไม่สามารถเลือกคลังได้ เนื่องจากมีคณะทำงานตรวจสอบมาตรฐานสินค้าก่อนขายแล้ว มั่นใจว่าการขายยางครั้งนี้จะไม่เสียเปรียบเอกชน ++แฉ 5 เสือชิงเสนอราคาแข่ง นอกจากนี้แหล่งข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ บริษัท ไชน่า ไห่หนาน รับเบอร์ฯมีความต้องการยางพาราและอยู่ระหว่างประสานติดต่อขอเข้าพบและเจรจากับรัฐบาลไทยว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวว่ากลุ่ม 5 ผู้ส่งออกยางรายใหญ่ของไทย ได้เสนอขายยางให้กับไชน่า ไห่หนาน รับเบอร์ ตัดหน้าก่อนเจรจากับรัฐบาลไทยโดยเสนอราคาต่ำกว่า ในประเด็นนี้ยอมรับตรงๆว่าเรื่องนี้รู้สึกไม่พอใจที่พ่อค้าทำในลักษณะนี้ เนื่องจากช่วงที่ขอให้ช่วยซื้อยางในสต๊อกรัฐบาล แทนที่จะช่วยกันซื้อเพื่อดันราคายางในประเทศ แต่กลุ่มพ่อค้ากลับรวมหัวกันกดราคารับซื้อยางที่กิโลกรัมละ 38-42 บาท และมาชิงตัดหน้าขายอย่างนี้อีก ดูจะไม่เป็นธรรมกับชาวสวนยางและรัฐบาล อย่างไรก็ดีหากการขายยางในสต๊อกจบลง คาดจะส่งผลให้ราคายางในประเทศปรับตัวสูงขึ้นอย่างแน่นอน โดยที่ผ่านมาหลายฝ่ายมองว่าสต๊อกยางของรัฐบาลเป็นต้นเหตุทำให้ราคายางพาราในตลาดโลกดีดตัวขึ้นได้ "ให้คนไทยมาช่วย ก็กลับมากดราคา แต่พอรายอื่นมาช่วยซื้อ เป็นชาวต่างชาติ กลับไปตีรวน เพื่อทำให้ยางราคาตกลงอีก ยกตัวอย่าง บจก.ยี่ฟังเหลียน ที่ทำกับเค้าเหมือนอย่างกับว่าเค้ามาลักยางในสต๊อก ทั้งที่จริงมาให้ราคาสูง สร้างความปั่นป่วน ดึงกระแส ทำให้ราคายางตกต่ำ" ++ไทยรับเบอร์ ยันไม่เกี่ยว นายวรเทพ วงศาสุทธิกุล ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทไชน่า ไห่หนาน รับเบอร์ฯถือเป็นลูกค้าประจำ มาซื้อขายน้ำยางสดจากบริษัทอยู่แล้ว และในวันที่ 3 กันยายนนี้ทั้งสองฝ่ายมีแผนจะเจรจาเพื่อร่วมมือกันในการทำธุรกิจ ไม่เกี่ยวกับการซื้อขายยางรัฐบาล บริษัทไชน่า ไห่หนาน รับเบอร์ฯ เป็นบริษัทที่ใหญ่มาก เจ้าของธุรกิจเป็นเจ้าของเกาะไหหลำ ร่ำรวย มีทั้งสวนยาง และโรงงาน คล้ายกับ อ.ส.ย.ของไทย ดังนั้นจึงยังไม่แน่ใจว่าบริษัทจะมาซื้อยางจากรัฐบาลไทยจริงหรือไม่ ที่สำคัญไชน่า ไห่หนาน รับเบอร์ เป็นบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของจีน หากมีการซื้อขายจริงจะต้องแจ้งตลาดฯ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นรับทราบ "เข้าใจตัวแทนจากไชน่า ไห่หนานฯที่จะมาเจรจาธุรกิจกับบริษัทในครั้งนี้ จะเป็นคนละกลุ่มกับที่มาเจรจาซื้อขายยางกับรัฐบาลไทย ตั้งข้อสังเกตว่าหากเขาจะเจรจาซื้อก็สามารถซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) แค่รัฐมนตรีไทย ยกหูประสานถึงผู้ว่าการรัฐก็สามารถทำได้ ไม่เห็นต้องตั้งนายหน้า มาเจรจาซื้อ" ++จี้ 6 เรื่องรมต.เกษตรฯ นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานชุมชนสหกรณ์เกษตรกรรมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ใน 1 -2 วันนับจากนี้จะยื่นหนังสือถึง นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คนล่าสุดเพื่อขอให้ช่วยดำเนินการใน 6 เรื่องสำคัญคือ 1. ให้จัดตั้งตลาดกลางยางพาราแบบข้อตกลงส่งมอบจริง (Physical Forward Market) แบบวันต่อวันราคาเป็นปัจจุบัน (Spot Price) เพราะบางครั้งผู้ขายและผู้ซื้อยางมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคายางที่ปรับตัวขึ้นลงอย่างรุนแรงและกะทันหัน 2. เสนอให้รัฐมนตรี ข้าราชการ และพ่อค้า ตั้งยุทธศาสตร์ยางร่วมกันให้เป็นเสียงเดียวกัน 3. ตั้งวอร์รูมยาง 4. สต๊อกยางที่เหลือตกเกรด ให้เกษตรกรไปทดลองเรียนรู้ในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่างๆ 5.เร่งผลักดันโครงการที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนยางที่ผ่านมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) แล้วทั้งในส่วนของสถาบันเกษตรกรและการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ให้ผู้ประกอบการเร็วที่สุด และ 6.ให้เจรจาร่วม 8 ประเทศ (ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย เมียนมาร์ เวียดนาม กัมพูชา ลาว และ ฟิลิปปินส์) ซึ่งเป็นผู้ปลูกยางสดส่วน 80% ของโลก รวมตัวกันเสนอราคาเดียวกัน ขณะที่นายเพิก เลิศวังพง ประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ทุกวันนี้ยังไม่เชื่อเลยว่ารัฐบาลจะขายยาง 1 แสนตันได้แล้ว และได้ราคาดี เพราะราคายางในประเทศยังลดลง อีกทั้งยังไม่เชื่อศักยภาพบริษัท ยี่ฟังเหลียนฯ เพราะคลุมเครือ และทำไมขายแบบลับๆ เพราะจริงๆ แล้วถึงขนาดนี้ควรเปิดเผยออกมาว่าขายจำนวนเท่าไร ราคาเท่าไร ไม่ใช่งุบงิบ มองไม่โปร่งใส และวันนี้ ทาง ครม. ยุคคสช. ได้ไฟเขียวอนุมัติเงินช่วยอุตสาหกรรมยางมาแล้ว 1.5 หมื่นล้านบาท เริ่มวันที่ 1 กันยายน 2557 แต่ความจริงวันนี้ยังกู้ไม่ได้ โดยเงินก้อนดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ก้อน ได้แก่ จำนวนเงินกู้เสริมสภาพคล่อง 1 หมื่นล้านบาท "คาดว่าสถาบันเกษตรกรกว่า 1 พันแห่งทั่วประเทศจะได้รับอานิสงส์ครั้งนี้ ส่วน อีก 5 พันล้านบาท สนับสนุนสินเชื่อแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มยางพารานั้น คาดว่าจะมีสถาบันเกษตรกรเพียง 10 แห่งที่มีความแข็งแรงจะเข้าร่วมโครงการนี้ แต่ปัจจุบันยังไม่คืบเลย" ++ มั่นใจ6 มาตรการดันราคายาง ด้านนายดำรงค์ จิระสุทัศน์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า หลังจากที่ขายยางในสต๊อกหมดแล้วมั่นใจว่ามาตรการที่ผ่านมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะช่วยดันราคายางในประเทศได้ประกอบด้วย 1.มาตรการยกระดับราคาโดยเพิ่มสภาพคล่องด้านการตลาดเพื่อรวบรวมยางพารา วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท 2.แนวทางการเพิ่มมูลค่าผลผลิตและคุณภาพผลผลิตยางพารา โดยสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ให้แก่สถาบันเกษตรกรแปรรูปยางพารา วงเงิน 5 พันล้านบาท และโครงการสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยางพารา วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท 4.โครงการสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยางพารา โดยให้ธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบการ 5.หาตลาดใหม่ 6. สร้างตลาดกลางยางซื้อขายจริง ++"ปีติพงศ์"แย้มมีแผนในใจ นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์คนใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้ตนมีแผนงานในใจที่จะดึงราคายางในตลาดให้ปรับขึ้นอยู่แล้ว แต่คงต้องรอฟังสรุปจากข้าราชการกระทรวงถึงแผนงานการดำเนินงานว่าถึงขั้นไหนบ้าง และยังต้องรอฟังนโยบายจากรัฐบาลก่อน จึงจะสรุปแผนงานที่ชัดเจนในการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางทั้งระยะสั้น กลาง และยาวที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมได้ จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,980 วันที่ 4 - 6 กันยายน พ.ศ. 2557 ที่มา http://www.thanonline.com/index.php...5:2009-02-08-11-22-45&Itemid=417#.VIQ6Mvl_t_B
ยางรถยนต์เส้นนึงใช้ได้ตั้ง3ปีกว่าจะเปลี่ยน น่าจะทำโครงการ ชู้คนแรก เปลี่ยนถุงยางทุกครั้งตามความถี่ จิงมะปรู