ถึงวันนี้ คงท่องบทปลงอาบัติกันจนคล่องแล้วล่ะมั้ง!!...

กระทู้ใน 'สภากาแฟ' โดย suraphan07, 15 Jun 2016

  1. suraphan07

    suraphan07 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    15 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,284
    Location:
    BKK.
    เหอๆๆ…คุณปู จิตกร สรุปถามไว้ในบทความวันนี้ของแกอ่ะครับ...;)
    ยาวหน่อย แต่อร่อยเด็ด โดนใจ ได้ปัญญา ลองอ่านดูครับ...
    เผื่อจะได้รู้เท่าทัน ความกะล่อน... มากยิ่งขึ้น
    เพราะเชื่อว่า กว่าจะเข้าคุกจริง คงยังมีอีกมาก...;)
    QQQ QQQ QQQ
    Screen Shot 2016-06-15 at 08.59.07.png
    เรื่องง่ายๆ แค่รับทราบข้อกล่าวหา ปฏิเสธ ประกันตัว สู้คดี โดยอาศัย“ความบริสุทธิ์-สุจริต” ที่มี เป็นเกราะ กลับถูก “กระบิดกระบวน” ทำให้เป็นเรื่องโน้นเรื่องนี้ โดยที่แต่ละเรื่องที่ศิษย์วัดพระธรรมกาย ไม่ว่าจะในคราบ “พระ” หรือโยม ช่วยกันออกมา “ผลิตให้เป็นข่าว”ถาโถมเข้าใส่การรับรู้ของผู้คนนั้น นับวันก็น่าสะอิดสะเอียดขึ้นเรื่อยๆ

    ผมเขียนบทความ จับกะล่อน “องอาจ ธรรมนิทา” ที่ออกมาให้ข้อมูล ทำให้ศิษย์ธรรมกายหลงผิด คิดว่าแพทยสภา รับรองใบรับรองแพทย์ว่าใช้ได้ แสดงว่าหลวงพ่ออาพาธจริง ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งตั้งอนุกรรมการขึ้นสอบ ใช้เวลาอีก 3 เดือน จึงจะรู้ โดยจะดูทั้งเนื้อหาอาการป่วย วิธีตรวจว่าสอดคล้องกับคำรับรองไหม และดูความถูกต้องของเอกสารใบรับรองแพทย์ว่าผ่านขั้นตอนการออกที่ถูกต้องไหม ไปแล้ว ยังไม่มีคำอธิบายใดๆ ตามมาว่าทำไมองอาจถึงพูดว่า แพทยสภารับรองว่าใบรับรองแพทย์ใช้ได้

    วานนี้ (14 มิ.ย.2559) สลับฉาก ส่งพระออกมาเล่นบ้าง โดยพระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร ออกมาอ่านแถลงการณ์ท่าทีของวัดพระธรรมกาย กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ส่งสำนวนคดี ซึ่งขอสรุปหัวข้อที่เขาแถลงและขอตอบเป็นข้อๆ ไปเลยก็แล้วกันว่า

    1.กรมสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนแล้วในคดีพิเศษที่ 146/2556 และเสนอสำนวนการสอบสวนต่อพนักงานอัยการแล้ว ไม่อาจทำคดีซ้ำซ้อน การกระทำดังกล่าว จึงอาจเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

    ตอบ : สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่ว่าจะด้วย “ความโง่” ที่ต้องได้รับการแก้ไข หรือจะเพราะ “การโกหกจนเป็นสันดาน” ก็ตาม ไม่เป็นเหตุที่จะเอามาอ้างเพื่อจะ “ไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” คนที่สุจริต แล้วพบจุดอ่อนดังที่กล่าวมานั้น ยิ่งต้องกระโจนเข้าสู่กระบวนการแล้วเก็บประเด็นนี้ไว้ “ตอบโต้-โต้แย้ง” ซึ่งหากเป็นจริงตามนั้น คดีก็จบ ผู้ต้องหาก็กลายเป็น ผู้บริสุทธิ์” ในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ใช่เอาไว้ “ยึกยัก”อยู่นอกกระบวนการ อย่างที่ดีดดิ้นกันอยู่ตอนนี้

    อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ ดีเอสไอชี้แจงแล้วบ่อยมาก หากแต่กะโหลกบางคนอาจมีความหนาแน่นมาก จนข้อเท็จจริงใดๆ ไม่สามารถ “ชำแรก”เข้าไปสู่เซลล์สมองเลยก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อ 19 พฤษภาคม 2559 พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร กล่าวถึงกรณีที่ศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ทำหนังสือร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหาดีเอสไอ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีเจตนาดำเนินคดีกับพระธัมมชโย ซ้ำซ้อน พ.ต.ท.ปกรณ์ยืนยันว่า ดีเอสไอยังไม่เคยดำเนินคดีอาญากับพระธัมมชโยมาก่อน กรณีกลุ่มศิษยานุศิษย์นำเงินมาคืนสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ครบถ้วน ทำให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ไม่ติดใจเอาความ ยอมยุติคดีนั้น เป็นคดีแพ่ง ไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาที่ดีเอสไอกำลังดำเนินคดีกับพระธัมมชโยอยู่ในขณะนี้ ซึ่งคดีนี้เป็นอาญาแผ่นดินไม่สามารถยุติหรือยอมความได้ และมีผู้ร้องตรงกับดีเอสไอถึง 49 คนนำโดยนายธรรมนูญ อัตโชติ โดยมีการกล่าวหา นายศุกชัย ศรีศุภอักษรและพวกรวม 5 คน ร่วมกันสมคบฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร เป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์จากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น

    ตามสำนวนคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณา เมื่อ 13 มิ.ย. 2559 สามารถจำแนกผู้ต้องหาในคดีนี้ออกเป็น 2 กลุ่มดังนี้ กลุ่มที่ 1 ประกอบด้วยนายศุภชัย ศรีศุภอักษรผู้ต้องหาที่ 1 น.ส.ศรัณยา มานหมัด ผู้ต้องหาที่ 3 นางทองพิน กันล้อมผู้ต้องหาที่ 4 ถูกกล่าวหาว่าสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน (พวกนี้เป็นกลุ่มสหกรณ์ฯ นำเงินออกจากต้นทาง มาสู่กระบวนการ “แปรรูป” เป็นบุญและทรัพย์อื่นๆ) กลุ่มที่ 2 พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เป็นผู้ต้องหาที่ 2 และนางศศิธร โชคประสิทธิ์ผู้ต้องหาที่ 5 ถูกกล่าวหาว่าสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร (ปรากฏชื่อรับเช็ค สลักหลังเช็ค และทรัพย์อื่นๆ หลังการแปรรูป วกกลับมาหา)

    รายละเอียดตรงนี้ช่วยยืนยันว่า โฆษกวัดพระธรรมกาย ไม่ว่าจะโกนหัวหรือมีผม ล้วนกะล่อนบิดเบือนมาตลอดว่า เป็นการมุ่งดำเนินคดีกับธัมมชโยคนเดียว ทั้งๆที่ไม่เป็นความจริง

    ขณะที่ นายประกิต พิลังกาสา รองประธานกรรมการดำเนินการคนที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการดำเนินการ/ประธานผู้บริหารแผนฟื้นฟูสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด ซึ่งเป็นชุดที่ “รับข้อเสนอ”คือ รับเงินกองทุนที่ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายระดมมาใช้หนี้สหกรณ์ แล้วไม่ติดใจเอาความ ตามที่วัดพระธรรมกายกล่าวอ้างถึงอยู่เสมอว่า สหกรณ์เขาก็ถอนฟ้องแล้ว ทำไมดีเอสไอยังไม่หยุดทำคดีนี้อีก ก็ได้แถลงข่าวเมื่อ 12 พ.ค.2559 ว่า

    “คณะกรรมการของสหกรณ์ฯ มีจุดยืนและนโยบายที่ชัดเจนในการฟ้องร้องติดตามให้ตัวการผู้กระทำผิด คือ นายศุภชัยกับพวก คืนเงินให้กับสหกรณ์ฯ โดยวิธีการทางแพ่ง ส่วนการดำเนินการเอาผิดทางอาญาแจ้งข้อกล่าวหาฟอกเงินหรือรับของโจรนั้น จำเป็นต้องมีหลักฐานพยานที่ชัดเจนและซับซ้อนเกินกว่าความสามารถของสหกรณ์ฯ จะดำเนินการได้เอง และเล็งเห็นว่าดีเอสไอซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่บ้านเมือง มีหน้าที่โดยตรงในการสืบสวนสอบสวน ได้ดำเนินการอยู่แล้วตามกระบวนการยุติธรรมและจะเป็นการเหมาะสมกว่า” เห็นหรือยังว่า มันคนละเรื่อง คนละส่วนกันอย่างชัดเจน ยังจะตีมึน “โป้ปด” กันต่ออีกไหม

    2.พนักงานสอบสวนได้นำหมายเรียกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน แล้วเผยแพร่ไปยังประชาชน ก่อนส่งให้พระเทพญาณมหามุนี เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยจรรยาบรรณของพนักงานสอบสวน แสดงให้เห็นว่า อาจมีอคติต่อพระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกาย และได้ให้นายมโน เลาหวณิช เข้าร่วมประชุมชี้นำวิธีการจัดการกับพระเทพญาณมหามุนี การกระทำดังกล่าวทำให้ศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายขาดความไว้วางใจในการทำงานของพนักงานสอบสวนชุดนี้

    ตอบ : หลังถูกจับได้ว่า แพทย์ผู้ตรวจธัมมชโย ใช้เอกสารของทางราชการ คือ แบบฟอร์มใบรับรองแพทย์และตราประทับของโรงพยาบาลค่ายภาณุรังษี จังหวัดราชบุรี อย่างไม่สุจริต ไม่ถูกต้องตามขั้นตอน เพราะธัมมชโยไม่เคยไปตรวจที่โรงพยาบาล ไม่มีประวัติการรักษา ยัง “หน้าด้าน”พูดเรื่อง “จรรยาบรรณ” กับสังคมได้อีกหรือ? สุดยอดละ

    อย่างไรก็ตาม เมื่อมีหมายเรียก ผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่มารับทราบข้อกล่าวหา จากนั้นจะโต้แย้ง ลบล้าง ความถูกต้องหรือความน่าเชื่อถือใดๆ ในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ก็ไปโต้แย้งในกระบวนการยุติธรรมจะในชั้นอัยการหรือชั้นศาลก็ว่ากันไป ไม่เป็นเหตุให้ใช้ “กระบิดกระบวน”แล้วไม่มารับทราบข้อกล่าวหาอย่างที่ทำอยู่ ส่วนลูกศิษย์จะไว้ใจหรือไม่ไว้ใจ ก็ไปเพ่งลูกแก้วบรรเทาอาการกันเอาเอง ความไม่ไว้ใจของคุณ ไม่ใช่เหตุผลอันชอบที่จะขัดขวางการเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายของผู้ถูกกล่าวหาที่ศาลอนุมัติหมายจับแล้ว

    ส่วนการขอความร่วมมือจาก นายแพทย์มโน เป็นรายละเอียดในการพยายามคลี่คลายคดีของเจ้าหน้าที่ วัด พระ ไม่มีสิทธิไปก้าวกายหรือกำหนดวิธีการ เว้นแต่ผิดกฎหมายข้อใด ก็เอาไปใช้ลบล้างในศาลสิทีตัวเองเอาเครือข่ายพระ เครือข่ายลูกศิษย์มาปกป้อง สร้างบรรยากาศต่อรองกดดันกระบวนการยุติธรรม ไม่เห็นดีดดิ้นหรือใช้เป็น “ข้ออ้าง” ให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้างเลย

    3.มีคณะเจรจาสามฝ่าย คือเจ้าคณะจังหวัด ทนายสมศักดิ์ โตรักษาและเจ้าหน้าที่ คุยกันอยู่ จะประชุมวันที่ 14 มิ.ย. ทำไม 13 มิ.ย. รีบส่งสำนวนให้อัยการ กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงรีบร้อนรวบรัดกระบวนการผิดปกติทั้งการออกหมายจับและการสั่งฟ้องคดีนี้ ทำไมกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงการประชุมแม้แต่ข้อเดียว

    ตอบ : การเจรจาดังกล่าว เป็นเรื่องนอกเหนือกระบวนการดำเนินคดี เป็นเพราะผู้ต้องหา “ยึกยัก” เขาจึงพยายามหาทางออก ว่าจะใช้วิธีใดที่ประนีประนอมที่สุด เพื่อป้องกันศิษย์บ้าๆ กระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่ อันที่จริงดีเอสไอขอหมายค้น แล้วถือคู่ไปกับหมายจับ บุกวัดพระธรรมกายได้ทุกเมื่อเลย แต่เขาไม่ทำ เพราะเห็นลูกศิษย์หลายคนประกาศจะตายเพื่อหลวงพ่อ ส่วนสำนวนการสอบสวน เขาทำเสร็จแล้ว ก็ส่งให้อัยการพิจารณา ไปยุ่งอะไรกับเขาล่ะ จะเรียกยาวๆ ว่า“ธุระไม่ใช่” หรือสั้นกว่านั้นคือ “เสือก” ก็ได้ ทางที่ถูกคือ ทำหน้าที่ของตัวเองซะ ด้วยการเอาหลวงพ่อมารับทราบข้อกล่าวหา จะสานต่อประเด็นว่าป่วยหนักมาก ก็แค่ทำหนังสือติดต่อขอมอบตัว โดยจะมอบตัวบนเตียงที่วัดน่ะแหละ ลูกศิษย์จะขังตัวเองอยู่ในอายตนะนิพพาน ไม่ออกมาขัดขวาง แค่นี้ เจ้าหน้าที่เขาก็เข้าวัด ไปแจ้งข้อกล่าวหาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายและธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว อย่าสร้างบรรยากาศที่ดีเอสไอเขาจะ “ไม่ไว้วางใจ” ก็พอ

    อย่าลืมว่า เขาจะดำเนินคดีกับธัมมชโยเท่านั้น ไม่ใช่กับวัดพระธรรมกายหรือกับลูกศิษย์ ไม่ต้องเอาวัด เอาศาสนา เอามวลชนมาบิดเบือน ไอ้ที่กล่าวว่า “การดำเนินคดีนี้กับพระเทพญาณมหามุนีจะสร้างผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาอย่างใหญ่หลวง ต่อไปการรับบริจาคของวัดและองค์กรสาธารณะอื่นๆ ก็อาจถูกดำเนินคดีว่าเป็นการรับของโจรและฟอกเงินได้เช่นเดียวกัน” ก็หยุดกะล่อนซะ เพราะพระธรรมวินัยไม่ได้อนุญาตให้พระรับเงินเป็นร้อยล้านพันล้านอยู่แล้ว ทุกวันนี้ สงฆ์และองค์กรอื่นๆ ก็รับเงินบริจาค แต่ไม่ถูกดำเนินคดี เพราะ “รูปการณ์-วิธีการ” และ “ความสุจริตของเงินและการรับเงิน” มันต่างกัน

    อย่าเอาธัมมชโยมาเป็น “จักรวาล” ของเรื่อง พิจารณากันเป็นรายๆและเรื่องๆ ไป ธัมมชโยไม่ใช่พระพุทธศาสนา เป็นแค่นักบวชคนหนึ่งที่แอบอ้างพระพุทธศาสนาดำรงชีพ แต่บิดเบือนคำสอนในพระพุทธศาสนาและทำผิดพระธรรมวินัย และถูกกล่าวหาว่าทำผิดกฎหมายบ้านเมืองด้วย

    ยังไม่มีใครเอามาตัดหัวคั่วแห้ง ยังมีกระบวนการให้สู้อีก 3 ศาลจะมัววิ่งหนี แล้วกะล่อนสร้างเรื่องอื่นๆ มากลบเกลื่อนอยู่ทำไม

    วัดนี้นี่ยังไง คำสอนก็บิดเบือน ใบรับรองแพทย์ก็บิดเบือน ยังเอาพระมาอ่านแถลงการณ์ที่บิดเบือนอีก ไป! เข้าโบสถ์ ไปปลงอาบัติซะ ถึงวันนี้ คงท่องบทปลงอาบัติกันจนคล่องแล้วล่ะมั้ง!!
    http://www.naewna.com/politic/columnist/24859
    QQQ QQQ QQQ

    อ่านแล้ว คิดเห็นกันเช่นไร เชิญได้ครับ...:wait:;):cool:
     
    Last edited: 15 Jun 2016
  2. ชายน้ำ

    ชายน้ำ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    9 Feb 2015
    คะแนนถูกใจ:
    7,081
    พระสนิทวงศ์คนเดียวกันนี้ไปออกทีวีรายการของสรยุทธเมื่อวันที่ 2 ก.พ.58 ว่าไปทำการสำรวจได้ผลมาว่า 99เปอร์เซ็นของประชาชน เห็นชอบกับธุดงค์ธรรมชัย
     
  3. ปู่ยง

    ปู่ยง อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    9,820
  4. อาวุโสโอเค

    อาวุโสโอเค อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,527
    ธรรมกายหลงว่าตัวเองมีมวลชนมาก ขนาดประกาศว่าทำร้ายธัมมชโย

    คือการทำร้ายพระพุทธศาสนา หลายเดือนที่ผ่านมา กลับไม่มีแรงกระเพื่อม

    จากมวลชนอย่างที่ธัมชโยคาดหวัง ยิ่งนานวันการเปิดแนวรบต่าง ๆ ยิ่งพังทลาย

    เหตุเพราะการไม่ยึดมั่นในธรรมอย่างแท้จริง การตีโจทย์ไม่แตกของเจ้าสำนัก

    ยิ่งลากภาพพจน์ยิ่งเสีย มวลชนยิ่งถอย แรงหนุนที่ปรากฏไม่ใช่มาจากศิษยานุศิษย์ซะไปอย่างนั้น:giggle:
     
    ต้นหอม, apollo, ปู่ยง และอีก 2 คน ถูกใจ
  5. suraphan07

    suraphan07 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    15 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,284
    Location:
    BKK.
    ดีน่ะไม่บอกตัวเลขเป็นจุดทศนิยม แบบ...
    99.927%, 99.9885% หรือไม่ก็ 100% ไปเบย...:giggle:

    จริงๆแล้ว แกน่าจะมีตัวเลขอยู่ในใจอยู่แล้ว
    เพราะ "ประชาชน" ที่ไปสำรวจมาน่ัน
    ก็พวกที่นั่งเด็ด นั่งโปรย 'ดอก' ด้วยความอยาก 'รวย' ทั้งนั้น...?;)
     
    ปู่ยง likes this.
  6. suraphan07

    suraphan07 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    15 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,284
    Location:
    BKK.
    ข่าวล่า มาแล้ว...15 มิย.59
    เตรียมๆ รวบรวมหลักฐานไว้ครับ...
    ตามถึงบ้าน ถึงวัดกันเลยทีเดียว กับพวกขวาง ...
    ๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐
    Screen Shot 2016-06-15 at 13.13.51.png
    “บิ๊กต๊อก” พูดชัด ใครขวางจับ “พระธัมมชโย” เจอ ม.189 ดำเนินคดี – ตามจับถึงบ้าน

    เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซาลาดพร้าว กรุงเทพฯ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประชุมร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) ถึงแผนการดำเนินการตรวจค้นและจับกุมพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า สำหรับประเด็นที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จะเดินทางไปขอหมายค้น ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน ซึ่งหลังจากนี้เขาคงจะมารายงานเรื่องดังกล่าวให้ตนทราบ ส่วนกรณีที่โต๊ะเจรจา 3 ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วย ดีเอสไอ ทนายตัวแทนวัดพระธรรมกาย และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ได้ประกาศยุติการเจรจาเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ตนพูดมาตลอดว่า เราพยายามทำมาทุกทาง เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยมากที่สุด เมื่อมีการยุติการเจรจาเราก็ไม่สามารถไปบังคับอะไรได้ แต่กระบวนการทางกฎหมายไม่สามารถยุติได้ ก็ต้องดำเนินการต่อไป

    พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการดำเนินการของแผนกบิล 59 นั้น รายละเอียดขณะนี้ตนยังไม่ทราบ เพียงแต่ทราบจากสื่อมวลชนที่มีการเผยแพร่ข่าวเท่านั้น ซึ่งตนยังไม่ทราบเลยว่า กบิล มาจากอะไร หรือที่แปลว่า ลิงใช่หรือไม่ ซึ่งตนทราบเพียงว่า ดีเอสไอจะเดินทางไปประชุมร่วมกับตร.เท่านั้น เพราะต้องใช้หน่วยงานที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ซึ่งก็เป็น บช.ภ.1 ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อดำเนินการทุกอย่างให้เรียบร้อยที่สุด ทั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่มีความพร้อมทั้งหมดแล้ว ก็คงจะดำเนินการเข้าตรวจค้นทันที ส่วนจะเป็นวันที่ 17 มิ.ย.นี้ ตามที่ได้มีการเสนอข่าวหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ทั้งนี้ สิ่งที่เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการคือจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งมันเป็นหน้าที่ของเขา

    ผู้สื่อข่าวถามว่า หากการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ ไม่สามารถเข้าไปภายในวัดพระธรรมกายได้ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ตนพูดทุกครั้งว่า ถ้าเข้าไปแล้วมีเรื่องจะเข้าไปทำไม แต่ถ้าไม่เข้าไปแล้วจะได้ตัวผู้ต้องหาได้อย่างไร พร้อมกับย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า และคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าจะเกิดอะไร ซึ่งพล.อ.ไพบูลย์ ระบุว่า ก็ไม่มีใครรู้สักคนว่าจะเกิดอะไร แต่ถ้าเห็นว่ามันจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีก็อย่าให้มันเกิดขึ้น ดังนั้น ก็ต้องไปบอกกับศาลและอัยการว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะเรื่องมันอยู่ที่อัยการแล้ว แต่เราก็ต้องทำไปก่อน และถ้าเขาถามว่าทำไมไม่เอาตัวมา ต้องมีตัวผู้ต้องหาตามกฎหมายอาญา ก็ต้องบอกเขาไปว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งสังคมไทยก็จะรับรู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของพนักงานสอบสวน มันเป็นเรื่องที่เราไม่อยากให้เกิดบานปลายขึ้น หากเกิดปัญหาก็ไม่ต้องเข้า ถ้าเข้าไปและมันมีความสูญเสียมากกว่าจะเข้าไปทำไม ก็ฟ้องไป ก็ไปจับกันอยู่เรื่อยๆ

    “หากมีใครขัดขวางการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ก็มีกฎหมาย มาตรา 189 ก็ทำไป ก็ถ่ายรูปมา และมาตามจับกันทีหลัง ซึ่งก็ต้องพูดตรงๆ อย่างนี้ ก็ไปถ่ายรูปถ่ายอะไรมาว่าคนขวางมันหน้าตาเป็นอย่างนี้และก็มาจับกันทีหลัง ตามจับทั้งหมดนั่นแหละ ซึ่งผมและอธิบดีดีเอสไอก็ประกาศไปแล้วว่าใครขัดขวางก็มีมาตรา 189 กลับบ้านเมื่อไหร่ก็ไปจับที่บ้าน หากใครขวาง เจอกลางทางก็จับกลาง ตามจับกันไป และก็ฟ้องศาล ส่งอัยการเป็นอีกคดีหนึ่งขึ้นมาจะให้ลามๆ ไปหลายคดีได้อย่างไร” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว

    พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาก็พยายามหลีกเลี่ยงและก็พูดมาเสมอว่า อย่าไปเปิดประเด็นให้มากกว่านี้ และมันจะกลายไปเป็นคนละเรื่องละราว ควรมาพูดจากัน ซึ่งพนักงานสอบสวนก็พยายามใช้หลายๆ ทาง ทั้งทางผู้ปกครองสงฆ์ หรือทนายความ และวันหนึ่งเมื่อถึงเวลาที่พนักงานสอบสวนต้องทำตามกฎหมาย มันก็จะผูกมัดผู้ต้องหาเอง ซึ่งมันก็จะเขม็งเกลียวไปเรื่อยๆ และจะไม่มีทางคลี่คลายได้ ซึ่งการกระทำตั้งแต่มีหมายเรียก และหากผู้ต้องหามามันก็จบแล้ว โดยพนักงานสอบสวนก็บอกแล้วว่าให้ประกันตัวได้ จนกระทั่งมันผ่านมาเรื่อยๆ และตนเริ่มมองเห็นถึงการคัดค้านการประกันตัว หากติดคุกก็ต้องถอดผ้าเหลือง ซึ่งมันก็ต้องไปถึงขนาดนั้น ถ้าพนักงานสอบสวนเข้าได้ตัวผู้ต้องหา อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ทราบว่าพนักงานอัยการจะมีความเห็นสั่งฟ้องในคดีดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งเท่าที่ทราบทางพนักงานอัยการขอเวลาในการพิจารณาสำนวนอีก 1 เดือน ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องของอัยการ ซึ่งอาจจะมีการสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบปากคำเพิ่มเติมก็ได้ โดยทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน
    http://www.matichon.co.th/news/174669
    ๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐
     
    ต้นหอม และ apollo ถูกใจ.
  7. suraphan07

    suraphan07 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    15 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,284
    Location:
    BKK.
    เขาว่า ว่า…มีเวทีคอนเสิร์ต...เพิ่มขึ้นมาจากเดิมด้วย...
    QQQ QQQ QQQ
    Screen Shot 2016-06-15 at 13.19.45.png
    QQQ QQQ QQQ

    ใครขึ้นเดี่ยวไมโครโฟน บ้าง
    ช่วยๆกันเก็บภาพ เก็บคลิปไว้ครับ...:cool:

    ไม่รู้ เดี่ยวไมโครโฟน ตัวจริง จะไปขึ้นเรียกแขกกับเขาด้วยอ๊ะป่าว?
    เห็นโปรโมตให้ ทำมะกลาย อยู่หลายงาน...
     
  8. กีรเต้

    กีรเต้ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    11,917
    Location:
    เชียงใหม่
  9. suraphan07

    suraphan07 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    15 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,284
    Location:
    BKK.
    อะอ้าว...ติดอยู่ในโผ "เศรษฐีที่ดิน" กับเขาด้วยอ่ะ...
    ๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐
    Screen Shot 2016-06-16 at 08.54.48.png
    ๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐
    ต้องมีใคร ใน คสช. อิจฉาแหง๋ๆ...ถึงทำ 'เรื่องเล็กๆ'
    ที่ 'พวกเขา' ทำและปล่อยปละกันมานับเป็นสิบปีแล้ว
    ให้เป็นเรื่องหญ่ายยยย... :giggle:

    ตกลงว่าจริงๆแล้วเป็น ชื่อวัด หรือ ชื่อธัมมชโย หว่า?…:cool:
     
    Last edited: 16 Jun 2016
    apollo และ อาวุโสโอเค ถูกใจ.
  10. suraphan07

    suraphan07 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    15 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,284
    Location:
    BKK.
    อือมมม...ศึกนี้ ขอยอมเสียเวลา ติดตามชม...:p
    "ทุกเรื่อง มันมีหลักการและทฤษฎีรองรับ
    ตอนจบ มีแค่สองทาง"
    จริงๆ ? …:emo::wait::rock:
    ๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐
    Screen Shot 2016-06-16 at 09.05.37.png
    ๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐
     
    Last edited: 16 Jun 2016
    ต้นหอม, ชายน้ำ, apollo และอีก 1 คน ถูกใจ.
  11. apollo

    apollo อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    13 Mar 2015
    คะแนนถูกใจ:
    5,703
    ยังไง ๆ ก็ไม่มีทางชนะกฎหมายได้หรอก

    ยอมซะเถอะ
     
    หนูอ้อย และ suraphan07 ถูกใจ.
  12. ชายน้ำ

    ชายน้ำ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    9 Feb 2015
    คะแนนถูกใจ:
    7,081
    เจ้าตัวก็อาจรู้ตัวแล้วเช่นกัน

    ผมว่าปัญหาตอนนี้ของเจ้าตัวคือการผ่องถ่ายทรัพย์สิน
     
    suraphan07 likes this.
  13. suraphan07

    suraphan07 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    15 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,284
    Location:
    BKK.
    มีหลายวิธีครับ...
    ไพร่แดงหลายหน่อ ที่ไม่เอา 'ทำมะกลาย' แถวๆบ้านผม
    ต่างเริ่มออกมา เมาส์กันใหญ่ว่า...
    "ป่านนี้ ไม่รู้ไปอยู่ไหนแล้ว จะอยู่วัดหรือเปล่าฯ"...

    ทำให้นึกขึ้นมาได้ ถึงวิธีที่ พวกเขาเหล่านั้นชอบใช้กัน...:cool:
    คนขับรถก็มี, บ้างก็แม่บ้าน,คนสวน,การ์ด...
    แต่เคสนี้ แกอาจไปฝากไว้บนสวรรค์ ตอนที่แกขึ้นไปเที่ยวเล่น
    เจอคนนู้น คนนี้มากกว่า...:giggle:
     
    Last edited: 16 Jun 2016
  14. suraphan07

    suraphan07 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    15 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,284
    Location:
    BKK.
    เหอๆๆ…ฟังแล้วดูดี...:talking:
    ๐๐๐ ๐๐๐ ๐๐๐
    Screen Shot 2016-06-16 at 13.02.59.png
    ๐๐๐

    บ้านผมถูกโจรปล้น ผมควรจะทำยังไงดีหว่า ?...:cool:
    โดยเฉพาะไอ้โจรนั่น มันหาวิธีแปลกๆมาปล้นกันอยู่เรื่อยๆ
    จนคนถูกปล้นเองไม่รู้ตัว สนับสนุนหรือไม่สนใจไยดีว่า
    เงินที่ให้โจรไป จะต้องเบียดบังคนในบ้านแค่ไหน...:cry:

    ทุกวันนี้ ตายไปแล้วก็มี มีชีวิตที่ยังผ่อนบุญไม่หมดก็มี …:worried:
    ผมต้องไปหาโจรที่ดีกว่าหรือ?:rolleyes:
     
    Last edited: 16 Jun 2016

Share This Page