เลียนแบบทหารตั้ง ตร.ประจำการ ปรับโครงสร้างตั้ง "ตร.กองประจำการ" รองรับกำลังพลไม่พอ ตั้งเหมือน "ทหารกองประจำการ" ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย สืบสวนสอบสวน แต่ไม่เกี่ยวกับการปราบปราม มีระยะเวลา 2 ปี ก่อนปลดเป็นทหารกองหนุน กรณีคณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ ฉบับที่... พ.ศ... ว่าด้วยเรื่องการเปิดรับตำรวจกองประจำการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับทหารกองประจำการ เพื่อแบ่งเบาภาระงาน เนื่องจาก สตช.ได้ประสบปัญหาขาดแคลนกำลังพล ที่ไม่สมดุลกับภารกิจอันหลากหลาย ไม่ว่าจะด้านรักษาความสงบเรียบร้อย หรือความมั่นคงที่ไม่ต้องอาศัยทักษะการปราบปรามและสืบสวนสอบสวนมาก ในเรื่องนี้ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อธิบายเรื่องดังกล่าวกับ "เดลินิวส์ออนไลน์" ว่า ขณะนี้ สตช. ประสบปัญหาขาดแคลนกำลังพลที่ไม่สมดุลกับภารกิจอันหลากหลาย จึงกำหนดให้มี "ตำรวจกองประจำการ" ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้รับทั้งการตรวจเลือก การยกเว้นและการปลด ในลักษณะเดียวกับ "ทหารกองประจำการ" โดยเป็นชายไทยที่มีคุณสมบัติตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร ทั้งนี้หน้าที่ของตำรวจกองประจำการจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.งานด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคง ที่ไม่ต้องอาศัยทักษะงานด้านการปราบปราม 2.งานด้านความสามารถเฉพาะทาง อาทิ การสืบสวนและสอบสวน เป็นต้น พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ความคุ้มค่าด้านงบประมาณ สามารถประหยัดได้ในระยะยาว เมื่อเปรียบเทียบกับการบรรจุบุคลเป็นข้าราชการตำรวจ แม้ว่าการรับสมัครตำรวจกองประจำการ จะมีค่าใช้จ่ายเป็นเงินเดือนและค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม แต่ค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะมีความคงที่ทุกปี สามารถประเมินและบริหารงบประมาณได้อย่างชัดเจน ซึ่งเมื่อสำเร็จการฝึกอบรมแล้วจะอยู่ปฏิบัติหน้าที่ไม่เกิน 2 ปี อีกทั้งยังส่งผลให้มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกำลังพลที่มีอายุน้อย เข้ามาปฏิบัติภารกิจได้อย่างต่อเนื่อง “สตช.จะมีกำลังพลมาทดแทน และสับเปลี่ยนหมุนเวียนกำลังพลที่มีอายุน้อยได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภารกิจด้านความมั่นคง และนำข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติหน้าที่หลักของตำรวจโดยตรง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนการออกจากราชการ เฉพาะผู้ที่ต้องรับราชการตามกฏหมายว่าด้วยการรับราชกาลทหารนั้น สำหรับพลตำรวจกองประจำการที่เข้ารับราชการในกองประจำการจนครบกำหนดแล้ว ให้ดำเนินการปลดจากกองประจำการเป็นทหารกองหนุน โดยมิให้มีการเลื่อนกำหนดเวลาปลดกองประจำการตามกฏหมายว่าด้วยการรับราชกาลทหาร”พล.ต.สรรเสริญกล่าว. อ้างอิง : http://www.dailynews.co.th/Content/regional/277486/เลียนแบบทหารตั้ง_ตร.ประจำการ_ -------------------------------------------------- ผมว่ากำลังตำรวจไทย อันที่จริงไม่น้อยเลยนะครับ เยอะกว่า ถ้าเทียบกันต่อหัวประชากรแล้ว เยอะกว่า สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส และอีกหลายๆประเทศซะอีก อันนี้แก้ปัญหาที่ปลายเหตุครับ ต้นเหตุของปัญหา คือการบริหารทัรยากรบุคคลที่ไม่มีประสิทธิภาพมากว่า คิดให้ดีนะครับ ถ้าจะทำกัน
"........ มีระยะเวลา 2 ปี ก่อนปลดเป็นทหารกองหนุน" ดูเหมือนไม่มีอะไรนะคะ แต่ก็น่าจับตามองว่าเป็นก้าวแรกของทหารในกรมตำรวจหรือเปล่า
คำถามคือ มันจะมีกองกำลังแบบทหารไปเพื่ออะไร ทุกวันนี้ที่มีโรงเรียนตำรวจที่สอนแบบทหารมันก็พิลึกพออยู่แล้ว
ไม่ใช่ครับ ถ้าตำรวจฝึก ตัวกำลังพลจะได้รับการปลูกฝั่งวัฒนธรรม ธรรมเนียมแบบตำรวจเลย กำลังพลที่ได้ ก็จะออกมาเป็นพลตำรวจครับ ไม้ใช่พลทหาร
มองอีกด้านนะครับ ถ้าตำรวจยังต้องการกำลังพลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไอ้ที่มีอยู่มันไม่เพียงพอ แสดงว่า"คนในสังคม"ทรามลงเรื่อยๆ มองมุมนี้ก็ได้เหมือนกัน
ถ้าเกณฑ์เข้ามา มีเวลาทำงาน 2 ปี แล้วมอบหน้าที่ตาม ข้อ 2 ให้ทำ ก็ควรยุบโรงเรียนพลตำรวจ และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ด้วย จะได้ไม่เปลืองงบประมาณแผ่นดิน เพราะแค่เกณฑ์เข้ามาก็ทำหน้าที่ได้แล้ว ไม่ต้องไปเรียนอะไรหรอก
หลักสูตรหลักคือสอนวิชา นินจา การซุ่มพรางตัว ขั้นสูง ระดับสไนเปอร์ หลักสูตรการเคลื่อนที่เข้าจู่โจมเป้าหมายจากจุดอำพราง อย่างรวดเร็ว แม่นยำ หลักสูตรการตั้งปริมณฑล สิ่งกีดขวางเพื่อสร้างฐานมั่นคงหนาแน่น หลักสูตรการบลัฟ เค้น บีบ รีด ตามหลัก เอฟบีไท หลักสูตรการให้บริการ เอาใจ เลีย เช็ด เสริมหลักสูตรการทำไร่นา หว่าน ไถ เพื่อเลี้ยงชีพ สินะครับ
ออกจะงงกับความคิดเรื่องตำรวจประจำการ อิฉันเองก็ไม่ได้เป็นทั้งทหาร หรือตำรวจ ก็แค่เห็นเดินผ่านไปผ่านมาในสายตาตามถนนหนทาง ทหารเกณฑ์จะถูกฝึกวินัยก่อนเป็นเรื่องแรก หลังจากนั้นก็ฝึกการใช้อาวุธจนพอชำนาญ ไม่ไปทำปืนลั่นใส่เพื่อนเวลาออกภาคสนาม บางส่วนประจำกรม กอง เข้าเวรไปรักษาความสงบในหน่วย ก็จะมีบางส่วนที่ต้องออกรบจริง แล้วตำรวจประจำการ ที่มีอายุงานสองปี 1.งานด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคง ที่ไม่ต้องอาศัยทักษะงานด้านการปราบปราม จ้างยามก็ได้นี่คะ ยามเอง บริษัทรักษาความปลอดภัยส่วนใหญ่มักรับมาจากพลทหารที่ปลดประจำการแล้ว เพราะจะรู้ระเบียบวินัยดีแล้ว ฝึกเฝ้าหน่วยจนปลดไง และถ้าไม่ต้องการทักษะในการปราบปราม เจอความผิดซึ่งหน้าทำอย่างไร มันไม่เหมือนกับทหารนะ ทหารเขาก็อยู่ในหน่วยของเขา มีผู้บังคับบัญชาคอยดู จะไม่มาเกี่ยวข้องกับประชาชน แต่ถ้ามาทำหน้าที่แบบตำรวจ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนตาโตๆอย่างเรา แล้วไม่มีทักษะในการปราบปราม จะหวังพึ่งพาได้แค่ไหน เกิดเจอความผิด ซึ่งหน้าจะทำอะไรได้ เอาง่ายๆ แยกได้หรือเปล่า กับ ลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ เจอแล้วทำไง ไม่มีอาวุธนั่นเอาอกไปไปวิ่งสวนกระสุนเลยนะเนี่ย แล้วเจอแบบไหนใช้ปืนได้ หรือห้ามใช้ เรื่องพวกนี้ ประชาชนมาเจอ ประเภทลักทรัพย์แล้วยิงเขาก็ติดคุกนะนั่น ถ้าไม่ต้องใช้ทักษะในการปราบปรามใช้เทศกิจเลยดีกว่าไหม คล้ายกันอยู่แล้ว ไม่มีอาวุธพกพา รักษาความสงบเรียบร้อยดูแลถนน หนทาง โบกรถอย่างเดียว แต่ห้ามจับ เจอทนาย หรือพวกรู้ก.ม. ไล่ต้อน ก็สวัสดีครับผม เชิญครับ 2.งานด้านความสามารถเฉพาะทาง อาทิ การสืบสวนและสอบสวน คุณจะเอาคนมาจากไหน ที่สามารถในเรื่องการสีบสวน สอบสวน ถ้าไม่ได้เรียนหรือฝึกมา ต่อให้เอาคนจบนิติศาสตร์มาทำ ใครจะมาเสียเวลาไปสองปี แล้วปลด ไปสมัครเป็นตำรวจจริงไม่ดีกว่าหรือ นักเรียนนายร้อยเอง ตอนจบมาไปอยู่ตามโรงพัก ยังต้องแยกทำตามความถนัดเลย สวป. ก็ป้องกันและปราบปราม จับแล้วก็มาส่ว สวส. ให้สืบสวนสอบสวน ทำสำนวน แล้วนะมันไม่ได้ทำง่ายๆนะ มันต้องฝึกกันเป็นปี หรือไม่ก็โน่น สว.จร. ไปโบกรถ ดักจับเอา ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ วิสัยทัศน์อาจแคบ มองไม่ไกล (แต่จริงๆสายตายาวนะ ตามวัย)เพราะผู้ชายกะผู้หญิง คิดเรื่องเดียวกันแต่คนละแบบ ก็ไม่ทราบละคะ เพราะไม่ได้เป็นนายพลที่เดินกร่างไปมา (อย่างยัยยุว่า) ว่างมากก็คิดโครงการณ์ออกมา ทำสำเร็จหรือไม่ทราบ แต่ขอทำเบิกร่องลองดูก่อนว่าจะได้งบสักเท่าไร ไม่ใช่เงินภาษีกุคนเดียวนี่หว่า ไม่สำเร็จก็พับไปหาโครงการณ์ใหม่ขึ้นมาได้อีก เนอะ
พรบ นี้มันดีตรงที่เราได้บุคลากรมาโดยไม่ต้องผูกพันงบประมาณแผ่นดินระยะยาวเหมือนข้าราชการที่ต้องเสียงบประมาณไปจนเกษียณอายุ เพราะมันมีระยะเวลาแค่ 2 ปี ครบ 2 ปี ก็เปลี่ยนชุดใหม่ แต่มันจะมีปัญหาตรงหน้าที่ที่มอบให้เขารับผิดชอบ เกณฑ์ทหาร อายุ 20 ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา อาชีพ พฤติกรรมก่อนถูกเกณฑ์ จะเคยเป็นโจรเล็ก โจรใหญ่ ติดยาเสพติด ค้ายาเสพติด เป็นนักเลงอันธพาล ถ้าไม่มีใครรู้หรือยังไม่ถูกจับ ไม่มีประวัติอาชญากร ก็ถูกเกณฑ์เข้าไปทั้งนั้น คนเหล่านี้ ส่วนหนึ่งจะถูกส่งให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่ ตำรวจเป็นเวลา 2 ปี คงยังไม่ต้องถามถึงว่า คุณจะมอบหน้าที่อะไรให้เขาทำ เพราะคำถามแรกก็คือ คุณจะกลั่นกรองคนเหล่านี้อย่างไร หน้าที่ที่ให้เขารับผิดชอบ ข้อ 1 ยังพอรับได้ เพราะมองว่าน่าจะเป็นหน้าที่คล้าย ๆ พวกเทศกิจของ กทม นั่นแหละทำหน้าที่ พลตระเวน หรือ สายตรวจเดินเท้า ช่วยเหลือประชาชนที่ถูกแก๊งฉกชิงวิ่งราว ดูแลรักษาสถานที่เกิดเหตุ หรือสถานที่ต่าง ๆ อาวุธประจำกายคือกระบอง ถ้าเป็นลักษณะนี้ พอรับได้ แต่หน้าที่ใน ข้อ 2 นี่ ไม่รู้ว่าคุณคิดอย่างไร เพราะเขามีเวลาทำงานแค่ 2 ปี เขาต้องเริ่มทำงานตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาแล้ว แค่คุณเอาเขามาอบรมเรียนรู้ วิธีการสืบสวนสอบสวน มันก็ไม่ต้องทำงานแล้วเพราะมันจะหมดเวลาก่อนและที่สำคัญก็คือ นักเรียนนายร้อยที่คุณมีอยู่ เมื่อจบออกมาแล้วมาทำหน้าที่สืบสวนสอบสวน คุณคิดว่าเขาได้รับการสรรเสริญจากประชาชน หรือได้รับเสียงบ่นจากประชาชน ทุกวันนี้การสืบสวนสอบสวนของคุณมันมันถูกครหาไกลไปถึงต่างประเทศแล้ว จึงไม่เข้าใจว่าคุณจะมามอบหน้าที่สืบสวนสอบสวนให้ ตำรวจเกณฑ์ ได้อย่างไร ความหวังของประชาชน คงอยู่ที่ สนช แล้วละ เพราะถ้า พรบ นี้เข้าสภา ก็ได้แต่หวังว่า สนช คงทำหน้าที่กลั่นกรองให้ดี ก่อนที่จะปล่อยออกมาให้ช่วยเหลือประชาชน หรือปล่อยออกมาทำร้ายประชาชน
ผมว่าตำรวจไม่ได้น้อย แต่ปัญหาคือไม่ได้บังคับใช้กฏหมายจริงและถูกต้อง ปัจจุบันคนเกรงกลัวตำรวจ เพราะตำรวจปฏิบัติหน้าที่แบบไม่ซื่อสัตย์ ไม่ใช่เกรงกลัวตำรวจเพราะทำตามหน้าที่อย่างเคร่งครัด กลัวที่ว่าตำรวจมีปืนมากกว่าที่กลัวตำรวจมีกฏหมาย สิ่งที่ผมว่าตำรวจทำไม่ถูกคือ 1 ยังขาดความเอาจริงเพราะเป็นญาติ คนรู้จัก ผู้มีอิทธิพล หรือเจ้านายไม่สั่ง ทำให้เกิดสองมาตรฐาน และบางครั้งกลับช่วยผู้ต้องหาซะเอง 2 ไม่จริงใจกับคดีเล็กๆ อย่างลักขโมย ทะเลาะวิวาท สูบบุหรีในที่สาธารณะ ฯลฯ คดีเหล่านี้ถ้าไม่รับแจ้งความ ก็จะโดนเกลี้ยกล่อมให้ยอมความกัน ไม่ก็แกล้งลืมไปเลย ซึ่งเป็นเมืองนอกคดีเล็กแค่ไหนคุณก็นอนคุกได้ 3 อ้างความเมตตาหรือคนไทยด้วยกันแบบผิดกาลเทศะ อย่างการไม่ยอมจับเด็ก การทำผิดครั้งแรก หรือใช้ในการแก้ตัวให้ผู้กระทำผิดรอด 4 ไม่ได้โง่ แต่หย่อนยาน ไม่ทำงานเชิงรุก ไม่สร้างความเข้าใจที่ดีในชุมชนหรือผู้แจ้งความให้เข้าใจการทำงานของตำรวจได้ 5 อ้างความเหนื่อยและกลัวตาย เงินไม่คุ้มค่าทำงาน ฟังแล้วต่างกับทหารลิบลับในเรื่องนี้ 6 เจ้านายงี่เง่าทั้งสตช และภูธร หากตำรวจทำตัวให้น่าเกรงขาม มีหรือคนทั่วไปจะไม่อุ่นใจ
ผมไม่รู้นะว่า การคัดสรรอัตรากำลังมาใช้ 2 ปี ใช้เกณฑ์เดียวกัน+ใช้กลุ่มเป้าหมายเดียวกันกับทหารหรือเปล่า เช่น อายุครบ 20 ปี มาจับใบดำใบแดงเพื่อเป็นตำรวจ ถ้าใช่อย่างที่เดา อารมณ์จับได้ใบแดงต้องไปเป็นตำรวจ คงจะเป็นคนละอารมณ์กับจับได้ใบแดงไปเป็นทหาร ตรงกันข้ามสุดกู่ ประมาณว่า มีช่องทางรวยแหละ
ด๋าวจะมีการแต่งตั้ง หน ตะกวดกองประจำการที่ไม่ได้จบจาก รร เหล่า มาทำหน้าที่ควบคุม โดยเริ่มจากจังหวัดอุดร เป็นแห่งแรก เป็นช่องทางเกณฑ์ฝ่ายตัวเองมาใช้กำลังกะฝ่ายตรงข้ามอย่างถูกกฎหมาย รึเปล่า
