จึงตัดสินใจและเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสิทธิและเสรีภาพ และไม่เอารัฐประหาร แม้ว่าการตัดสินใจจะทำให้เสียอนาคตพวกเราก็ยอม” นายจตุภัทร์ กล่าว นายรัฐพล ศุภโสภณ ปี 4 เศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ แชมป์ หนุ่มแว่นดำ ที่เคยออกมาเคลื่อนไหว อ่านหนังสือ 1984 หน้าห้างสยามพารากอน นายนัชชชา กองอุดม นักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ แต่งตัวคล้ายหญิงสาว 9คนพอดี
เคยหวังว่า หากคนไทยมีการศึกษามากขึ้น คงจะไม่ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง รู้เหตุและผล ไม่ใช่พอทำผิด ก็มาบอกว่า ฉันไม่มีการศึกษา เขาบอกให้ฉันทำ ฉันก็ทำ เรื่องการเมือง ฉันไม่รู้หรอก อบต กำนัน ผู้ใหญ่บ้านบอก ฉันก็เชื่อ แต่มาเห็นกลุ่มนี้แล้ว สงสัยการศึกษาจะไม่ช่วยอะไร คนรุ่นใหม่แบบไอ้ชู 3 นิ้วนี้ เป็นภาระสังคมชัดๆ อยากดัง ด้วยการเป็นมือตีนให้นักการเมืองมันเป่าหัว ก็แย่แล้ว
ผมสงสัยมากว่าพวกนี่เอาเงินที่ไหนมาทำกิจกรรม ตั๋วหนังก็แจก เฟสบุ๊คก็ลงโฆษณา แถมอั้มเนโก๊ะมีเงินหนีไปใช้ชีวิตที่ปารีสอีก เอาเงินที่ไหน?
น้องเอ้ย การเมืองไม่ได้สวยหรูเกินหรือโหดร้ายเหมือนในตำราหรือสิ่งที่เคยผ่านมาแล้วนะ ------------------------------------------- เปลว สีเงิน Friday, 21 November, 2014 - 00:00 ปัญญาชน "แบกสถาบัน" ประจาน อันที่จริง บ้านเมืองไม่ขึ้นอยู่กับว่าประชาธิปไตยหรือเผด็จการ แต่ขึ้นอยู่กับคนใช้ระบอบนั้นๆ ว่าใช้ไปเพื่อสร้างบ้าน-สร้างเมืองให้สังคมชาติ หรือบ่อนทำลาย-ขายชาติ, โกงบ้าน-กินเมือง เพื่อโคตรเหง้าเหล่าพวกตัวเอง? เมื่อนำตรรกะนี้ใช้มองสังคมไทย จะเห็นความพิกล-พิการทางทัศนคติผ่านคนบางพวก บางกลุ่ม ทั้งจากนักเลือกตั้ง ข้าราชการ ครู-อาจารย์ นักศึกษา และชาวบ้าน ในขณะที่การเมืองระบอบทักษิณ "ในคราบประชาธิปไตย" มือหนึ่ง ล้วงกระเป๋าหลวง เอาเงินออกมาหว่านซื้อเป็นนโยบาย เพื่อบ่อนทำลายคนในระบบรัฐ-ระบบราษฎร์ให้ง่อยเปลี้ย-เสียขา อีกมือหนึ่ง ล้วงทั้งกระเป๋าหลวงและกระเป๋าราษฎร์....! จกเงินงบประมาณและที่หว่านไปนั้นกลับมาเข้ากระเป๋าโคตรเหง้าเหล่าพวก ด้วยเล่ห์และกลโกงทางการเมืองต่างๆ นานา เงินหลวง ๕-๖ แสนล้าน โกงเงินชาวนาซึ่งๆ หน้าอีกกว่าแสนล้าน ชาวนามาทวงก็ไม่ให้ จนชาวนาต้องผูกคอตาย แค่รายการเดียวยังขนาดนี้......! แต่....บางพวก-บางกลุ่มปัญญาชนนั้น "ทนได้" ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ด้วยพอใจประชาธิปไตยแบ่งกันกิน!? ครั้นมีคนอีกกลุ่มหนึ่งเรียกว่า "คณะทหาร คสช." ทนเห็นชาติพินาศต่อหน้าไม่ไหว จึงเข้ามายับยั้งการใช้ประชาธิปไตยชนิดอุบาทว์ชาติชั่ว เป็นการชั่วคราว ก่อนประเทศจะพัง ประชาชนจะเสียนิสัยไปกับ "ประชาธิปไตยเงินแจก" มากไปกว่านี้ บางพวก-บางกลุ่มนั้น..."ทนไม่ได้" ขึ้นมาทันที! พอมีจังหวะ ก็เชิดหัว-ชูหางที่หดดูเชิงแต่แรกออกมาแสดงปฏิกิริยาต่อต้านด้วย "จริตแคบ" กันยกใหญ่ ไม่รู้จะหยิบตรงไหนขึ้นมาชี้เป็น "ความชั่ว-ความผิด" ทางบริหารของคณะทหารที่เข้ามาสร้างบ้าน-แปงเมือง ก็คว้าคำดาดๆ ดิบๆ ว่า "รัฐประหาร-เผด็จการ" ขึ้นมาเป็นเงื่อนไขลมๆ แล้งๆ ก็อยากบอกว่า...... การ "เผด็จการ-รัฐประหาร" ชั่วคราว มันไม่ชาติชั่ว-จัญไร เท่า "ประชาธิปไตยขายชาติ-กินเมือง" ฝังราก นั่นหรอก! อดใจ "รอดูทหารเขาทำ" ซักปี-ปีครึ่ง ไม่ได้เชียวหรือ? จะลงแดงแทนไอ้หน้าแด่น-อีหางดอกสองตัวนั้นกันวันนี้-วันพรุ่งเชียวหรือ? จึงเหี้ยนกระหือรือเข้าชื่อ-ชูนิ้ว อยากให้ "ประชาธิปไตย ขายชาติ-กินเมือง" กลับเข้ามาเหมือนเดิมกันซะจริงๆ เป็นถึงครูบาอาจารย์ นักวิชาการ......! คิดกันได้แค่นี้-ทำกันได้แค่นี้ ไม่มีการแยกแยะ มันก็อัปรีย์สีกระบาลเต็มที แล้วแบบนี้ มิสอนลูกศิษย์-นักศึกษา กลายเป็นปัญญาชน "สมองซีกเดียว" ไปหมดหรือ? ระดับชาวบ้าน "ม้าใช้" และระดับนักศึกษานั้น ผมไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะเข้าใจเส้นทางพวกเขา ปล่อยเป็นลาวาไหลไปตามธรรมชาติ ประดับ "สังคมต่าง" ให้มีสีสันถึงจุดมันหยุดเอง ตีงู ให้ตีที่หัว ฉะนั้น ไม่ต้องไปขึงขัง-ห้ามปรามอะไรพวกนี้หรอก! ใครอยากชู ๒ นี้ ๓ นิ้ว ๕ นิ้ว ก็ให้ชูไป อย่าชู ๕ นิ้วครึ่งก็แล้วกัน จะเอาป้ายต้านรัฐประหาร-เผด็จการอะไร ก็ใช้ชู ให้แขวนคอไป ไม่มีสถานที่จะชู ถ้าผมเป็นผู้นำ คสช.จะจัดเวที ๔ มุมเมืองให้ขึ้นไปชูด้วยซ้ำ ใครอยากชู อยากต่อต้านอะไร... มาเลย ชูได้ ๒๔ ชั่วโมง! แต่ถ้าไปชูนอกที่-นอกทาง เกะกะรบกวนสังคมรวมเขา อย่างนี้ต้องเอากันหน่อย กฎต้องเป็นกฎ ระเบียบต้องเป็นระเบียบ ถึงจะขลัง ถ้ามีกฎแล้วไม่ใช้ เอาแต่ ชัก..ชัก..ครึ่งฝักอยู่นั่นแหละ แรกๆ จะเสียของ ต่อไปจะ...เสียคน! สังคมไทยเป็นไง ก็รู้กันอยู่ เป็นสังคมขี้กลาก "ลามง่าย-ติดง่าย" จนได้ชื่อว่าเป็นชาติที่ "อุปาทานหมู่" เกิดขึ้นบ่อย "อุปาทานหมู่" อาจเป็นศัพท์วิชาการ แต่ถ้าบอกว่า "สังคมบ้าจี้ตามกัน-บ้าเห่อตามกัน" จะร้องอ๋อ! ก็อยู่ที่ตัวนำ ใครนำโด่งดังก่อน จะดังด้านดี-หรือด้านไม่ดี ได้ทั้งนั้น ขอให้ทำแล้วดัง แป๊บเดียวแหละ จะ "ทำตาม" กันเป็นกลุ่ม-เป็นหมู่ คนไทยน่ะ อยู่ที่ไหน มองปร๊าดเดียวก็รู้....! สมมุติอยู่ในห้าง คนชาติอื่นจะเข้าแถวซื้อของ-จ่ายเงิน อยู่ในถนน จะเข้าแถวขึ้นรถ กระทั่งเข้าส้วม เขาก็เข้าแถวตามลำดับก่อน-หลัง ถ้าเป็นคนไทย จะยืนเป็นฝูง-เป็นกลุ่ม ไม่มีหัวแถว-หางแถว ไปทางไหน ก็เฮตามกันไป แย่งกัน-แซงกัน เสียงตะเบ็งเซ็งแซ่ แล้วก็คิกคัก..คิกคัก ชอบอก-ชอบใจ เมื่อได้ก่อน! ผมเคยเห็นที่สนามบินแห่งหนึ่ง เป็นเที่ยวบินสายการบินไทย ฉะนั้น จะมีผู้โดยสารคนไทยมารอขึ้นเครื่องกันมาก ที่อื่น ผู้โดยสารจะเรียงแถวรอเรียกขึ้นเครื่อง แต่คนไทยยืนกระเยื้อกระแหย่ง อยู่รวมเป็นก้อน-เป็นกลุ่ม รอจังหวะพรวด...ไปก่อน..แซงก่อน จนเจ้าหน้าที่ประจำเกตซึ่งไม่ใช่คนไทย เขาต้องยกมือไหว้ปลกๆ แบบคนไทย โบกไม้-โบกมือ ให้เข้าแถว กรณีนักศึกษาขอนแก่น "ต้นแบบ" ชู ๓ นิ้ว และพลเอกประยุทธ์พูดว่า "กระตั้วแทงเสือ" บวกกับมีภาพยนตร์เชิงสัญลักษณ์ ชู ๓ นิ้วมาฉาย นี่ก็ทำนองนั้น เข้าทาง "สังคมขี้กลาก" รวมพวก-รวมหมู่ ทันที! เมื่อวาน เห็นข่าว มีคนอ้างเป็น "กลุ่มธรรมศาสตร์เสรี" จัดกิจกรรม รำกระตั้ว คั่วป๊อปคอร์น นอนดูหนัง ชู ๓ นิ้ว ที่หน้าโรงบ้าง มีนักศึกษาไปยืนชู ๓ นิ้วบ้าง แล้วตำรวจก็บ้าจี้ตาม! คุมคนชูนิ้วไปโรงพัก ผมก็ไม่ทราบว่า มันมีกฎหมายมาตราไหนบอกว่าชู ๓ นิ้วผิดกฎหมาย ชูนิ้วเดียว สองนิ้ว หรือสี่นิ้ว ห้านิ้ว ถูกต้องตามกฎหมาย? บางเรื่อง-บางอย่าง อย่าไปเคร่งครัดแบบคร่ำครึกับเรื่องไม่เป็นเรื่องให้มากนักเลย มันจะตกเป็นเบี้ยล่างทางเงื่อนไขเขา ในการเถียงด้านประชาธิปไตย ไม่ประชาธิปไตย รวมทั้งด้านกฎหมาย เสียเวลา-เสียบรรยากาศเปล่าๆ ให้สังคม "คิดตาม-ทำตาม-พูดตาม" เขาได้รวมกลุ่มบ้าจี้-บ้าเห่อตามกันบ้าง ให้มันเป็นอากาศอิสระที่สังคมเขาได้สูดลมเข้าปอดเพื่อหายใจตามประสาเขาบ้าง เรื่องไร้สาระอย่างนี้ คนไทยชอบ คิดง่าย-ตามง่าย ขืนเข้าไปจุ้นจ้านมาก จะเข้าตำราที่ว่า "ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ" แล้วมันจะไปกันใหญ่ เคยเห็นมั้ย ที่ไหนปักป้าย "ห้ามเข้า" กูก็อยากจะเข้าขึ้นมาติดหมัด ที่ไหนปักป้าย "ห้ามเปิด" ก็อยากจะเปิดขึ้นมาทันที-ทันใด ถามว่า "เข้าไปทำไม....เปิดทำไม"? ตอบหน้าตาเฉยว่า.... "ก็ไม่รู้เรอะ เห็นห้าม ก็อยากดูว่ามันมีอะไร?" เนี่ย...เท่านี้ สำหรับคนอยากรู้-อยากเห็นเป็นสัญชาตญาณ แต่ไม่อยากรับผิดชอบด้วยคิดใคร่ครวญก่อนทำ หนังเขาจะฉาย ก็ให้เขาฉาย ใครจะไปรำกระตั้ว คั่วป๊อปคอร์น นอนแหกแข้ง-แหกขาดู จะชูกี่นิ้วก็ปล่อยเขา ท้องผูกอย่าให้ความสำคัญกับขี้เละ ทำไม่สนใจ ไม่ให้ราคา เดี๋ยวมันก็ฝ่อไปเอง! เพราะพวกที่มาชูนิ้วมือ-นิ้วตีนพวกนี้ ไม่ใช่คนด้อยศึกษา เห็นแบกนามสถาบันมาแบกะดินเลยเชียวว่า "กลุ่มธรรมศาสตร์เสรี"!? ใช่หรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าใช่...ธรรมศาสตร์ยุคนี้ ผลิตคนออกมาได้แบบนี้ อย่าบอกนะว่า "ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนฉันให้รักไอ้หน้าแด่น-อีหางดอก"? ไหนๆ ก็ ฮิต-เห่อ ชู ๓ นิ้ว กันแล้ว เชิญเรียงตัวมาถามซิว่า ๓ นิ้วหมายถึงอะไร ตอบถูกก็ออกใบอนุญาตให้ชูได้ทั่วราชอาณาจักร ถ้าตอบไม่ได้-ไม่ถูก ให้เอา ๓ นิ้วจิ้มขี้หมาเป็นไง? หรือจัดประกวดชู ๓ นิ้ว ถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ช่อง ๕ ก็ได้ แทนที่จะเอาตัวไปเข้าค่ายปรับทัศนคติ ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไรมากนัก ก็ไปบอกเสี่ยตัน เอาไอโฟนมาซักเข่งซิ ใครชูนิ้วสวยกว่า ท่องสัญลักษณ์ ๓ นิ้วได้ถูกใจโก๋กว่า เอาไปเลย ๑ เครื่อง บ้ามาก็บ้าไป ไร้สาระมาก็เหลวไหลไป เป็นขนมจีนผสมน้ำยา มันต้องแบบนี้แหละจึงจะสมยุคสมัยที่ตลก "เท่ง-โหน่ง" ครองจอ-ครองใจคนไทยได้เหนียวแน่น-ยาวนาน โดยไม่ต้องแจก-ไม่ต้องโกงเหมือนการเมืองประชานิยม แล้วรัฐบาล คสช.ก็อย่าเอาแต่จ้ออย่างเดียว จ้ำบ้าง ไปจี้ สนช.บ้าง บอกเขา...อย่าดัดจริตเป็นสภา "ประชาชนเลือกผมมา" ให้มากไปนัก มีหน้าที่ถอด จะมัวอิดออดหาวิมานอะไรอยู่...หือ?. http://www.thaipost.net/news/211114/99304
อาจเป็นรุ่นทดลองทำตลาด สเปคธรรมดาค่อนข้างห่วยกลัวขายไม่ได้ แต่หวังฟลุ๊คชื่อติดตลาด รุ่นใหม่กะลังตามมา ต่อด้วยรุ่นเรือธงตัวจริงเสียงจริง ทหารแก้เกมไม่ได้ก็เสร็จมัน