ผมว่าเรื่องนี้อธิบายมาก็หลายครั้งแล้ว อัยการสูงสุดตีตกไปแล้ว แต่เหมือนคนบางกลุ่มยังไม่ยอมเข้าใจสักที เอะอะก็อ้างแต่ว่า โกงงงงง โดยไม่ฟังเหตุผลอะไรเลย ส่วนนี้คือสาระครับ จากจุดนี้มีการชี้ให้เห็นว่าทาง "พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ แห่ง สตช" ได้เป็นผู้ขอเสนอให้ สุเทพ เทือกสุบรรณ "เปลี่ยน" และในสัญญา สุเทพเองก็ได้ระบุว่า " ห้ามรื้อทุบทิ้งอาคารเดิม" แต่ทำไมตำรวจถึงได้ทุบทิ้งเสียเอง? และยังมีการขยายช่วงเวลาในการก่อสร้างแก่ผู้รับเหมาหลายครั้งแต่ก็ยังบริหารจัดการสร้างไม่เสร็จอีกเช่นกัน ประเด็นที่น่าสนใจคือ นอกจาก "มีการรื้อถอนเองโดยพละการ" และมี "การบริหารเวลาขยับขยายแก่ผู้รับเหมาเอง" แล้ว ยังมี "ผู้ช่วย ผบ.ตร. พงศพัศ พงศ์เจริญ" อดีตผู้สมัครลงตำแหน่งผู้ว่า กทม รอบที่ผ่านมา เป็นประธานในแบบร่างโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนอีกด้วย เรื่องทุจริตอื้อฉาวครั้งนี้ ทำให้ฝ่ายสืบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI นำโดยนาย ธาริต เพ็งดิษฐ์ ลงมาสอบสวนเอาผิดนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ แต่แหล่งข่าวได้สืบค้นจนเจอว่า พงศพัศ เป็นประธานกรรมการที่ดูแลโครงการด้วยตัวเองโดยตรง และ ได้เสนอ พล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิศรี ผบ.ตร.ในขณะนั้น ลงนามให้ความเห็นชอบเรื่อง “ขอรับความเห็นชอบราคาและขออนุมัติจ้างก่อสร้างโครงการอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 หลัง โดยวิธีประกวดราคาด้วยวิธีการทางอีเล็กทรอนิกส์" โดยที่ บริษัทพีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุุดคือ 5,848 ล้าน แต่หลังจากนั้น DSI ก็ยังไม่ได้ให้ความคืบหน้าอะไรและทุจริตโครงการนี้ในวงเงิน 6,672 ล้านบาทก็เงียบลงและยังไม่มีอะไรคืบหน้าตั้งแต่ประกาศผลเลือกตั้งผู้ว่า กทม จนมาถึงทุกวันนี้ ส่วนต่อมาเป็นบทความของคุณ Tongrob Sunontalad "...สำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า สำนวนสั่งฟ้องคดีฉ้อโกง ที่มี บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นต์ แอนด์ คอนตรัคชั่น จำกัด ,นายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล ประธานบริษัท พีซีซีฯ , นายวิศณุ วิเศษสิงห์ กรรมการผู้จัดการบริษัท พีซีซีฯ และนายจตุรงค์ อุดมสิทธิกุล กรรมการบริษัท พีซีซีฯ ผู้ต้องหาที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงเงินค่าก่อสร้างผู้รับเหมาช่วงในโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง ทั่วประเทศ มูลค่ากว่า 90 ล้านบาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 นั้น อัยการฝ่ายคดีพิเศษได้มีความเห็น สั่งไม่ฟ้อง . เนื่องจากพิจารณาสำนวนแล้วพบว่า ผู้รับเหมาช่วง ได้เข้าร้องทุกข์ต่อ ดีเอสไอ ว่าไม่ได้รับเงินค่าจ้าง และเงินค่าดำเนินการต่างๆ จากบริษัท พีซีซีฯ ซึ่งทางอัยการพิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่า ไม่ได้เป็นการหลอกลวง แต่เป็นการผิดสัญญาทางแพ่ง เนื่องจาก บริษัทพีซีซี ไม่จ่ายเงินให้ผู้รับเหมาช่วงตามงวดสัญญา ทำให้ผู้รับเหมาช่วงไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างสถานีตำรวจให้เสร็จสิ้นได้ และบริษัท พีซีซีฯ ก็เคยเป็นผู้รับเหมา และมีประวัติการทำงานก่อสร้างโครงการใหญ่มาก่อน เห็นว่าไม่มีเจตนาฉ้อโกง และไม่มีมูลทางคดีอาญา จึงสั่งไม่ฟ้องดังกล่าว . ส่วนคดีฮั้วประมูลที่ บริษัท พีซีซี ,นายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล ประธานบริษัท พีซีซีฯ และ นายวิศณุ วิเศษสิงห์ กรรมการผู้จัดการบริษัท พีซีซีฯ ผู้ต้องหาที่ 1-3 ข้อหา ทุจริตร่วมกันเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ โดยรู้ว่าราคานั้นต่ำมากเกินกว่าปกติ (ต่ำกว่าราคากลางถึง 540 ล้านบาท) จนเห็นได้ชัดว่า ไม่เป็นไปตามลักษณะสินค้าหรือบริการ หรือเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่หน่วยงานของรัฐสูงกว่าความเป็นจริงตามสิทธิที่จะได้รับ โดยมีวัตถุประสงค์เป็นการกีดกันการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม และการกระทำเช่นว่าเป็นเหตุให้ไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาได้ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 8 . ซึ่งอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ก็มีความเห็นสั่ง ไม่ฟ้องเช่นกัน เนื่องจากเห็นว่า การประมูลโดยวิธีอีอ็อกชั่นของ สตช. เป็นการประมูลอย่างถูกต้อง และมีการแข่งขันราคาหลายครั้ง ส่วนที่ ดีเอสไอ ระบุว่า บริษัทพีซีซีฯ เสนอราคาต่ำกว่าความเป็นจริงมากเกินกว่าปกตินั้น ก็ไม่ปรากฏว่า การเสนอราคาต่ำมากจนเกินไป และต่ำกว่าเกณฑ์ของกระทรวงการคลังแต่อย่างใด..." . ข้อความข้างต้นมาจากคอมเม้นท์ของมิตรสหายท่านหนึ่ง จากโน๊ตนี้ของ "ตบดิ้น" ที่ผมแชร์มาครับ . เอาจริงๆแล้ว ถ้าจะว่ากันในประเด็นข้อกฎหมาย นักเรียนกฎหมายเอง ที่อยู่กับประมวล ตัวบท ตลอดเวลา ก็ยังมึน . ระหว่าง ความผิดตาม ประมวลอาญา มาตรา ๓๔๑ ฐานฉ้อโกง กับ ผิดสัญญา ซึ่งเป็นความรับผิดทางแพ่ง เนื่องจากมันมีพฤติการณ์ที่เป็นเส้นบางๆกั้นอยู่ . ฉ้อโกงอาญา = มีเจตนาหลอกลวงมา "ตั้งแต่แรก" เพื่อหวังเอาประโยชน์ หรือทรัพย์สินอื่นใด . ผิดสัญญาทางแพ่ง = มีเจตนาเข้าทำสัญญาในตอนแรกอย่างสุจริต แต่ระหว่างสัญญา เกิดหน้ามืด มีเจตนาร้ายจนทำผิดสัญญา . คนที่ไม่ใช่นักเรียนกฎหมายอาจเข้าใจยากสักหน่อย เพราะแม้แต่นักเรียนกฎหมายเอง กว่าจะผ่านมาได้ก็แทบแย่ . อ่านเท่านั้นครับ ถึงจะรู้ ถ้าไม่ยอมอ่านตำรา ชอบแชร์แต่ข้อความตัดแปะสามบรรทัด ก็ตัวใครตัวมัน . อยากตาสว่าง ต้องตาสว่างจากตัวเองครับ อย่าให้ใครเอาอะไรมายัดให้ตัวเองง่ายๆ . คิดเองเยอะๆครับ เราเป็นคน ไม่ใช่ควาย ปล "อ่านเท่านั้นครับ ถึงจะรู้ ถ้าไม่ยอมอ่านตำรา ชอบแชร์แต่ข้อความตัดแปะสามบรรทัด ก็ตัวใครตัวมัน" ชอบคำนี้ของคุณ Tongrob มาก
ผมนึกถึงที่คนกลางในสามโลกเคยกล่าวไว้ว่า เรื่องคดีความ ถ้าคดีหมดอายุความมันก็จบ แต่เรื่องการเมือง เอามาเล่นได้ยันลูกบวช การเป็นชนะนอกศาลมันมันทรงพลังมากกว่าผู้ชนะในศาลอย่างมากมายเลยครับ ในทางปฏิบัติ
99ศพ โฮปเวล รถดับเพลิง มาร์คหนีทหาร มาร์ค2สัญชาติ วิชาโดนไล่ออก กรวย ม็อบปิดสนามบิน ฯลฯ วนลูปวันละอัน