เล่นเขียนแบบนี้ มัดตัวเองดิ้นไม่หลุดเลย เท่าที่ผมลองเชคข้อมูลดู ผมเห็นคำอธิบายได้แค่สองอย่าง คือมักง่าย หรือไม่ก็ไม่รู้จักหาข้อมูลให้ดีๆ( ไม่อยากใช้คำว่าเบาปัญญา ) แค่ใช้เว็บยอดฮิตที่ใช้ๆกัน ก็หาทางออกให้กับชีวิตได้ โดยไม่ต้องหาข้อแก้ตัวว่าทนหนาวไม่ไหวแบบนี้ ผมกะแล้วว่ามันต้องมีทางเลือกครับ เพราะสถานีฮากาตะเป็นสถานีที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะคิวชู รถไฟผ่านที่นั่นเยอะมาก ยิ่งใช้ตั๋ว JR Pass ยิ่งง่ายใหญ่ ขอเพียงแค่ไปให้ถึงสถานีชินคันเซนซักที่นึง ก็สามารถไปถึงจุดหมายได้อย่างแน่นอน รถไฟที่ครอบครัวพรโชคชัยแอบขึ้นไปนั้นคือขบวนนี้ครับ เป็นรถไฟตรงจากสถานี Yufuin ไปสถานี Hakata ( จากเว็บ hyperdia.com โดยเลือกเวลาตามที่กล่าวถึงในเว็บ คือช่วงบ่ายของวันที่ 2 มกราคม 2558 ) ผมเอาเวลานี้เป็นเวลาอ้างอิง แล้วก็ลองให้เว็บ Hyperdia ลองหาทางเลือกอื่นให้ดู ถ้าเราลองเซตให้แสดงทางเลือกเยอะๆ เดี๋ยวมันก็จะเจอทางเลือกอื่นเอง แล้วก็เจอจริงๆ ถึงแม้อาจจะดูอ้อมโลกนิดนึง คือนั่งรถไฟสามต่อ แต่ผมไม่เห็นว่าจะเสียหายและน่ากลัวตรงไหนเลย ไปช้ากว่ากันแค่ชั่วโมงเดียว รถไฟญี่ปุ่นนั้นนั่งสบายมาก แถมมีฮีตเตอร์แทบทุกคัน( ผมยังไม่เคยเจอคันที่ไม่มีฮีตเตอร์ ) ไม่เห็นต้องมาดราม่าทนหนาวไม่ไหว แล้วมาอ้างว่าจำเป็นต้องแหกกฎแบบนี้เลย ความจริงแล้ว ถ้าลองใช้เวลาประมาณบ่ายสองโมงเป็นเวลาอ้างอิง เราจะเจอทางเลือกอื่นอีกเยอะเลยครับ ลองเช็คดูที่เว็บ hyperdia ได้เลย http://www.hyperdia.com/cgi/en/sear...h_target=route&facility=reserved&sum_target=7 ปล. พอเห็นข้อมูลแล้วย้อนกลับไปอ่าน ที่บอกว่าต้องรออีกสามชั่วโมงนี่ ผมนี่ส่ายหน้าเลย
ส่วนเรื่องที่ไม่โดนไล่ลงจากรถ ผมเดาว่าพนักงานอาจจะสงสาร เพราะเห็นว่าเป็นช่วงฤดูหนาว เลยยอมให้อยู่ตู้เสบียงไป เสียดาย น่าจะโดนคนโหดๆหน่อย ให้ลงสถานีถัดไป จะได้รู้ตัวว่าผิดตั้งแต่แรก มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกครับ ที่ไม่มีตั๋ว แล้วอนุญาตให้ใช้ตู้เสบียงได้ แบบนี้ก็เละกันหมดสิครับ ถ้าคนที่เค้าจอง อยากไปทานอาหารที่ตู้เสบียง เจอคนแบบครอบครัวนี้ซักสิบคนยืนอยู่เต็มตู้เสบียง มันยุติธรรมกับคนที่อุตส่าห์จ่ายเงินจองตั๋วล่วงหน้ามั้ย?? ปล. อีกด้านหนึ่งผมก็เห็นใจเค้านะ เพราะเวลาที่รู้สึกว่าอยู่ในสถานการณ์ลำบาก คนเรามักจะตื่นตระหนก( ผมก็เคยเป็น )เลยทำอะไรแบบนี้ขึ้นมา แต่ผมมองว่าถ้าตั้งสติดีๆ หาข้อมูลดีๆก่อน ก็ไม่ต้องทำอะไรแบบนี้ให้เสียภาพพจน์นักท่องเที่ยวไทย อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าการที่เค้าเอามาเขียนแล้วโดนถล่มกลับไปแบบนี้ อีกด้านหนึ่งก็เป็นผลดีเหมือนกัน เพราะเค้าจะได้รู้ว่าตัวเองทำผิดแล้วจะได้ไม่ทำอีก ( เท่าที่เห็นก็สำนึกแล้ว แต่ไม่รู้ผู้ปกครองสำนึกหรือยัง? )
ตรงเฉพาะที่ ปล. ที่คนเขาด่าครอบครัว ดร.โส เพราะว่าทำผิดแล้วไม่สำนึก มาตั้งกระทู้อวดอีก ที่สำคัญคือลูกเล่าละเอียด ว่าเป็นไอเดียของพ่อที่จะแอบขึ้นรถไฟ มีวางแผนหลอกเจ้าหน้าที่ซะดิบดี สงสารเด็กที่พ่อแม่สอนมาแบบนี้ มาตั้งกระทู้อวดขนาดนี้ รู้เลยว่าตั้งแต่เล็กๆสอนกันมายังไง
ยัง... ยังไม่เชื่อกันอีก Credit ภาพจาก facebook ปล. เห็นมีคนบ่นว่าคอมเมนต์โดนประชาธิปไตยอุ้มไปด้วยครับ
เวลาเราต้องตัดสินใครสักคนว่าผิดหรือไม่? มีจิตสำนึกหรือไม่? เราจะใช้ประวัติที่ผ่านมา เป็นเครื่องมือในการพิจารณาประกอบ ไม่ได้ตัดสินเพียงแค่พฤติกรรม ครั้งเดียว แล้วสรุป ตลอดเวลาที่ผ่านมา ด๊อกมีแต่แถ อ้าง นี้ นั่น โน้น หนักเข้าก็บอกว่า “กลับไปอ่านใหม่อีกรอบ” หรือ “อ่านทีผมเขียนให้ดีก่อน” เป็นอย่างนี้มาตลอด ใช่หรือไม่? แม้ด๊อกจะจำนน ต่อหลักฐาน ก็ยังบอกว่า “ผมไม่ได้ขึ้นรถไฟฟรี นะครับ” เชื่อหรือไม่ว่า ด๊อกไม่สำนึก ไม่เคยสำนึกและไม่คิดสำนึก ถึงความผิดของด๊อก ถ้าไม่เชื่อ พนันกันมั๊ย “โอเลี้ยงแก้ว-ขี้หมาหนึ่งกอง”
ด๊อกชอบบอกให้คนอื่นกลับไปอ่านใหม่อีกรอบ หรือให้อ่านที่แกเขียนให้ดีๆซะก่อน แต่ด๊อกไม่เคยทำแบบนั้นกับความเห็นคนอื่นที่แกโต้เถียงด้วยเลย มันก็เหมือนเรื่องนี้แหละครับ วันๆแกก็เขียนอะไรให้ตัวเองดูดีไปเรื่อย แต่ไม่เคยย้อนมองสันดานตัวเอง
ครอบครัวนี้ เป็นกันแบบนี้ทั้งบ้าน คงสอนกันมาแบบนี้ โกงได้คือความเก่ง คล้ายๆ กับครอบครัวไอ้แม้ว รู้สันดานแบบนี้ จะค้าขาย ทำธุรกิจกับมัน ก็ต้องคิดให้ดี ระวังให้มากครับ
ผมมองว่าเป็นเรื่อง ธรรมชาติแบบธรรมดาๆครับ ควายมีลูกก็ย่อมเป็นควาย จิ้งจกออกลูกก็เป็นจิ้งจก เหี้ยออกลูกก็ย่อมเป็นเหี้ย ถ่ายทอดส่งผ่านโดย DNA