พ.อ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา เขียน ======================= เมื่อคืนนอนดูข่าวเรื่องมหาเถรสมาคมกับธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ฟังข่าว ต้นจนจบผมคิดว่า ต้องมีคนอีกมาก ที่ไม่รู้เรื่อง ดูข่าวก็ไม่เข้าใจ อย่างที่เคยบอกมาตลอด ผมไม่ได้ต่อต้านชาวธรรมกาย ทำดีก็อนุโมทนาครับ แต่ในฐานะชาวพุทธ เรื่องธัมมชโยทำต่อเนื่องมาถึง 16 ปี งั้นผมจะขอเล่าให้เพื่อนๆ ฟังแบบเข้าใจง่าย สั้นๆ เท่านี้นะครับ (1.) ธัมมชโย รับเงินบริจาคมา (ตามกฎหมายอาญา ถ้ารู้ว่า เงินนี้คนเอามาถวาย โกงเค้ามา ถ้าพระรับไว้ ก็เป็นการรับของโจรนะครับ จะเป็นพระหรือประชาชน ก็ต้องรับผิดตามกฎหมาย) เอาเป็นว่า รับเงินมาละกัน เป็นการรับแทนวัดธรรมกาย แล้วเอาเงินไปซื้อที่ดิน ใส่ชื่อตัวเอง ไม่ได้ใส่ในนามวัด ถ้าแบบนี้ เรียกง่ายๆว่า ยักยอก คือถ้าเป็นเงินวัด ขโมยไปเลย เป็นลักทรัพย์ แต่ถ้าเอาเงินวัดมาซื้อที่ดิน ใส่ชื่อตัวเอง เรียกว่ายักยอก แต่มันคือการเอาของคนอื่นไปนั่นแหละ ยักยอกผิดพอๆกะลักทรัพย์ (2.) พระสังฆราชจึงเขียนและลงชื่อเป็นลายลักษณ์อักษร แปลง่ายๆว่า การกระทำแบบนี้ ถือว่าลักทรัพย์ เมื่อพระลักทรัพย์ จึงต้องปาราชิก (ปาราชิก แปลว่า ผู้พ่ายแพ้ ผลคือต้องสึก และบวชอีกไม่ได้เลย) เล่าสั้นๆ ปาราชิกหรือผู้ต้องพ่ายแพ้ (มาจากคำว่า ปราชัย) มี 4 ข้อ 1.เสพเมถุน คือร่วมเพศกับมนุษย์ ไม่ว่าชายหญิง หรืออมนุษย์ หรือสัตว์เดรัจฉาน แม้แต่ซากศพ ก็ถือเป็นผู้พ่ายแพ้ 2. ขโมยของ ราคาตั้งแต่ 5 มาสก หรือประมาณ 781 บาท (คำนวนวันนี้ตามราคาทองคำหนัก 1 บาท = 21,148 บาท คิดค่าเงินโบราณ 5 มาสก เทียบกับเมล็ดข้าวและทองคำ เอาค่าประมาณ) 3. ฆ่าคนตาย ไม่ว่าจ้างวานหรือลงมือ 4. กล่าวโอ้อวดความสามารถของตัวเองที่เหนือมนุษย์ทั่วไป ทั้งที่ตนไม่มี เช่น มีตาทิพย์ รู้ว่าคนตายไปไหน ทั้งที่ไม่รู้จริง หรือบอกว่าตัวเป็นอรหันต์ ทั้งที่ไม่ได้เป็น...คราวนี้ มาต่อ (3.) พระสังฆราชบอกเรื่องธัมมชโยปาราชิก ให้กับมหาเถรสมาคม (เข้าใจง่ายๆคือ คณะศาลสูงสุดของพระ) แต่กรรมการมหาเถระ ไม่ปฏิบัติตาม ไม่จับสึก ตามข่าว พระสังฆราชจึงเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ไม่ขอร่วมประชุมด้วย 1 ในกรรมการมหาเถระนั้นก็คือ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคมโดยสมณศักดิ์ และเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ (พระอารามหลวง) ที่มีโอกาสเป็นสังฆราชองค์ต่อไป เป็นพระที่บวชให้ธัมมชโยด้วย เรียกว่า พระอุปัชฌาย์ (4.) เมื่อมหาเถระประชุมกัน เมื่อวันที่ 10 ก.พ.59 กลับมีมติว่า คำร้องเรื่องธัมมชโยยักยอกนี้ เป็นคำร้องไม่สมบูรณ์ แต่ไม่ได้วินิจฉัยว่า ธัมมชโย ปาราชิกหรือไม่ เข้าใจตรงกันนะครับ ทำให้ผู้พิพากษาท่านหนึ่ง ออกมาเขียนถึงเรื่องนี้ว่า ยักยอก ถ้าถอนฟ้อง คดีก็จบ แต่ปาราชิกนั้น ทำผิด 1 ใน 4 ข้อ ก็ปาราชิกทันที คนละอย่างกัน คือแก้ไขไม่ได้ ต้องสึกอย่างเดียว แต่ปาราชิกเป็นบัญญัติของพระพุทธเจ้า เรียกว่าพระวินัย ถึงพระฆ่าคน พระองค์ก็ไม่ลงโทษประหารหรือจำคุก แต่ให้สึกออกไป ทางบ้านเมืองจะลงโทษหรือไม่ก็แล้วแต่กฎหมาย เค้าทำแบบนี้มา 2,500 กว่าปีแล้วครับ (5.) ผิดถูกอย่างไร เพื่อนๆ อ่านแล้ว ตัดสินเอาเองนะครับ แต่ที่แน่ๆ สมเด็จช่วง ที่มีโอกาสเป็นพระสังฆราชองค์ใหม่ จะเป็นที่น่าเคารพศรัทธาของคนทั้งประเทศหรือไม่ เราบังคับกันไม่ได้ หรือชาวพุทธทั่วโลกเค้าจะคิดอย่างไร เราก็ห้ามไม่ได้ ผมเพียงแต่ทำหน้าที่ เล่าเรื่องเข้าใจยาก ให้ฟังง่ายๆ เท่านั้นครับ ------------------------------------------------ ฝากให้ไซเรนน้อยอ่าน เป็นการอธิบายใช้ภาษาง่ายๆ เข้าใจง่าย
ดีเอสไอเตรียมสอบ "สมเด็จช่วง" รับของโจรหรือไม่ กรมสอบสวนคดีพิเศษสั่งรับเรื่องรถหรูสมเด็จช่วงเป็นคดีพิเศษ เพื่อพิสูจน์ความผิดและหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี หลังพบความผิดปกติใน 4 ประเด็น คือ การนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ / การประกอบชิ้นส่วนขึ้นเป็นรถสมบูรณ์ / การชำระภาษีสรรพสามิต และ การจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก ซึ่งพบว่ารถจดประกอบผิดกฎหมาย ส่วนสมเด็จช่วงมีเจตนารับของโจรหรือไม่รอการสืบสวนต่อไป อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง แถลงผลตรวจสอบเกี่ยวกับรถยนต์เมอร์ซิเดส เบนซ์ ทะเบียน ขม 0099 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถจดประกอบที่อยู่ในความครอบครองของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช รวมทั้งเป็นประธานมหาเถรสมาคมว่า เป็นรถที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งจากการสืบสวนของดีเอสไอ ในประเด็นเกี่ยวกับการจดประกอบรถดังกล่าว มี 4 ขั้นตอนด้วยกัน คือ 1.การนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ 2.การประกอบชิ้นส่วนขึ้นเป็นรถสมบูรณ์ 3.การชำระภาษีสรรพสามิต และ 4.การจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก 1.ขั้นตอนการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ พบว่าเครื่องยนต์ / ตัวถังรถยนต์ มีเอกสารการซื้อและนำเข้าถูกต้อง แต่อุปกรณ์ส่วนควบอื่น ๆ เช่น ฝากระโปรงหน้า-หน้า ไฟหน้า-หลัง ไฟเลี้ยว เบาะ ประตู กันชนหน้า-ท้าย ไม่พบหลักฐานการนำเข้าแต่พบหลักฐานว่าซื้อจากห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่ง แต่จากการตรวจสอบพบว่าสถานที่ประกอบการไม่มีจริง และ ห้างหุ้นส่วน ดังกล่าวก็ไม่มีในสาระบบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีไม่มีในสาระบบของกรมสรรพากร จึงเป็นการทำเอกสารปลอม เพื่อให้เข้าใจว่าอุปกรณ์ ส่วนควบมีที่มาจากการซื้อภายในประเทศ ซึ่งอาจเป็นความผิดฐานพยายามหลีกเลี่ยงการเสียค่าภาษีศุลกากร หรือการหลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงบทกฎหมายและข้อจำกัดใด ๆ อันเกี่ยวแก่การนำของเข้า ส่วนผู้ครอบครองอาจเป็นความผิดฐานเลี่ยงอากร ส่วนความผิดฐานปลอมเอกสาร เป็นความผิดฐานที่จะดำเนินการควบคู่กันไป รวมทั้งความผิดอื่นที่อาจพบในภายหลังด้วย 2.ขั้นตอนการประกอบชิ้นส่วนรถ 1 ใน 2 บริษัทที่รับประกอบรถไม่มีใบอนุญาตประกอบอุตสาหกรรม แต่มีการใช้ชื่ออู่อื่นที่จัดทะเบียนถูกต้อง ในการประกอบรถยนต์ ดังนั้นการประกอบรถยนต์คันนี้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนั้นยังอาจเป็นความผิดฐาน ขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าโดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือ เสียภาษีไม่ครบถ้วน อีกฐานหนึ่งด้วย 3.ขั้นตอนการชำระภาษีสรรพสามิต พบหลักฐานว่ามีการปลอมลายมือบุคคล แสดงตนเพื่อขอชำระภาษีประกอบรถยนต์, ปลอมลายมือ ในหนังสือมอบอำนาจ และยื่นเอกสารขอจดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จว่ามีการประกอบรถยนต์ ทำให้เจ้าหน้าที่หลงเชื่อและรับชำระภาษี ตามที่มีการยื่นขอ อันเป็นความเท็จและเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527และประมวลกฎหมายอาญา ฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน และฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม 4.ขั้นตอนการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก พบหลักฐานว่ามีการปลอมและใช้เอกสารปลอม ทั้ง แบบคำขอโอนและรับโอนของกรมการขนส่งทางบก (โอนลอย) / มีการปลอมลายมือชื่อบุคคลในหนังสือมอบอำนาจ / ปลอมและใช้ ใบเสร็จรับเงิน / ใบกำกับภาษี ค่าแรงประกอบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่หลงเชื่อ อันเป็นความเท็จทั้งสิ้น รถยนต์ดังกล่าวจึงไม่สามารถจดทะเบียนเป็นรถยนต์ได้ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และ ระเบียบกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ.2531 ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า มีการกระทำความผิดในทุกขั้นตอน กรมสอบสวนคดีพิเศษเห็นว่าเป็นการกระทำผิดทางอาญาที่มีความซับซ้อน กระทำผิดเป็นขบวนการ และมีบุคคลที่เกี่ยวข้องและอยู่ในข่ายที่จะต้องถูกดำเนินคดีอาญาหลายคน จำเป็นต้องใช้วิธีการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเป็นพิเศษ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีคำสั่งให้รับเรื่องดังกล่าวไว้สอบสวนเป็นคดี พิเศษ เพื่อพิสูจน์ความผิดและหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป เจ้าคุณประสารโต้ดีเอสไอ "ไม่ยึดหลักการ-มุ่งทำลาย" ด้าน พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) หรือ "เจ้าคุณประสาร" ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร กล่าวว่าเรื่องนี้ ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะเป็นเรื่องของกฎหมายที่ต้องเคารพอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าสมเด็จช่วงมีความบริสุทธิ์ และไม่รู้เห็นแน่นอนว่ารถหรูคันดังกล่าวผิดกฎหมายหรือไม่ เป็นเพียงแต่ลูกศิษย์ที่จัดหามาถวายเท่านั้น พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวว่า คงไม่เคลื่อนไหวกับเรื่องนี้ เพราะมั่นใจว่าดีเอสไอคงไม่ใช้เรื่องนี้เป็นเครื่องมือรัฐบาลมากลั่นแกล้ง หรือทำให้พระสงฆ์ต้องมัวหมอง และสมเด็จช่วงก็บริสุทธ์ ดังนั้น คสพ.ไม่ได้หนักใจกับเรื่องดังกล่าว พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวว่า เรื่องนี้มิใช่หมายความว่า คณะสงฆ์จะแยกตัวเป็นอิสระ แต่อย่าทำลายล้างทางการเมือง ดีเอสไอเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลก็เปลี่ยนอธิบดี คนเคยเป็นมิตร กลายเป็นศัตรู ไม่ใช่ยึดหลักการ เป็นเครื่องมือทำลายล้างการเมือง ดีเอสไอควรรู้อะไรควร-ไม่ควร อะไรคือข้อกฎหมาย ส่วนการยื่นข้อเรียกร้อง 5 ข้อต่อรัฐบาล ในข้อ 3 พูดถึงเรื่องการเร่งรัดแต่งตั้งสมเด็จช่วงเป็นพระสังฆราช พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวว่า รอฟังจากรัฐบาล ที่จะหารือนายกรัฐมนตรีเมื่อกลับมาจากต่างประเทศ ที่ผ่านมาพวกเราไปให้น้ำหนักกับพระ 1 รูป คน 1 คนที่สร้างเรื่อง หาเรื่องทุกวัน เรื่องนี้จะลุกลามไม่มีที่สิ้นสุด พระส่วนใหญ่ไม่สบายใจมาก จะก่อตัวไปในวันข้างหน้า ลุกลามจนรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เจ้าคุณประสาร กล่าวว่า การวิจารณ์เรื่องไม่ควรเสนอสมเด็จช่วงเป็นพระสังฆราชไม่ได้ยินจากฝ่ายใคร นอกจากพระ 1 รูป-คน 1 คน เรื่องนี้เป็นเรื่องข้อเท็จจริงกับข้อกฎหมาย แต่ไปตีความว่าท่านไม่สมควร ใช่หรือไม่ เป็นหลักการหรือไม่ หรือเป็นเรื่องตัวบุคคล ส่วนกรณีดีเอสไอระบุเรื่อง "หลวงพี่แป๊ะ" เป็นผู้จัดหารถโบราณหรูให้สมเด็จช่วง เจ้าคุณประสาร กล่าวว่า ไม่ทราบว่าหมายถึงใคร และเรื่องอะไร ไม่เข้าใจในความหมายจริงๆ
แกะสำนวนคดีพิเศษรถหรูของ "สมเด็จช่วง" เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ : "ไพบูลย์ นิติตะวัน" ให้ความเห็นกรณี DSI แถลง สมเด็จช่วงฯ ครอบครองรถหรูผิด กม. สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ : พระเมธีธรรมาจารย์ ให้ความเห็นกรณี DSI แถลง สมเด็จช่วงฯ ครอบครองรถหรูผิด กม. (รายงาน) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชี้แจงรถหรูสมเด็จช่วงฯ ผิดกฎหมาย
http://www.dailynews.co.th/regional/380370 อ้าว หลวงพี่แป๊ะ คือ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ นิ แบบนี้ ซื้อเอง ซิ ไม่ได้มีโยมมาถวายให้อย่างที่อ้างกัน
ได้ยินหนูน้อยในบอร์ดนี้บอกว่า โยมเอามาถวาย ใครจะไปรู้ว่าเป็นรถผิดกฏหมาย จากการสอบสวนพบว่า รองเจ้าอาวาสสั่งซื้อแล้วถวายให้เจ้าอาวาส มันยังไงกันอยู่นะครับ ไซเรนน้อยหรือคนกาง นายเวร มาให้ความกระจ่างหน่อย
ขอเชิญทัศนา เพจควายแดงมั่วข้อมูล เจอ บอย สุริยะวัฒน์ ตอกกลับด้วยข้อมูล แอดมินหายเงียบเลย https://www.facebook.com/media/set/?set=a.1827665854127502.1073741834.1437868739773884&type=3
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้ส่งข้อความให้หาทางออกกรณีความขัดแย้งของคณะสงฆ์ให้เกิดความเข้าใจทั้งสองฝ่าย เพื่อให้สถานการณ์ผ่อนคลาย ติดตามได้จากคุณศิริวรรณ รักสัตย์ ผู้สื่อข่าวไทยรัฐทีวี รายงานสดจากวัดสามพระยา
ฝั่งนึงนำพระไปพุทธมณฑล ผบตร.เตรียมสั่งเรียกตัวมาดำเนินคดี ละเมิดคำสั่ง คสช แต่อีกฝั่งเป็นพระไปชุมนุมหน้าสถานฑูตเมกา ปรากฎว่าเงียบกริบ ไม่มีการดำเนินคดี ส่วนรถที่มอบให้พระ มีทุกวัดครับ เชิญไปตรวจสอบให้หมด อย่าทำตัวเหมือนองค์กรอิสระบางพวก มีปัญหาความให้ความเป็นธรรม แล้วจะมาตัดสินความเป็นธรรมคนอื่น ฟังแล้วตลก ถ้าเถรตรง แบบ รมว ยุติธรรม สอบมันทุกฝั่ง ผมจะไม่ว่า
ก่อนตอบนี่ได้ได้อ่านข่าวก่อนหรือเปล่า รองเจ้าอาวาสเป็นคนสั่งซื้อ แล้วถวายให้เจ้าอาวาส ที่ชัดเจนคือไม่ใช่โยมเอามาถวาย
ละเมิดกฎหมายชุมนุม ก็คือละเมิด ดันมาบอกอยู่ที่เจตตา งี้ 157 สิครัช แต่คงฟ้องได้แค่หมา เพราะนี่คือเผด็จการที่สลิ่มศรีต้องการ คนมันเลยไม่เท่ากัน
ไม่เกี่ยวเลย คนถวายจะเป็นพระหรือโยม พระที่รับไปก็ผิด วัดที่รับไปก็ผิด ถ้ารถที่ถวายมันผิด ข้อนี้คือ สมเด็จท่านไม่รู้ว่ารถมันผิด และผมเชื่อว่า ทุกวัด ทุกพระ ที่รับรถ มาถวาย ก็ไม่รู้ว่ารถผิดกฎหมายไหม
อยู่วัดเดียวกัน เจอหน้ากันเกือบทุกวัน แล้วอยู่ๆ ก็เอารถหรูมาให้ จะไม่ถามบ้างเลยเหรอ เอาเงินซื้อรถมาจากไหน ซื้อมาจากใคร มันไม่ใช้รถราคา 100-200 บาท นะโว้ย พยายามใช้สมองคิดหน่อย ขนาดลูกน้องผมขอเลี้ยงข้าวกลางวัน ผมยังถามเลยว่า ถูกหวยมาเหรอ
**พระรู้ทุกเรื่อง*** คุณกำลังสร้างตัวตนให้พระ เคลื่อนจากความเป็นจริง เพื่อเอามาโจมตีนะครับ พิจารณาด้วย
มีตรงไหนที่ผมบอกว่า พระรู้ทุกเรื่อง แล้ว ถถ้าเป็นท่านแล้วลูกน้องท่าน เอารถจักรยานยนต์มาให้ ท่านจะไม่ถามถึงที่มาที่ไปของรถเลยเหรอ
นายกฯระบุหากยังมีปัญหาก็เสนอชื่อ แต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ไม่ได้ วันนี้ (18ก.พ.59) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายหลังเดินทางกลับจากการประชุมสุดยอดอา เซียน-สหรัฐอเมริกา ถึงการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ว่า ได้มอบหมายให้นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปหาทางออกโดยใช้การพูดคุย ซึ่งทุกอย่างจะต้องตัดสินด้วยกฎหมาย พร้อมขอให้คนไทยทบทวนว่า จะแก้ปัญหาร่วมกันอย่างไร เพราะหากยังมีปัญหาก็ไม่สามารถเสนอชื่อแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ได้ เครือข่ายองค์กรชาวพุทธฯแจ้งจับพระพุทธอิสระฐานแจ้งความเท็จอ้างกล่าวหาบิดเบือนม็อบพระสงฆ์ที่พุทธมณฑลล็อคคอทหาร วันที่(18ก.พ.59)ที่สถานีตำรวจภูธรพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เครือข่ายองค์กรชาวพุทธแห่งประเทศไทย ประมาณ 20 คน นำโดยนาย อัยย์ เพชรทอง ประธานเครือข่าย เดินทางเข้าพบ พันตำรวจเอก วรพล ยิ่งเจริญ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรพุทธมณฑล เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ฐานแจ้งความเท็จ นาย อัยย์ บอกว่า พระพุทธะอิสระ ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจก่อนหน้านี้ โดยกล่าวหาว่าพระสงฆ์ ที่มาร่วมชุมนุมที่พุทธมณฑล ทำการล็อคคอทหาร ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อให้พระสงฆ์ได้รับความเสียหาย ทั้งที่ความจริงวันนั้นพระสงฆ์มาที่พุทธมณฑล เพื่อร่วมปฎิบัติธรรม อย่างไรก็ตามหลังรับเรื่อง พ.ต.อ. วรพล ได้สอบปากคำเบื้องต้นและบันทึกไว้เป็นหลักฐาน สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ดินทรรัตน์ บุญฉลวย เรื่องขั้นตอนการจดทะเบียนรถจดประกอบ
ถ้าให้เอาผิดแต่ผู้นำเข้าอย่างเดียว แล้วข้อหา "รับของโจร" นี่มีเอาไว้ขังหมาหรือไงกันนะ ********************************************* คนเราคราวซวยนี่ มันก็มาเป็นชุดเลยนะ กรมศุลฯ พร้อมสอบรถยนต์นำเข้าสมเด็จช่วง กรมศุลกากร 18 ก.พ.- กรมศุลกากรพร้อมตรวจสอบรถยนต์นำเข้าสมเด็จช่วง เพื่อประเมินภาษีย้อนหลัง เมื่อดีเอสไอส่งข้อมูลมาให้ตรวจ นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งข้อมูลการนำเข้ารถยนต์ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง มาให้กรมศุลกากรพิจารณา จากนั้นคณะกรรมการเรียกเก็บอากรตาม ม.6 แห่ง พ.ร.ก.พิกัดอัตราศุลกากร ทำการพิจารณาดูรายละเอียดข้อมูลรถยนต์คันดังกล่าวว่าครบถ้วนอย่างไรบ้าง จากนั้นจึงพิจารณาการหลีกเลี่ยงภาษีจากการสำแดงนำเข้าแบบชิ้นส่วน จากนั้นจึงสรุปการประเมินจัดเก็บภาษี เพื่อเสนออธิบดีกรมศุลกากร โดยจะเรียกเก็บภาษีย้อนหลังจากบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ประกอบด้วย หจก.อ๊อด 89 เอ็นเตอร์ไพร์ส ผู้ส่งนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ ทั้งเครื่องยนต์และตัวถังรถยนต์จากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีบริษัทผู้บริการผู้ส่ง (Shipper) คือ ILS, INC. และนำเข้าโครงตัวถังรถยนต์ มาโดย หจก.ซี.ที. ออโตพาร์ท เป็นผู้นำสินค้าเข้า ส่วนเครื่องยนต์มาโดยเรือ NYK ARGUS เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2553 เบื้องต้นทราบว่าเมื่อนำเข้าชิ้นส่วนแล้วนำมาประกอบเป็นรถยนต์ทั้งคันภาย หลังกรมศุลกากรคาดว่าเป็นการรื้อรถทั้งคันเพื่อต้องการหลีกเลี่ยงภาษี จึงต้องประเมินจัดเก็บภาษีนำเข้าร้อยละ 300 ของราคารถยนต์ ส่วนการตรวจสอบดังกล่าวเป็นการดำเนินคดีทางแพ่ง เพื่อเรียกคืนภาษี หากข้อมูลครบถ้วนจะสรุปได้อย่างรวดเร็ว.-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/406417 กรมศุลกากรเตรียมประเมินราคารถหรู เก็บภาษีย้อนหลัง3บริษัทนำเข้า พร้อมเบี้ยปรับเงินเพิ่ม วันนี้ (18ก.พ.59) นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ( ดีเอสไอ) แถลงผลการตรวจสอบรถยนต์โบราณ ยี่ห้อ เบนซ์ หมายเลขทะเบียน ขม 0099 ผิดกฏหมายและมีการเลี่ยงภาษี ว่า เบื้องต้นได้รับทราบข้อมูลจากทางดีเอสไอแล้วว่า รถเบนซ์ ทะะเบียน ขม 0099 นำเข้ามาผิดกฎหมาย ซึ่งจากนี้ไปต้องรอข้อมูลหลักฐานจากดีเอสไอ อย่างเป็นทางการ และตั้งคณะกรรมการเรียกเก็บอากร ตามมาตรา 6 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราภาษีศุลกากร เพื่อตรวจสอบเอกสารทั้งหมดว่ารถยนต์ที่นำเข้ามาและจดประกอบชิ้นส่วนดังกล่าวจะต้องเสียภาษีอย่างไร รวมทั้งประเมินราคารถยนต์ เบื้องต้นน่าจะจัดเก็บแยกตามพิกัดนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ ที่มีอัตราภาษีตั้งแต่ 30-50%ตามประเภทของชิ้นส่วน พร้อมเบี้ยปรับเงินเพิ่ม ทั้งนี้ หากเป็นไปตามข้อมูลของดีเอสไอที่มีการแยกชิ้นส่วนเข้ามาทั้งคันและนำมาประกอบในไทยจะถือเป็นการนำเข้ารถยนต์ทั้งคัน และต้องประเมินภาษีใหม่ในอัตรานำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปที่ 200-300% โดยกรมฯจะเรียกเก็บจาก 3 บริษัทที่นำเข้าชิ้นส่วนพร้อมกับเบี้ยปรับ. อย่างไรก็ตามกรมศุลกากรมีหน้าที่เพียงติดตามเงินภาษีกลับคืนมา ซึ่งเป็นคดีทางแพ่งแต่ไม่มีอำนาจในการยึดรถยนต์คันดังกล่าว ซึ่งหากกรมยังมีหลักฐานเอกสารครบถ้วนก็คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้ ด้านรายงานข่าวจาก กรมสรรพสามิต ระบุว่า กรมก็จะเข้าไปสอบสวนข้อเท็จจริงตามข้อมูลของดีเอสไอด้วย หากพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพสามิตเข้าไปเกี่ยวข้องและร่วมมือกับการกระทำความผิด เพื่อช่วยเหลือให้มีการหลีกเลี่ยงภาษีรถยนต์ดังกล่าว ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายด้วย DSI ชี้เบนซ์สมเด็จช่วงจดประกอบผิดกฎหมาย-รับเป็นคดีพิเศษ กรุงเทพฯ 18 ก.พ.-ดีเอสไอสรุปผลตรวจสอบรถเบนซ์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชแล้ว จดประกอบผิดกฎหมายทุกขั้นตอน รับเป็นคดีพิเศษ เตรียมส่งหนังสือแจ้งให้ส่งมอบรถผิดกฎหมายคืน.-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/406512
รองเจ้า อาวาส นำมาถวาย เจ้าอาวาส ลองไปเช็คต่อที่ซิ ว่า พระเอาเงินที่ไหนตั้ง 4 ล้านบาทมาซื้อรถ ผมว่ายิ่งสาวไป จะยิ่งหนาว
คนรวยมาบวช ?1 โยมถวาย ท่านรอง ท่านรองถวายสมเด็จ1 ส่วนรถที่เหลือโยมถวาย อีก1 จะคิดมากกว่านี้ไปทำไม ข้อมูลยังไม่นิ่ง
เลียนายก จนไม่มีความคิดของตัวเองมั่งเลย ปู จิตกร บุษบา 22 ชม. · กรุงเทพมหานคร · จะเอาพระมาดีเบตกันทำบ้าอะไร ในเมื่อเรื่องมันต้องตัดสินด้วยกฎหมายและพระธรรมวินัย ไม่ใช่ด้วยความพอใจของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง // คลิกฟังด่วน!!
อืม แล้วเวลาคนเอามือถือไปขายต่อ ร้านเขาไม่ถามหรือ มือถือมาจากใหนขโมยมาไหม แล้วคนเอามาขาย เขาจะบอกไหม หรือคุณเป็นพระ โยมจะไส่บาตรด้วยเนื้อ แล้วพระต้องถามไหม ว่าเนื้อนี้ฆ่าเพื่อถวายพระ เดินบาตรต่อไป ไม่ต้องถามตลอดทางเลยหรือ ว่าสิ่งที่จะถวายพระ มาจากใหน เพลียกับหลิ่มศรี
หลักคิดเดียวกับ ลูกศิษย์ สมเด็จช่วง เลย มีคนเอาเช็คสหกรณ์ มาถวาย พันกว่าล้านบาท ไม่ถามสักคำว่า สหกรณ์ เอาเงิน มาถวายพระเป็นพันล้าน แล้วสมาชิกสหกรณ์เขาอนุญาตหรือ
พี่ Silent Power ช่วยเขา แบกศพเน่า ไว้บนบ่า จนน้ำเหลือง น้ำหนอง หยดใส่ ตัวเหม็นหมดแล้ว วางศพนี้ ลง แล้วไปอาบน้ำ ให้สะอาดเถอะ
ท่านไม่ได้อ่านที่สมเด็จท่านพูดหรือ ท่านรับมาไม่ได้เอาไว้ใช้ แต่เอาเข้าพิพิธพันที่วัดปากน้ำให้คนรุ่นต่อไปศึกษา
สมเด็จท่านนะสะอาด แต่พวกจะเอาหมาเน่ามาไส่ให้ท่านผิดให้ได้ ถ้าท่านจะมีมลทิน ก็บอกธัมมะไชโย ไม่ปาราชิก นู้น ทั้งที่พระสังฆราชท่านวินิจฉัยแล้ว
ผมเชื่อหลวงตาบัว นะครับ ลองหาดูคำกล่าวของท่าน เกี่ยวกับ มส. และหัวหน้า ขณะนั้น ไม่ใช่ลิเก นะครับ ผมว่าเรื่องนี้คุณไม่น่าเอามาแบก แบบท่านสมาชิกว่า
ไอ้ที่บอกว่าเค้าถวายกันทุกวัดน่ะ รถที่ถวายวัดเพื่อใช้ในกิจของสงฆ์ส่วนรวมในวัดนั้นๆ กับที่ใช้เป็นส่วนตัวด้วยชื่อของตนเองไม่ใช่วัด มรึงแยกไม่ออกจริงๆ เหรอว่ะ แถอยู่นั่น ไม่ได้อยากจะว่าอะไรหรอก แต่แถแบบสีข้างถลอกเลยเชียวนะ เหอะๆ
ไม่สนว่าสมเด็จช่วงท่านจะได้ขึ้นไหม แต่ถ้าต่อไปฝ่ายไหน ธรรมยุติหรือมหานิกาย ขึ้นมาก็เกิดเหตุแบบนี้หมด เหมือนกับที่รัฐบาล ปชป พท โดน กปปส พธม นปช ออกมาต่อต้าน เราจะอยู่กันได้ไหม หรือว่าอาจจะชินกับมันไปแล้ว เรารับมันได้แล้ว ??? ถ้าจะว่าคดีสนามกอล์ฟอัลไพน์ ที่รอดเพราะคดีหมดอายุความ มันก็เช่นเดียวกับคดียุบพรรคปชป ที่รอดเพราะคดีขาดอายุความ มันน่าภาคภูมิใจตรงไหน ผมเชียร์ ปชป นะ แต่บางอย่างมันก็ต้องพูด เรามาดูกันว่าคดีเรือเหาะมะเขือเผากะคดีรถโบราณสมเด็จช่วงอะไรจะคลี่คลายเร็วกว่ากัน ครั้งหนึ่งจอมพลสฤษดิ์ ในฐานะผู้ครองอำนาจอันยิ่งใหญ่ ผู้ที่เคยชี้นกเป็นนก ชี้ไม้คนก็บอกว่าเป็นไม้ แต่มาบัดนี้ แม้แต่นิ้วสักข้างหนึ่งเดียวก็ไม่สามารถยกขึ้นมาชี้ใครได้ คานธี เอวิต้าเปรอง เทเรซ่า มาร์ตินลูเธอร์คิงจูเนียร์ แมนเดล่า คนเหล่านี้ไม่เคยบอกว่าสิ่งที่เขาชี้มันคืออะไร แต่ใช้วิธีบอกกล่าวและอธิบายด้วยความรู้สึกภายในใจ ให้ผู้ที่มองเห็นตอบเขาเองว่าสิ่งนั้นคืออะไร นี่คือสิ่งที่ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ยังคงยิ่งใหญ่ได้ตลอดกาลและตลอดไป