ช่วงช่วง นี่จะตายเพราะคนรอบข้างจริงๆ กระทรวงยุติธรรม - 18 มี.ค.59 - บิ๊กต๊อก ไฟเขียวดีเอสไอออกหมายเรียก สมเด็จช่วง เข้าให้ปากคำกรณีครอบครองเบนซ์หรู ตอบคำถามเท่าที่รู้ ไม่ใช่ให้ทนายตอบแทน ย้ำ ไม่ส่งคำถามเป็นลายลักษณ์อักษรเพราะไม่ใช่การสอบสวน ไม่มาตามหมายเรียกตามขั้นตอนต้องขอศาลออกหมายจับ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการเข้าสอบปากคำสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กรณีมีชื่อครอบครองรถเบนซ์โบราณ ขม. 99 กรุงเทพมหานคร หลังเข้าพบสมเด็จช่วงแล้วทนายอ้างยังไม่ขอให้ปากคำ แต่ให้ทำหนังสือแจ้งประเด็นคำถามเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ตนยอมรับว่ารู้สึกควันออกหู เพราะเป็นผู้สั่งการให้ดีเอสไอนำดอกไม้ ธูปเทียนแพไปกราบ และกำชับให้ผู้ที่นำคณะพนักงานสอบสวนไปต้องเป็นรองอธิบดีดีเอสไอ และห้ามทุกคนให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว การให้เกียรติไม่ได้ผิดกฎหมาย อะไรที่สามารถทำได้ก็ทำ ไม่มีเลือกปฏิบัติ กระทั่งดีเอสไอถูกกระทำทั้งยึดโทรศัพท์ และปฏิเสธการให้ปากคำทั้งที่ฝ่ายวัดปากน้ำฯเป็นผู้ประสานกำหนดวัน เวลาเข้าพบ ตนก็สั่งให้พนักงานสอบสวนกลับมาตั้งหลัก ห้ามให้สัมภาษณ์ตอบโต้ ย้ำว่าที่ผ่านมาได้ให้เกียรติแล้ว แต่เมื่อทนายวัดปากน้ำฯออกมาแถลงข่าวจนทำให้เกิดความเสียหายกับภาพการทำงานของพนักงานสอบสวนดีเอสไอ หลังจากนี้ตนสั่งการให้อธิบดีดีเอสไอดำเนินการตามกฎหมาย วันนี้สามารถออกหมายเรียกได้เลย หากไม่มาตามหมายเรียกตามขั้นตอนก็ต้องไปขอศาลออกหมายจับ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ตนสอบถามจนได้รับความชัดเจนแล้วว่าในชั้นสอบปากคำพยาน พยานต้องให้การด้วยตนเอง ตอบได้หรือไม่ได้ก็ว่าไปตามที่รู้ หากทำเป็นลายลักษณ์อักษรได้ก็อยากทำแต่หากเป็นเช่นนั้นจะได้คำตอบเมื่อไหร่ และหากมีประเด็นต่อเนื่องก็ต้องถามกลับไปกลับมาไม่จบ ย้ำว่าจะไม่มีการแจ้งประเด็นเป็นลายลักษณ์อักษรเพราะทำไม่ได้ทางการสอบสวน เรื่องแบบนี้เจ้าตัวต้องตอบเอง ทนายตอบแทนได้ ในชั้นนี้เป็นการสอบปากคำในชั้นสอบสวน ไม่ใช่การเบิกความในชั้นศาลที่ทนายจะซักค้านได้ "การที่ทนายอ้างว่าสมเด็จช่วงไม่รู้เรื่องรถคันดังกล่าวไม่ได้หมายถึงการให้ปากคำไม่ได้ เจตนาในหนังสือระบุไว้หมดแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ ในการสอบปากคำ พยานตอบได้แค่ไหนก็คือแค่นั้น เจตนาคือต้องไปสอบ รู้คือรู้ ไม่รู้คือไม่รู้ แต่จะให้ทนายตอบแทนไม่ได้ นี่เป็นเพียงการให้การชั้นสอบสวน คดียังต้องผ่านการพิจารณาในชั้นอัยการอีก " รมว.ยุติธรรม กล่าว ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 21 มี.ค. จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการกับสมเด็จช่วง ภายหลังทนายปฏิเสธการให้ปากคำ นอกจากนี้ จะสอบถามไปยังพนักงานสอบสวนด้วยว่านัดสอบปากคำพระมหาศาสนมุนี หรือ หลวงพี่แป๊ะ ในช่วงเย็นของวันที่ 21 มี.ค.นี้ จะได้สอบปากคำหรือไม่ หากไปพบที่วัดแล้ว ยังจะให้พนักงานสอบสวนส่งประเด็นคำถามเหมือนกรณีสมเด็จช่วง ก็ไม่ต้องไป http://www.nationtv.tv/main/content/crime/378494277/
สมเด็จท่านจะเสียคนตอนแก่เพราะทนายหัวหมอพวกนี้แหละ ตอนแรก DSI จะไปสอบปากคำดีๆ อุตส่าห์ออกข่าวว่าจะเตรียมธูปเทียนแพไปถวายสักการะก่อน แล้วจะสอบถามท่านตามลำพังเงียบๆ ในที่ของทางวัด ดันมาเจอทนายหัวหมอเข้าไป มาขอดูข้อสอบก่อนไม่งั้นไม่ให้สอบ DSI เขาอุตส่าห์ออมชอมอ่อนน้อมประนมมือเข้าไปหา กลับถูกไล่กลับ คราวหน้าเขาเอาจริงก็อย่าหาว่าไม่ให้เกียรติก็แล้วกัน
ทนายพวกนี้เคยชินเหมือนอดีตท่านผู้นำที่ให้ลูกได้เห็นข้อสอบ ก่อนเข้าห้องสอบนะครับ คนดีของพวกประชาติปตายเค้าแหละ
ผมก็ไม่มีความรู้ด้านกฎหมายนะ แต่ไม่เคยได้ยินการให้ปากคำแบบลายลักษณ์อักษรเสียที จากเนื้อข่าวว่าท่านไพบูลย์ควันออกหู ก็แสดงว่าหลังจากนี้ คงทำตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมาแล้ว ไม่ค่อยเข้าใจนะ ทนายความนึกอย่างไรถึงเล่นแง่วิธีนี้
วันแรกของสัปดาห์ มีความเคลื่อนไหวคดีสำคัญในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ คือคดีรถหรูจดประกอบในความครอบครองของ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง วรปุญฺโญ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ช่วงสายวันนี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ จะประชุมหารือเกี่ยวกับการพิจารณาออกหมายเรียก สมเด็จช่วง เข้าให้ปากคำในคดีครอบครองรถเบนซ์โบราณ หมายเลขทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ซึ่งดีเอสไอตรวจสอบกระบวนการนำเข้า // จดประกอบ // และจดทะเบียน พบว่าผิดกฎหมายทุกขั้นตอน ก่อนหน้านี้ ทางวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ได้ส่งรถเบนซ์โบราณในความครอบครองของสมเด็จช่วงให้กับดีเอสไอ ในฐานะรถของกลางเรียบร้อยแล้ว แต่การเข้ากราบนมัสการสมเด็จช่วงเพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการได้มาซึ่งรถ เบนซ์โบราณเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกลับไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากทนายความของสมเด็จช่วง ขอให้ดีเอสไอไปทำหนังสือและกำหนดประเด็นคำถามมาเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน ท่าทีของทนายความสมเด็จช่วง ทำให้ พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไม่พอใจ และกล่าวตำหนิทีมทนาย พร้อมสั่งการให้ดีเอสไอเดินหน้าออกหมายเรียกหากจำเป็นต้องดำเนินการ พร้อมย้ำว่าการส่งทีมพนักงานสอบสวนเข้านมัสการที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ถือเป็นการให้เกียรติในฐานะสมเด็จพระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่ แต่เมื่อไม่ยอมให้การ ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย นอกจากนั้น คณะพนักงานสอบสวนจะหารือกันถึงการสอบปากคำ พระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ซึ่งทำหน้าที่เป็นพระเลขานุการของสมเด็จช่วงด้วย โดยหลวงพี่แป๊ะมีบทบาทในการจัดหารถเบนซ์โบราณคันที่มีปัญหา หลังได้รับเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา ทั้งนี้พนักงานสอบสวนจะหารือกันว่าจะดำเนินการอย่างไรกับกรณีหลวงพี่แป๊ะ เพราะเกรงจะซ้ำรอยกับการเข้านมัสการสมเด็จช่วง
ผมไม่วิจารณ์สมเด็จช่วงว่าท่านทำผิดกฏหมายหรือไม่ เรื่องรถหรู แต่ผมสมน้ำหน้าทีมทนายที่เจอไม้แข็งของพลเอกไพบูลย์เพราะความหัวหมอของตัวเอง ดูเหมือนว่าความหัวหมอและการทำตัวมีเหลี่ยมมีคมมีเลศนัยดูจะใช้ได้ผลในสังคมไทย แต่ครั้งนี้พลเอกไพบูลย์ท่านจัดการเจ้าพวกนี้ได้สะใจจริงๆครับ
ดูพาดหัวไทยรัฐวันนี้ ชัดเจนว่ามส. ธรรมกายและเสื้อแดงผนึกกำลังกันป่วนรัฐบาลแน่นอน จะได้ผลมากน้อยหรือไม่อย่างไรต้องคอยดูกัน ดูจากที่ผ่านๆมา สมเด็จช่วง มส. และธรรมกายกำลังจมลึกลงทุกที แต่เสื้อแดงไม่มีอะไรจะสูญเสียแล้ว ขอเพียงได้ก่อเหตุวุ่นวายก็ถือว่าสำเร็จและน่าจะหวังไกลไปถึงขั้นจราจลด้วยซ้ำไป
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงความจำเป็นต้องออกหมายเรียก สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เพื่อสอบปากคำ กรณีครอบครองรถยนต์โบราณ ยืนยันทำตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างถูกต้อง หากทำผิดขั้นตอน พร้อมลาออกจากตำแหน่ง พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่าการตรวจสอบรถโบราณเป็นไปตามกฎหมาย และเพื่อความเป็นธรรมได้ตรวจสอบไปแล้วกว่า 7,000 คัน ซึ่งคดีนี้ดำเนินการมาก่อนที่ตนเองจะเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี และผลการตรวจสอบระบุชัดเจนว่ารถมีที่มาผิดกฎหมาย จึงต้องสอบสวนตามขั้นตอนต่อไป โดยทำหนังสือขอเข้าพบ ไม่ได้ออกหมายเรียก เมื่อไม่ได้รับความร่วมมือจากทีมทนายความของวัดในการสอบปากคำ โดยอ้างว่าพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ต้องส่งคำถามให้ทีมทนายความก่อน ซึ่งในทางปฏิบัติไม่จำเป็น จึงยุติการสอบสวนในวันนั้น และขั้นตอนต่อไปตามกฎหมายต้องออกหมายเรียกเพื่อขอสอบสวนปากคำ ซึ่งไม่ทราบว่าอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะออกหมายเรียกในฐานะพยาน หรือฐานะผู้ต้องหา เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในสำนวนคดี ต่อจากนี้ไปถือว่าตนหมดหน้าที่แล้ว จะไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก แต่ถ้าวันหนึ่งพิสูจน์ว่าสิ่งที่ทำไปนั้นขัดหลักต่อกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องล่ารายชื่อเพื่อปลดออกจากตำแหน่ง เพราะพร้อมที่จะลาออกเอง ข่าว 7 สี - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุ เป็นดุลยพินิจพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ ในการออกหมายเรียก สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ มาสอบปากคำ ในคดีอาญาการครอบครองรถเบนซ์โบราณ พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ย้ำว่าได้ให้เกียรติฐานะทางสังคม ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชมาตลอด และสัปดาห์ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนของดีเอสไอ ก็ไม่ได้สอบปากคำ เพราะทนายและลูกศิษย์วัด ไม่ต้องการให้สอบปากคำ อย่างไรก็ตาม คดีนี้ไม่ใช่เป็นคดีแพ่ง เป็นคดีอาญา จึงสามารถออกหมายเรียกพระภิกษุสงฆ์มาสอบได้ แต่จะเป็นในฐานะพยาน หรืออย่างไรอยู่ในดุลยพินิจพนักงานสอบสวน และถ้าไม่มาพบตามหมายเรียก ก็ต้องให้ศาลพิจารณาออกหมายจับ ขณะที่นายประดับ โพธิกาญจนวัตร รองโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ชี้ควรให้เกียรติการสอบปากคำ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เพราะท่านเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ เป็นที่นับหน้าถือตาเป็นที่เคารพสักการะบูชา ของพระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชน ะสอบสวน ต้องดูว่าสอบในฐานะใดด้วย ด้านนายรักสยาม มานานุภาพ นายกสมาคมเปรียญธรรม 9 ประโยค ระบุว่า ตามหลักการ ที่พระสงฆ์ได้รับความคุ้มครองจากพ.ร.บ.คณะสงฆ์ หากพระไม่ได้ทำผิดพระธรรมวินัย จะออกหมายเรียกสอบปากคำไม่ได้ อีกทั้งกรณีนี้ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อยู่ในฐานะพยานด้วย ดีเอสไอจึงเรียกสอบไม่ได้ ความคืบหน้าการสอบปากคำสมเด็จช่วง ในฐานะพยานผู้ครอบครองรถจดประกอบผิดกฎหมาย วันนี้พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ประชุมเพื่อสรุปแนวทางในเรื่องนี้ ไปติดตามจากรายงานคุณสุทธิรักษ์ อุฒมนตรี วันนี้ พนักงานสอบสวน สำนักภาษีอากร ดีเอสไอ ประชุมร่วมกับพนักงานอัยการ เพื่อหาแนวทางการสอบปากคำสมเด็จช่วง กรณีครอบครองรถเบนซ์ โบราณ หลังจากสมเด็จช่วง ไม่ยอมให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งเดินทางไปพบที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยฝ่ายทนายความต้องการให้ตั้งคำถามเป็นลาลักษณ์อักษร หรือให้สอบถามทนายความ แต่พนักงานสอบสวน ยืนยันว่าต้องสอบปากคำสมเด็จช่วงเท่านั้น อธิบดี ดีเอสไอ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง แจ้งผู้สื่อข่าว ว่า วันนี้ ขอเวลาให้พนักงานสอบสวน ทำงานก่อน ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดการประชุมได้ โดยการประชุมวันนี้ จัดขึ้นภายในห้องประชุม สำนักภาษีอากร ดีเอสไอ อาคารบี ชั้น 8 ดีเอสไอ เดินหน้าตรวจสอบที่มาของรถเบนซ์คันนี้ จากหลายช่องทาง โดยขณะนี้ ผบ.สำนักคดีภาษีอากร พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ หัวหน้าพนักงานสอบสวน อยู่ที่ประเทศอังกฤษ เพื่อตรวจสอบหลักฐานการผลิตรถเบนซ์ และการส่งชิ้นส่วนเข้าประเทศ ดีเอสไอ ประสานไปทั้งสหรัฐ อังกฤษ อิตาลี โดยประเทศที่ให้ความร่วมมืออย่างดีเวลานี้คือ อังกฤษ
เห็นด้วยและสนับสนุนพลเอกไพบูลย์ครับ พระสงฆ์องคเจ้าควรมุ่งทางหลุดพ้นและเป็นแสงสว่างนำทางให้เราซึ่งยังอยู่ในวังวนของกิเลส ไม่ใช่มัวแต่เล่นแง่เล่นมุมทางกฏหมาย นี่ไม่ใช่สามสี่จังหวัดภาคใต้ที่มีคนจ้องเอาชีวิตพระ อยากใช้วิถีทางโลกก็ต้องออกมาอยู่ทางโลกก่อน อย่าทำให้โลกทางธรรมต้องแปดเปื้อนเลยครับ
"ด้านนายรักสยาม มานานุภาพ นายกสมาคมเปรียญธรรม 9 ประโยค ระบุว่า ตามหลักการ ที่พระสงฆ์ได้รับความคุ้มครองจากพ.ร.บ.คณะสงฆ์ หากพระไม่ได้ทำผิดพระธรรมวินัย จะออกหมายเรียกสอบปากคำไม่ได้ อีกทั้งกรณีนี้ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อยู่ในฐานะพยานด้วย ดีเอสไอจึงเรียกสอบไม่ได้" เอาฮา ใช่ไหม แล้ว คุณพี่ จะให้ ใครชี้ว่า ทำผิดพระธรรมวินัย ละ ให้ สมเด็จช่วง ในฐานะ รักษาการสังฆราช ชี้แล้วกัน 5555555
ตรรกะของใครไม่รู้ ดำเนินการทางกฏหมายกับสมเด็จช่วงไม่ได้เพราะยังไม่มีการสอบสวน สอบสวนสมเด็จช่วงไม่ได้เพราะยังไม่มีการชี้ว่าทำผิดพระธรรมวินัย การชี้ว่าสมเด็จช่วงทำผิดพระธรรมวินัยหรือไม่ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการที่สมเด็จช่วงนั่งเป็นประธาน หากศาลยังไม่มีคำพิพากษาว่าทำความผิดถือว่าผู้นั้นยังเป็นผู้บริสุทธิ์
เมื่อก่อนมักมีประโยคว่า "การจบการศึกษาสูงๆ ไม่ได้รับประกันว่า คนนั้นจะเป็นคนดีหรือเลว" ตอนนี้ต้องเพิ่ม"ถึงจะจบเปรียญธรรม 9 ประโยค ไม่ได้รับประกันว่า คนนั้นมีธรรมหรือไม่"
ถ้าพระรับของโจรจะมีโทษเหมือนฆราวาสหรือไม่ ถ้าไม่อีกหน่อยโจรในคราบผ้าเหลืองคงระบาด อยู่วัดครองผ้าเหลืองออกนอกวัดก็เป็นสกินเฮดฮิปฮอปออกปล้นจี้ตีหม้อเพลินไป
ทำมะกายโดนแล้ว ใครหว่าที่บอกว่าคืนแล้วไม่ผิด ออกหมายเรียก “ธัมมชโย” สมคบฟอกเงิน-รับของโจร คดีสหกรณ์คลองจั่นเรื่องโดย Nation ดีเอสไอออกหมายเรียก"ธัมมชโย" ในข้อหา"ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร" กรณีรับเชคจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นมูลค่า 800 ล้านบาท โดยพระธัมมชโยจะต้องมาสอบปากคำด้วยตัวเองที่ดีเอสไอวันที่ 8 เม.ย.นี้วันนี้ 29 มี.ค. พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในคดีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตผู้บริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่นกับพวก 8 คน ยักยอกทรัพย์ สหกรณ์ฯมูลค่าความเสียหายกว่า 16,000 ล้านบาท ได้ออกหมายเรียกพระเทพญาณมหามุณี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ผู้ต้องหาในฐานความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร โดยให้พระพระเทพญาณมหามุณี ผู้ต้องหาเดินทางไปให้ปากคำที่สำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ ในวันที่ 8 เม.ย.2559 เวลา 09.00น.ก่อนหน้านี้คดีนี้อยู่ในความรับผิดชองของ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดี และได้ออกหมายเรียกพระเทพญาณมหามุณี และกลุ่มพระในวัดพระธรรมกายที่มีรายชื่อปรากฎรับเช็คจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยมีการจัดลำดับการเข้าให้ปากคำ เริ่มจากวันที่ 10 มี.ค.เป็นต้นไป แต่ยังไม่ได้สอบในส่วนที่พระธัมมชโย มีชื่อรับเช็คด้วยตนเองเพราะส่งทนายมาแทน ซึ่งดีเอสไอ ต้องการสอบในส่วนที่พระธัมมชโยมีชื่อรับเช็คเองสำหรับเช็คที่ตรวจสอบพบนายศุภชัย อ้างว่าบริจาคให้วัดพระธรรมกาย มี 15 ฉบับ มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท โดยพนักงานสอบสวนดีเอสไอชุดเดิมสรุปไว้ว่า พระธัมมชโยยอมรับว่ารับเช็ค 13 ฉบับ จากการตรวจสอบพบเช็คบางฉบับมีการสลักหลังและโอนเงินหลักร้อยล้านบาทกลับไปยังบัญชีบุคคลอื่นแทน ทั้งนี้ รายชื่อ กลุ่มพระที่มีชื่อเป็นผู้รับโอนเงินจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ เช่นทิ พระวิรัช 100 ล้านบาท พระมนตรี 100 ล้านบาท พระครูปลัดวิจารณ์ฯ 119 ล้านบาท " อ่านต่อที่: http://www.nationtv.tv/main/content/social/378495802/
ไม่รู้ว่าจะป่วยอีกป่าว และถ้าอ้างป่วยมาชี้แจงไม่ได้ โดยมีใบรับรองของแพทย์ มายืนยัน ดีเอสไอ ทำอะไรได้บ้างอะครับ หรือต้องปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ทนายวัดปากน้ำเผยส่งเอกสารสอบปากคำให้ดีเอสไอไปแล้ว นายสมศักดิ์โตรักษา ฝ่ายกฎหมายวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ จะสอบสวนสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ กรณีเป็นผู้ครอบครองรถเบนซ์โบราณ ว่า ทางวัดเห็นว่าครบกำหนด 7 วัน ที่ได้ขอให้ดีเอสไอส่งหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรแจ้งประเด็นคำถามที่จะสอบถามสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์แล้ว แต่ดีเอสไอไม่ได้มีการส่งหนังสือกลับมายังวัด ทางวัดจึงส่งหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อชี้แจงกรณีการครอบครองรถเบนซ์โบราณของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ไปถึงอธิบดีดีเอสไอและหัวหน้าทีมสอบสวนกรณีรถเบนซ์โบราณของวัดปากน้ำฯแล้ว เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ทั้งนี้หนังสือชี้แจงของทางวัดมีใจความโดยสรุป คือ แจ้งให้ดีเอสไอทราบถึงที่มาของรถเบนซ์โบราณว่าเป็นอย่างไร และสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์เป็นเพียงผู้รับบริจาครถ และเซ็นต์รับบริจาครถโดยเป็นการรับโอนลอย ซึ่งเอกสารเกี่ยวกับรถที่พระมหาศาสนมุนีหรือเจ้าคุณแป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำฯนำมาถวายให้ท่านเซ็นต์นั้นเป็นเอกสารเปล่า ไม่ได้เขียนข้อความใดๆ และเจ้าคุณแป๊ะก็ได้ขอหนังสือสุทธิและทะเบียนบ้านของท่านไป รวมทั้งได้ชี้แจงว่ารถดังกล่าวจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์วัดปากน้ำฯและไม่ได้นำมาใช้งาน โดยจดทะเบียนไม่มีการใช้งานตั้งแต่ พ.ศ.2556 อย่างไรก็ตาม หากดีเอสไอยังมีประเด็นคำถามเพิ่มเติม จะให้ทางวัดทำหนังสือชี้แจงเพิ่มเติม หรือจะเข้ามาสอบถามสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์โดยตรงก็ได้ ทางวัดพร้อมร่วมมือ แต่ขอให้ประสานมายังตนก่อนว่าจะสอบถามท่านในประเด็นใดบ้าง เพราะตนเป็นผู้รับมอบอำนาจตามกฎหมายจากสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์
ของบริจาค จำเป็นมั้ยที่พระต้องเซ็นต์รับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ให้ใส่เป็นชื่อวัดไม่ได้เรอะ หรือท่านไม่ยอมปล่อยวาง ยังทำนาบนหลังญาติโยม
สุจริตชนที่ไม่ได้ทำธุรกิจร้อยล้านพันล้านและไม่อยู่ในโซนสีเทาทั้งหลายไม่จำเป็นต้องมีทีมกฏหมายทีมทนายหรอกครับ การที่สมเด็จช่วงและวัดพระธรรมกายมีทีมกฏหมายและทีมประชาสัมพันธ์แข็งแกร่ง กลับทำลายความน่าเชื่อถือของตัวบุคคลและองค์กรเสียสิ้น
แง่มุมเล่ห์เหลี่ยมที่ใช้ประจำคือ ให้ทีมทนายยื่นเอกสารว่าป่วย มาพบจนท.ไม่ได้ ระหว่างขอเลื่อนก็มีทีมงานออกไปแจกถุงขนม ถ้าถุงขนมไม่ได้ผลก็จะยอมไปพบจนท.หลังจากเลื่อนไม่ได้อีกแล้ว ตอนพบจนท.จะมีผ้าปิดปาก อ้างว่าไม่สบายเจ็บคอไม่มีเสียง ให้คนอื่นตอบแทน ไว้เป็นทางออกยามจนมุม จะบอกว่าคนพูดพูดผิด ก่อนและระหว่างพบจนท.จะระดมมวลชนไปกดดันจนท. ยั่วยุให้มีการปะทะ จะได้มีข้อกล่าวหาจนท.ทำร้ายพุทธศาสนิกชน ประวิงเวลาจนเลือกตั้ง หวังให้เผาไทยกลับมา
ผมขอทำนายดวงของ ชิตังเม ว่า วันที่ 8 เมษายน 59 นี้ จะต้องป่วยอย่างแน่นอน ถ้าบริสุทธิ์จริง คงจะไม่ป่วยนะครับ ชิตังเม โป้ง คุก ชิตังเม โป้ง คุก ชิตังเม โป้ง คุก
พฤติการณ์ของคดีเริ่มต้นขึ้นเมื่อ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ และพวกร่วมกันจัดทำรายงานประจำปี 2552-2555 ตกแต่งบัญชีว่าการดำเนินงานมีผลกำไร สามารถจ่ายเงินปันผลได้ถึง 10% แต่ภายหลังดีเอสไอสอบสวนกลับพบว่ามีผลประกอบการขาดทุนมาตลอด ทำให้ประชาชนหลงเชื่อนำเงินมาฝากจำนวนมาก ตัวละครที่ทำให้เจ้าหน้าที่พบพิรุธในคดีนี้คือ นายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล เจ้าของหุ้น บริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป ประเทศไทย จำกัด อดีตพระลูกวัดพระธรรมกาย ที่สึกออกมาในปี 2554 เพื่อดูแลธุรกิจมูลค่า 1,110 ล้านบาท ซึ่งมีการตรวจสอบพบว่า หุ้นจำนวนนี้ เคยปรากฎชื่อ นายศุภชัย เป็นผู้ถือครอง ก่อนจะโอนต่อไปให้นายสถาพร ถือครองแทน หลังจากจดทะเบียนบริษัทนี้ขึ้นมา เงินจำนวนมหาศาลก็ได้เคลื่อนย้ายเข้าออกจนผิดปกติ กลางปี 2556 นายศุภชัย ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานสหกรณ์ฯ ต่อมาไม่นาน กรมส่งเสริมสหกรณ์ มีคำสั่งให้นายศุภชัยออกจากตำแหน่ง โดยระบุว่าระหว่างวันที่ 10 เมษายน-8 ตุลาคม 2556 นายศุภชัย สั่งการให้เบิกจ่ายเงินสดของสหกรณ์หลายครั้ง เข้าบัญชีตัวเอง และบุคคลที่ 3 โดยทุจริต ในชั้นสอบสวนนายศุภชัย ให้การปฏิเสธ 1 พฤษภาคม 2557 สหกรณ์ฯ ยื่นฟ้องนายศุภชัย กับพวกรวม 18 คน และขอให้ศาลมีคำสั่งชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยการยึดและอายัดทรัพย์สินที่ ยักยอก รวมราคาประเมินกว่า 3,900 ล้านบาท 24 มิถุนายน 2557สหกรณ์ฯ ยื่นแผนต่อศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอฟื้นฟูกิจการ โดยมีจำนวนหนี้ 21,934 ล้านบาท เจ้าหนี้ 56,601 ราย 12 กุมภาพันธ์ 2558 ปปง. แถลงยึดทรัพย์จากนายศุภชัย และพวก ทั้งสิ้น 1,221.6 ล้านบาท 2 เมษายน 2558 นายศุภชัย ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ หลังศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว แม้จะยื่นอุทธรณ์ถึง 2 ครั้ง 24 เมษายน 2558 ดีเอสไอ สรุปสำนวนฟ้องนายศุภชัย อีก 2 ข้อหา คือยักยอกทรัพย์และลักทรัพย์ รวม 8 กรรม 29 ตุลาคม 2558 ดีเอสไอเผย ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2552 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 กลุ่มวัดพระธรรมกาย ได้รับเช็คจากสหกรณ์ รวม 21 ครั้ง เป็นเงินมากกว่า 1,200 ล้านบาท โดยไม่มีมูลหนี้กับทางสหกรณ์ 8 มีนาคม 2559 นายศุภชัย รับสารภาพว่าได้ยักยอกทรัพย์กว่า 27.4 ล้านบาทจริง ศาลพิพากษาจำคุก 16 ปี โดยไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ 3 มีนาคม 2559ปปง.มีมติให้อายัดทรัพย์สินฯ ผู้ต้องหาในคดีสหกรณ์คลองจั่น เพิ่มเติม รวมมูลค่าประมาณ 83.54 ล้านบาท วัดพระธรรมกายออกแถลงการณ์โต้ทุกข้อกล่าวหา กรณีดีเอสไอออกหมายเรียกฐานฟอกเงิน และรับของโจร จากกรณีรับเช็ค 2 พันล้านจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ยืนยัน “พระธัมมชโย” บริสุทธิ์ แต่ไม่การันตีเดินทางไปพบเจ้าหน้าดีเอสไอด้วยตัวเองหรือไม่ พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส (อ่านว่า วุด-ทิ-วัง-โส) ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย แถลงเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ออกหมายเรียก พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระไชยบูลย์ ธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในฐานะผู้ต้องหากระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร โดยให้ไปพบพนักงานสอบสวน ในวันที่ 8 เมษายนนี้ ที่สำนักคดีการเงินการธนาคาร ดีเอสไอ พระสนิทวงศ์ กล่าวว่า ขอยืนยันในความบริสุทธิ์ของพระธัมมชโย ที่ถูกกล่าวหาจาก นายธรรมนูญ อัตโชติ สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น เพราะ พระธัมมชโย รับบริจาคเหมือนพระสงฆ์ทั่วไป ไม่ทราบถึงที่มาของเงิน โดยปัจจัยที่ได้มา ก็ได้นำไปสร้างศาสนสถานเรียบร้อยแล้ว รวมถึงก่อนหน้านี้กลุ่มลูกศิษย์ได้ร่วมกันลงขันระดมเงินเป็น “กองทุนเยียวยาช่วยเหลือ” มอบให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นไปแล้วกว่า 600 ล้านบาท โดยได้มีการตกลงกับศาลว่า ถ้าข้อกล่าวหายุติลง ทางสหกรณ์ฯต้องคืนเงินให้กับทางลูกศิษย์ ซึ่งทางสหกรณ์ฯ ได้ทำหนังสือขอบคุณ และมีความเข้าใจอันดีต่อกัน จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดทางดีเอสไอ จึงมีหมายเรียกออกมาเช่นนี้ ทั้งนี้ พระสนิทวงศ์ บอกอีกว่า กองทุนเยียวยาที่ให้ความช่วยเหลือสหกรณ์ฯ ไม่ใช่การคืนเงิน แต่เป็นการช่วยเหลือให้สหกรณ์ฯนำเงินไปช่วยสมาชิกที่ได้รับความเดือดร้อน ส่วนกรณีที่พระธัมมชโยโอนเงินหลักร้อยล้านบาทกลับไปยังบัญชีบุคคลอื่นแทน โดยมีการเปิดเผยรายชื่อกลุ่มพระที่มีชื่อเป็นผู้รับโอนเงินจากสหกรณ์เครดิต ยูเนี่ยนฯ เช่น พระวิรัช 100 ล้านบาท // พระมนตรี 100 ล้านบาท // พระครูปลัดวิจารณ์ฯ 119 ล้านบาทนั้น พระสนิทวงศ์ กล่าวว่า ประเด็นนี้ยังไม่ขอเปิดเผย ส่วนที่ดีเอสไอนัดให้พระธัมมชโย เข้าให้ปากคำในวันที่ 8 เมษายนนี้ เบื้องต้นยังไม่ยืนยันว่าเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายจะเดินทางไปด้วยตนเองหรือ ไม่ ดีเอสไอเผยเหตุออกหมายเรียกพระธัมมชโย เนื่องจากมีผู้มาร้องกรณีรับเช็คไม่มีมูลหนี้ เมื่อประมาณ 2-3 สัปดาห์ที่แล้ว โดยเจาะจงกล่าวหาพระธัมมชโย ทางดีเอสไอจึงทำการตรวจสอบหลักฐาน จนกระทั่งออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหารับของโจร และร่วมสมคบกันฟอกเงิน หลังจากที่พันตำรวจโทปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เปิดเผยว่าวานนี้ ได้ออกหมายเรียกพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา กระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร ในวันที่ 8 เมษายนนี้ เวลา 9นาฬิกา คดีนี้เนื่องจากนายธรรมนูญ อัตโชติ กลุ่มสมาชิกรายย่อยสหกรณ์ออมทรัพย์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด ได้ยื่นเรื่องต่อดีเอสไอ เมื่อประมาณ 2-3 สัปดาห์ที่แล้ว โดยกล่าวหา พระธัมมชโย ในฐานความผิดสมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร กรณีรับเช็คไม่มีมูลหนี้ ทางดีเอสไอจึงได้รับเรื่องไว้ แล้วรวบรวมหลักฐาน จนสามารถออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอนของกฎหมาย พันตำรวจโทปกรณ์ กล่าวอีกว่า คดีนี้ในชั้นสอบพยานพระธัมมชโยให้พระรูปอื่นมาให้ปากคำแทน แต่เมื่อมีผู้มาแจ้งข้อกล่าวหา ระบุให้ดำเนินคดีกับพระธัมมชโย ดีเอสไอจึงต้องออกหมายเรียก ซึ่งในชั้นนี้จะต้องรอดูว่าพระธัมมชโยจะมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ในวันที่ 8 เมษายนหรือไม่ โดยการออกหมายเรียกครั้งนี้ได้รายงานให้พันตำรวจเอกไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอได้รับทราบแล้ว ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อสอบถาม ไปยัง ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร ดีเอสไอ ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ โดยก่อนหน้านี้ ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ได้ทำการอายัดทรัพย์ เป็นหุ้น บริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป ประเทศไทย จำกัด มูลค่า 1,110 ล้านบาท หลังสอบพบว่า หุ้นจำนวนนี้นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เคยเป็นผู้ถือครอง ก่อนจะทำการโอนให้นายสถาพร พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะไม่มีการปลดพลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ออกจากตำแหน่ง กรณีที่ให้สัมภาษณ์ถึงการครอบครองรถเบนซ์โบราณของสมเด็จช่วง วัดปากน้ำ จนทำให้กลุ่มสนับสนุนออกมาเคลื่อนไหว จะนำรายชื่อ 4 หมื่นรายชื่อเสนอให้ถอดถอนหรือย้าย ถามกลับว่าใครมีอำนาจแต่งตั้ง ชี้ปัญหาอยู่ที่ทนาย หลังจากที่พระเมธีธรรมาจารย์ หรือเจ้าคุณประสาร เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า ได้รับนิมนต์พิเศษจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในเรื่องการยุติการเคลื่อนไหวใดๆ เพื่อให้เกิดความสบายใจและความสงบเรียบร้อยของทุกฝ่าย ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าหากทุกคนทุกฝ่ายยุติการเคลื่อนไหวใดๆ กระบวนการการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการของรัฐบาลก็จะเดินหน้าไปได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งต่อมา นายเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา หรือ สนพ. เปิดเผยว่าพระผู้ใหญ่แจ้งมายังศูนย์พิทักษ์ฯ และภาคีเครือข่ายให้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยเห็นตรงกันว่า จะนำรายชื่อที่มีการรวบรวมเพื่อยื่นถอดถอนผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งขณะนี้รวบรวมได้แล้วกว่า 60,000 รายชื่อ แบ่งเป็นสองส่วนเพื่อนำไปยื่นต่อนายกรัฐมนตรี โดยขอให้พิจารณาถอดถอน หรือย้าย พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคาดว่าจะสามารถยื่นรายชื่อได้ประมาณต้นเดือน เมษายนนี้ ล่าสุดเมื่อวานนี้ พลเอกประยุทธ์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณี สนพ. เตรียมยื่น 4 หมื่นรายชื่อให้นายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอปลดพลเอกไพบูลย์ จากกรณีให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคดีรถโบราณที่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นผู้ครอบครอง ว่าจะปลดเรื่องอะไร ใครมีอำนาจที่จะตั้งที่จะปลด พลเอกไพบูลย์ เคารพพระมาตลอด ปัญหาอยู่ที่ทนาย ที่พูดทุกอย่างวุ่นวายไปหมด พลเอกประยุทธ์ ยังได้กล่าวถึงการทำงานของสื่อในประเด็นนี้อีกว่า ให้แยกแยะบ้าง ไม่ใช่ใครบอกอะไรก็ตามเขาไปหมด เป็นปากเป็นเสียงเขาไปหมด แยกบ้างว่าอะไรดีหรือไม่ดี แยกให้ตนบ้าง สื่อควรที่จะเป็นอย่างนั้น แยกไม่ออกหรือว่าใครดี ใครไม่ดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ออกหมายเรียกเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย รับทราบข้อกล่าวหาฟอกเงินและรับของโจร จากการรับเงินบริจากที่ยักยอกมาจากสหกรณ์คลองจั่น ในวันที่ 8 เมษายนนี้ พันตำรวจโท ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ลงลายมือชื่อออกหมายเรียก พระเทพมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในฐานะผู้ต้องหา มารับทราบข้อกล่าวหา ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน รวมถึงข้อหารับของโจร ในวันที่ 8 เมษายนนี้ โดยในหนังสือระบุถึงพฤติกรรมของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ยักยอกเงินจากสหกรณ์ฯคลองจั่น ได้สั่งจ่ายเช็คหลายสิบฉบับ ให้กับพระธัมมชโยกว่า 680 ล้านบาท โดยพระธัมมชโย ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสหกรณ์แต่อย่างใด แต่หลังจากได้รับเงินแล้ว ไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดได้ว่านำเงินไปใช้อะไรบ้าง สำหรับนายศุภชัย ถูกดำเนินคดีข้อหายักยอกเงินสหกรณ์กว่า 13,000 ล้านบาท โดยอาศัยอำนาจหน้าที่ สั่งจ่ายเช็ค 878 ฉบับ ให้กับกลุ่มบุคคล กลุ่มพระสงฆ์ และนิติบุคคล เป็นเหตุให้สหกรณ์ขาดสภาพคล่อง ไม่มีเงินจ่ายให้กับสมาชิกหลายหมื่นราย ได้รับความเดือดร้อน และเข้าร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อปี 2556 ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังประชาสัมพันธ์วัดพระธรรมกาย เพื่อสอบถามว่าได้รับหมายเรียกจากดีเอสไอแล้วหรือไม่ แต่ฝ่ายประชาสัมพันธ์บอกเพียงว่ายังไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้ในตอนนี้
ถ้ารู้จักแยกแยะออกคง ***เวลาพวกนักศึกษารับจ้างประท้วง คงไม่มีนักข่าวมากกว่าคนประท้วง และรู้ว่าเบื้องหลังคนประท้วง มีเจตนาอะไร ***คงไม่ถามซ้ำๆซากๆ เรื่องสืบทอดอำนาจ เพราะเขาอธิบายหลายครั้งแล้ว ว่าทำไปเพราะอะไร และนักข่าวก็รู้ดี แต่ตอนที่นักการเมืองมันส่งต่ออำนาจกันในหมู่ญาติพี่น้อง ไม่เห็นนักข่าวจะสนใจหรือข้องใจอะไรเลย ***ประเทศเราคงดีกว่านี้ ถ้าไม่มีการลงข่าว พวกคอยเสี้ยม บิดเบือน ใส่ร้าย เพื่อทำลายความสามัคคี
ใครบอกว่าสื่อฯไทยไม่แยกแยะ ท่านแยกแยะชัดเจนมากครับ แยกแยะว่าใครจ่ายมาก จ่ายน้อย หรือไม่จ่ายเลย แล้วข่าวที่สื่อกับสังคมก็ให้ผลดีผลร้ายต่อคนหรือหน่วยงานในข่าวตามการแยกแยะนั้น
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ยืนยัน พระธัมมชโย ต้องมารับทราบข้อหา ฟอกเงิน และรับของโจร ด้วยตัวเอง โดยสามารถเลื่อนได้ 1 ครั้ง แต่ต้องมีเหตุอันควร และมีหลักฐานชัดว่าว่าวัดธรรมกายสารภาพรับเงินสหกรณ์ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ บอกว่า พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จะต้องเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน รับของโจรในคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอด้วยตนเองในวันที่ 8 เม.ย. เวลา 09.00 น.ซึ่งสามารถขอเลื่อนได้ 1 ครั้ง แต่ต้องมีเหตุอันควร หากอ้างอาการเจ็บป่วยไม่สามารถเดินทางเข้ารับทราบข้อหาตามสถานที่ ของพนักงานสอบสวนกำหนด จำเป็นต้องแจ้งข้อขัดข้องให้ชัดเจนเพื่อประกอบการพิจารณา พ.ต.อ.ไพสิฐ บอกว่า การออกหมายเรียกครั้งนี้ เรียกในฐานะผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหา ไม่ใช่เหมือนครั้งแรกที่เป็นการเรียกในฐานะพยาน ส่วนการออกมาแถลงของพระสนิทวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย นั้นมีบางข้อความเป็นการยอมรับสารภาพ ว่า มีการนำเงินจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นไปจริง หากไม่เจตนาตามข้อกล่าวหา ก็ต้องคืนเงินตามจำนวนที่ได้รับไป เรื่องนี้ดีเอสไอก็จะรวบรวมคำแถลงการณ์ไว้ในสำนวน ดีเอสไอ ย้ำว่า การออกหมายเรียกพระธัมมชโย เป็นไปตามสำนวนการสอบสวนดำเนินคดีกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กับพวก ในความผิดเรื่องยักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนมูลค่าความเสียหายกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ต่อมาได้มีผู้เสียหายที่เป็นสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจำนวนหนึ่งได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับผู้ที่รับเช็คสหกรณ์โดยไม่มีมูลหนี้ โดยที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีมีพยานหลักฐานเพียงพอจะแจ้งข้อหานายศุภชัย พระธัมมชโย และ น.ส.ศศิธร โชคประสิทธิ์ ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและรับของโจร โดยกำหนดวันให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาและให้ถ้อยคำตามหนังสือนัดก่อนหน้านี้
'เจ้าคุณประสาร'เผยอีก2วันดีเดย์ ขับ'พุทธะอิสระ'ออกจากหมู่สงฆ์ จิ้งเหลืองจะบุกอีกแล้ว 3 เม.ย.59 พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย (ศพศ) กล่าวถึงความคืบหน้าที่คณะสงฆ์ภาคใต้ ภาคอีสาน หลายจังหวัด ประกาศอุกเขปนียกรรม (ขับออกจากหมู่สงฆ์) พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือพระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม เนื่องจากเป็นผู้ว่ายากสอนยาก นำความเสื่อมเสียมายังคณะสงฆ์ ว่า ภายใน 2 วันนี้ ภาคีเครือข่ายองค์กรชาวพุทธ จะนัดประชุมเพื่อกำหนดวันและเวลาทำพิธีประกาศอุเขปนียกรรมพระพุทธะอิสระ พร้อมกันทั่วประเทศ คอยดูครับว่าใครจะขับใคร
พระแบบไหนกันนะห่วงยศ ชื่อเสียง ทรัพย์สินของมีค่าขนาดนี้... ตอนตรวจสอบสาวไส้ก็ร้องโอดโอย พาลไปทั่วอีก...
ด้วยเหตุผลว่าเป็นผู้ว่ายากสอนยาก ? ไม่ได้ยึดติดกับหลวงปู่พุทธอิสระครับ แต่จากพฤติกรรมหลายๆของพระหลายรูปที่แสดงออกมาต้องบอกว่า ยึดติดทางโลกมากไป ต้องไม่ลืมนะครับ พระจะอยู่ไม่ได้หากฆราวาสเสื่อมศรัทธา
ทำมะชัยโย ขอเลื่อนนัด เพราะจะเตรียมจัดงานวันตาย เอ้ยโทษที เตรียมจัดวานวันเกิดจ้า "ธัมมชโย" เตรียมขอเลื่อนเข้ารับทราบข้อหา เหตุติดงานวันเกิด.. ทนายวัดธรรมกายเผย "ธัมมชโย" เตรียมขอเลื่อนนัดเข้ารับทราบข้อกล่าวหากับดีเอสไอ อ้างไม่สะดวกเดือนเม.ย.เพราะต้องเตรียมงานบุญวันเกิด "เดือนเมษายนนี้ เป็นเดือนเกิดของพระ จึงต้องมีการจัดเตรียมงานบุญวันเกิดในวันที่ 22 เม.ย.นี้ ดังนั้น อาจไม่สะดวกที่จะเข้าพบพนักงานสอบสวนในเดือนนี้ ต้องขอหารือเพื่อกำหนดนัดใหม่ หลังจากนี้จะทำหนังสือแจ้งขอเลื่อนอย่างเป็นทางการไปยังพนักงานสอบสวนดีเอสไอเพื่อแจ้งเหตุผลการขอเลื่อนประกอบการพิจารณากำหนดวันนัดต่อไป"ทนายวัดพระธรรมกาย.กล่าว
ได้อ่านหรือยัง ตรงไหนที่บอกว่า dsi เลื่อนเอง ชิตังเม วางแผนว่าจะขอเลื่อนเนื่องจากจะจัดงานวันเกิด ซึ่งในตอนนี้ เรื่องขอเลื่อนยังไม่ถึง dsi เลย แต่ที่ผมเอามาโพส คือสื่อให้เห็นว่าสาเหตุของการเบื่อนคือชิตังเมติดเตรียมงานวันเกิด ในวันที่ 22 เมษายน ต้องเตรียมงานวันเกิดล่วงหน้าเป็นเดือน คือเหตุผบมันน่าหัวเราะมาก อีกอย่างเห็นแถ-ลงว่าไม่ผิด แล้วจะขอเลื่อนทำไม นี่แหละอ่านหนังสือไม่เกิน 3 บรรทัด
ดมตูดเขาอยู่เมื่อไหร่จะออกแซง ไม่เหม็นตดบ้างเหรอ 55555555555 เสพข่าวแบบดมตูด ไม่วิเคราะห์บ้าง ยังมีหน้ามาด่าคนอื่นอ่านหนังสือไม่ถึง3บรรทัด เหมือน ไอ้ดารา เลิกกับแฟน เพื่อโคนาเบียร์ คนเสพข่าวเขาวิเคราะห์ไปถึงอนาคตแล้วว่ามันปาหี่
ผมคนธรรมดา ยังมีกิเลสหลายอย่าง ศีล 5 อาจถือไม่ครบเป็นบางเวลา แต่ก็ไม่เคยให้ความสำคัญกับวันเกิด มากไปกว่าวันธรรมดา ยกเว้นบางครั้งภรรเมีย หรือหลานๆ รบเร้าให้พาไปเลี้ยง(อิ..อิ...ผมจ่าย คนชวน กินฟรี) เพราะถือว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่พระซึ่งเป็นผู้ที่ถือว่า"สละแล้วซึ่งกิเลส" ดันเตรียมจัดงานเป็นเดือน ไม่ผมก็พระละครับ ที่คิดวิปริต
ลดปัญหารุมเร้ารัฐบาน นี่ยังไม่รวม รายชื่อคนไทยและบริษัทหนีภาษี ที่ปานามาอีกนะ กร๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กะลาเปิดยัง เคาะก็อกๆๆๆๆๆ นี่หนะเหตุผล ไม่ต้องเอาหรูมาก เบื่อน้ำเน่า
