"ป.ป.ช."เตรียมส่งหนังสือ เรียกบิ๊กป้อมแจงซุกนาฬิกาหรู-แหวนเพชร ยันไม่หนักใจตรวจสอบอดีตเจ้านาย 7 ธ.ค.60 พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมป.ป.ช.ได้รับรายงานงานของสำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาคการเมืองแล้ว โดยสำนักงานฯ ได้เสนอข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมครอบครองนาฬิกาและแหวนเพชรตามที่ปรากฎออกมาเป็นข่าวว่า ทรัพย์สินดังกล่าวไม่ได้ปรากฎอยู่ในรายงานการแสดงบัญชีทรัพย์สินตอนเข้ามาดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2557 ซึ่งป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า จะส่งหนังสือให้พล.อ.ประวิตร ทำการชี้แจงกรณีนี้ต่อป.ป.ช.ต่อไป ทั้งนี้ เชื่อว่า ไม่น่าจะเกิดความล่าช้า เนื่องจากพล.อ.ประวิตรยืนยันมาตลอดว่าพร้อมจะชี้แจง พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า การชี้แจงครั้งนี้ ป.ป.ช. ต้องการทราบว่า พล.อ.ประวิตรได้ทรัพย์สินดังกล่าวมาอย่างไรและมีหลักฐานหรือไม่ ไม่ว่า จะเป็นการได้มาโดยการซื้อหรือทางมรดก จากนั้นเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบและเปรียบกับรายการทรัพย์สินที่มีอยู่เดิมต่อไป อย่างไรก็ตามกฎหมายปัจจุบันกำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเฉพาะตอนเข้ามาดำรงตำแหน่ง และตอนออกจากตำแหน่งเท่านั้น ส่วนระหว่างการได้ทรัพย์สินมาระหว่างดำรงตำแหน่งนั้น กฎหมายไม่ได้กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องแสดงต่อ ป.ป.ช. แต่อย่างใด เว้นแต่จะเป็นกรณีพิเศษ อย่างกรณีนี้ที่ป.ป.ช. ต้องขอความร่วมมือให้พล.อ.ประวิตร มาชี้แจง http://www.naewna.com/politic/307520 .............................................................................. อ่านพาดหัวข่าว ดูน่ากลัวมาก กรณีนี้จะเป็นปัญหาก็ตอนที่ออกจากตำแหน่งหรือสิ้นสุดรัฐบาลนี้เท่านั้นเอง เหมือนกรณียิ่งลักษณ์
ต่อไป จะเป็นบรรทัดฐานให้นักการเมือง หรือข้าราชการระดับสูง สามารถอ้างได้ว่ายืมมา นักการเมืองพวกนี้ ชอบสร้างบรรทัดฐาน ตรรกะวิบัติ ให้สังคมมองว่าเป็นเรื่องปกติ เรื่องนาฬิกา ราคาระดับนี้ มีไม่กี่เรือน มี serial no. ทุกเรือน ถ้าจะตามที่มา ที่ไปจริงๆ ตามได้ไม่ยาก แต่จะตามหรือเปล่าก็อีกเรื่อง หลายคนพอมีอำนาจ ก็หลงในอำนาจ เห็นแล้วปลงจริงๆกับนักการเมือง บางที ประชาธิปไตย อาจจะดีกว่าเผด็จการก็ได้ ตรวจสอบก็ไม่ได้ ฐานเสียงก็ไม่มีให้เสีย รัฐบาลไหนๆ ก็เหมือนกัน ถ้าบริหารแบบไม่รู้จักการเกรงกลัวบาป ที่ นายกตู่ ไม่เอาออก ส่วนตัวผมว่า งานระดับใหญ่ มันต้องมีคนทำ dirty work เลยไม่เอาออก มันก็เป็นเช่นนี้เอง ช่วงหลังๆ เลยเข้าใจว่า ทุกอย่างมันก็หวุนเวียนแบบนี้แหละ เกิดแล้วดับ ดับแล้วเกิด บางช่วงปกครองโดยตงฉิน บ้านเมืองก็ราบรื่น บางช่วงปกครองโดยกังฉิน บ้านเมืองก็จะร่มสลายไป แล้วเกิดใหม่ ทำตัวเราให้ดีๆ เห็นอะไรไม่ดี ก็ทักท้วงได้ ได้ทำหน้าที่ของเราแล้ว แต่ถ้ามันช่วยไม่ได้ ก็ปล่อยวาง แต่อย่าเอาใจไปใส่เยอะ จะบ้าเอาเปล่าๆ
“วิลาศ” ดักยุบทิ้ง ป.ป.ช. หากเชื่อ “บิ๊กป้อม” อ้างนาฬิกาหรู-แหวนเพชร เป็นของแม่-เพื่อน เผยแพร่: 11 ธ.ค. 2560 11:48:00 ปรับปรุง: 11 ธ.ค. 2560 15:14:00 โดย: MGR Online วิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ) อดีต ส.ส.กทม.ไม่ทราบ “ประวิตร” แจงนาฬิกาหรู-แหวนเพชร อ้างเป็นของแม่-เพื่อนให้ยืมใส่ แต่ถ้าเชื่อแล้วรอดก็ควรยุบทิ้ง ป.ป.ช.
เท่าที่อ่านข่าวมา รองประวิตรยังไม่ได้ชี้แจงเลยนะครับ เรื่องที่มาของนาฬิกาและแหวน หรือผมตกข่าว ? ถ้ายังไม่ได้ชี้แจง ควรรอปปช.สอบให้เสร็จก่อนว่า ชัดเจน แก้ข้อสงสัยของสังคมได้หรือไม่ ถ้าไม่ชัดเจน ก็ต้องถามลุงตู่ว่าจะเอาอย่างไร การรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชั่นที่ลุงตู่เป็นผู้นำ จะเป็นอย่างไร ถ้าคนในรัฐบาลเป็นเสียเอง
ถ้า ปปช สอบแล้วก็คงต้องมีคำตอบชัดเจนแหละครับ แต่คำตอบจะถูกใจหรือทำให้สังคมหายเคลือบแคลงใจหรือไม่มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้า ปปช สอบออกมาแล้วบอกว่ากรณีนี้ไม่ผิดโดยเหตุผลใดก็แล้วแต่ แต่สังคมไม่เชื่อยังคาใจอยู่ ปัญหามันจะกลับไปตกอยู่ที่นายกตู่ ซึ่งไม่ใช่คนใส่นาฬิกา ไม่ใช่คนสอบ แต่เป็นคนที่สังคมมองว่ามีอำนาจที่จะปรับเปลี่ยนตัวบุคคลได้ กรณีแบบนี้ ถ้าเราเป็นนายกตู่เราจะตัดสินใจอย่างไร เพราะหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบบอกไม่ผิด แต่สังคมไม่เชื่อ ยังคงเคลือบแคลงสงสัย มีคนจำนวนไม่น้อยบอกกรณีแบบนี้ นายกต้องกล้าหาญ ทำให้เป็นแบบอย่างความสื่อสัตย์เพื่อเป็นบรรทัดฐานต่อไป คือปรับเปลี่ยนซะ อย่าให้เป็นตัวอย่าง ถ้าเป็นแบบนี้มันจะเป็นตัวอย่างหรือเป็นบรรทัดฐานได้หรือไม่ เพราะหน่วยตรวจสอบคือ ปปช ตรวจสอบแล้วบอกไม่ผิด แต่สังคมไม่เชื่อบอกมันต้องผิด นายกควรเชื่อใครดี เชื่อสังคม หรือเชื่อหน่วยตรวจสอบ ถ้าเชื่อสังคมแล้วต่อไปสังคมสงสัยใครนายกต้องปรับเปลี่ยนหมดหรือไม่ แล้วสังคมที่ว่านั้นคือใคร กระแสในโซเซียล กระแสในสื่อ นั่นคือบรรทัดฐานหรือไม่ ผมมองว่า ถ้าสังคมไม่เชื่อผลการตรวจสอบของ ปปช ก็ต้องไปกดดัน ปปช ครับ ไม่ใช่ไปกดดันนายก เพราะถ้ามาตรฐานการตรวจสอบของ ปปช มันต่ำไม่น่าเชื่อถือ แล้วเราไปกดดันนายกให้เปลี่ยนตัว รมต คุณจะเปลี่ยนกี่ รมต มันก็ไม่ทำให้อะไรมันดีขึ้นมาได้หรอก เพราะหน่วยตรวจสอบมาตรฐานมันยังต่ำ สื่อและกระแสในโซเซียล ทำได้อย่างมากก็แค่ไปคุ้ยแคะแกะเกา จุดประเด็นขึ้นมา นี่ก็เห็นไปคุ้ยมาได้อีกเรือนหนึ่งละ แต่คุ้ยมาแล้วเรื่องมันจะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องไปตามจี้หน่วยตรวจสอบครับ ไม่ใช่ไปจี้ถามเจ้าตัว ถามนากยก ถามใครต่อใครเลอะไปหมด โดยเฉพาะเจ้าตัวนั้น เหมือนอยู่ในอาการจุก พูดไม่ออก ก็ไปตามถามกันอยู่นั่นแหละ จนนายกต้องบอกว่า สื่อควรลดราวาศอกกันบ้าง ซึ่งในความหมายก็คือ อย่าไปตามถามท่านมากเลยให้มันเป็นไปตามกระบวนการกฎหมายเถอะ แต่ก็เริ่มมีคนเอาไปจุดเป็นประเด็นแล้ว ผมว่าสังคมที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ คนในสังคมต้องถามตัวเองครับว่า เราตรวจสอบได้ไหม ถ้าตรวจสอบไม่ได้แล้วคุณไปคุ้ยมายังไงได้สองเรือนแล้ว ตอนคุณไปคุ้ยมาคุณถูกข่มขู่คุกคามหรือไม่ ตอนคุณเอามาแฉคุณถูกข่มขู่คุกคามหรือไม่ ถ้าถูกข่มขู่แสดงว่าไม่โปร่งใสจริง แต่ถ้าไม่ถูกข่มขู่แสดงว่ายังโปร่งใส หน่วยงานตรวจสอบทำหน้าที่ตรงไปตรงมาไหม ก็เห็นแอ่นอกขึ้นมารับลูกตั้งแต่แรก ก็พอมองได้ว่าน่าจะโปร่งใสนะ เพราะฉะนั้น ขั้นตอนต่อไปก็คือไปตามบี้หน่วยงานตรวจสอบนี้แหละ ว่ามันไปถึงไหนอย่างไร ตรงไปตรงมาไหม ไม่ใช่ไปเที่ยวถามคนโน้นคนนี้เพียงขอให้เป็นข่าวไปวัน ๆ เท่านั้น
ระดับขนขั้นผู้มีอำนาจ ภาพพจน์เป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งอำนาจมาก ยิ่งต้องระวัง เพราะมีสายตาของคนหลายล้านคน ที่คอยจับจ้องสนใจตัวคุณอยู่
ดูสัมภาษณ์อันนี้ ทำให้นึกถึงกรณีสัมภาษณ์เรื่องข้าวของ นายณัฐวุฒิจัง อากัปกิริยา body language แสดงถึงการไปไม่เป็น ทำไรไม่ถูก ความเชื่อมั่นต่อองค์กร จะมีได้ หรือจะเสื่อมลง ก็ดูกันตรงนี้แหละ
ผมดูแล้ว ก็ไม่เห็นมีอะไร คนตอบ ก็ไม่อยากจะตอบคำถาม เพราะยังอยู่ในขั้นตอนสอบสวน หาคำตอบเพิ่มเติม ดูแล้ว ไม่ใช่เป็น วาระของการชี้แจงจาก ปปช แค่ นักข่าวถามขึ้นมา เฉย ๆ ทาง ปปช ยังไม่พร้อมจะให้ข้อมูล
โดยขั้นตอนทางกฎหมาย ผมคิดว่า รองประวิตรไม่ชี้แจงทางสังคมกับนักข่าว ถูกแล้วนะ ควรชี้แจงกับปปช. แล้วให้ปปช.สรุปผลการสอบสวนให้สาธารณชนรับทราบตามกฎหมาย แต่การทำงานของระบบราชการควรจะเร็วได้นะถ้าไม่มีเรื่องเอกสารที่ซับซ้อนมากมาย เพราะหลายเรื่องก็ทำงานช้ามากๆ กว่าจะสรุปได้ ทั้งที่รายละเอียดของเรื่องที่ถูกร้องเรียนก็ไม่มีอะไรมากเลย ทำให้ถูกครหาได้ง่ายว่าช่วยเหลือกัน
ต้องขอความเห้งใจให้ ปปช. ด้วยครับ เรื่องนี้ไม่อยากบอกเลยนะว่า มันลึกลับซับซ้อน ยิ่งกว่าตอนสอบ คดีไม้ล้างป่าช้า จีที200 ซะอีกนะ - - หนักกว่านั้น มันยังดันมีเรื่อง ลมฟ้าพยากรณ์อากาศ และภัยธรรมชาติต่างๆนาๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง .... ใครจะรู้ล่ะ ผลสอบอาจจะออกมาแนว เอกสารถูกน้ำท่วมจนสูญหายจ้า.... ถูกลมหนาวพัดลอยหายไปในอากาศหาไม่เจอจ้า....
หาก click เข้าไปดู จะเห็นอาการพับกระดาษตอนท้ายๆของ clip มันเหมือนอาการแก้เกี้ยวของ คุณเต้น ที่จิบน้ำ เวลาไปไม่เป็น แล้วแต่จะคิดครับ ผมก็จะรอดูคำวินิจฉัยของปปช. เหมือนเพื่อนๆอีกหลายคน ส่วนตัว ผมหวังว่า ปปช.จะแสดงความกล้าหาญ ในการตัดสินถูกผิด เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานความถูกต้อง ทำตามกฎหมาย โดยไม่เล่นพรรค เล่นพวก ไม่เช่นนั้น ก็จะเป็นเหมือนเสื้อแดงบางส่วนว่า ทำแต่อีกฝ่าย แต่กับพรรคพวกตัวเองกลับนิ่งเฉย ทหารถูกฝึกมาให้รักษาเกียรติมาก คือหน้าบาง และช่วยเหลือเพื่อนฝูง มากกว่ารักษาความจริง ความถูกต้อง กลบเกลือน เพื่อช่วยพี่น้องพ้องเพื่อน จะเห็นได้จาก GT200 หรือแม้แต่ เรือเหาะ ซึ่งป่านนี้ ก็ยังเอาผิดใครไม่ได้ (คือเป็นเรื่องของทหารนะครับ) ยิ่งรัฐบาลทหาร บอกว่า รัฐบาลนี้มีแต่คนบริสุทธิ์ สะอาด จะยอมรับได้เหรอครับ
ถ้าลุงตู่เจ๋งจริง ต้องทำแบบที่ท่านเติ้งเสี่ยวผิงได้พูดไว้ ท่านเติ้งเสี่ยวผิงได้กล่าวกับผู้เคยมีบุญคุณส่วนตัวบางคนที่มาขอความช่วยเหลือไว้ว่า "อันบุญคุณของท่าน ที่ช่วยข้าพเจัาส่วนตัวนั้น ข้าฯก็เห็นแจ้งอยู่ หากท่านตัองการอะไรจากข้าฯเป็นส่วนตัวแล้วไซร้. ข้าฯก็ยินดี ตอบสนองคุณท่าน มิได้ลืม แต่ประเทศชาติหาได้เป็นหนี้บุญคุณต่อท่านไม่ ข้าฯ มิอาจตอบแทน บุญคุณส่วนตัว ดัวยผลประโยชน์ของชาติได้" แล้วลุงตู่จะได้ใจจาก ปชช.อย่างล้นหลามครับ
16 ม.ค. 61 - ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีเพจ CSI LA เปิดเผยภาพนาฬิกาหรูถึง 24 เรือนว่า เป็นการวนเอาเรือนเก่าออกมา ไม่เป็นไรขอให้ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ตรวจสอบ ถ้าชี้ว่าผิด ก็ออก การทำงานของป.ป.ช.ไม่สามารถไปแทรกแซงได้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามขั้นตอน รอตรวจสอบให้เสร็จสิ้น ชี้แจงป.ป.ช.ไปแล้ว เมื่อถามว่า มีการออกมาเปิดเผยเช่นนี้รู้สึกนอยด์ อารมณ์เสีย เสียความรู้สึกหรือไม่ รองนายกฯยืนยันว่า “ไม่นอยด์ สภาพจิตใจไม่มีอะไร” ซักว่า ปกติเป็นคนชอบสะสมนาฬิกาใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธว่า ไม่มีหรอก ผมมีเพื่อน เพื่อนเอามาให้ผมใส่ แค่นั้นเอง คืนเขาทั้งหมดทุกเรือน http://www.thaipost.net/main/detail/1172 .................................................... แบบนี้ไม่รู้เรียกจบได้ไหม แต่ก็ถือว่าชี้แจงแล้ว รอปปช.แถลงสรุปอีกที
ในที่สุด เหตุผลที่เคยโยนหินถามทาง ก็ออกจากปากบิ๊กป้อมเอง อันนี้ จริงๆ ปปช.ก็ตรวจสอบได้ไม่ยาก ถ้ามีใบเสร็จ หลักฐานจากเพื่อนบิ๊กป้อมว่า ซื้อจริง และให้ยืม (ซึ่งเป็นไปได้ยาก) ส่วน ปปช. และศาลเคยสร้างมาตรฐานไว้ดีกับ นักการเมืองที่ให้เหตุผลที่ไม่น่าเชื่อถือ หวังว่าครั้งนี้ ปปช.คงสร้างมาตรฐานที่ดีต่อไป เพื่อนเป็นบทเรียนให้นักการเมือง
ในทางปฏิบัติ สำนักข่าวอิศรารายงานไปแล้วว่า แนวทางการสอบสวน ป.ป.ช. จะต้องเรียกนาฬิกาดูจากเพื่อน พล.อ.ประวิตร มาตรวจสอบ (ดูของจริง) ,หลักฐานที่มา หลักฐานการซื้อขาย การจ่ายเงิน การนำเข้า ,สอบพยานบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างซึ่ง พล.อ.ประวัตรจะต้องอ้างคนที่มีศักยภาพในการเป็นเจ้าของนาฬิกา (เนื่องจากมีราคาแพง) ,ดูความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ประวิตร‘ผู้ยืม’ กับ เพื่อน ‘ผู้ให้ยืม’ว่า มีความไว้เนื้อเชื่อใจกันขนาดไหน ,หากเป็นนักธุรกิจก็ต้องดูว่านักธุรกิจรายนั้นเกี่ยวพันกับ พล.อ.ประวิตรอย่างไร,พฤติกรรมของเพื่อนว่าเป็นชอบสะสมนาฬิกาหรือไม่ ป.ป.ช.จะต้องชั่งน้ำหนักว่า การอ้างเป็นของเพื่อน แต่จริงๆแล้วใครเป็นคนใช้งานในชีวิตประจำวัน ซึ่งคล้ายกับกรณีรถตู้โฟล์ค 3 ล้านของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ในคดีซุกทรัพย์สินเงินสด 18 ล้านและรถตู้ กรณีรถตู้นายสุพจน์อ้างว่าเป็นของนายเอนก จงเสถียร นักธุรกิจ นำมาให้ภรรยานายสุพจน์ใช้งาน แต่ ป.ป.ช.พบว่า ทะเบียนรถยังเป็นชื่อนายเอนก (ไม่ได้โอนให้นายสุพจน์) ศาลฎีกาไม่เชื่อคำกล่าวอ้างของนายสุพจน์ ตัดสินว่ามีความผิด จงใจซุกบัญชีทรัพย์สิน (อ่านประกอบ:เปิดที่มา‘รถโฟล์ค’ 3 ล.ฉบับ‘สุพจน์’ โยงเมีย นักธุรกิจ – ศาลชี้ปมเอกชนได้งานการท่าฯ) https://www.isranews.org/isranews/62794-report002-62794.html .............................................................. เป็นความจริงที่คำกล่าวอ้างว่า ยืมเพื่อนมาใช้ ฟังไม่ค่อยขึ้นและไม่น่าเชื่อ(ว่าจะเป็นไปได้) แต่ก็ต้องรอดูการสอบพยานหลักฐานประกอบไปด้วย ก่อนที่จะฟันธงว่าผิดหรือไม่ครับ ผมยังเห็นว่า รองประวิตรทำถูกแล้วที่ยังไม่ชี้แจงต่อสาธารณชน ให้ข้อมูลกับปปช.ทีเดียวดีกว่า เพราะตัวแกเองอธิบายไม่เก่ง ทำให้คนตีความกันไปต่างๆนาๆ ได้ และผมอยากให้การตรวจสอบของภาครัฐ ในทุกๆเรื่องควรเร็วกว่านี้ เพื่อแก้ข้อสงสัยของประชาชนโดยเฉพาะเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น
ของมูลค่าสูงไม่มีใครให้ยืมฟรีๆมันต้องเช่า ซึ่งถือว่ามีมูลค่าอยู่ดี นาฬิการาคาเป็นล้านไม่ต้องถึงสิบแค่เรือนเดียวก็ผิดแล้ว ถึงให้ยืมจริงก็ไม่เหมาะสมไม่ว่าจะมองด้านไหน ถ้าเจ้าตัวยินดีป.ป.ช.ก็รีบๆฟันเถอะครับ *พิมพ์เสร็จอ่านจบทำไมรู้สึกว่ามีอคติกับบิ๊กป้อม
24 ม.ค.61-นายวรวิทย์ สุขบุญ ปปช.แถลงข่าวกรณีนาฬิกา ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เริ่มจากนาฬิกาหนึ่งเรือน และต่อมาก็ปรากฏว่ามีการเสนอข่าว จนปัจจุบันปรากฏตามสื่อ 25 เรือน เป็นหน้าที่ ป.ป.ชง จะเข้าไปตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงของบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน จากบัญชีที่ท่านยื่นเมื่อน ก.ย. 2557 ความคืบหน้าการตรวจสอบแหวนเพชรและนาฬิกาหรูของ "พล.อ.ประวิตร" ป.ป.ช.กำลังเร่งแสวงหาข้อเท็จจริง คาดจะรวบรวมพยานหลักฐานแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ก่อนชี้มูลความผิดหรือไม่
