เช้านี้ที่หมอชิต - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เผยเตรียมให้ สพฐ.นำร่องโรงเรียนในสังกัด เริ่มปรับลดชั่วโมงเรียน เพื่อให้เด็กได้มีการผ่อนคลาย และไม่เครียดจากการเรียนจนเกินไป อาจจะเลิกเรียนในชั้นเรียนเวลาประมาณ 14.00 น.ส่วนเวลาที่เหลือให้ สพฐ.ไปพิจารณารายละเอียดและกิจกรรมว่าควรดำเนินการอย่างไรกับเด็ก 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่จะเดินทางกลับบ้าน หรือกลุ่มซึ่งรอกลับบ้านพร้อมผู้ปกครองหลังเลิกงาน สพฐ.จะนำร่องโรงเรียนในสังกัดประมาณร้อยละ 10 จากทั้งหมด 38,000 โรงเรียนก่อน เริ่มต้นได้ทันทีในช่วงเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 ดังนั้นจึงขอให้ สพฐ.จัดระบบนิเทศและเตรียมการให้ดีในช่วงปิดภาคเรียนนี้ รวมทั้งสร้างความเข้าใจร่วมกันกับโรงเรียน นักเรียน ครู ผู้ปกครองในการดำเนินการด้วย http://news.bugaboo.tv/watch/205935/รมว.ศธ.สั่ง_สพฐ.ปรับลดชั่วโมงเรียน_เริ่มภาคเรียนที่_2.html
สรุปเลิกเรียนบ่ายสองเพื่อทำกิจกรรมในโรงเรียนต่อ? ปัญหามาตราฐานการศึกษาตกต่ำตั้งแต่ประถมยันมหาวิทยาลัยแก้ไม่ได้ ดันให้เลิกเรียนเร็วเพราะกลัวเด็กเครียด รบกวนกระทรวงศึกษาไปขอฝึกงานด้านการศึกษาที่สิงค์โปรเถอะครับ เพราะทุกวันนี้ผลงานออกมาห่วยมาก แต่... ไอ้เรายังไงก็ได้ แล้วแต่ปุ๊เลย
ดีครับ จริงๆแล้วคือปรับลดวิชาเรียนในห้องเรียน ไม่ได้กำหนดเวลาเลิกโรงเรียน ส่วนใครอยากลับบ้านก่อนก็น่าจะทำได้ ถ้ายังไม่กลับก็เรียนกิจกรรมกันนอกวิชาเรียน
ไม่เห็นจะกลางตรงไหน ไอ้คนที่เห็นเรื่องดีๆแล้วทนไม่ได้ต้องประชดมีสองอย่าง หนึ่ง ลิเบอร่าน สอง แดงขี้ข้า
จริงๆไม่จำเป็นก็ได้ เลิกสีโมงเหมือนเดิมแต่ลดเวลาเรียนลง เน้นกิจกรรมชมรมกับค้นคว้าด้วยตนเองมากขึ้นก็ได้
ผมไม่มีลูก เลยไม่รู้ซึ้งเรื่องนี้เท่าไหร่ ว่าจะมีปัญหาอะไรบ้าง แต่สิ่งที่คิดคือ ***น่าจะศึกษาก่อนว่ามีแผนว่าจะทำอย่างไรดี กับเวลาเรียนที่หายไป กับเวลาว่างที่มากขึ้น ก่อนออกเป็นนโยบาย เพราะผลกระทบจากนโยบายนี้มันกว้างมาก ***จากที่ดูหลานๆก็เห็นด้วยว่า เด็กปัจจุบันเรียนมากเกินไป การบ้านมากเกินไป ***ปัญหาของการศึกษาไทย มีมากจนไม่รู้ว่าควรจะแก้ตรงจุดไหนก่อน ปล.ความเห็นจากคนไม่มีลูก ได้แต่สังเกตุจาก เหตุการณ์และคนรอบข้าง
เด็กไม่เครียดแล้วผลการเรียนดีขึ้นแน่หรือครับ ไม่เครียดเรื่องการเรียน แต่อาจเครียดเรื่องการใช้เวลาที่ว่างเพิ่มขึ้น รร อาจเสริมกิจกรรมให้เด็กทำก่อนผู้ปกครองมารับ แน่นอน เสียเงินเพิ่ม ทีนี้ผู้ปกครองอาจเครียดแทน จริงๆผมไม่เดือดร้อนนะ ลูกอยู่หอพักของ มหาลัย เช้ามีรถรับไป รร มีครูพี่เลี้ยงคุมไป เลิกเรียน รถรับกลับมีครูพี่เลี้ยงคุมกลับ ถึงมหาลัยก็มีกิจกรรมจัดรอไว้จนเย็นถึงปล่อยกลับหอ เลิกเรียนไวๆก็ดี จะได้กลับ มหาลัยเร็วขึ้น แต่เวลาที่หายไปจะตัดวิชาไหนออก แค่นี้ก็สอนกันไวปานแสงแระ วิชาวิทย์ คณิต ตัดไม่ได้เพราะเป็นข้อบังคับ เหลือพวกสายสังคมจะตัดออกมั๊ย น่าสนุกนะเวลาคิดแต่ไม่ได้ทำเนี่ยะ
ไม่ใช่ให้กลับบ้านเลยนะ เลิกเวลาเดิม หลังบ่าย 2 ทำกิจกรรมสันธนาการ ในหรือนอกโรงเรียนเพื่อประโยชน์สังคมนะ
ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลาพักระหว่างคาบกลับบ้านเหมือนเดิมจะไม่มีปัญหา แต่ถ้าเลิกเร็วเด็กจะไปทำอะไร??? เพราะหลายๆคนเลิกงานแล้วค่อยมารับลูก อีกอย่างเวลาว่างมากใช่ว่าเด็กจะเอาไปทำเรื่องมีประโยชน์ โดยเฉพาะเด็กโต ความหมายทึ่ถูกต้องน่าจะหมายถึงลดเวลาเรียนในห้องเรียน เพิ่มการเรียนรู้นอกห้องเรียนมากกว่า แต่ข้าราชการบ้านเราเอาแบบกำปั้นทุบดิน เก่งแต่เรื่องปัญญาอ่อน ทำอะไรง่ายๆให้พ้นไปที
เอาเวลาที่เหลือให้เด็กทำแบบฝึกหัด (การบ้าน) ก็ได้ โดยครูประจำชั้นช่วยให้คำแนะนำ ทุกวันนี้เด็กที่ผู้ปกครองมารับช้าก็จ้างครูสอนการบ้านให้กันทั้งนั้น กลับมาถึงบ้านก็ยังต้องนั่งทำการบ้านต่อจนดึก เห็นแล้วสงสารเด็ก
เคยเห็นเด็กนักเรัยนคนหนึ่ง รร.เลิก 4โมงเย็น ต้องนั่งรอ พ่อมารับตอน 6โมงเย็น เธอนั่งรอจนไม่รู้จะทำอะไร ไปไหนไกลก้อไม่ได้ เกิดพ่อมาถึงเร็ว วันไหนมารับตอน 4โมงครึ่งนี้ เทอแทบกระโดดดีใจมาก แต่ขึ้นรถฯแล้วหลับ จะมาเร็วหรือช้าถึงบ้านเกือบ 2ทุ่มทุกวัน แล้วออกจากบ้าน ตี 6ครึ่ง ตี5 ต้องตื่นแล้ว ถ้าเลิกบ่าย 2 นี้ คงน่าเบื่อเพิ่มขึ่นอีกมากมาย
ของ สพฐ. ในระดับประถมศึกษา รายวิชาที่เรียนตอนนี้ ก็เลิกเรียน 14.30 อยู่แล้วนี่ครับ ส่วนช่วง 14.30 - 15.30 ก็แล้วแต่ โรงเรียน จะไปใส่กิจกรรมกันเอง ก็จะมีกิจกรรมหลักๆคือ แนะแนว, ลูกเสือ-เนตรนารี, ชุมนุน, บำเพ็ญประโยชน์ ส่วนที่บ่นว่าเด็กเครียด ครูเครียด บางโรงเลิก 16.30 นั้น เกิดจาก โรงเรียนเอาเวลาไปติวเรื่อง โอเน็ต ซะมากกว่า
บริบทของเด็กเป็นแสนเป็นล้านมันไม่เหมือนกัน แก้อย่างมันก็ไปมีปัญหาอีกอย่าง ดังนั้นต้องแก้ปัญหาในหน่วยย่อยๆ เช่น รร ไหนอยู่ไกล(ชนบท)ก็ให้กลับเร็ว รร ไหนมีผู้ปกครองมารับช้าก็หาครูเวรมาดูแลสอนการบ้าน เรียนและงานให้เสร็จในเวลาเรียน เพราะการบ้านเยอะแต่ทำไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ ลูกสาว ป.3 การบ้านภาษาไทยบางทีเรายังมึน สรุปคือต้องยืดหยุ่นตามปัญหาครับ
ถ้ามีตอนนี้ปัญหาตามมาเยอะเลยครับ ***อาจจะลาโลกไปก่อนลูกจบปริญญา ***เวลาไปส่งลูกเข้าอนุบาล ครูอาจเข้าใจว่าเป็นหลาน ***เวลาลำดับญาติอาจจะยุ่งนิดหน่อย เพราะลูกผมคงอายุน้อยกว่าลูกของหลานหลายคน ***ที่สำคัญภรรเมียผมอาจจะกลายเป็นฆาตกร เพราะภรรเมียผมเองมีลูกไม่ได้แล้ว ต้องหาแม่คนใหม่ อิ....อิ.....ข้อสุดท้าย คือปัญหาใหญ่ที่สุด
จำนวนชั่วโมงของการเรียนในโรงเรียน ของประเทศไทย(ไม่รวมการเรียนพิเศษ เรียนนอกเวลา) ไม่สัมพันธ์กับความรู้ที่เด็กได้รับ มันเกิดอะไรขึ้น ผมว่าต้องหาสาเหตุ ก่อนออกเป็นนโยบาย ไม่เช่นนั้นจะเป็นการแก้ที่ผิดทิศทางอีกครั้ง ---------------------------------------------------------------------------------------------- ศธ.ช็อก! WEF จัดอันดับการศึกษา “ไทย” คุณภาพต่ำ ตามก้น “เขมร-เวียดนาม” http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000110714 ---------------------------------------------------------------------------- อันดับด้านการศึกษาไทยในเวทีโลกและอาเซียน ปี 2556 http://www.qlf.or.th/Home/Contents/749 ------------------------------------------------------------------------- เด็กไทยเรียนหนักที่สุดในโลก
เดาว่าจะใช้วิธีแบบญี่ปุ่น เลิกเรียนบ่ายสอง แต่บังคับอยู่ชมรมปล่อยออกจากรั้วตอนบ่ายสี บางชมรมกิจกรรมโหดหน่อยกว่าจะได้ออกมาก็ฟ้ามืด บังคับเด็กให้เลือกเข้าชมรมใดชมรมหนึ่ง มีการจักการองค์กร มีอาจารยืที่ปรึกษาชมรม ที่มีการจัดกิจกรรมอย่างเป็นกิจลักษณะ เช่น กีฬา ดนตรี เต้นรำ ค่ายอาสา วิชาการ นักประดิษฐ์ อะไรก็ว่ากันไป โดยที่ผลการผ่านวิชากิจกรรมชมรม เป็นสิ่งที่เด็กต้องมี เพื่อจบการศึกษาด้วย
ถ้าเลิกบ่าย 2 แล้วปล่อยกลับบ้าน คงไปเจอกันที่ร้านเกม ขอยกตัวอย่างโรงเรียนแห่งหนึ่งในภาคตะวันตกที่ผมเคยเรียน เลิกเรียนเวลา 15.30 น. นี่แหละ แต่ยังไม่ให้เด็กกลับบ้าน ทุกวันจะต้องเข้ากิจกรรมตามชมรมที่นักเรียนเลือก ตามความถนัด ก็จะเป็นชมรมกีฬาชนิดต่างๆ ฟุตบอล เปตอง ปิงปอง แล้วก็ชมรมห้องสมุด ชมรมดนตรีไทย ฯลฯ วันละ 1 ชม. มีครูประจำชมรมเช็คชื่อด้วย
มีทั้งดีและไม่ดี ประเทศที่เจริญแล้วหลายประเทศเขาก็เลิกเร็ว แต่วัฒนธรรมเรากับเขามันต่างกันนี่สิ ฝรั่งรู้จักหาเงินเอง ตั้งแต่วัยรุ่น อายุ 18 ก็ทำพาร์ทไทม์ หาตังค์เรียนกันเอาเอง แต่เด็กเราบางคนเรียนจนอายุ 25 แถมจบมาตกงานอีก จริง ๆ ก็อาจไม่เกี่ยวกับจำนวนชั่วโมงเรียน ถ้าตัวเด็กเองรู้คุณค่าของการเรียน จะเรียนแค่ครึ่งวันก็ยังได้ไม่มีปัญหา แถมเด็กจะได้ประสบการณ์จากส่วนอื่น เช่นการทำพาร์ทไทม์หรือการค้นคว้าความรู้นอกห้องเรียน แต่อย่าลืมว่าเวลาที่ไม่ตรงกันระหว่างผู้ปกครองกับเด็ก เด็กเลิกบ่ายสอง ผู้ปกครองเลิกงานห้าโมงเย็น ถึงบ้านหกโมงเย็น เพราะฉะนั้นมันจะมีแก๊ป อยู่ สองสามชั่วโมง ถ้าตัวเด็กเองควบคุมตนเองไม่ได้ จับกลุ่มกันมั่วสุมต่อตี เข้าร้านเกมส์ พาแฟน เข้าโรงแรม จับกลุ่มเสพยา การพนัน ปัญหาเกิดขึ้นแน่ ๆ
เห็นด้วยครับ เพราะกรณีศึกษาที่ยกมามาจากโรงเรียนใหญ่ ถ้าจะให้มีกิจกรรมหลังเลิกเรียน ก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายๆ อย่าง
ไม่เห็นด้วย เด็กหลังเลิกเรียนจะเป็นปัญหา เพราะเมืองไทยส่วนใหญ่ผู้ปกครองทั้งสองท่านต้องทำงานนอกบ้าน แล้วเด็กเล็กที่ยังไม่สามารถรับผิดชอบตัวเองได้ก็เป็นปัญหาของผู้ปกครอง เด็กโตหน่อยอาจใช้เวลาที่เหลือไปในทางที่ไม่ดีได้ ทางที่ดีวิชาเรียนก็ให้เด็กเรียนแบบสบาย ๆ ไม่ยัดเหยียดเนื้อหามากเกินไปโดยให้เวลามากขึ้น หรือเวลาที่เหลือเน้นเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ เช่นกิจกรรมเพื่อจิตสาธารณะ การเข้าสังคม การพูดการอภิปราย เป็นอะไรที่ทำให้เด็กสนุกหลังเรียนวิชาหลักแต่ได้ประโยชน์ทั้งเด็กและสังคม
ก็คงต้องปรับกันไปตามสภาพท้องถิ่นอะครับ คงทำเป็นชมรมที่เป็นทางการไม่ได้จริงๆนั่นละ ที่ผมเคยเห็น รร เล็กๆ มักจะขาดพวกกำลังแรงงาน กิจกรรมที่ผมเคยเห็น มักจะออกแนวยืมแรงเด็กมาเป็นกำลังแรงงานในเรื่องเล้กๆน้อยๆให้กับโรงเรียนอะครับ
คุณครูต้องเป็นคน creative อาจนำเอาจากวิชาเรียนที่มีอยู่แล้วมาปฏิบัติจริง หลาย ๆ วิชาสอนเป็นแต่ตัวอักษรเด็กไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง เช่นเรียนรู้ประชาธิปไตยและสังคม ก็นำออกมาเป็นกิจกรรมเป็นวิชาที่ได้เกรดง่าย ๆ เด็กสนุกอยากเข้าร่วมขณะเดียวก็เรียนรู้ไปด้วย แต่ครูต้องเก่งหน่อย แค่ยกตัวอย่างน๊ะค่ะมีเยอะที่ทำได้ แม้แต่จ้างผู้อวุโสเก่ง ๆที่มีภูมิปัญญาท้องถิ่นมาสอนเด็ก ๆ ก็ยังได้เลย ก็คงเป็นแต่ละท้องที่ เด็กคืออนาคตของชาติ อยากสร้างอนาคตของชาติก็สร้างจากเด็ก ปัญหาเมืองไทย คุณครูของเรามีคุณภาพแค่ไหน
หลังเลิกเรียน มีกิจกรรมให้ทำได้เยอะแยะมากมาย ประสานงานกับท้องถิ่น เรียนรู้กิจกรรมพื้นบ้าน หัตถกรรม ศิลปะ ดนตรี กีฬา เกษตร เชิญผู้สูงอายุ มาสอน จักสาน ถักทอต่างๆนานา สาระพัด คุณครูต้องช่วยเรื่องนี้ในช่วงแรกๆนะคะ ถ้าปรับตัวกับระบบแล้ว เด็กโตคนไหน จะไปทำงานหารายได้ พิจารณาอนุมัติได้เป็นรายๆไป ตะก่อนตอนลูกเล็ก ดิฉัน ต้องให้ลูกรอถึงหกโมงเย็น ให้ไปรอที่ห้องสมุด ลูกอ่านหนังสือจนหมดห้องสมุดกว่าจะโต
รร.ที่ผมเรียนสมัยเด็กๆ ****ตอนเช้าก่อนเคารพธงชาติ จะต้องมีเวรทำความสะอาดบริเวณโรงเรียน กวาดขยะ กวาดใบไม้ ตามลานต่างๆที่มี ผลัดกันไปตามแต่ละห้องที่จัดเวรมา ****ตอนเย็นทุกห้องเรียนจะมีเวร ทำความสะอาดห้องก่อนกลับบ้าน กวาดขยะ เก็บโต๊ะเก้าอี้ ลบกระดานดำให้เรียบร้อย หัวหน้าห้องจะเป็นคนจัดเวร ทั้งหมดนี้จะยกเว้นเด็กประถมเพราะเล็กเกินไป ส่วนภารโรงจะทำงานหนักๆเช่นซ่อมแชมสิ่งต่างๆ ปัจจุบันเรื่องแบบนี้ผมไม่เห็นอีกแล้ว จ้างแรงงานทั้งหมด เสียดายที่เราทิ้งสิ่งดีๆไปหมด
เห็นด้วยกับทั้งสองความคิดเลยครับ แปลกไหมที่ผู้บริหารในอดีต กลับไม่มีแนวคิดแบบนี้ กลับไปคิดเรื่องที่ไม่สมควรทำ...เฮ้อ.....
จำได้ว่าสมัยเรียนมอปลาย ครูจะไม่ค่อยตั้งใจสอนในห้อง บางวันมาถึงก็บอกให้อ่านเอง แต่ถ้าไปเรียนพิเศศข้างนอกกับครูคนนี้ การสอนจะต่างเป็นหน้าตีนเป็นหลังมือ คือเขาจะสอนกลเม็ดเคล็ดลับการทำข้อสอบ ครูที่ตั้งสอนก็มีครับ แต่ผมเจอแค่คนเดียว
เจอเหมือนกันเลยครับ ของผมตอนเรียนมศ.4 (คงรู้นะครับว่าปัจจุบันไม่มีแล้ว ) ต้องย้ายไปเรียนที่รร.ประจำจังหวัด มีครูหลายคนที่จิตวิญญานครู ไม่เหมือนกับโรงเรียนชนบท ผมต้องเรียนพิเศษกับอจ.ที่สอน เพราะ เขาแนะแนวข้อสอบให้ด้วย
ttp://www.npr.org/sections/parallels/2015/04/15/393939759/the-all-work-no-play-culture-of-south-korean-education ttp://grrrltraveler.com/countries/asia/korea/teaching-english/10-facts-korean-school/